Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ทำไมชาวพุทธเราบางคนไหว้ศาลพระภูมิหรือครับ
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่หน้า
ก่อนหน้า
1
,
2
ผู้ตั้ง
ข้อความ
น้ำใส
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 31 พ.ค. 2004
ตอบ: 53
ตอบเมื่อ: 07 พ.ค.2008, 4:59 pm
เทวดามีจริงนะครับ กฏแห่งกรรมก็มีจริง
เวลาแผ่เมตตา หรือ เวลาอุทิศส่วนบุญ พระพุทธองค์ก็สอนให้แผ่ไปให้เทวดาด้วย (วัดบวร เทวดามาชุมนุมอยู่มากครับ)
แต่การเอาเทวดามาเป็นสรณะนั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน
สรณะที่พึ่งของชาวพุทธมีอยู่ ๓ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
พระพุทธ ไม่ใช่ พระปูน พระโลหะ ที่ตั้งอยู่ในวัดนะครับ แต่ พระพุทธอยู่ที่ใจ
พระธรรม ไม่ใช่ ตัวอักขระที่เขียนในกระดาษ ใบลาน คัมภีร์ นะครับ แต่พระธรรมอยู่ที่การปฏิบัติ
พระอริยะสงฆ์ ไม่ได้นั่งอยู่ในกุฏิติดแอร์ (กล่าวโดยทั่วไปนะครับ ไม่มีเจตนาลบหลู่)
ท่านต้องการที่พึ่ง โปรดหาที่พึ่งทั้ง๓นี้เถิดครับ
ratchadapa
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 05 ม.ค. 2008
ตอบ: 84
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพมหานคร
ตอบเมื่อ: 07 พ.ค.2008, 9:04 pm
ท่านทั้งหลายคะ
ลองเข้าไปดู Link ที่อยู่ใต้ลายเซ็นของท่านเจ้าของกระทู้รึเปล่าคะ
(โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม ผู้ชมที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรมีผู้ปกครองแนะนำ!)
_________________
พวกเธอจงยินดีในความไม่ประมาท
จงระมัดระวังจิตของตน
จงถอนตนออกจากหล่มกิเลส
เหมือนพญาช้างติดหล่ม
พยายามช่วยตัวเอง
ใบโพธิ์
บัวบาน
เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2007
ตอบ: 307
ตอบเมื่อ: 07 พ.ค.2008, 9:08 pm
หากจิตใจของชาวพุทธไม่ตั้งมั่นในพระรัตนตรัย
อย่างมั่นคง
แล้ว
ก็ยังคงหวังพึ่งพิง อาศัย อ้อนวอน ขอความช่วยเหลือ
จากเทพ เทวดา พระภูมิเจ้าที่ จาตุคาม ฯลฯ อยู่ได้ตลอดเวลาอ่ะค่ะ
_________________
ทำความดีทุกๆ วัน
ratchadapa
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 05 ม.ค. 2008
ตอบ: 84
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพมหานคร
ตอบเมื่อ: 07 พ.ค.2008, 9:20 pm
นำข้อเขียนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อปราโมทย์มาให้ดูนะคะ
กฤษณมูรติ
ความเห็นที่ 12 โดยคุณ ปราโมทย์ วันพฤหัสบดี ที่ 24 สิงหาคม 2543 15:29:23
เรื่องการศึกษาความคิดของนักปราชญ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากครับ ลำพังเราจะฟังถ้อยคำบางส่วนบางเรื่องแล้วนำมาวิเคราะห์ ก็อาจจะได้ภาพที่คลาดเคลื่อนได้ อย่างเต๋าก็พูดถึงความว่าง เซ็นก็พูดถึงความว่าง พุทธพูดถึงการดับตัณหา เชน/ชินะ ก็พูดถึงเหมือนกัน
หากมีข้อมูลมากขึ้นเราคงจะได้ภาพว่า คำสอนสูงสุดของท่านกฤษณมูรติคืออะไร มรรคหรือวิธีเข้าถึงสิ่งสูงสุดนั้นคืออะไร ต่อเมื่อเห็นสองจุดนี้แล้วจึงจะพออนุมานได้ว่า คำสอนของท่านผู้นี้กับพระพุทธศาสนาสอดคล้องกัน
