Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ปัญญาสร้างได้อย่างไร อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 5:31 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:

หรือว่า คุณไม่เคย คุยกับใครว่า ใครเป็นพระอริยะบ้าง
ลองค้นดูใจตัวเองจริงๆ ว่าเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ ถ้าปฏิเสธผมจะชี้ให้ดูเองต่อไป

คุณกรัชกราย ธรรมอันใด มันต้องปรากฎที่ใจไม่ใช่ ที่หัว แม้ว่าเราคิดได้ แต่ใจเราลึกๆ แล้วเราไม่รู้สึกตัว หรือปล่อยผ่านในกิเลสของเรา จนคุณไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป
ขันธ์ : 16 สิงหาคม 2008, 10:51 pm




หรือว่า คุณไม่เคย คุยกับใครว่า ใครเป็นพระอริยะบ้าง
ถ้าปฏิเสธผมจะชี้ให้ดูเองต่อไป



คุยครับ เช่น พระพุทธเจ้า พระสารีบุตร พระอานนท์ คฤหัสถ์ก็มี

นางวิสาขา อนาถบิณฑิกเศรษฐี ฯลฯ ประมาณเนี้ย

ส่วนในปัจจุบัน อย่างที่คุณขันธ์คุยฟุ้งน้ำลายแตกฟองอยู่นี้ไม่เคยครับ

ไม่ว่าจะเป็นพระหรือคฤหัสถ์

อ้างอิงจาก:

คุณกรัชกราย ธรรมอันใด มันต้องปรากฎที่ใจไม่ใช่ ที่หัว แม้ว่าเราคิดได้ แต่ใจเราลึกๆ แล้วเราไม่รู้สึกตัว หรือปล่อยผ่านในกิเลสของเรา จนคุณไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป



ถามคุณขันธ์ด้วยความเคารพครับ สาธุ

คุณขันธ์หมดกิเลสแล้วหรอ

ย้ำ คุณขันธ์หมดกิเลสแล้วหรือครับ ยิ้มเห็นฟัน

ถามจริงๆนะครับ สาธุ

ก็อย่างที่บอกว่ากรัชกายกำลังหาอริยะช่วยขุดกิเลสให้ตนเองอยู่ อายหน้าแดง

ขุดเองไม่ไหวหนาเกินสามารถ ยิ้ม
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 9:14 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอลบข้อความ
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ


แก้ไขล่าสุดโดย คามินธรรม เมื่อ 17 ส.ค. 2008, 9:21 am, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 9:18 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมถามคำถาม อุตส่าห์ล้อมไม่ให้กิเลสดิ้น ด้วยคำถามที่ลงท้ายว่าจริงหรือไม่ แต่คุณกรัชกรายไม่ตอบสักคำ แต่เอาเหตุผลต่างๆ นาๆ มาประกอบ

อย่าให้ผมถามอะไรซ้ำเลย อ้างว่าผมไม่เข้าใจปฏิจสมุบาทบ้าง อ้างว่าหยิบมาทีละท่อนบ้าง

ผมยกกิเลสมาให้คุณ กรัชกรายดูแล้ว ทำไมจึงไม่ยอมรับ

ส่วนคำถาม ที่ถามผมว่าผมหมดกิเลสแล้วหรือ ผมอยากจะบอกว่า ทำไมคุณถามแบบนี้ ถ้าผมหมดกิเลสผมก็ไม่มายุ่งที่นี่แล้ว

แต่ผมไม่โง่ให้กับกิเลส และเท่าทันกับกิเลส ไม่ได้เผลอไปตาม สัญญาอารมณ์ แบบที่คุณกำลังเป็นอยู่นี่ไง

อย่าให้ผมออกมาโต้แย้งต่อเลย รังแต่จะเสียกับคนที่สะสมความดีมายาวนานในสายตาคนอื่น แต่ในใจคุณเอง คุณยังไม่ได้สางเลย ดังนั้น ความรู้ที่มีในหัวในเรื่องธรรมะมันช่วยอะไรไม่ได้
ข้อนี้ ผมพูดตรงที่สุด และถ้าอยากจะให้ผมขุด การพูดตรงที่สุดนี้แหละคือยา ที่ กรัชกรายควรจะเอาไปพิจารณา มากกว่า คำชม
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 9:23 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
หนับหนุนคับ
อาจารย์ผมสอนว่า "ระวังจะเดือดร้อน"

