“พระพุทธเจ้ายังมีตัวตนอยู่”

ตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 10:00 am

thammathai พิมพ์ว่า:

สวัสดีครับทุกท่าน ขอร่วมสนทนาด้วยครับ

อ้างอิงจาก:

“ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต ผู้ใดเห็นเราตถาคต ผู้นั้นเห็นธรรม “

พุทธพจน์นี้ตรัสกับพระวักกลิ

๕. วักกลิสูตร
ว่าด้วยการเห็นธรรมชื่อว่าเห็นพระพุทธเจ้า
เล่มที่ ๑๗

พระวักกลิ เกิดในตระกูลพราหมณ์ ในเมืองสาวัตถุ ได้ศึกษาศิลปะวิทยา จบไตรเพท

ตามความนิยมของล

ัทธิพราหมณ์
บวชเพราะอยากชมพระรูปโฉม
ศรัทธาเลื่อมใสและรักใคร่ไม่รู้จักเบื่อ
หน่าย ในการดูพระวรกายพระพุทธเจ้า พยายามวนเวียนมาเฝ้าดูอยู่เป็นนิตย์ ผลที่สุดก็เกิดความคิดว่า

“ถ้าเราบวชก็จะได้ตามดูพระวรกายของพระพุทธองค์ ได้อย่างใกล้ชิดและตลอดเวลา”

เมื่อท่านบวชแล้วก็มิได้ใส่ใจในการที่จะศึกษาพระธรรมวินัย ไม่มีการสาธยายท่องบ่น ไม่บำเพ็ญเพียรพระกรรมฐาน ทุกวันเวลามีแต่มัวเมาเฝ้าดูพระรูปโฉมของพระพุทธองค์มิได้ละเว้น พระพุทธองค์เองก็มิได้รับสั่งว่ากล่าวแต่ประการใด ในเบื้องต้น

ครั้นกาลเวลาผ่านไป
พระองค์ตรัสเตือนให้พระวักกลิ เลิกละการเที่ยวติดตามดูร่างกายอันจะเน่าเปื่อยนั้นเสีย และทรงชี้ทางให้ท่านกลับมาใส่ใจบำเพ็ญสมณธรรมด้วยพระดำรัสว่า:-

“ดูก่อนพระวักกลิ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเชื่อว่าเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นชื่อว่าเห็นธรรม”

ธรรมในที่นี้หมายถึงอะไร...ก็พบพุทธพจน์บทหนึ่งกล่าวว่า

" ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้นเห็น
ธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นปฏิจจสมุปบาท "

ธรรมในที่นี้คงหมายถึง ปฏิจจสมุปบาท

จึงกล่าวใหม่ว่า...

" ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้น
เห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ผู้ใดเห็นตถาคต ผู้นั้นเห็นธรรม "

จิตที่เห็นปฏิจจสมุปบาทอย่างนี้เรียกว่า เห็นธรรม เห็นพระพุทธเจ้าองค์จริง ตัวกระแสแห่งความเกิดและดับทุกข์นั้น ก็เป็นตัวพระธรรมจริง
ตัวผู้ปฏิบัติอย่างนั้นอยู่ก็เป็นพระสงฆ์จริง

ดังนั้น พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่ที่ตัวการเห็น และการปฏิบัติสำเร็จ ในเรื่องปฏิจจสมุปบาท

การเห็นนั้นใช้อะไรเห็น...

จักษุมี 5 ประเภทนี้คือ

1) มังสจักษุ

2) ทิพยจักษุ

3) ปัญญาจักษุ

4) พุทธจักษุ

5) สมันตจักษุ

ตาของพระวักกลิที่จะเห็นทั้งธรรมและพระพุทธเจ้าด้วยนั้น จะเป็นตาเนื้อ/มังสจักษุไม่ได้ ...

