ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ฌาณ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ค.2008, 4:00 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
พระไตรปิฎกเถรวาทของเรานี้ มารเขาใช้อวิชชาบังจิตเราไว้ ไม่ให้รู้ความจริง |
พี่ครับมารคือใครครับ....คือตัวเราหรือตัวใคร
แล้วเราจะกำจัดมารอย่างไรครับ...
ขอพี่เมตตาให้ความรู้  |
|
_________________ ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ |
|
  |
 |
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ค.2008, 4:41 pm |
  |
มารคือ กิเลส ต่างๆ
มารตัวจริงก็มี
มารที่ยุยงในจิตเราให้ทำชั่วอกุศล คือ ซาตาน
มารที่ยุยงในจิตเราให้ทำดีทำกุศล คือ พระเจ้า(ไม่แท้จริง)
แต่ทั้งซาตานและพระเจ้า พระพุทธเจ้าเรียกว่า มาร
พระเจ้าแท้จริง คือ พรพพุทธเจ้าต้นธาตุ (อาทิพุทธเจ้า หรือ พระไวโรจนพุทธเจ้า)
ทั้งซาตาน พระเจ้า พระพุทธเจ้า ต่างเล่นเกมอยู่ในจิตของเรา |
|
|
|
  |
 |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ค.2008, 5:06 pm |
  |
โลกว่างเปล่า
[๑๐๒] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ ฯลฯ ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาค
ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่าโลกว่างเปล่าๆ ดังนี้ ด้วยเหตุเพียงเท่าไรหนอ
จึงเรียกว่า โลกว่างเปล่า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรอานนท์
เพราะว่างเปล่าจากตนหรือจากของๆ ตน ฉะนั้นจึงเรียกว่า โลกว่างเปล่า
ๆลๆ
จาก http://larndham.net/cgi-bin/tread.pl?start_book=18&start_byte=78902 |
|
|
|
  |
 |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ค.2008, 5:08 pm |
  |
สุญญตาวิหาร
ธรรมเทศนา หลวงปู่ชา สุภัทโท
จากหนังสือ อุปลมณี หน้า510
ดังนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงว่า มัจจุราชคือ ความตาย ตามไม่ทัน หาไม่พบ
อย่างนั้น จึงได้มีความพ้น
ท่านเรียกว่า พ้นจากความเกิด พ้นจากความแก่ พ้นจากความตาย
ความเป็นจริง ธาตุมันก็ เกิดๆ ตายๆ อย่างนี้แหละ
.
แต่ว่ามันเป็นดิน เป็นน้ำ เป็นไฟ เป็นลม เป็นธาตุส่วนหนึ่งๆมาประชุมกันเท่านั้น
..
สัตว์ไม่มี บุคคลไม่มี คือมันว่างจากคำที่ว่าสัตว์ ว่างจากคำว่าบุคคล อันนั้นแหละเป็นที่ว่าง
มันว่างในที่ไม่ว่าง ที่มันไม่ว่างก็ให้เห็นว่ามันว่าง
ที่มันเห็นว่ามีคนก็ไม่ให้มีคน
..เห็นว่าเป็นสัตว์ไม่ให้มีสัตว์
. เห็นว่าตายไม่ให้มีตาย
เช่นนั้น ท่านจึงว่า สุญญตาวิหาร
เข้าไปถึงแล้วก็สงบ
. สงบจากความสุข จากความทุกข์
.สงบจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย
..
ตรงนั้นเป็นที่ว่างที่สุด
.จบ |
|
|
|
  |
 |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ค.2008, 5:10 pm |
  |
สุญญตาวิหาร...