มิตรรักแฟนเพลง ควรจะปล่อยเรื่อง "หลวงตาบัวเป็นอรหันต์หรือไม่ อย่างไร"
คามินธรรม แนะนำให้วางเรื่องนี้อย่างยิ่ง เพราะจะเดือดร้อนไม่รู้ตัว


ขอโทษนะครับคุณ คามิน ถ้าคุณเตือนคุณ mes ผมจะไม่ว่าอะไรแต่ ถ้าคุณกำลังจะเตือนผม คุณไม่ต้องมากล่าวย้ำ คุณควร ไปเอาคำที่คุณตำหนิหลวงตามาเตือนตัวเองดีกว่า ว่าไปขอขมาท่านหรือยัง และกรุณาอยู่เฉยๆ ถ้าไม่มีธรรม แต่ถ้ามีธรรมก็พูดเหตุผลมา ว่า การเอ่ยถึงหลวงตาในทางที่ดี ต่างจากเอ่ยถึงพระพุทธองค์ในทางที่ดีตรงไหน และจะมาพูดว่าไม่ควรเอ่ยได้อย่างไร ข้อนี้ที่คุณพูดมาไม่มีธรรมในตัวเอง
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 9:24 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
การขุดเอง นั้น จะต้องผ่านขั้นตอนแห่งวิปัสสนาญาณไปแล้ว จึงจะขุดเองได้
ถ้าจะขั้นตัดภพตัดชาติคือ มรรคญาณเกิดขึ้นแล้ว จึงจะขุดถอนสังโยชน์ได้
แต่สำหรับปุถุชนแล้ว ก็ยากที่จะเห็นเอง เว้นแต่พระพุทธเจ้า เพราะปัญญาบารมีมากเหลือเกินจนเห็นเอง
รูปนาม และสิ่งที่ดองในใจมีมาก ขนาดว่า คุณกรัชกาย มุสา คุณก็ไม่ยอมรับ
ลองเปิดใจจริงๆ แล้วพิจารณาย้อนกลับไปสิว่า หมั่นไส้ผมไหม
ไม่ชอบผมไหม แต่คุณกลับพูดว่า ด้วยความเคารพ และ ตำหนิผมนั้นแหละ คือ อาการของกิเลสในใจที่คุณไม่รู้ตัว อีกทั้งอัตตา มานะ และความคิดว่า ตัวเองรู้แล้ว นั้น จึงทำให้ลงให้คนไม่ได้ รวมถึง ความยึดในโลกธรรม คือ การยังชอบความสรรเสริญของคุณกรัชกายเอง
คุณเคยมองมันไหม หรือว่าปล่อยผ่าน หรือไม่ได้สนใจ
หรือว่า จะเป็น ความกลัว ความกังวล ความลังเลว่า อะไรคืออะไร ข้อนี้คุณตัดได้แล้วหรือ
คุณเคยพิจารณามันไหม กรัชกาย
ประเด็น ที่ผมพูดว่าให้พระอริยะขุดให้ ก็หมายจะให้รับรู้ว่า พระอริยะท่านทราบวาระจิตของคน ว่ายังติดแบบใด ท่านก็ขุดให้ได้
ไม่ได้หมายความว่า ห้ามไม่ให้ปุถุชนศึกษาด้วยตนเอง หรือ ปฏิบัติเอาเอง ตามวาสนาบารมี
ขันธ์ - : 16 สิงหาคม 2008, 11:36 pm



อ่าน คห. คุณขันธ์ดังกล่าวโดยละเอียดแล้ว ขัดแย้งกันเอง

พูดเหมือนไม่ได้พูด

ดูที่ขีดเส้นใต้


การขุดเอง นั้น จะต้องผ่านขั้นตอนแห่งวิปัสสนาญาณไปแล้ว จึงจะขุด
เองได้

ถ้าจะขั้นตัดภพตัดชาติ คือ มรรคญาณเกิดขึ้นแล้ว จึงจะขุดถอนสังโยชน์
ได้

แต่สำหรับปุถุชนแล้ว ก็ยากที่จะเห็นเอง เว้นแต่พระพุทธเจ้า เพราะปัญญาบารมีมากเหลือเกินจนเห็นเอง