จะต้องเห็นด้วยตาภายในคือ อาจจะเป็น ทิพยจักษุ ปัญญาจักษุ พุทธจักษุ หรือสมันตจักษุก็ได้

อย่างไรก็ดี พุทธจักษุกับสมันตจักษุนั้นสงวนไว้สำหรับพระพุทธองค์โดยเฉพาะ

ดังนั้นตาของพระวักกลิที่จะเห็น "ธรรม" ได้ก็คือ ทิพยจักษุหรือปัญญาจักษุ ที่เกิดจากการพิจารณาปฏิจจสมุปบาทเท่านั้น

สาธุ

ชอบแล้ว ดีแล้ว

ตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 10:26 am

คุณmesครับ
กระผมคิดว่าท่านพลศักดิ์คงไม่มีเจตนาจะดูหมิ่นพระสงฆ์หรอกครับ แต่พระภิกษุที่เราเห็นกันอยู่อาจจะไม่ได้เป็นสงฆ์ก็ได้นะครับ เท่าที่กระผมอ่านข้อความของท่านพลศักดิ์มา แรกๆกระผมก็รู้สึกขัดๆกับทัศนคติของตัวเองไม่น้อยครับ แต่พอมาพิจารณาดูจิตตัวเองก็เห็นตัวมานะอยู่ครับ พอเอาตัวนี้ออกไปก็รู้สึกว่าเป็นกลางมากขึ้นครับ ความรู้สึกขุ่นข้องหมองใจจากการอ่านข้อความของท่านพลศักดิ์ก็น้อยลงไปมากครับ หลายๆเรื่องก็พิจารณาแล้วก็เห็นจริงอย่างนั้นครับ ท่านเองน่าจะได้ประโยชน์จากการตอบกระทู้ของท่านพลศักดิ์อยู่มากครับ เพราะกระผมสังเกตเห็นว่าท่านพลศักดิ์จะตอบข้อความของท่านเกือบทุกข้อความเลย

ตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 11:10 am

คุณ"thammathai" ครับ

" ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้น
เห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ผู้ใดเห็นตถาคต ผู้นั้นเห็นธรรม "

ขอบคุณที่นำพุทธพจน์มาลง คุณเข้าใจความหมายของพุทธพจน์บทนี้ได้บ้างแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์
ผู้ที่จะเห็นและเข้าใจปฏิจจสมุปบาทจริงๆ คือ ผู้ปฏิบัติถึงระดับโสดาบันขึ้นไป โดยเฉพาะพระอรหันต์

ตาที่เห็นธรรม เห็นพระพุทธเจ้าได้ คือ ทิพยจักษุหรือปัญญาจักษุ การพิจารณาปฏิจจสมุปบาทให้รู้
ชัดแจ้ง ท่านผู้นั้นต้องเป็นพระอรหันต์แล้ว ท่านจะพบเห็นไม่เพียงพระพุทธเจ้า แต่พระอรหันต์อื่นๆใน
พระนิพพานด้วย

ตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 11:40 am

คุณกรัชกายครับ

1. คำตอบที่คุณรอคืออะไรครับ พระอรหันต์ขีณาสพทุกท่านในโลกนี้ ต้องได้พบพระพุทธเจ้าทั้งนั้นครับ
เพราะพระพุทธองค์เป็นพระธรรมในจิตของเรา พระอรหันต์เป็นพระอรหันต์ได้ ต้องเห็นธรรมแล้ว
และพวกท่านก็ต้องรู้แล้วว่า พระพุทธองค์เป็นพระธรรม มีขันธ์เป็นธรรม เรียกว่า ธรรมกาย หรือธรรมขันธ์

"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต ผู้ใดเห็นเราตถาคต ผู้นั้นเห็นธรรม"

2. ท่านปอ. ปยุตโต ไม่เสียเปรียบหรอกครับ ที่ไม่มีโอกาสลุกขึ้นมาแสดงความเห็นหรือ
คอยตามโต้เถียงผม เพราะผู้ที่หลงเชื่อคำพูดของท่านกระจายอยู่ทั่วประเทศ คนเสียเปรียบ
คือ ผม ผมมาคนเดียว และเสนอกระทู้แบบนี้ในทุกเว็บ อย่างน้อยก็ต้องมีคนสามารถโต้แทน
ท่านปอ. ปยุตโต ได้บ้าง แต่นี่ไม่มีเลยครับ จนตรอกด้วยเหตุผลทั้งนั้น สุดท้ายก็โกรธจัด มายัดเยียด
ข้อหาต่างๆให้ผม เช่น ทำสังฆเภช (อนันตริยกรรม) เป็นพวกธรรมกาย เป็นเดียรถี เป็นอลัชชี เป็นผู้
บิดเบือนพุทธพจน์