วิหาร ที่มัจจุราชตามไม่ทัน หาไม่พบ
ดูก่อนโมฆราช
ท่านจงมีสติพิจารณาดูโลกโดยความเป็นของว่างเปล่า
ถอนความเห็นว่าตัวของเราเสียทุกเมื่อเถิด
ท่านจะข้ามล่วงมัจจุราชเสียได้ด้วยอุบายนี้
ท่านพิจารณาเห็นโลกอย่างนี้แล้ว มัจจุราชคือความตายจักแลไม่เห็น
จาก http://www.84000.org/one/1/13.html |
|
|
|
  |
 |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ค.2008, 5:11 pm |
  |
สมาธิ ๓ คือ
๑. สุญญตสมาธิ
๒. อนิมิตตสมาธิ
๓. อัปปณิหิตสมาธิ;
สุญญตสมาธิ สมาธิอันพิจารณาเห็นความว่าง
ได้แก่ วิปัสสนาที่ให้ถึงความหลุดพ้นด้วยกำหนดอนัตตลักษณะ
(ข้อ ๑ ในสมาธิ ๓)
อนิมิตตสมาธิ สมาธิอันพิจารณาธรรมไม่มีนิมิต
คือ วิปัสสนาที่ให้ถึงความหลุดพ้นด้วยกำหนดอนิจจลักษณะ
(ข้อ ๒ ในสมาธิ ๓)
อัปปณิหิตสมาธิ การเจริญสมาธิที่ทำให้ถึงความหลุดพ้นด้วยกำหนดทุกขลักษณะ
(ข้อ ๓ ในสมาธิ ๓) |
|
|
|
  |
 |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ค.2008, 5:18 pm |
  |
ท่านพระอัญญาโกณทัญญะ
ท่านเป็นผู้ที่มัจจุราชตามไม่ทัน หาไม่พบ
ลองพิจารณาถึงการรู้ธรรมของท่านน่ะครับ....
ท่านฟัง ธรรมจักรกัปวตนสูตร ได้ธรรมจักษุ(ดวงตาเห็นธรรม) รู้อย่างชัดแจ้งว่า
สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดมีความดับไปเป็นธรรมดา
ท่านบรรลุเป็นพระโสดาบัน....
ตอนนี้ มัจจุราชเริ่มติดตามท่านยากขึ้นแล้ว.....
ด้วยท่านเห็นว่า "สิ่งใดสิ่งหนึ่ง" ทั้งรูปและนาม ที่เกิดขึ้นมาแล้วต้อง(เสื่อมและ)แตกดับไปเป็นธรรมดา
โดยที่ก่อนหน้านั้น ท่านเห็นว่า เป็น"ท่าน"ที่เกิด (เสื่อม) และ ตาย มาตลอดในสังสารวัฏฏ์อันยาวนาน
วินาทีที่ท่านเห็นอย่างชัดเจนที่สุดว่า ไม่ใช่"ท่าน"ที่เกิด (เสื่อม) และตาย..... แต่เป็นขันธ์๕ที่ เกิดขึ้น (ตั้งอยู่) และดับไป.....
วินาทีที่ท่านถอดถอนสักกายทิฏฐิได้....มัจจุราชก็เริ่มติดตามท่านยากแล้ว
แต่ตอนนี้ ท่านก็ยังไม่พ้นจากพญามัจจุราชเสียทีเดียว
ท่านพ้นจากพญามัจจุราชอย่างแท้จริง ก็ตอนที่ท่านฟัง อนัตตลักขณสูตร.... จิตท่านหลุดพ้น บรรลุอรหัตตผล
ตรงนี้ ท่านพ้นเกิด พ้นตาย.....
ท่านพ้นเกิด พ้นตาย ตั้งแต่บรรลุซึ่งสอุปาทิเสสนิพพานธาตุในคราวฟังอนัตตลักขณสูตรแล้ว
ไม่ใช่ท่านไปพ้นเกิดพ้นตายเอาตอนเฉพาะดับขันธปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
คือ เมื่อไม่มี"ท่าน" เหลืออยู่ในโลกแล้ว.... จึงไม่มี"ท่าน"ที่ไหนมาตาย
(เช่นเดียวกับ ที่มีพระพุทธวจนะตรัสกับพระพาหิยะ ว่าที่สุดแห่งทุกข์ คือ เมื่อไม่มีท่าน)
หรือ ลองพิจารณา ยมกสูตร
จาก คำถามที่ว่า "ภิกษุผู้ที่เป็นพระอรหันตขีณาสพ เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเป็นอะไร"
มาสู่คำตอบที่ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เกิดขึ้นแล้วดับไป......
นี่ก็ตรงกันกับข้างต้น
คือเมื่อดับสิ้นซึ่งอุปาทาน ก็ไม่มีอุปาทานขันธ์๕อีกต่อไป จึงไม่มีใครเกิด ไม่มีใครตาย.....