ท่อนแรกว่าขุดเองได้แต่จะต้องผ่านขั้นตอน.....อันนี้พอเข้าใจ เพราะตน

เองปฏิบัติเองเห็นเอง

แต่ที่ว่า สำหรับปุถุชนแล้ว ก็ยากที่จะเห็นเอง เว้นแต่

พระพุทธเจ้า



อ้าว....ก็ตนเองปฏิบัติเองประเด็นแรก กับประเด็นหลัง ไม่ใช่ตนเอง

ซึ่งเป็นปุถุชนแล้วปฏิบัติหรอ งงอ่ะ หรือ กรัชกายโง่เอง

คุณขันธ์ช่วยอธิบายอีกทีครับ


และที่จี้ก็คือ


ลองเปิดใจจริงๆ แล้วพิจารณาย้อนกลับไปสิว่า หมั่นไส้ผมไหม
ไม่ชอบผมไหม แต่คุณกลับพูดว่า ด้วยความเคารพ


เอ้า...เคารพก็ไม่ได้ ยิ้ม ร้องไห้

คุณขันธ์ครับ กรัชกายว่า เราพอแค่นี้เถอะนะครับ พูดไปกล่าว

ไปก็ไม่ประเทืองปัญญา หรือเกิดปัญญาแต่อย่างใด

รูปแบบปฏิบัติคุณเองก็ไม่มี มีแต่แหที่เหวี่ยงคลุมๆไปเรื่อย


หรือ คุณว่าไงครับจะสนทนาต่อไหม ยิ้ม

หากจะสนทนาต่อกรัชกายจะไปตั้งกระทู้ใหม่ ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 9:32 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ กรัชกราย คุณหยิบ ข้อที่คุณอ่านแล้วคิดว่าขัดแย้ง มาพูดทำไม
ผมจะอธิบายให้ฟังทีหลังในเรื่องนั้น ว่าจริงๆคืออะไร แต่เรากำลังพูดประเด็นอะไรอยู่

ประเด็นอยู่ที่ เรื่องกิเลสของคุณไม่ใช่หรือ คุณอยากให้ผมขุดไม่ใช่หรือ
คุณวกวนไปที่พระอริยะ อ้างนั่นอ้างนี่
สรุป ผมบอกว่าพระอริยะชี้ได้ ขุดได้ คุณกำลังจะค้านว่าอย่างนั้นเถอะ

ข้อนี้ ถ้าไม่ได้มาจากมานะของคุณ ไม่ได้มาจากปฏิฆะและความไม่พอใจของคุณ แล้ว จะมาจากอะไร ตามธรรมดา หากคนจะไปฟังคนที่มีภูมิบรรยายและไม่ใช่เป็นไปเพื่อการจับผิดแล้ว ก็จะเข้าใจในอรรถโดยง่าย ผิดกับคนที่จะไปจับผิด ก็จะเห็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ผิดไปหมด

การบอกว่าผมไม่ใช่นักปฏิบัติและ เหวี่ยงแห ข้อนี้คุณยังไม่เห็นผมแสดงวิธีปฏิบัติเลย คุณเอาอะไรมาพูดนอกจากความไม่ชอบไม่พอใจส่วนตัว

คุณมีกาลมสูตรหรือไม่
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 9:53 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขันธ์ พิมพ์ว่า:


ขอโทษนะครับคุณ คามิน ถ้าคุณเตือนคุณ mes ผมจะไม่ว่าอะไร
แต่ ถ้าคุณกำลังจะเตือนผม คุณไม่ต้องมากล่าวย้ำ


ผมไม่ได้เตือนคุณครับ ผมไม่สามารถ

1. ผมบอกว่าผมไม่ยุ่ง ผมก็มีสัจจะวาจา
2. ผมไม่ใช่คนประเภทคิดเป้นตุเป็นตะ ว่าใครจะมาต่อว่าผม
ไม่ใช่ประเภท " ถ้าคุณว่าผม ....ถ้าคุณไม่ได้ว่าผม..."
ผมไม่ชอบปรุงดักทางให้มันมีเรื่องขึ้นมา