สุดท้ายก็แช่งผมให้ลงนรกอเวจี ลงนรกโลกันต์ ฯลฯ นี่คือ เหตุผลของคนพวกนี้ครับ

ตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 11:50 am

คุณ"natdanai"ครับ

คุณmesเขาตามผมมาหลายเว็บแล้ว เพื่อทำลาย และจองล้างจองผลาญผม ผมพูดอะไรออกไป
เขาก็ตีความไปเป็นด้านลบทั้งสิ้น อย่าเป็นห่วงอะไรผมเลยครับ ผมเลิกไปถือสาคำพูดของเขานาน
แล้ว

เมื่อเขาเลิกตามจองล้างจองผลาญผม คุณmesจะเริ่มเข้าใจธรรมมากขึ้น ธรรมอยู่กับผู้ประพฤติธรรม
ใจที่มีแต่อคติ อกุศล จองล้างจองผลาญ จะเข้าใจธรรมะในระดับโลกุตตรธรรม ย่อมเป็นไปไม่ได้

คุณทำถูกแล้วครับ ผมขอคารวะ ต้องพิจารณาจิตตัวเอง ดูจิตตนเองก่อน พอเป็นกลางเมื่อไร
ค่อยอ่านข้อความของผม

"พอมาพิจารณาดูจิตตัวเองก็เห็นตัวมานะอยู่ครับ พอเอาตัวนี้ออกไปก็รู้สึกว่าเป็นกลางมากขึ้นครับ
ความรู้สึกขุ่นข้องหมองใจจากการอ่านข้อความของท่านพลศักดิ์ก็น้อยลงไปมากครับ หลายๆเรื่อง
ก็พิจารณาแล้วก็เห็นจริงอย่างนั้นครับ ท่านเองน่าจะได้ประโยชน์จากการตอบกระทู้ของท่านพลศักดิ์
อยู่มากครับ เพราะกระผมสังเกตเห็นว่าท่านพลศักดิ์จะตอบข้อความของท่านเกือบทุกข้อความเลย"

"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต ผู้ใดเห็นเราตถาคต ผู้นั้นเห็นธรรม" พระพุทธเจ้าไม่มีขันธ์ 5 แล้ว
พระองค์ท่านจำเป็นต้องใช้ขันธ์ 5 ของคนและสัตว์สอนธรรมแก่โลก ผมบอกคุณได้แค่นี้

ตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 1:59 pm

อาจารย์พลศักดิ์ ครับถ้าผมเข้าใจผิด...โปรดว่าผมได้เลยนะครับ

คือผมเข้าใจว่าถ้าผมนั่งสมาธิกำหนดดวงแก้ว...ที่ศูนย์กลางกาย

จนเห็นชัดแจ่มสว่างไสว...แล้วกำหนดมองกายละเอียด

โดยนึกถึงองค์พระในกายที่ศูนย์กลางกายได้...องค์ธรรมกาย ซึ้ง

ผมได้ชื่อว่าเห็นพระพุทธเจ้าแล้ว......

ตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 6:31 pm

"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต ผู้ใดเห็นเราตถาคต ผู้นั้นเห็นธรรม" พระพุทธเจ้าไม่มีขันธ์ 5 แล้ว
พระองค์ท่านจำเป็นต้องใช้ขันธ์ 5 ของคนและสัตว์สอนธรรมแก่โลก ผมบอกคุณได้แค่นี้
ขอบคุณครับท่านพลศักดิ์สำหรับคำแนะนำ ผมเองได้ประโยชน์จากการตอบกระทู้ของท่านมากอยู่ หลายๆเรื่องที่พิจารณาอยู่ก็แจ้งขึ้นมา และอยากให้ท่านแวะไปตอบกระทู้ที่ผมตั้งขึ้นบ้างนะครับ

ตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 6:51 pm

ขออนุญาตถามคุณพลศักดิ์อีกสักคำถามนะครับ

ถามว่า คุณปฏิบัติกรรมฐานแบบใด เล่าตั้งแต่เริ่มต้นทำมาเรื่อยๆ

จนถึงวันนี้ หรือ ถึงวันที่ทำๆแล้วพบพระพุทธเจ้าก็ได้ครับ สาธุ

ตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 10:50 pm

ฌาณ พิมพ์ว่า:

อาจารย์พลศักดิ์ ครับถ้าผมเข้าใจผิด...โปรดว่าผมได้เลยนะครับ

คือผมเข้าใจว่าถ้าผมนั่งสมาธิกำหนดดวงแก้ว...ที่ศูนย์กลางกาย

จนเห็นชัดแจ่มสว่างไสว...แล้วกำหนดมองกายละเอียด

โดยนึกถึงองค์พระในกายที่ศูนย์กลางกายได้...องค์ธรรมกาย ซึ้ง

ผมได้ชื่อว่าเห็นพระพุทธเจ้าแล้ว......

ขอประทานโทษครับ ผมไม่ได้ฝึกวิชาธรรมกาย คงสอนคุณไม่ได้ ผมรู้แต่เพียงว่า วิชาธรรมกาย
เป็นวิชาที่พบพระพุทธเจ้าเร็วกว่าวิชชาอื่น โดยเฉพาะวิชาพุทโธ ยุบหนอพองหนอ สาเหตุก็คือ
วิชาธรรมกายสร้างนิมิตสมมุติเอาไว้รองรับพระพุทธเจ้าไว้ก่อนวิชชาอื่น

ตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 10:53 pm

natdanai พิมพ์ว่า:

"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต ผู้ใดเห็นเราตถาคต ผู้นั้นเห็นธรรม" พระพุทธเจ้าไม่มีขันธ์ 5 แล้ว
พระองค์ท่านจำเป็นต้องใช้ขันธ์ 5 ของคนและสัตว์สอนธรรมแก่โลก ผมบอกคุณได้แค่นี้
ขอบคุณครับท่านพลศักดิ์สำหรับคำแนะนำ ผมเองได้ประโยชน์จากการตอบกระทู้ของท่านมากอยู่ หลายๆเรื่องที่พิจารณาอยู่ก็แจ้งขึ้นมา และอยากให้ท่านแวะไปตอบกระทู้ที่ผมตั้งขึ้นบ้างนะครับ

กระทู้อะไรครับ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะไปหา เจอแล้วเรื่องขอท่านผู่เจริญในธรรมอธิบายให้ที
เป็นวิชาการล้วนๆ ผมไม่มีความถนัด ไม่รู้จะเขียนอะไรด้วย

ตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 11:03 pm

กรัชกาย พิมพ์ว่า:

ขออนุญาตถามคุณพลศักดิ์อีกสักคำถามนะครับ

ถามว่า คุณปฏิบัติกรรมฐานแบบใด เล่าตั้งแต่เริ่มต้นทำมาเรื่อยๆ

จนถึงวันนี้ หรือ ถึงวันที่ทำๆแล้วพบพระพุทธเจ้าก็ได้ครับ สาธุ

วิชาของผม ยากที่ผู้ใดในโลกจะปฏิบัติได้ ผมบริกรรม โอมพระศิวะ นะโมพระโพธิสัตว์กวนอิม ข้าแต่พระยะโฮวา อัลเลาะห์ โอมพระพิฆเนศ นะโมอมิตตาพุทธ ข้าพระองค์รู้ว่า พระองค์คือพระพุทธเจ้า โปรดประทานความรู้ธรรมะสูงสุดแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด.....เอาแค่บริกรรมเริ่มต้น คุณสามารถทำได้หรือเปล่า ใจคุณหมิ่นศาสนาอื่น
หรือเปล่า

ผมไปโบสต์คริสต์ ก็พบพลังของพระเจ้าอยู่ที่นั่น

ผมไปสุเหร่าอิสลาม ก็พบพลังของพระพุทธเจ้าอยู่ที่นั่น