มีเหลือแต่เพียงขันธ์๕ ที่เกิดขึ้น เสื่อม และแตกดับไปเป็นธรรมดา
และมัจจุราชก็ตามไม่ทัน หาไม่พบ |
|
|
|
  |
 |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ค.2008, 5:21 pm |
  |
การที่มัจจุราชตามไม่ทัน หาไม่พบ....นั้น ก็คือ พ้นเกิด-พ้นตาย
หลวงปู่ บุดดา ถาวโร
พระเถระผู้ล่วงลับ ได้เคยกล่าวเอาไว้อย่างงดงามว่า
เป็นคนเป็นสัตว์ มันก็มีเกิดมีตาย
ธรรมะไม่เกิด-ไม่ตาย มีแต่เกิด-ดับ
กิเลสตายไปแล้ว ไม่มาอีก
เหลือแต่ นิโรโธ นิพพานัง
ธรรมลิขิตจากหลวงปู่บุดดา ถาวโร มกราคม 2536
(จาก พุทธจารปูชา ช่วงคำนำ น.16)
และ
ไม่มีใครเกิด ไม่มีใครแก่ ไม่มีใครตาย นั่นล่ะแก่นของศาสนา
ธรรมะแท้ๆ จึงมีแต่ สภาวธรรม ที่เกิด กับ ดับ
เมื่อความยึดมั่นถือหมายในขันธ์๕(อุปาทาน)ดับไป จึงไม่มีใครเกิด ใครตาย
เหลือแต่ นิโรโธ นิพพานัง....... ที่พ้นเกิด พ้นตาย
ขอ อนุญาตท่าน จขกท. นำนาๆสาระธรรม แห่ง สุญญตา มาร่วมกระทู้ |
|
|
|
  |
 |
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ค.2008, 6:22 pm |
  |
คุณตรงประเด็นครับ
ขอชี้แนะนะครับ
ไม่มีใครเกิด ไม่มีใครแก่ ไม่มีใครตาย นั่นล่ะแก่นของศาสนา" .....สิ่งที่ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย
พระพุทธเจ้าเรียกไปทางเถรวาทว่า จิตพุทธะ อสังขตธาตุ นิพพาน
พระพุทธเจ้าเรียกไปทางมหายานว่า อาทิพุทธ พระไวโรจนพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าต้นธาตุ
ศาสนาคริสต์ เรียกว่า พระยะโฮวา ศาสนาอิสาม เรียกว่า อัลเลาะห์ ศาสนาพราหมณ์
เรียกว่า ปรมาตมัน |
|
|
|
  |
 |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ค.2008, 9:51 pm |
  |
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า: |
ไม่มีใครเกิด ไม่มีใครแก่ ไม่มีใครตาย นั่นล่ะแก่นของศาสนา"
.....สิ่งที่ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย
พระพุทธเจ้าเรียกไปทางเถรวาทว่า จิตพุทธะ อสังขตธาตุ นิพพาน
ๆลๆ
ศาสนาพราหมณ์
เรียกว่า ปรมาตมัน |
ถ้า นิพพานธาตุ เป็นอย่างเดียวกับ ปรมาตมัน
พระพุทธเจ้าจะมาตรัสรู้ทำไม... เพราะ ในยุคนั้น คนเขาก็เชื่อเรื่อง ปรมาตมันกันเต็มบ้านเต็มเมืองอยู่แล้ว
และ พระธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ก็ไม่มีใครในยุคสมัยนั้นทราบมาก่อนเลย
มหาฤาษีทั้งสองที่เป็นอดีตอาจารย์ของพระพุทธองค์ ท่านเข้าถึงอรูปฌานชั้นสูง.... ทำไม พระพุทธองค์ถึงตรัสถึงท่านทั้งสอง ในคราวที่จะไปโปรดท่านทั้งสอง แต่ทราบว่าท่านทั้งสองทำกาละแล้ว ว่า
"ฉิบหายจากมรรคผล"???