ผมมีแต่เจตนากุศลบริสุทธิ์กับมิตรรักของผม

ผมใช้คำว่า "มิตรรัก" (แฟนเพลง)
ผมพูดกับมิตรรัก



มิตรรักครับ ด้วยความปารถนาดีอย่างยิ่ง

อย่าไปยุ่งกับเรื่องของหลวงตาเลย "จะเดือดร้อน" ทีหลัง

ใครโยนอะไรมาให้ อย่ารีบรับมาเป็นภาระทางความคิด
ท่านอาจจะเป็นเหยื่อ โดยไม่รู้ตัว
เพราะความเดือดร้อน(อย่างมาก) จะมีแก่ท่านภายหลัง

วางเฉยเสีย ในเรื่องวิจารณ์พระผู้ใหญ่ แล้วท่านจะไม่เป็นอะไร

เก็บความสงสัยเอาไว้เมื่อวันที่ท่านสามารถพิสูจน์รู้ด้วยตน
เมื่อวันที่ท่านมีวิสัยพอจะรู้ได้แบบปัตจัตตัง ดีกว่า ไม่สายหรอก

ไม่สนใจเรื่องนี้สักเรื่อง เราก็ไม่ตายนี่ ใช่ไหมคับ

/////////////////////////////

มิตร...ย่อมยื่นมือมาบอกกล่าว...ในยามที่เราจะฉิบหาย
ศัตรู...ย่อมยื่นแต่กับดักมาให้อยู่ร่ำไป ...เพราะเขาพึงพอใจในความฉิบหายของเรา
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ


แก้ไขล่าสุดโดย คามินธรรม เมื่อ 17 ส.ค. 2008, 10:10 am, ทั้งหมด 3 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 10:04 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมบอกว่า คุณควรจะไปบอกคุณ mes ไม่ใช่บอกผม

และบอกตัวคุณเองด้วย เพราะผมยกย่องหลวงตามหาบัวมาเสมอ

และคุณก็ยังไม่ได้ตอบผมว่า หากคุณหมายถึงผมแล้ว การที่ผมยกย่องครูบาอาจารย์และเอามาพูด มันแตกต่างอย่างไรกับพวกคุณที่หยิบยกพระพุทธองค์ มาพูดกัน

อย่าเอาสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมมาแสดงความเห็นเลย
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 10:08 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กรัชกายบอกแล้วว่าไม่ควรนำเอาพระเถระมากล่าวกันในที่สาธารณะ

ไม่เชื่อ แล้วเป็นไงล่ะ ยิ้ม



คุณขันธ์ครับ ในเมื่อคุณต้องการสนทนาต่อ

กรัชกายเปิดกระทู้สนทนากันที่นี่ครับ

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=74314#74314

คุณไปขุดกิเลสกรัชกายได้เต็มความสามารถเร้ย ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 10:59 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:

คุณ กรัชกราย คุณหยิบ ข้อที่คุณอ่านแล้วคิดว่าขัดแย้ง มาพูดทำไม
ผมจะอธิบายให้ฟังทีหลังในเรื่องนั้น ว่าจริงๆคืออะไร แต่เรากำลังพูดประเด็นอะไรอยู่

ประเด็นอยู่ที่ เรื่องกิเลสของคุณไม่ใช่หรือ คุณอยากให้ผมขุดไม่ใช่หรือ
คุณวกวนไปที่พระอริยะ อ้างนั่นอ้างนี่
สรุป ผมบอกว่าพระอริยะชี้ได้ ขุดได้ คุณกำลังจะค้านว่าอย่างนั้นเถอะ

ข้อนี้ ถ้าไม่ได้มาจากมานะของคุณ ไม่ได้มาจากปฏิฆะและความไม่พอใจของคุณ แล้ว จะมาจากอะไร ตามธรรมดา หากคนจะไปฟังคนที่มีภูมิบรรยายและไม่ใช่เป็นไปเพื่อการจับผิดแล้ว ก็จะเข้าใจในอรรถโดยง่าย ผิดกับคนที่จะไปจับผิด ก็จะเห็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ผิดไปหมด

การบอกว่าผมไม่ใช่นักปฏิบัติและ เหวี่ยงแห ข้อนี้คุณยังไม่เห็นผมแสดงวิธีปฏิบัติเลย คุณเอาอะไรมาพูดนอกจากความไม่ชอบไม่พอใจส่วนตัว