อย่างการกล่าวถึงการไม่คิดนึกปรุงแต่ง แล้วรู้เห็นธรรมชาตินั้น อาจเป็นการรู้แล้วปล่อยวางก็ได้ หรืออาจเป็นการรู้เพื่อหลอมรวมจิตวิญญาณเข้ากับธรรมชาติก็ได้ ถ้าเป็นอย่างแรกก็ต้องกล่าวว่าท่านกฤษณมูรติรับความคิดทางพระพุทธศาสนาไปใช้ (ไม่ใช่ท่านรู้เองเห็นเอง เพราะพระพุทธเจ้าจะอุบัติในยุคที่ยังมีพระศาสนาไม่ได้) ถ้าเป็นอย่างหลังท่านก็ไม่ใช่พุทธ แต่อาจจะเป็นเต๋า ฮินดู หรือลัทธิใหม่ๆ ของท่านก็ได้หรือขัดแย้งกัน หรือสอดคล้องกับลัทธิศาสนาใดกันแน่
ความเห็นที่ 18 โดยคุณ ปราโมทย์ วันศุกร์ ที่ 25 สิงหาคม 2543 10:45:45
เท่าที่อ่านเรื่องของคุณกฤษณะฯ มาจนป่านนี้ ผมยังไม่เห็นชัดว่า ความจริงสูงสุดหรือการที่รู้จักตนเองของคุณกฤษณะฯ นั้น มีสภาวะอย่างไร ส่วนมรรควิธี ถ้าเป็นการเจริญสติสัมปชัญญะอย่างแท้จริงก็คือวิถีแห่งพุทธ ผลก็ย่อมไม่หนีไปจากมรรคผลนิพพานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้
แต่คนที่พูดถึงการเจริญสติสัมปชัญญะนั้นมีอยู่มากมาย แม้ในปัจจุบันไปทางไหนก็พบแต่ผู้เจริญ "สติสัมปชัญญะ" ทั้งที่สิ่งที่เจริญนั้นบางทีก็ไม่ใช่สติสัมปชัญญะในทางพระพุทธศาสนา ดังนั้นแม้คุณกฤษณะฯ จะพูดถึงเรื่องสติสัมปชัญญะไว้ (อาจจะเรียกชื่อเป็นอย่างอื่น) แต่เราก็ไม่ทราบถึงคุณภาพแท้จริง ว่าใช่หรือไม่ใช่สัมมาสติและสัมมาทิฏฐิ (สัมปชัญญะ)
_________________
พวกเธอจงยินดีในความไม่ประมาท
จงระมัดระวังจิตของตน
จงถอนตนออกจากหล่มกิเลส
เหมือนพญาช้างติดหล่ม
พยายามช่วยตัวเอง
ชีวิตคืออะไร
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2008
ตอบ: 38
ตอบเมื่อ: 08 พ.ค.2008, 7:05 am
อ้างอิงจาก:
คุณมาทำความเข้าใจ เกี่ยวกับศาสนา อีกสักเล็กน้อยว่า
"พฤติกรรม การกระทำ การดำเนินชีวิต ของสรรพสิ่งทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ล้วนแล้วแต่เป็น หลักการทางศาสนาทั้งสิ้น "
เพราะศาสนามีหลักการมาจาก พฤติกรรม การกระทำ การดำเนินชีวิต ของสรรพสิ่งทั้งหลาย
ศาสดาของศาสนาทุกศาสนา ย่อมต้องรุ้ดี รู้แจ้งแล้วว่า สมองสติปัญญา อุปนิสัยใจคอ รวมไปถึงพฤติกรรม ทั้งทางกาย วาจา และใจ ของแต่ละบุคคลนั้น ไม่เท่าเทียมกัน แตกต่างจากกัน ดังนั้น หลักธรรมคำสอนในทางศาสนา จึงมักเน้นให้บุคคลประพฤติดี ละความชั่ว
พฤติกรรม หรือการกระทำต่างๆ ของบุคคล ย่อมเกี่ยวข้องสัมพันธ์ กับการสังคมเป็นอยู่ร่วมกัน อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง ไม่มากก็น้อย
ดังนั้น พฤติกรรม การกระทำ หรือการปฏิบัติ ทั้งทางกาย วาจา และใจ ในสังคม ที่เรามีส่วนร่วม ก็คือ ศาสนาอย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดจากสภาพสภาวะจิตใจรุปแบบต่างๆ อันมีในหลักธรรมคำสอนของศาสนา
ศาสนาพุทธ ไม่ได้ห้าม หรือตำหนิ ติเตียน ผู้เคารพ กราบไหว้ พระภูมิเจ้าที่ หรือเทพเจ้าต่างๆ
แต่ศาสนาพุทธ สอนให้รู้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเกิดจากเหตุ และเหตุเหล่านั้น ล้วนก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า ความทุกข์ ซึ่งในทางศาสนาเรียกว่า ความโลภ ความโกรธ ความหลง ไม่ว่า กิเลสนั้น จะหยาบ หรือละเอียด จะหนา หรือบาง
แต่มนุษย์มีสมองสติปัญญา การเรียนรู้ การรับรู้ การเข้าใจในเรื่องต่างๆ ไม่เท่าเทียมกัน
