ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ทศพล
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 10 ก.พ. 2008
ตอบ: 153
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
01 พ.ค.2008, 7:38 pm |
  |
|
     |
 |
montasavi
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2007
ตอบ: 84
|
ตอบเมื่อ:
31 ก.ค.2008, 8:16 pm |
  |
|
   |
 |
บัวหิมะ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
|
ตอบเมื่อ:
11 ส.ค. 2008, 9:14 pm |
  |
เจริญในธรรม ทุกท่าน สาธุ  |
|
_________________ ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ |
|
  |
 |
montasavi
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2007
ตอบ: 84
|
ตอบเมื่อ:
21 ส.ค. 2008, 10:21 am |
  |
|
   |
 |
ชัยพร พอกพูล
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2006
ตอบ: 73
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
23 ส.ค. 2008, 7:47 am |
  |
กลับมาอ่านอีกทีก็ยังชัดเจนเช่นเดิมครับ
ขอความสงบในธรรมจงมีแก่ท่านครับ  |
|
_________________ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม |
|
   |
 |
dd
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2008
ตอบ: 179
ที่อยู่ (จังหวัด): overseas
|
ตอบเมื่อ:
26 ส.ค. 2008, 6:50 pm |
  |
เป้าหมายที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา
คำสอนของพุทธศาสนาต่างจากศาสนาอื่น คือ คำสอนของศาสนาอื่นนั้นเป็นคำ สั่งสำเร็จรูปที่ ศาสนิกจะต้องทำตามให้เทพเจ้าพึงพอใจสถานเดียว ใครไม่ทำตามจะถูกลงโทษจากเทพเจ้าเบื้องบนโดยการให้ตกนรกไปตลอดกาล[1] แต่คำสอนของพุทธศาสนาเป็นเพียงการนำกฏความจริงของธรรมชาติมาบอกเท่านั้น พระพุทธเจ้าไม่ใช่ผู้สร้างกฏหรือผู้บังคับผู้คนให้ต้องทำตามกฏ พระองค์เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่พยายามสั่งสม/บำเพ็ญบารมีมาแล้วเป็น ล้านๆ ชาติ[2] จนได้ตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงรู้แจ้งในกฏเกณฑ์ทั้งปวงของธรรมชาติว่า สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นมีอะไรเป็นสาเหตุ ดังปรากฏหลังฐานให้ศึกษาในจูฬกัมมวิภังคสูตร[3] พระองค์ทรงรู้ว่ามีวิธีการอย่างไรบ้างจึงจะหลุดพ้นไปจากกฏเกณฑ์ทั้งปวงของ ธรรมชาติได้
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ตถาคตจะอุบัติขึ้นหรือไม่อุบัติขึ้นก็ตาม ความตั้งอยู่ตามธรรมดา ความเป็นไปตามธรรมดา ก็คงตั้งอยู่อย่างนั้น ตถาคต(เพียงแต่)รู้แจ้งแล้ว...จึงนำมาบอก..เปิดเผย ...ว่า “สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง ..สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์..ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา”[4] และตรัสว่า “เพราะชาติเป็นปัจจัยชรามรณะจึงมี ตถาคตเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ตาม ความตั้งอยู่ตามธรรมดา ความเป็นไปตามธรรมดา ความที่มีสิ่งนี้เป็นปัจจัยของสิ่งนี้ ก็คงตั้งอยู่อย่างนั้น ตถาคต(เพียงแต่)รู้แจ้งและเข้าถึงธรรมนั้น แล้วนำมาบอก แสดง บัญญัติ กำหนด เปิดเผย จำแนก ทำให้ง่าย และกล่าวว่า‘เธอทั้งหลายจงดูเถิด[5]
พระพุทธเจ้าทรงยอมรับว่า แม้พระองค์จะทรงรู้แจ้งความจริงของสิ่งทั้งปวงแล้ว แต่พระองค์ก็ไม่สามารถทำให้ใครเข้าถึงความจริงนั้นได้ จนกว่าเขาผู้นั้นจะเข้าถึงได้ด้วยความเพียรแห่งตนเอง พระองค์เป็นเพียงผู้ชี้ทางเท่านั้น ดังพุทธพจน์ว่า “นิพพานมีอยู่ ทางไปนิพพานมีอยู่ เรา(ตถาคต) ผู้ชักชวนมีอยู่ เมื่อเป็นเช่นนี้ สาวกที่ เราสั่งสอนอยู่อย่างนี้ พร่ำสอนอยู่อย่างนี้ บางพวกสำเร็จนิพพานอันถึงที่สุดโดยส่วนเดียว บางพวกก็ไม่สำเร็จ ในเรื่องนี้ เราจะทำอย่างไรได้ ตถาคตก็เป็นแต่ผู้บอกทาง พระพุทธเจ้าก็เพียงบอกทางให้ บุคคลผู้ปฏิบัติด้วยตนเอง จะพึงหลุดพ้นได้ ด้วยประการฉะนี้”[6]
เปรียบเทียบศาสนา
จุดหมายสูงสุด
๑. อิสลาม - สวรรค์ คือ ดินแดนที่จะได้รับความสุขตามที่พระฮัลลาห์จะ ประทานให้ เช่นจะได้หญิงสาวสวยตาโตเป็นภริยา[7] เป็นต้น
๒. คริสต์ - สวรรค์ คือ ดินแดนที่มีแต่ความสุขตามแต่พระยะโฮวาห์จะมอบให้
๓. พราหมน์ - พรหมัน คือสภาวะดั้งเดิมของสรรพสิ่งมีความบริสุทธิ์สูงสุด
๔. พุทธ - นิพพาน คือ สภาวะที่บริสุทธิ์สูงสุด ไม่มีการเกิด จึงไม่มีการแก่/ตาย
วิธีการเข้าถึง
๑. อิสลาม ต้องมีศรัทธาไม่หวั่นไหวทำความดีตามพระประสงค์ของพระอัลลอร์ ต้องสรรเสริญพระองค์บ่อยๆ
๒. คริสต์ ต้องมีศรัทธามั่นคงห้ามสงสัย ทำความดีตามพระประสงค์ของพระเจ้า เน้นรักผู้อื่น ต้องอ้อนวอนและสรรเสริญพระองค์บ่อยๆ[8]
๓. พราหมณ์ ทำตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด ปฏิบัติภาวนาถึงขั้นอรูปฌาน
๔. พุทธ ไม่จำเป็นต้องมีศรัทธา จึงไม่มีการอ้อนวอนร้องขอ[9] แต่ท้าให้มาพิสูจน์ความจริงด้วยตนเอง โดยการ ปฏิบัติจิตภาวนาอย่างเคร่งครัด จากนั้นส่งจิตพิจารณาองค์ฌาน จนเกิดเป็นสภาวะญาณ เกิดวิปัสสนาญาณ ๑๖ ขั้น เข้าถึง “พระนิพพาน” อย่างสมบูรณ์
คัดมาจากเวป link :
http://www.ptm13.com/forum/viewthread.php?tid=146&page=1 |
|
_________________ ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ |
|
  |
 |
อิทธิกร
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 28 ส.ค. 2008
ตอบ: 137
ที่อยู่ (จังหวัด): ชลบุรี
|
ตอบเมื่อ:
01 ก.ย. 2008, 4:29 pm |
  |
ไม่มีข้อมูล |
|
_________________ ชีวิตที่รู้ |
|
  |
 |
|