คุณมีกาลมสูตรหรือไม่



ด้วยความสัตย์จริงนะครับ คุณขันธ์ที่เคารพ สาธุ

กรัชกายต้องการหยุดการสนทนาไว้แค่ คห.เหนือขึ้นไปนั่น

เพราะเหตุไร จึงต้องการหยุดแต่เพียงเท่านั้น

ตอบ... จากความรู้สึก กรัชกายสงสารและเห็นใจคุณ สาธุ

พูดจากความรู้สึกจริงๆนะครับ

แต่คุณไม่มีเจตนาจะหยุดเลยนี่ เศร้า

กรัชกายจึงต้องไปตั้งกระทู้ใหม่ดังกล่าวนั้น


กรัชกายคุยอย่างมีความสุข แต่คุณต้องทุกข์เพราะการสนทนา

ความรู้สึกต่างกันครับ ยิ้ม

คุณหยุดเถอะครับ อย่าสนทนาประเด็นนี้ต่ออีกเลย ตกใจ
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
guest
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254

ตอบตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 1:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตอบ ขันธ์ - ตอบเมื่อ: 17 สิงหาคม 2008, 12:29 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน
คุณ guest ตรรกะ นั้นเป็นสมมติ ใช้ไม่ได้กับ พระอริยะ

คนหลง ว่า ตัวเองรู้แล้ว ก็ขอให้พิจารณาธรรมที่เกิดกับตนว่า ธรรมที่ผุดขึ้น เน้นว่า จะต้องผุดขึ้น ไม่ใช่อ่านแล้วเข้าใจ

จะต้องมีธรรมปรากฎในจิตตนแล้ว คือ เดินอยู่ เห็นธรรมปรากฎ ขึ้นเป็นสัจธรรม และไม่ใช่คิดขึ้น แต่เห็นตามความเป็นจริงด้วยตนเองอันปราศจากการนึกคิด และปราศจากจิตที่ว้าวุ่น

ธรรมเกิดทีเดียว อย่างเดียวก็ไม่ได้หมายความว่า ได้มรรคญาณ อันเป็นพระอริยะ

จะต้องบ่มเพาะจนมีธรรมผุดขึ้นเป็นประจำ เห็นตามสัจธรรมจนวางเฉยต่อ ความปรุงได้

นั้นแหละจึงเรียกว่า มีธรรมเกิดขึ้น อันเป็นวิปัสสนาญาณ แต่หากว่า เอาแต่เข้าใจ อ่านแล้วเห็นเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แบบนี้เรียกว่า สัญญา

ตราบใดที่ยัง ไม่สามารถใช้สำนวนตนเองอธิบายธรรมแห่งพระพุทธองค์ ตามลำดับ ตั้งแต่ วิปัสสนาญาณขั้นต้น จนถึงบรรลุธรรม จนถึง มรรคญาณและผลญาณ ตราบนั้น เรายังไม่ได้เห็นธรรมเอง ยังอาศัยสัญญา

และจะต้องมองด้วยว่า ใจนี้กระเพื่อมมากน้อยแค่ไหน ยังกระเพื่อมมากอยู่ ก็แสดงว่า ยังไปไม่ถึงไหนเลย

และ ต้องมองอีกว่า โลกธรรมนั้นเรายังมีเต็มอยู่หรือไม่

เหล่านี้แหละที่จำเป็นต้อง ให้ผู้รู้ชี้

================================

คุณขันธ์

ธรรมประเภทนี้ที่คุณกล่าวถึง
ยังสามารถเดินหน้าและถอยหลังได้
ผู้ครองธรรมประเภทที่คุณกล่าวยังสามารถจมลงได้
ยังไม่ใช่ธรรมที่แน่นอน

ขอให้คุณปรารภความเพียรเถิด มีวิริยารัมภา
เมื่อปฏิบัติถึงขั้นนี้แล้วความเพียรอยู่ที่สติ
สติขาดหมายถึงความเพียรขาด

ขอให้มี อสังสัคคณิกา คุณจะปรารภความเพียรได้เต็มที่

ขอให้คุณนำธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่ผมมอบไว้ให้ เพียรพิจารณาเถิด
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 2:01 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
คุณขันธ์