ก็ ถ้า ปรมาตมัน เป็นอย่างเดียวกับนิพพานธาตุ...มหาฤาษีทั้งสองที่เป็นอดีตอาจารย์ของพระพุทธองค์ เข้าถึงอรูปชั้นสูง ก็ต้องไม่"ฉิบหายจากมรรคผล"สิครับ... |
|
|
|
  |
 |
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ค.2008, 10:47 pm |
  |
คุณ"ตรงประเด็น"ครับ
ข้อความของคุณ
ถ้า นิพพานธาตุ เป็นอย่างเดียวกับ ปรมาตมัน
พระพุทธเจ้าจะมาตรัสรู้ทำไม... เพราะ ในยุคนั้น คนเขาก็เชื่อเรื่อง ปรมาตมันกันเต็มบ้านเต็มเมืองอยู่แล้ว
และ พระธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ก็ไม่มีใครในยุคสมัยนั้นทราบมาก่อนเลย
มหาฤาษีทั้งสองที่เป็นอดีตอาจารย์ของพระพุทธองค์ ท่านเข้าถึงอรูปฌานชั้นสูง.... ทำไม พระพุทธองค์ถึงตรัสถึงท่านทั้งสอง ในคราวที่จะไปโปรดท่านทั้งสอง แต่ทราบว่าท่านทั้งสองทำกาละแล้ว ว่า
"ฉิบหายจากมรรคผล"???
ก็ ถ้า ปรมาตมัน เป็นอย่างเดียวกับนิพพานธาตุ...มหาฤาษีทั้งสองที่เป็นอดีตอาจารย์ของพระพุทธองค์ เข้าถึงอรูปชั้นสูง ก็ต้องไม่"ฉิบหายจากมรรคผล"สิครับ...
พระพุทธเจ้าเป็นพราหมณ์ ตอนออกผนวชท่านชื่อ มุนีสมณะ อาจารย์ทั้ง 2 ของพระองค์ก็เป็นพราหมณ์
แต่พวกท่านเข้าไปในถึงแค่อรูปพรหม เข้าไม่ถึงปรมาตมัน พระพุทธเจ้าเป็นพราหมณ์คนแรกในโลกใบนี้
ที่เจอการเข้าถึงปรมาตมัน พระองค์นั่นแหละคือ ส่วนหนึ่งของปรมาตมัน
ส่วนอาตมันก็คือ อรหันต์สาวก
เพื่อไม่ให้สับสนกับศาสนาพราหมณ์ที่ยังไม่เข้าใจสัจธรรมอย่างแท้จริง พระพุทธองค์จึงอธิบายแต่ละ
เรื่อง ในศาสนาพราหมณ์ใหม่ เช่น ขันธ์ 5 พระองค์บอกว่าเป็นอนัตตา ส่วนความหมายของอัตตา
ก็อยู่ในอนัตตลักขณะสูตรนั่นแหละ เพียงแต่อวิชชามันบังจิตของเราอยู่ไว้ให้มองไม่เห็น ถึงมองเห็นก็ตีความไม่ออก |
|
|
|
  |
 |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ค.2008, 11:12 pm |
  |
|
  |
 |
ขันธ์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ค.2008, 11:59 pm |
  |
คุณใบไม้ หรือ คุณพลศักดิ์ คุณนี่เลิกเอาทฤษฎีจอมปลอมของคุณมา โพสให้คนอื่นอ่านได้แล้ว เพราะมันบาป มันจะเป็นการบิดเบือนพุทธศาสนา |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
  |
 |
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.ค.2008, 9:41 am |
  |
คุณขันธ์ครับ
ก็บอกมาซิครับว่า จุดไหนที่คุณคิดว่า "จอมปลอม" ผมพูดแต่ความจริง พูดแต่ของจริง
ผมโดนมาทุกเว็บล่ะครับ เอาบาปมาให้ เอนรกอวจี นรกโลกันต์มาขู่ หาว่าผมเป็นอลัชชี
เป็นมารศาสนา บิดเบือนพุทธพจน์ แต่พอผมถามว่าตรงจุดไหนที่บิดเบือน ตอบไม่ได้สักคน |
|
|
|
  |
 |
ฌาณ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.ค.2008, 2:15 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
มารที่ยุยงในจิตเราให้ทำดีทำกุศล คือ พระเจ้า |
อาจารย์ครับ มารที่ทำให้เราทำความดี...เรียกมารด้วยหรือครับ
ผมว่ามันทะแม่งๆๆอะครับ เพราะพูดถึงมาร เรามักถึงตัวที่ไม่ดีครับ
พระเจ้าทุกศาสนาก็สอนให้เราทำความดีนะ....
พระพุทธเจ้าเราก็สอนให้ทำดี งดชั่ว ทำใจให้ผ่องใสนะครับ
วอนท่านอาจารย์ พี่ๆ ชี้แนะด้วยครับ....งงงงงงงง  |
|
_________________ ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ |
|
  |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.ค.2008, 2:16 pm |
  |
Code: |
คุณขันธ์ครับ
ก็บอกมาซิครับว่า จุดไหนที่คุณคิดว่า "จอมปลอม" ผมพูดแต่ความจริง พูดแต่ของจริง
ผมโดนมาทุกเว็บล่ะครับ เอาบาปมาให้ เอนรกอวจี นรกโลกันต์มาขู่ หาว่าผมเป็นอลัชชี
เป็นมารศาสนา บิดเบือนพุทธพจน์ แต่พอผมถามว่าตรงจุดไหนที่บิดเบือน ตอบไม่ได้สักคน |
แสดงหลักฐานออกมาว่าของจริง |
|
|
|
   |
 |
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.ค.2008, 8:37 pm |
  |
ฌาณ พิมพ์ว่า: |
อ้างอิงจาก: |
มารที่ยุยงในจิตเราให้ทำดีทำกุศล คือ พระเจ้า |
อาจารย์ครับ มารที่ทำให้เราทำความดี...เรียกมารด้วยหรือครับ
ผมว่ามันทะแม่งๆๆอะครับ เพราะพูดถึงมาร เรามักถึงตัวที่ไม่ดีครับ
พระเจ้าทุกศาสนาก็สอนให้เราทำความดีนะ....
พระพุทธเจ้าเราก็สอนให้ทำดี งดชั่ว ทำใจให้ผ่องใสนะครับ
วอนท่านอาจารย์ พี่ๆ ชี้แนะด้วยครับ....งงงงงงงง  |
การทำความดีเป็นเหตุให้อยู่ในสังสารวัฏต่อไป พระพุทธเจ้าจึงเรียกเทพในชั้นปรมินทร์ สวรรค์ชั้นสูงสุดว่า
พญามาร เพราะเขาเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์มาก ขนาดพระพุทธเจ้ายังต้องเรียกพระแม่ธรณีมาช่วยปราบเลย
พญามาร,เทพที่เป็นใหญ่ในปรนิมมิตวสวัตดี
เทวปุตตมาร มารคือเทพบุตร เป็นเทพยิ่งใหญ่ระดับสูงสุดแห่งชั้นกามาวจรชื่อว่า ปรนิมมิตวสวัตดี ใช้ชื่อว่า
มาร(พญามาร)เพราะเป็นนิมิตแห่งความขัดข้อง คอยขัดขวางเหนี่ยวรั้งบุคคลไว้ มิให้ล่วงพ้นจากแดน
อำนาจครอบงำของตน โดยชักให้ห่วงพะวงในกามสุข ไม่หาญอาจเสียสละออกไปบำเพ็ญคุณความดีที่
ยิ่งใหญ่ได้ ซึ่งมารตนนี้เคยมาเฝ้าพระพุทธเจ้าหลายครั้ง เช่น
ครั้งหนึ่ง สมัยที่พระพุทธเจ้ายังทรงเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ กำลังจะออกจากวัง เพื่อจะบรรพชา มารชื่อว่า
วสวัตตีมาร ได้เข้ามาห้ามมิให้ออกอภิเนษกรมณ์ กล่าวกะพระโพธิสัตว์ว่า นับแต่นี้ ๗ วัน จักรรัตนะทิพย์
จะปรากฏแก่ท่าน ท่านจักได้ครอบครองราชสมบัติแห่งทวีปใหญ่ทั้ง ๔ มีทวีป น้อยสองพันเป็นบริวาร .......