ดังนั้น เมื่อมีคนสองคน มีความรุ้ต่างกัน มีความเข้าใจต่างกัน มีพฤติกรรม หรือการกระทำคนละแบบกัน แต่สภาพสภาวะจิตใจจะเป็นรุปแบบเดียวกัน คือ เป็นสภาพสภาวะจิตใจที่ในทางศาสนาเรียกว่า ธรรมะ
ยกตัวอย่างเช่น
ผู้ที่กราบไหว้นับถือศาลพระภูมิ ย่อม มีสภาพสภาวะจิตใจ ที่เรียกว่า "เมตตา " คือปรารถนาให้ตัวเองพ้นจากความทุกข์ในบางเรื่องบางอย่าง พอกราบไหว้บูชาปุป เขาก็จะเกิดความเชื่อมั่น คือมีสมาธิดีในอันจะประกอบการใดใดเพื่อให้บรรลุถึงสิ่งที่เขาต้องการ แม้จะไม่ได้ตามจุดประสงค์ทั้งหมด หากได้ตามทีเขาต้องการเพียงเล็กน้อย เขาก็จะหลุดพ้นจากความทุกข์ได้
เมื่อเปรียบกับบุคคลสมมุติว่าเป็นคุณ ที่ปฏิบัติ ไปตาม สิ่งที่คุณเรียกว่า แก่นแท้แห่งศาสนา คุณก็ยึดถือ เอาตัวแก่นแท้นั้นไว้ และปฏิบัติ ตาม หากปฏิบัติได้ผลตามแก่นแท้นั้น หรือได้เป็นบางส่วน คุณก็หลุดพ้นจากความทุกข์ และสภาพสภาวะจิตใจของคุณที่ปฏิบัติ ตามแก่นแท้นั้น ก็เพราะ ความมี"เมตตา" คือปรารถนาให้ตัวเองได้ดีพบสุข "เหมือนกับบุคคลแรก ไม่มีผิดเพื้ยน
ขอบคุณครับผมจะเอาไปศึกษาต่อไปนะครับ คุณ Buddha
แต่ที่สำหรับผมคิดว่าศาสนาแล้วคงเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวกันมานานของมนุษย์ มันยังบ่งบอกภาพสัญลักษณ์
ของศาสนานั้นด้วย ถ้ามันไม่มีตัวแทนรูปภาพสัญลักษณ์ของศาสนาแล้วตัวของท่านก็ไม่รู้จะเลือกศาสนาใช่หรือไม่
มนุษย์ทุกคนเรานั้นยังต้องการพึ่งพิงบางสิ่งบางอย่างเพื่อยึดเหนี่ยวเอาไว้สำหรับตนเองซึ่งสำหรับหลายคน และบางคนเห็นว่าถ้าไม่มีแล้วมนุษย์จะอยู่ไม่ได้เนื่องจากไม่มีสถานพึ่งพิงแต่สำหรับบางคนที่เกิดในประเทศที่ตนอยู่เขาก็จะนับถือศาสนานั้นและเขาอาจจะคิดว่าศาสนาของตนดีที่สุดแล้ว
และพวกคนที่กำลังแสวงหาสัจจะโดยตนเองโดยมีตัวศาสนาเป็นเครื่องชักใยเราไป โดยบอกวิธีการต่างๆ ให้สำเร็จ แต่สำหรับผมไม่มีคำว่าวิธีการครับ เพราะคำว่าวิธีการหมายถึงจุดที่ต้องไปปฏิบัติเพื่อให้คนนั้นถึงสุดปลายทางแบบมีขั้นตอน ถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะนั่งสมาธิโดยมีครู อาจารย์ผู้สอนบอกว่า “ท่านต้องทำจิตใจเงียบโดยปราศจากเสียงทุกเสียงดังของทุกเสียง” ยังไงก็ตามท่านเอง จะเชื่อการทำสมาธิแบบที่อาจารย์สอนมาว่าให้นั่งสมาธิแบบโน่นกับแบบนี้ เพราะท่านเชื่อใจเขาครับ และจะพยายามควมคุมจิตใจให้เป็น 1 เพื่อเรียกขานตนเองว่าสมาธิโดยไม่ฟังเสียงของฝูงนกอีการ้องใช่หรือไม่ นั้นหรอที่ว่า “สมาธิ”
ดังนั้นแล้วอะไรคือสมาธิ สมาธิก็จะเกิดขึ้นเมื่อมีความใส่ใจเรื่องหนึ่งกับอีกเรื่องหนึ่งโดยไม่แยกออกจากกัน เพราะเมื่อท่านใส่ใจสมาธิท่านจะไม่มีความขัดแย้งหรือยอมรับแต่อย่างใดครับ
โดยท่านจะอยู่กับจะอยู่กับความเงียบ ซึ่งจะไม่มึความรู้สึกตัวโดยไม่เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
_________________
ที่ใดมีการเลือกหรือแบ่งแยก ที่นั้นย่อมมีการขัดแย้ง
ชีวิตคืออะไร
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2008
ตอบ: 38
ตอบเมื่อ: 08 พ.ค.2008, 7:21 am
ratchadapa พิมพ์ว่า:
ท่านทั้งหลายคะ
ลองเข้าไปดู Link ที่อยู่ใต้ลายเซ็นของท่านเจ้าของกระทู้รึเปล่าคะ
(โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม ผู้ชมที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรมีผู้ปกครองแนะนำ!)
Code:
นำข้อเขียนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อปราโมทย์มาให้ดูนะคะ
กฤษณมูรติ
ความเห็นที่ 12 โดยคุณ ปราโมทย์ วันพฤหัสบดี ที่ 24 สิงหาคม 2543 15:29:23
เรื่องการศึกษาความคิดของนักปราชญ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากครับ ลำพังเราจะฟังถ้อยคำบางส่วนบางเรื่องแล้วนำมาวิเคราะห์ ก็อาจจะได้ภาพที่คลาดเคลื่อนได้ อย่างเต๋าก็พูดถึงความว่าง เซ็นก็พูดถึงความว่าง พุทธพูดถึงการดับตัณหา เชน/ชินะ ก็พูดถึงเหมือนกัน
หากมีข้อมูลมากขึ้นเราคงจะได้ภาพว่า คำสอนสูงสุดของท่านกฤษณมูรติคืออะไร มรรคหรือวิธีเข้าถึงสิ่งสูงสุดนั้นคืออะไร ต่อเมื่อเห็นสองจุดนี้แล้วจึงจะพออนุมานได้ว่า คำสอนของท่านผู้นี้กับพระพุทธศาสนาสอดคล้องกัน
อย่างการกล่าวถึงการไม่คิดนึกปรุงแต่ง แล้วรู้เห็นธรรมชาตินั้น อาจเป็นการรู้แล้วปล่อยวางก็ได้ หรืออาจเป็นการรู้เพื่อหลอมรวมจิตวิญญาณเข้ากับธรรมชาติก็ได้ ถ้าเป็นอย่างแรกก็ต้องกล่าวว่าท่านกฤษณมูรติรับความคิดทางพระพุทธศาสนาไปใช้ (ไม่ใช่ท่านรู้เองเห็นเอง เพราะพระพุทธเจ้าจะอุบัติในยุคที่ยังมีพระศาสนาไม่ได้) ถ้าเป็นอย่างหลังท่านก็ไม่ใช่พุทธ แต่อาจจะเป็นเต๋า ฮินดู หรือลัทธิใหม่ๆ ของท่านก็ได้หรือขัดแย้งกัน หรือสอดคล้องกับลัทธิศาสนาใดกันแน่
ความเห็นที่ 18 โดยคุณ ปราโมทย์ วันศุกร์ ที่ 25 สิงหาคม 2543 10:45:45
เท่าที่อ่านเรื่องของคุณกฤษณะฯ มาจนป่านนี้ ผมยังไม่เห็นชัดว่า ความจริงสูงสุดหรือการที่รู้จักตนเองของคุณกฤษณะฯ นั้น มีสภาวะอย่างไร ส่วนมรรควิธี ถ้าเป็นการเจริญสติสัมปชัญญะอย่างแท้จริงก็คือวิถีแห่งพุทธ ผลก็ย่อมไม่หนีไปจากมรรคผลนิพพานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้
แต่คนที่พูดถึงการเจริญสติสัมปชัญญะนั้นมีอยู่มากมาย แม้ในปัจจุบันไปทางไหนก็พบแต่ผู้เจริญ "สติสัมปชัญญะ" ทั้งที่สิ่งที่เจริญนั้นบางทีก็ไม่ใช่สติสัมปชัญญะในทางพระพุทธศาสนา ดังนั้นแม้คุณกฤษณะฯ จะพูดถึงเรื่องสติสัมปชัญญะไว้ (อาจจะเรียกชื่อเป็นอย่างอื่น) แต่เราก็ไม่ทราบถึงคุณภาพแท้จริง ว่าใช่หรือไม่ใช่สัมมาสติและสัมมาทิฏฐิ (สัมปชัญญะ)
ว่าแต่ท่านเคยรู้จักท่านกฤษณะมูรติด้วยหรือครับ ถ้ารู้จักก็ดีเหมือนกันครับ
เรื่องของผมจะไม่มีแตกแยกกับบอร์ดธรรมจักรนี้
(ก่อนหน้านั้นที่ขัดแย้งไป) อิอิ..
_________________
ที่ใดมีการเลือกหรือแบ่งแยก ที่นั้นย่อมมีการขัดแย้ง
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่หน้า
ก่อนหน้า
1
,
2
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th