ธรรมประเภทนี้ที่คุณกล่าวถึง
ยังสามารถเดินหน้าและถอยหลังได้
ผู้ครองธรรมประเภทที่คุณกล่าวยังสามารถจมลงได้
ยังไม่ใช่ธรรมที่แน่นอน

ขอให้คุณปรารภความเพียรเถิด มีวิริยารัมภา
เมื่อปฏิบัติถึงขั้นนี้แล้วความเพียรอยู่ที่สติ
สติขาดหมายถึงความเพียรขาด

ขอให้มี อสังสัคคณิกา คุณจะปรารภความเพียรได้เต็มที่

ขอให้คุณนำธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่ผมมอบไว้ให้ เพียรพิจารณาเถิด


แล้วคุณได้ พระโสดาบันหรือไร คุณจึงบอกว่า ธรรมที่คุณมีนั้นแน่นอน
เพิ่งจะด่าผมหยกๆ ไม่ใช่หรือ แล้ว พระโสดาบันจิตตก โมโห จนขนาดว่า อวดอ้างเกรดเฉลี่ย ว่าไม่ได้โง่ โดยไม่ได้ ศรัทธาในธรรมตนเองจนต้องเอาเกรดเฉลี่ยมา อวด นี่ ถึงธรรมที่ เที่ยงแล้วหรือ

มีด้วยหรือ ที่ต้องอ้างอิงความฉลาดตนเองด้วย สิ่งอื่น

คุณ guest คุณนี่แหละ ต้องระวังมากที่สุด เพราะคุณหลง มากกว่า สามคนที่เหลือ
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
guest
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254

ตอบตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 2:04 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณขันธ์

ผมอยู่เหนือเหตุเหนือผลเหนือความคิดของคุณแล้ว
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 6:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:

คุณมีกาลามสูตรหรือไม่
ขันธ์ - 17 สิงหาคม 2008, 9:32 am


คุณขันธ์ไม่ต้องเขามาตอบนะครับ

กรัชกายเห็นว่าคำถามของคุณเป็นประโยชน์ต่อผู้ศึกษาธรรมใหม่อาจไม่รู้

คำว่า กาลามสูตร ๆ คืออะไร มีความเป็นมาอย่างไร

คำว่า กาลามะ เป็นชื่อชาวกาลามะชน กาลามสูตร คือ สูตรที่พูดถึง

ชาวกาลามะนั้น สาระประมาณเนี่ย


ความเป็นมาก็คือว่า ในสมัยพุทธกาล มีเจ้าลัทธิศาสนามากมาย

ในบรรดาเจ้าลัทธิเหล่านั้นต่างก็เที่ยวเผยแผ่ลัทธิของตนๆ ไปตามคาม

นิคมต่างๆ บ้างก็กล่าวโจมตีลัทธิศาสนาอื่น ยกลัทธิศาสนาของตนว่า

ดีอย่างนั้นอย่างนี้ จนชาวบ้านหูชาสับสนว่า เออ ...ของใครจริงของใคร

เท็จกันล่ะนี่ ตนจะนับถือลัทธิศาสนาไหนดี ก็เห็นแต่อวดว่าของตนดี

ของคนอื่นไม่เอาไหน

พระพุทธศาสนาก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น แต่พระพุทธเจ้าไม่ใส่ร้ายใคร

ไม่โจมตีลัทธิใด แต่จะแสดงธรรมตามเหตุผล โดยให้เค้าพิสูจน์รู้เข้าใจ

ด้วยตนให้เขาตัดสินใจเอง

กาลามสูตรจึงเป็นการเริ่มต้นของศรัทธาหรือความเชื่อต่อหลักศาสนา
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 7:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ต่อไป ลอกมาจากหนังสือพุทธธรรมหน้า 650 ดังนี้



พุทธพจน์แสดงหลักศรัทธา


สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้นับถือทฤษฎี ลัทธิ หรือ คำสอนอันใด

อันหนึ่งอยู่แล้ว หรือยังไม่นับถือก็ตาม มีหลักการตั้งทัศนคติที่ประกอบ

ด้วยเหตุผล ตามแนวกาลามสูตร ดังนี้


ครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าเสด็จจาริก ถึงเกสปุตตนิคมของพวกกาลามะ