ผมว่าไปอ่านต่อในฉบับเต็มดีกว่าครับใน http://variety.thaiza.com/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%94%E0%B8%B5_1212_43415_1212_.html |
|
|
|
  |
 |
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.ค.2008, 8:42 pm |
  |
mes พิมพ์ว่า: |
Code: |
คุณขันธ์ครับ
ก็บอกมาซิครับว่า จุดไหนที่คุณคิดว่า "จอมปลอม" ผมพูดแต่ความจริง พูดแต่ของจริง
ผมโดนมาทุกเว็บล่ะครับ เอาบาปมาให้ เอนรกอวจี นรกโลกันต์มาขู่ หาว่าผมเป็นอลัชชี
เป็นมารศาสนา บิดเบือนพุทธพจน์ แต่พอผมถามว่าตรงจุดไหนที่บิดเบือน ตอบไม่ได้สักคน |
แสดงหลักฐานออกมาว่าของจริง |
ผมก็แสดงประวัติพระพุทธเจ้ามาแล้ว คุณไม่เชื่อก็ลองไปค้นประวัติดูซิครับ ว่าที่ผมพูดมาจริงไหม
ค้นในgoogleก็ได้ง่ายๆ
ส่วนเรื่อง อนัตตา กับ อัตตา ก็อยู่ในอนัตตลักขณะสูตร |
|
|
|
  |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.ค.2008, 9:26 pm |
  |
เอาอย่างนี้
คุณพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ คุณตีความว่านิพพานคื่ออัตตา
อัตตาคื่อที่ประชุมของเหตุปัจจัย
หมายความว่านิพพานเป็นที่ประชุมของเหตุปัจจัย
คุณลองยกตัวอย่างของสังขตธรรมที่เป็นเหตุปัจจัยของนิพพานมาดู
ตัวอย่างเช่น น้ำประกอบด้วยไฮโดรเจน กับ อ๊อกซิเจน
นิพพานประกอบด้วยอะไรบ้าง
และในเมื่ออัตตาเป็นสมมุติโวหาร มีสมมุติไว้สำหรับบอกว่าเป็นสิ่งตรงข้ามกับอนัตตา
นิพพานก็เป็นแค่สมมุติโวหารไม่ใช่ของจริง
และนิพพานก็ต้องเป็นสังขาร ไม่ใช่วิสังขาร
และเป็นสังขตธรรม
ที่ว่ามาทั้งหมด กล่าวโดยปรมัตถ์ธรรมหามายความว่า
นิพพาน ยังเป็น อนิจจัง ทุกขัง
ยังมี โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปสายาท อย่างนั้นหรือ
อนัตตาหมายถึงมีตัวตนไม่ได้
ที่คุณแปลน่ะมันเป็นการแปลแบบวิบัติ
แปลตามใจตนเอง
หมายถึงตามสติของตน สุดแต่ว่าจะดี หรือจะไม่ดี
การแปลแบบคุณในทางธรรมถือเป็นโมฆะ
แปลแบบพระมาเลเถไถมไลถา
แปลแบบคุณ
ธรรมของคุณมีใครเชื่อคุณบ้าง
ไปที่ไหนก็ถูกไล่
มาที่นี่ทำไมไม่ละอัสมิมานะอันน่าเบื่อหน่ายเสียละ
มีใครชื่นชอบเชื่อถื่อคุณบ้างนอกจากร่างจำแลงของคุณเอง
ที่คุณเที่ยวด่าว่าใครต่อใครว่ามาร
คุณเคยคิดว่าตัวเองเป็นมารสังคม มารศาสนาบ้างไหมที่ไปไหนก็มีแต่คนไล่ คนรังเกียจ
ผมจะบอกให้
ถ้าคุณแสดงความคิดเลยธรรมดาไม่ยกตนข่มท่าน
ไม่ทำตัวเป็นเจ้าอำนาจบาทใหญ่เหนือโลก
คงจะไม่มีใครต่อต้านคุณหรอก
ที่คุณทำตัวเองเช่นนี้
นอกจากจะไม่มีใครเชื่อถือคุณแล้ว
คุณยังแค่เป็นคนบาปหนาที่ยกตนตีเสมอพระพุทธเจ้าอีกด้วย
สังคมอาจจะทำอะไรคุณไม่ได้
คุณไม่รู้ตัวเองหรอกว่าปัจจุบันกำลังรับวิบาก
จากผัสสะคุณนั่นแหละ
คนภายนอกสัมผัสรู้
จะรับได้หรือไม่ได้ก็อยู่ที่ตัวคุณเอง |
|
|
|
   |
 |
ฌาณ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.ค.2008, 9:42 pm |
  |
ขอบคุณอาจารย์พล์ศักดิ์มากๆครับ
ผมอ่านเรื่องราวทั้งหมดแล้วคืออาจารย์มีความเห็นแต่ละท่านไม่ตรงกันเรื่อง
นิพพานเป็นอัตตา หรือ อนัตตา จึงว่ากันกระทู้ยืดยาว
ไม่ทราบอาจารย์ท่านที่ปฏิบัติรู้จริงๆมีไหมครับ....ตอบว่าเป็นอะไรครับ
ขอบคุณครับ |
|
_________________ ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ |
|
  |
 |
|