ในแคว้นโกศล ชาวกาลามะได้ยินกิตติศัพท์ของพระองค์ จึงพากันไป

เฝ้า แสดงอาการต่างๆ กันในฐานะยังไม่เคยนับถือมาก่อน และได้ทูล

ถามว่า


“พระองค์ผู้เจริญ มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่งมาสู่เกสปุตตนิคม

ท่านเหล่านั้น แสดงเชิดชูแต่วาทะ (ลัทธิ) ของตนเท่านั้น แต่ย่อม

กระทบกระเทียบ ดูหมิ่น พูดกดวาทะฝ่ายอื่น ชักจูงไม่ให้เชื่อ

สมณพราหมณ์อีกฝ่ายหนึ่ง ก็มาสู่เกสปุตตนิคม ท่านเหล่านั้น ก็แสดง

เชิดชูแต่วาทะของตนเท่านั้น ย่อมกระทบกระเทียบ ดูหมิ่น พูดกด

วาทะฝ่ายอื่น ชักจูงไม่ให้เชื่อ

พวกข้าพระองค์ มีความเคลือบแคลงสงสัยว่า บรรดาสมณพราหมณ์

เหล่านั้น ใครพูดจริง ใครพูดเท็จ ? "


(บาลีเรียกว่า เกสปุตติยสูตร องฺ.ติก.20/505/241)

-มีต่อ
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 8:02 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระพุทธเจ้า: “กาลามชนทั้งหลาย เป็นการสมควรที่ท่านทั้งหลาย

จะเคลือบแคลง สมควรที่จะสงสัย ความเคลือบแคลงสงสัยของพวก

ท่าน เกิดขึ้นในฐานะ กาลามชนทั้งหลาย ท่านทั้งหลาย

-อย่าเชื่อถือ โดยการฟัง (เรียน) ตามกันมา (อนุสสวะ)
-อย่าเชื่อถือ โดยการเล่าลือ (อิติกิรา)
-อย่าเชื่อถือ โดยการอ้างตำรา (ปิฎกสัมปทาน)
-อย่าเชื่อถือ โดยตรรกะ (ตักกะ)
-อย่าเชื่อถือ โดยการอนุมาน (นยะ)
-อย่าเชื่อถือ โดยการคิดตรองตามแนวแนวเหตุผล (อาการปริวิตักกะ)
-อย่าเชื่อถือ เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีของตน (ทิฏฐินิชฌานนักขันติ)
-อย่าเชื่อถือ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าเชื่อ (ภัพพรูปคา)
-อย่าเชื่อถือ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (สมโณ โน ครูติ)


(ผู้อ้างกาลามสูตร มักอ้างกันแค่นี้ ทั้งไม่ดูเจตนาในเบื้องต้น เบื้อง

ปลาย ตลอดสภาพแวดล้อมทางสังคมในขณะนั้น- ดูเนื้อความต่อ)


เมื่อใด ท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล
ธรรมเหล่านี้มีโทษ ธรรมเหล่านี้วิญญูชนติเตียน ธรรมเหล่านี้ใครยึดถือ
ปฏิบัติถึงที่แล้ว จะเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความทุกข์
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายพึงละเสีย ฯลฯ

เมื่อใด ท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรม
เหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้วิญญูชนสรรเสริญ ธรรมเหล่านี้ใครยึดถือ
ปฏิบัติถึงที่แล้ว จะเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายพึงถือปฏิบัติบำเพ็ญ (ธรรมเหล่านั้น”
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 8:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน


คำว่ายึดถือในที่นี้ ขอให้เข้าใจความว่า หมายถึงการไม่ตัดสิน

หรือลงความเห็นแน่นอนเด็ดขาดลงไปเพียงเพราะเหตุเหล่านี้ ตรงกับ

คำว่า อย่าปลงใจเชื่อ

อนึ่ง ไม่พึงแปลความเลยเถิดไปว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนไม่ให้เชื่อ

สิ่งเหล่านี้ และให้เชื่อสิ่งอื่นนอกจากนี้ แต่พึงเข้าใจว่า

แม้แต่สิ่งเหล่านี้ซึ่งบางอย่างก็เลือกเอามาแล้วว่าเป็นสิ่งที่น่าเชื่อที่สุด

ท่านก็ยังเตือนไม่ให้ปลงใจเชื่อ ไม่ให้ด่วนเชื่อ ไม่ให้ถือเป็นเครื่อง

ตัดสินเด็ดขาด ยังอาจผิดพลาดได้ ต้องใช้ปัญญาพิจารณาก่อน

ก็ขนาดสิ่งที่น่าเชื่อที่สุดแล้ว ท่านยังให้คิดให้พิจารณาให้ดีก่อน

สิ่งอื่นคนอื่น เราจะต้องคิดต้องพิจารณาระมัดระวังให้มากสักเพียง

ไหน
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 8:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
คุณขันธ์
ผมอยู่เหนือเหตุเหนือผลเหนือความคิดของคุณแล้ว

ไม่ มีอะไรจะพูดครับ
เอาฅามสะดวกนะ
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
guest
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254

ตอบตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 8:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขันธ์ :
ตอบตอบเมื่อ: 17 สิงหาคม 2008, 8:12 pm เรื่อง:
อ้างอิงจาก:

ไม่ มีอะไรจะพูดครับ
เอาฅามสะดวกนะ

==================================

คุณ ขันธ์

ขออนุโมทนาด้วย

คุณตอบได้เป็น "ธรรม" แล้ว
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 8:36 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

(อีกตัวอย่างคำสอนที่พระพุทธเจ้าแนะนำแก่ชาวกาลามะต่อไปนี้ น่าจะ

เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ชาวพุทธปัจจุบันได้ดีอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวกับความ

เชื่อ เชื่อเกี่ยวกับเรื่องอะไรสังเกตต่อไปนี้)



ในกรณีที่ผู้ฟังยังไม่รู้ ไม่เข้าใจและยังไม่มีความเชื่อในเรื่องใดๆ

ก็ไม่ทรงชักจูงความเชื่อ เป็นแต่ทรงสอนให้พิจารณาตัดสินเอาตาม

เหตุผลที่เขาเห็นได้ด้วยตนเอง เช่น

ในเรื่องความเชื่อทางจริยธรรมเกี่ยวกับเรื่องชาตินี้ชาติหน้า

ก็มีความในตอนท้ายของสูตรเดียวกันนั้นว่า

“กาลามชนทั้งหลาย อริยสาวกนั้น ผู้มีจิตปราศจากเวรอย่างนี้

มีจิตปราศจากความเบียดเบียนอย่างนี้ มีจิตไม่เศร้าหมองอย่างนี้

มีจิตบริสุทธิ์อย่างนี้ ย่อมได้ประสบความอุ่นใจถึง 4 ประการ

ตั้งแต่ในปัจจุบันนี้แล้ว คือ


“ถ้าปรโลกมีจริง ผลวิบากของกรรมที่ทำไว้ดีทำไว้ชั่วมีจริง การที่

ว่าเมื่อเราแตกกายทำลายขันธ์ไปแล้ว จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ก็ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปได้”

นี้เป็นความอุ่นใจประการที่ 1 ที่เขาได้รับ


“ก็ถ้าปรโลกไม่มี ผลวิบากของกรรมที่ทำไว้ดีทำไว้ชั่วไม่มี เราก็

ครองตนอยู่โดยไม่มีทุกข์ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน เป็นสุขอยู่แต่

ในชาติปัจจุบันนี้แล้ว”

นี้เป็นความอุ่นใจประการที่ 2 ที่เขาได้รับ


“ก็ถ้าเมื่อคนทำความชั่ว ก็เป็นอันทำไซร้ เรามิได้คิดการชั่วร้าย

ต่อใครๆ ที่ไหนทุกข์จักมาถูกต้องเราผู้มิได้ทำบาปกรรมเล่า”

นี้เป็นความอุ่นใจประการที่ 3 ที่เขาได้รับ


“ก็ถ้าเมื่อคนทำความชั่ว ก็ไม่ชื่อว่าเป็นอันทำไซร้ ในกรณีนี้

เราก็มองเห็นตนเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งสองด้าน”

นี้เป็นความอุ่นใจประการที่ 4 ที่เขาได้รับ
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง