ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
30 ส.ค. 2008, 8:54 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
คุณ mes ครับ ด้วยหลักการที่ท่านพุทธทาสวางไว้ดังกล่าว จึงไม่แปลกที่ท่านจะวิจารณ์ว่า พระพุทธองค์ที่ทรงตรัสสอนเรื่อง เทวดา นรก สวรรค์ หลักกรรม การเวียนว่ายตายเกิด เมื่อครั้งพุทธกาล ก็เพราะคนโง่ ๆ สมัยก่อนมีเยอะ และก็นับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อน บางส่วนพระพุทธองค์ก็ทรงตรัสเอออวยสวมรอยกับคำสอนเดิม ๆ เพราะเสียเวลากับคนโง่ ๆ เหล่านั้น
อ้างอิงจาก:
http://www.buddhadasa.com/index_subj.html
เทวดามีจริงหรือไม่ (โดยท่านพุทธทาส)
http://www.buddhadasa.com/dhamanukom/tevada83.html
|
ทำไหมคุณคามินธรรมหรือมีอีกหลายๆท่านตอบคุณคุณก็ไม่อ่าน
นำเอาคำถามซ้ำซากมาถามอยู่ได้
เกรงใจเวปเขาบ้าง
ทีหลังเขาตอบแล้วตัวเองไม่อ่านก็อย่าถามอีก
รู้ไหม |
|
|
|
   |
 |
walaiporn
บัวบาน

เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ
|
ตอบเมื่อ:
30 ส.ค. 2008, 8:54 pm |
  |
ฟังไม่ออกเหมือนกัน จำได้แค่กุศลาธรรมา อกุศลาธรรมา นอกนั้นไม่รู้เรื่อง ก็นั่งๆอย่างนั้น จนพระสวดจบ แล้วก็กลับ
เข้ามาผิดงานหรือเปล่านี่  |
|
_________________ ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง |
|
  |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
30 ส.ค. 2008, 8:57 pm |
  |
คำกล่าวหาคุณหมุนซ้ำซากไม่ไปไหน
บางทีลิงค์แล้วลิงค์อีก
ถึงว่ามีแต่ผมคนเดียวที่หลงมาคนอื่นหนีหมด
เพิ่งรู้ตัวนะเนี่ย
ถ้าไม่ลิงค์ก็บ่น หง่ำเหงือก
............ |
|
|
|
   |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
30 ส.ค. 2008, 9:05 pm |
  |
เอาอย่างนี้
ผมจะลองภูมิคุณเฉลิมศักดิ์ว่าเก่งอภิธรรมจริงหรือเปล่า
ผมปรามาสว่าคุณไม่รู้จริง
อ่านพระอภิธรรมไม่รู้เรืองด้ยซ้ำ
จึงคิดว่าคุณตอบไม่ได้ หรือไม่กล้าตอบ
เหมือนที่หนีมาเรือยตั้งแต่ต้น
จนประจานไปหลายๆครั้งแล้ว
แตคุณไม่รู้ลีกหรอก
ดูตัวอย่างนี้แล้วคุณลองใช้อภิธรรมแก้ปัญหาดูครับ
Code: |
คือเดี๋ยวนี้นะคะ รู้สึกว่าพอทำสมาธิไปไม่นานก็จะรู้สึกเหมือนว่า เอ๊ะ ตัวเองหายใจอยู่มั้ย แล้วจะรู้สึกอึดอัด เหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง ต้องรีบสูดหายใจอีกครั้ง ต้องทำอย่างไรคะ |
ในการเรียนพระธรรมต้องถึงทั้ง
ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวช
เก่งแต่ทฤษฎีอย่างเดียวหากไม่ปฏิบัติก็ไม่เกิดปฏิเวช
นั่นคือบรรลุธรรมไม่ได้
กล้าตอบไหม |
|
|
|
   |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
30 ส.ค. 2008, 9:07 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
วิธีทำสมาธิจิตของคุณเฉลิมศักดิ์ทำอย่างไหง
อย่าไปคลิ๊กเอา อจ.บุญมี อจ.แนบ อจ.บุษกร มาอีกล่ะ
|
ตอบอันนี้ด้วย
อย่าเก่งแต่อวดอ้าง |
|
|
|
   |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
30 ส.ค. 2008, 9:14 pm |
  |
ขอโทษนะคุณเฉลิมศักดิ์
ผมว่าคุณไปหัดอ่านภาษาไทยให้แข้งแรงก่อนดีไหมแล้วค่อยมาวิจารณ์ท่านพุทธทาส
คนเขาสมเพชคุณ
ผมยอมวจีทุจริต
แต่อ.พลศักดิ์เจ้าของตำนานฮั่นจี้กง(ขออนุญาตที่พาดพิง)ท่านบอกว่าถ้าเจตนาดีก็ไม่บาป
ผมจึงรีบช้วยมาใช้
ทีคุณยังเอาอ.แนบ อ.บุญมี อ.บุษกรมาใช้เลย
แตขอโทษท่านอ.พลศักดิ์ของผมเก่งกว่าเยอะ
555555555555555 |
|
|
|
   |
 |
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน

เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2008, 7:20 am |
  |
อ้างอิงจาก: |
ไม่มีใครรังเกียจพระอภิธรรมหรอก
ผมก็ศึกษาพระอภิธรรม
เวลานี้คุณเฉลิมศักดิ์อยู่ในอาการศรัทธาที่นอกเหตุผล(emotion)หรือาเวจ
เกิดอุปทานว่าพระอภิธรรมเป็นของตนแล้วก็ไปเกิดในภพนั้น |
คุณ mes ศึกษาพระอภิธรรม จากที่ไหนครับ ?
ส่วนผมได้ศึกษาเพียง พระอภิธัมมัตถสังคหะชั้นจูฬตรี ที่ มจร.( ชั้นอนุบาลสุด ) เมื่อหลายปีก่อน ก่อนเรียนครูบาอาจารย์ท่านจะแนะพระบาลีนำให้นักศึกษา ฟังดังนี้
- พระอภิธรรมจะเกิดขึ้นแล้วปรากฏแก่โลกนั้น จะต้องอาศัยพระสัพพัญญุตาญาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ดังมีสาธกบาลีที่แสดงไว้ในปิฏกปริวารพระบาลีว่า
- พุทฺธจนฺเท อนุปฺปนฺเน พุทฺธาทิจฺเจ อนุคฺคเต
- เตสํ สภาวธมฺมานํ นามมตฺตํ น นายติ
- แปลว่า พระจันทร์ คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่อุบัติขึ้น พระอาทิตย์คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ปรากฏขึ้น ใครๆ ก็ไม่สามารถที่จะรู้เพียงแต่ชื่อของสภาวธรรมเหล่านั้นได้เลย
- ท่านอรรถกถาจารย์ แสดงไว้ในอัฏฐสาลินีอรรถกถาว่า
- " อภิธมฺโม นาม น อญฺเญสํ วิสโย สพฺพญฺญุตฺตพุทฺธานํ เยว วิสโย เตสํ วเสน เทเสตพฺพเทสนา "
- แปลว่า ที่ชื่อว่าพระอภิธรรม เพราะไม่ใช่เป็นวิสัยของผู้อื่น เป็นวิสัยแห่งพระสัพพัญญูของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น และการแสดงพระอภิธรรมที่ปรากฏขึ้นได้ก็โดยอำนาจแห่งพระสัพพัญญูของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายนั่นเอง
---------------------------------------------------------
การที่คุณ mes คิดแทนผมว่าเป็นเจ้าของพระอภิธรรมแล้วคงไม่ใช่ครับ
อ้างอิงจาก: |
เกิดอุปทานว่าพระอภิธรรมเป็นของตนแล้วก็ไปเกิดในภพนั้น |
สำหรับปุถุชนผู้หนาแน่นด้วยกิเลสเช่นผม ยังมี อุปาทาน อยู่ จึงได้เกิด กัมมภพ ( ทั้ง กุศล และ อกุศล) และเป็นปัจจัยให้เกิด อุปัติภพ (ชาติ)
ปฏิจจสมุปบาท : ภพ
http://abhidhamonline.org/aphi/p8/034.htm
ต่างจาก ท่านพุทธทาส ที่บอกว่า ไม่มีอุปัติภพแล้ว ไม่มีตัวกูของกู อีกต่อไปแล้ว แต่ยังเกิด กัมมภพ เช่น การกล่าวตู่พระพุทธพจน์ การใส่ร้ายพระพุทธโฆษาจารย์ (วิสุทธิมรรค) พระอนุรทธาจารย์ (อภิธัมมัตถสังคหะ) |
|
|
|
  |
 |
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน

เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2008, 7:30 am |
  |
mes พิมพ์ว่า: |
ขอโทษนะคุณเฉลิมศักดิ์
ผมว่าคุณไปหัดอ่านภาษาไทยให้แข้งแรงก่อนดีไหมแล้วค่อยมาวิจารณ์ท่านพุทธทาส
คนเขาสมเพชคุณ
ผมยอมวจีทุจริต
แต่อ.พลศักดิ์เจ้าของตำนานฮั่นจี้กง(ขออนุญาตที่พาดพิง)ท่านบอกว่าถ้าเจตนาดีก็ไม่บาป
ผมจึงรีบช้วยมาใช้
ทีคุณยังเอาอ.แนบ อ.บุญมี อ.บุษกรมาใช้เลย
แตขอโทษท่านอ.พลศักดิ์ของผมเก่งกว่าเยอะ
555555555555555 |
คุณ mes ครับ แล้วที่ อ.พลศักดิ์ แสดงความเห็นในการสอนว่ามั่ว ๆ คุณจะเชื่อตาม อ.พลศักดิ์ ไหมครับ ?
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16994&postdays=0&postorder=asc&start=0
อ้างอิงจาก: |
1. บทความของท่านพุทธทาส และคำสอนของท่านพุทธทาส แบ่งเป็นช่วงครับ
ช่วงต้นและช่วงกลาง - ท่านพุทธทาสมั่วสถานเดียว เพราะไปตีความพระ
พุทธศาสนาจากการใช้สมองคิด สิ่งที่ท่านสอนคือ สัทธรรมปฏิรูป(ของปลอม)
ช่วงบั้นปลายของชีวิต - หลังจากท่านพุทธทาสตระหนักว่า วิญญาณมันสืบต่อ
เนื่องไปเรื่อยๆ ถ้าสังขารยังปรุงแต่งอยู่ ตอนนั้นแหละท่านจึงรู้ว่า สวรรค์ นรก
ของจริงอาจจะมี พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนมั่ว อย่างไรก็ตาม ตำราคำสอนสมัย
ช่วงต้น-ช่วงกลางของชีวิตท่านแพร่ออกไปมากแล้ว ไม่สามารถเรียกกลับคืนได้ |
คุณ mes ครับในกระทู้นรกสวรรค์ ผมไม่ได้กล่าวว่าท่านพุทธทาสมั่วนะครับ เพียงแต่ขยายความความเห็นของคุณพลศักดิ์ |
|
|
|
  |
 |
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน

เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2008, 7:49 am |
  |
mes พิมพ์ว่า: |
เอาอย่างนี้
ผมจะลองภูมิคุณเฉลิมศักดิ์ว่าเก่งอภิธรรมจริงหรือเปล่า
ผมปรามาสว่าคุณไม่รู้จริง
อ่านพระอภิธรรมไม่รู้เรืองด้ยซ้ำ
จึงคิดว่าคุณตอบไม่ได้ หรือไม่กล้าตอบ
เหมือนที่หนีมาเรือยตั้งแต่ต้น
จนประจานไปหลายๆครั้งแล้ว
แตคุณไม่รู้ลีกหรอก
ในการเรียนพระธรรมต้องถึงทั้ง
ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวช
เก่งแต่ทฤษฎีอย่างเดียวหากไม่ปฏิบัติก็ไม่เกิดปฏิเวช
นั่นคือบรรลุธรรมไม่ได้
กล้าตอบไหม |
ถูกต้องแล้วครับ ผมไม่รู้พระอภิธรรมจริง ๆ ได้เรียนเพียงชั้นจูฬตรี (อนุบาล ๑ ) ตอนนี้ก็ไม่ได้ศึกษาต่อ ( เป็นคนไร้การศึกษา )
มีศรัทธา ๔ เพียงเล็กน้อย มีโอกาสก็เข้าไปฝึกหัดปฏิบัติวิปัสสนาบ้างตามสมควร เช่น วันหยุดติดต่อกัน ๓ วัน
ต่างจาก ผู้ที่ได้ศึกษาพระอภิธรรม และเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ท่านได้เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร เห็นการเกิดมีรูปนาม นั้นเป็นทุกข์อย่างยิ่ง และบางท่านก็ได้ปลีกตัวออกปฏิบัติวิปัสสนาอย่างจริงจัง
http://www.geocities.com/toursong1/kam/ch.htm
ผู้ที่ได้ศึกษาและมีความเข้าใจในพระอภิธรรมอย่างลึกซึ้งย่อมรู้สึกว่า การเกิดเป็นทุกข์ แม้จะเกิดในภพภูมิของมนุษย์ก็ตาม และการเวียนว่ายตายเกิดเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด เพราะไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าชีวิตในภพชาติต่อๆไป จะไม่พลาดถลำลงต่ำไปเกิดในทุคติภูมิ นอกจากบุคคลผู้นั้นได้ปฏิบัติตนเข้าถึงพระอริยสัจธรรมนำชีวิตเข้าสู่พระอริยบุคคลแล้ว เพราะว่าบุคคลนับตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปเท่านั้นที่อบายภูมิจะปิดสนิทสำหรับชีวิตของท่าน และการเวียนว่ายตายเกิดที่จะมีต่อไปในสุคติภูมินั้น ย่อมมีได้ไม่เกิน ๗ ชาติ จึงนับได้ว่าพระโสดาบัน ท่านเป็นบุคคลกลุ่มแรกที่สร้างหลักประกันภัยในการเวียนว่ายตายเกิดให้กับชีวิตได้แล้ว แต่สำหรับผู้ที่เป็นปุถุชนทุกคนต้องยอมรับว่าอนาคตชาติในการเวียนว่ายตายเกิดของตนนั้นต้องมีต่อไปเป็นอนันตังไม่มีที่สิ้นสุด เพราะปุถุชนคือบุคคลที่ยังหนาแน่นด้วยกิเลส และ กิเลส นี่เองที่เป็นตัวการ ผลักพาให้เกิดการกระทำกรรม เมื่อมีกรรมย่อมเป็นที่แน่นอนว่า วิบาก คือ รูปขันธ์ และนามขันธ์ ย่อมต้องเกิด ฉะนั้นวัฏฏะทั้งสาม คือ กิเลสวัฏ กัมมวัฏ และวิปากวัฏ ที่หมุนวน ย่อมทำให้สังสารวัฏ คือการเวียนว่ายตายเกิดไม่อาจสิ้นสุดหยุดลงได้ และทุกภพชาติที่เกิด กำเนิดของสัตว์ย่อมวิจิตร เพราะจิตย่อมวิจิตรในการสั่งสมกรรม และกิเลส
------------------------------------------------------
คุณ mes ครับ เหมือนดังคำสอนจากท่านผู้ทรงพระไตรปิฏก ที่ท่านชี้ให้เห็นถึงผลของ อกุศลจิต จากพระอภิธรรม ที่คุณเคยอ้างถึง ในตอนแรก ๆ ที่นำมาเตือนผม แล้วคุณ mes อย่าลืมนำหลักจากพระอภิธรรมนี้มาเตือนตนเองด้วยนะครับ
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16059&postdays=0&postorder=asc&start=20
อ้างอิงจาก: |
การพูดส่อเสียด (ปิสุณวาจา)
การพูดส่อเสียด ได้แก่ การพูดที่ทำให้เขาแตกแยกกัน เป็นการพูดทำลายความ สามัคคีในหมู่คณะ ทำให้คนที่รักกันต้องเลิกล้างจากกัน ทะเลาะเบาะแว้งกัน โดยหวัง ผลประโยชน์ของตน ถ้าผู้แตกแยกนั้นเป็นบุคคลที่มีศีลธรรมจะบาปมาก เช่น การพูดยุยงให้สงฆ์แตกแยกกันไม่ทำสังฆกรรมร่วมกัน เป็นต้น
องค์ประกอบของการพูดส่อเสียดมี ๔ ประการ คือ
๑. มีผู้ทำให้ถูกแตกแยก
๒. มีเจตนามุ่งให้แตกแยก
๓. เพียรพยายามให้เขาแตกแยก
๔. เขาได้แตกแยกกันสมใจคิด
ผลของบาป
การทำบาปที่ครบองค์ประกอบ ๔ ประการ จัดว่าเป็นอกุศลกรรมที่สมบูรณ์ ถ้าผลของการทำบาป คือพูดส่อเสียดนั้นส่งผล เมื่อสิ้นชีวิตลงจะไปเกิดใน อบายภูมิ คือ นรก เปรต อสุรกาย หรือเดรัจฉาน เรียกว่า บาปให้ผลใน ปฏิสนธิกาล (นำเกิด)
ถ้าขณะที่กำลังจะสิ้นชีวิต นึกถึงบุญ
บุญนั้นจะนำเกิดมาเป็นมนุษย์ ผลของบาปที่ทำไว้นี้ก็จะตาม มาให้ผลอีกทำให้ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส สัมผัส ได้รับอารมณ์ และพิจารณา อารมณ์ ที่ไม่ดีไม่งาม แตกแยกจากมิตรสหาย ถูกบัณฑิตติเตียน มักถูกกล่าวหาโดยที่ไม่เป็นจริง จะเป็นผู้ตำหนิตนเองอยู่เสมอ ๆ เรียกว่า บาปให้ผลใน ปวัตติกาล
http://www.buddhism-online.org/Section07A_02.htm |
|
|
|
|
  |
 |
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน

เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2008, 8:07 am |
  |
walaiporn พิมพ์ว่า: |
ฟังไม่ออกเหมือนกัน จำได้แค่กุศลาธรรมา อกุศลาธรรมา นอกนั้นไม่รู้เรื่อง ก็นั่งๆอย่างนั้น จนพระสวดจบ แล้วก็กลับ
เข้ามาผิดงานหรือเปล่านี่  |
สาธุ คุณวลัยพรครับ การตั้งใจฟังก็ยังดี ดีกว่าการเกิด อกุศลจิต
เช่น ไม่ตั้งใจฟังแล้วยังไปคุยแข่งกับพระ หรือนึกรำคาญ เป็นต้น
แต่ถ้าหากรู้ความหมายบ้าง แล้วตั้งใจพิจารณาตาม ก็จะเกิดอานิสงส์อย่างมหาศาล
คำแปลบทสวดพระอภิธรรม
http://larndham.net/index.php?showtopic=14282&st=3
หรือ เข้าใจความหมายพื้นฐาน ของเรื่องปรมัตถธรรม เช่น จิต จากพระอภิธรรม ก็จะทำให้เกิดศรัทธาพิจารณาตาม
สาระน่ารู้เกี่ยวกับพระอภิธรรม
http://www.dharma-gateway.com/dhamma-abidhamma-index-page.htm
แนวคิดเรื่องจิต
http://www.abhidhamonline.org/thesis/thesis2.files/thesis2.htm
อ้างอิงจาก: |
จำได้แค่กุศลาธรรมา อกุศลาธรรมา นอกนั้นไม่รู้เรื่อง |
ที่ที่จริงก็คือสภาพ ธรรมของ จิต เจตสิก รูป ที่เป็น กุศล , อกุศล รวมทั้งวิบาก ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยครับ คุณวลัยพร
อย่าให้อายค้างคาว ที่ฟังพระสวดจนจำติดหู นะครับ
ประวัติพระอภิธรรม
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14797&start=0&postdays=0&postorder=asc&highlight=&sid=3e44281e212d5acd9043c171b5fad520
พระอภิธรรมฉบับกลางๆ ไม่ย่อ ไม่พิสดารนัก
หมายถึง พระอภิธรรมที่พระสารีบุตรทรงจำนัยที่พระพุทธองค์ทรงแสดง
แล้วนำมาบอกกล่าวสั่งสอนพระภิกษุ ๕๐๐ รูป
ที่บวชเพราะเลื่อมใสในยมกปาฏิหาริย์
ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงก่อนเสด็จไปยังเทวโลก
พระภิกษุ ๕๐๐ รูปเหล่านี้ เป็นชาวเมืองสาวัตถี
เป็นสัทธิวิหาริก (ศิษย์) ของ พระสารีบุตรเถระ
โดยเหตุที่ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้
เมื่อได้ฟังพระอภิธรรมที่พระสารีบุตรเถระนำมาแสดง
ด้วยอุบายวิธีที่ไม่ย่อเกินไป ไม่พิสดารเกินไป
ไม่ช้าไม่นานก็เป็นผู้ฉลาดเชี่ยวชาญในพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
เหตุที่แตกฉานในพระอภิธรรมได้เร็วปานนั้น
เป็นเพราะอำนาจวาสนาบารมีที่คุ้นเคย
กับการได้ฟังพระอภิธรรมนี้มาในอดีตชาตินั้นเอง
คัมภีร์อรรถกถาธรรมบท
กล่าวถึงประวัติในอดีตชาติของพระภิกษุ ๕๐๐ รูปเหล่านี้ไว้ว่า
ในกาลแห่งพระศาสนาของพระพุทธเจ้านามว่า พระกัสสปะ
ท่านเหล่านี้เกิดเป็นค้างคาวอาศัยอยู่ที่เงื้อมเขาแห่งหนึ่ง
เมื่อมีพระภิกษุเถระ ๒ รูปมาเดินจงกรม
สาธยายพระอภิธรรมอยู่ใกล้ๆ ก็ฟังจนจับนิมิตในเสียงสาธยายได้ (จำติดหู)
แต่ไม่รู้ความหมายแห่งคำสาธยาย
คือไม่รู้ว่าสภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ขันธ์
สภาวะธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธาตุ เป็นต้น
อาศัยเพียงจำได้ติดหูเท่านั้น
ครั้นตายจากอัตภาพที่เป็นค้างคาวแล้ว ก็ได้ไปเกิดใน |
|
|
|
  |
 |
walaiporn
บัวบาน

เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2008, 12:38 pm |
  |
โมทนาค่ะคุณเฉลิมศักดิ์ สาธุ
ข้อความที่ดิฉันจะพูดต่อไปนี้ คือคิดว่า ควรจะต้องพูด ส่วนคุณเฉลิมศักดิ์จะเชื่อหรือไม่เชื่อ อันนี้ก็แล้วแต่คุณเฉลิมศักดิ์ เมื่ออ่านข้อความทั้งหมดแล้ว ถ้าทำให้ขุ่นเคืองใจ ต้องขออโหสิกรรม มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
คนเราส่วนมากจะมีนิสัยชอบอวดภูมิความรู้ที่ตัวเองมีอยู่ ดิฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ยังมีกิเลสตรงนี้อยู่ เพียงแต่เลือกที่จะพูด ประมาณว่า สถานะกราณ์ไหนควรจะพูดหรือไม่ควรพูด ส่วนใครที่คิดจะว่าหรือกล่าวหาดิฉันอย่างไร ดิฉันอโหสิกรรมให้ ไม่คิดจะมีเวรกรรมกับใคร เป็นคนรักสั้น ไม่คิดรักยาว กี่อสงไขยมาแล้วที่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้ เราว่าเขา เขาหรืออาจจะไม่ใช่คนที่เราไปว่าเขา แต่เป็นคนอื่นมาว่าเราแทน ทุกอย่างเมื่อได้คิดจะสร้างเหตุ ย่อมมีผลตามมา สร้างเหตุดี ผลย่อมดี สร้างเหตุไม่ดี ผลย่อมไม่ดี |
|
_________________ ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง |
|
  |
 |
ขันธ์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2008, 12:55 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
เพียงแต่เลือกที่จะพูด ประมาณว่า สถานะกราณ์ไหนควรจะพูดหรือไม่ควรพูด ส่วนใครที่คิดจะว่าหรือกล่าวหาดิฉันอย่างไร ดิฉันอโหสิกรรมให้ ไม่คิดจะมีเวรกรรมกับใคร เป็นคนรักสั้น ไม่คิดรักยาว กี่อสงไขยมาแล้วที่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้ เราว่าเขา เขาหรืออาจจะไม่ใช่คนที่เราไปว่าเขา แต่เป็นคนอื่นมาว่าเราแทน ทุกอย่างเมื่อได้คิดจะสร้างเหตุ ย่อมมีผลตามมา สร้างเหตุดี ผลย่อมดี สร้างเหตุไม่ดี ผลย่อมไม่ดี |
อ้างอิงจาก: |
ขันธ์ พิมพ์ว่า:
แล้วไปยุ่งกับเขาทำไมหละครับ ตัวเราเอาดีได้หรือยัง ปฏิบัติก็ไม่ได้ ทฤษฎีก็ไม่ได้ แล้วจะไปว่าเขาทำไม ตัวเราเอาตัวเองให้ดีก่อน
พระเยซูเจ้าบอกว่า อย่าพยายามไปเขี่ยผงในตาคนอื่นออก เพราะในตาของท่านมีท่อนซุงอยู่
-- คุณขันธ์ เคยคงลืมคำพูดนี้ไปกระมัง " ถ่มน้ำลายรดฟ้า " |
คุณ วลัยพร คงลืมคำพูดนี้ไปกระมัง " ถ่มน้ำลายรดฟ้า " 555
ถ่มน้ำลายรดฟ้าอย่างไร ข้อนี้ผมจะเอามาให้คน สองมาตรฐานดูว่า
คำพูดข้างบน ไม่ได้กระทบ อะไรคุณวลัยพรเลย และผมกำลังพูดธรรมให้คุณคามินเห็น แต่ด้วยความไม่พอใจส่วนตัว คุณวลัยพร กลับย้อนบอกผมว่า ถ่มน้ำลายรดฟ้า
ทั้งๆที่ คามินกล่าวคำแบบนี้ออกมา แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาจาก วลัยพร
อ้างอิงจาก: |
โสดาบันบ้าบออะไร ทำไมแค่มุสาวาทายังรักษาไม่ได้
ปากพูดอะไรออกไป เคยมีวาจาสัตย์บ้างหรือเปล่า
โสดาบ๊องส์เอ๊ย |
ผมจึงขอ กล่าวตรงนี้ ว่า วลัยพรเป็นคน สับปลับ ดีแต่พูด ว่า ไม่แค้นเคือง ไม่โกรธ แต่เรื่องที่ ตามคอยว่าผม มาตลอด ไม่ได้พิจารณาธรรมสิ่งที่ผมพูดเลย นั่นแสดงให้เห็นถึงจิตใจ ที่สกปรก ของวลัยพรได้อย่างดี
ผมจึงขอให้กำลังใจ คุณ เฉลิมศักดิ์ ว่า อย่าไปสนใจในคำพูดของหญิงประมาทคนนี้ ที่มีแต่ จับผิด อย่างน่ารังเกียจ |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
  |
 |
walaiporn
บัวบาน

เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2008, 1:06 pm |
  |
[quote="เฉลิมศักดิ์1"]
walaiporn พิมพ์ว่า: |
ฟังไม่ออกเหมือนกัน จำได้แค่กุศลาธรรมา อกุศลาธรรมา นอกนั้นไม่รู้เรื่อง ก็นั่งๆอย่างนั้น จนพระสวดจบ แล้วก็กลับ
เข้ามาผิดงานหรือเปล่านี่  |
สาธุ คุณวลัยพรครับ การตั้งใจฟังก็ยังดี ดีกว่าการเกิด อกุศลจิต
เช่น ไม่ตั้งใจฟังแล้วยังไปคุยแข่งกับพระ หรือนึกรำคาญ เป็นต้น
แต่ถ้าหากรู้ความหมายบ้าง แล้วตั้งใจพิจารณาตาม ก็จะเกิดอานิสงส์อย่างมหาศาล
-- คุณเฉลิมศักดิ์ ดิฉันเข้าใจคุณในสิ่งที่คุณนำเสนอมานะว่าคุณรู้สึกอย่างไร ถ้าตราบใดที่คุณยังชอบเพ่งโทษผู้อื่น โดยคุณไม่มองตามความเป็นจริงว่า กุศลแต่ละคนนั้นสร้างสั่งสมมาไม่เท่ากัน อนุสัยที่เนืองนองมาแต่ละภพแต่ละชาติอีก วิบากกรรมอีก คุณควรจะหมั่นสำรวมกาย วาจา ใจ ของคุณบ้าง ค่อยๆทำไป สิ่งที่คุณคิดนั้น เป็นเพียงแค่ความคิดของคุณเอง คุณต้องหมั่นเจริญสติ เพื่อให้ทันจิตของตัวเอง จะได้ทันสังขาร ก่อนที่จะเกิดการกระทำขึ้นมา หมั่นเพ่งโทษตัวเองดีกว่า จะได้มีสติไม่คิดไปสร้างอกุศลกรรมใหม่ให้เกิดสืบเนื่องต่อไปอีก
อ้างอิงจาก: |
จำได้แค่กุศลาธรรมา อกุศลาธรรมา นอกนั้นไม่รู้เรื่อง |
ที่ที่จริงก็คือสภาพ ธรรมของ จิต เจตสิก รูป ที่เป็น กุศล , อกุศล รวมทั้งวิบาก ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยครับ คุณวลัยพร
อย่าให้อายค้างคาว ที่ฟังพระสวดจนจำติดหู นะครับ
-- อายทำไมค้างคาว ดิฉันมาไกลกว่าค้างคาวเยอะมาก การฟังสวดจนจำติดหู อันนี้ก็เป็นเพียงความจำ แต่ยังไม่ใช่ทางที่จะพาเราพ้นทุกข์โดยแท้จริง ของจริงมันต้องลงมือทำ ทำจนกว่ามันจะเกิดปัญญาญาณแจ้งออกมาจากจิต มันรู้ครั้งเดียวแล้วจบ ตัดไม่เหลือตอ คำพูดนี้ " อย่าให้อายค้างคาว ที่ฟังพระสวดจนจำติดหู " คุณน่าจะบอกกับตัวเองบ่อยๆนะ
เหตุที่แตกฉานในพระอภิธรรมได้เร็วปานนั้น
เป็นเพราะอำนาจวาสนาบารมีที่คุ้นเคย
กับการได้ฟังพระอภิธรรมนี้มาในอดีตชาตินั้นเอง
-- เหมือนคุณไงคะ คุณเคยสร้างกุศลด้านนี้มา พอมาเกิดชาตินี้ก็มีอนุสัยติดตัวมาในด้านปริยัติ ส่วนดิฉันไม่เคยสร้างมา เพราะเรื่องปริยัตินี่เมื่อก่อนแทบจะไม่กระดิกหู พอดีมีกัลยาณมิตร แนะนำว่าให้เรียนนักธรรมตรี เพื่อจะได้มีอนุสัยในชาติต่อไป ก็เลยไปเรียน พอจะมีความรู้แบบงูๆปลาๆขึ้นมาบ้างนิดหน่อย อภิธรรมนี่บอกได้เลยว่าตอนแรกจะเรียน เพราะเห็นมีคนพูดกันเยอะ โชคดีแล้วที่ไม่ได้เรียน เพราะสิ่งที่รู้มันมีอยู่ในอภิธรรม ไม่งั้นอาจจะกลายเป็นวิปัสสนึกไปก็ได้ |
|
_________________ ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง |
|
  |
 |
walaiporn
บัวบาน

เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2008, 2:26 pm |
  |
- ท่านอรรถกถาจารย์ แสดงไว้ในอัฏฐสาลินีอรรถกถาว่า
- " อภิธมฺโม นาม น อญฺเญสํ วิสโย สพฺพญฺญุตฺตพุทฺธานํ เยว วิสโย เตสํ วเสน เทเสตพฺพเทสนา "
- แปลว่า ที่ชื่อว่าพระอภิธรรม เพราะไม่ใช่เป็นวิสัยของผู้อื่น เป็นวิสัยแห่งพระสัพพัญญูของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น และการแสดงพระอภิธรรมที่ปรากฏขึ้นได้ก็โดยอำนาจแห่งพระสัพพัญญูของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายนั่นเอง[/b][/color]
---------------------------------------------------------
--ขออโหสิกรรมต่อครูบาฯ มา ณ ที่นี้ด้วย ไม่คิดจะละเมิดครูบาฯ เพียงแต่ขอเสนอความคิดเห็นบางข้อ ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะหมายถึงพระอภิธรรม ที่ครูบาฯท่านกล่าวไว้หรือเปล่า
คุณเฉลิมศักดิ์
-- เมื่อก่อน ดิฉันก็เกือบจะเป็นเหมือนครูบาฯพุทธทาสนะ เพราะไอ้สิ่งที่มันแจ้งออกมาน่ะ เขาเรียกว่า รูป นาม ขันธ์ 5 ซึ่งมันอยู่ในอภิธรรมนั่นเอง มันทำให้เราไม่มายึดมั่นถือมั่น มาแบ่งเขา แบ่งเราอีกต่อไป ครูบาฯท่านพูดถูกนะ เพราะเดี๋ยวนี้มีคนนำเรื่องขันธ์ 5 มาเขียนเป็นหนังสือกัน แต่ก็จะวกวนไปมา อันนี้พูดให้ฟังเฉยๆ ว่าไอ้ที่รู้น่ะมันรู้สั้นๆ ไม่ต้องมาบรรยายยืดยาว รู้แล้วมันจบ พอดีดิฉันมีกัลยาณมิตร ท่านเป็นมหาท่านบอกว่า ไม่ได้สิ รู้แล้วถ่ายทอดไม่ได้ จบแค่ตัวเอง ภาษาที่จะสื่อออกมาต้องให้ตรงกับปริยัติเขา ไม่ใช่คิดจะพูดในแบบของตัวเอง ถ้าคิดจะสร้างกุศล ต้องศึกษาก่อน ว่าแต่ละตัวเรียกว่าอะไร ในเมื่อรู้ตรงนี้แล้ว พอศึกษาเพิ่ม รายละเอียดก็ชี้แจงได้ง่ายขึ้น
การที่จะละสังโยชน์แต่ละข้อนั้น ที่ครูบาฯทั้งหลาย ท่านสอนให้น้อมเอา คิดเอา เป็นเพียงอุบายในวิธีการสอนของแต่ละครูบาฯ ของจริงมันรู้โดยปราศจากความคิด มันแจ้งออกมาเอง ตรงกับตำรา ถึงแม้ว่าผู้นั้นจะไม่รู้ภาษาบาลีเลยก็ตาม แต่ก็มีบางคนน่ะหลงในสมมติบัญญัติ แค่สติ สัมปชัญญะดี แล้วเห็นการเกิด ดับ ได้ทัน เห็นได้อย่างต่อเนื่อง ก็คิดเอาเองว่า ใช่ สภาวะนั้นๆ ไปหาข้อมูลว่าไอ้ที่เห็นน่ะเรียกว่าอะไร แล้วก็มายึดมั่นถือมั่นในสมมุติบัญญัตินั้นๆ แล้วก็มาสร้างอกุศลกรรมใหม่ให้เกิด แทนที่เมื่อรู้แล้ว กิเลสจะลด แต่เปล่าเลย
-- คุณเฉลิมศักดิ์ ก็เป็นผู้มีความรู้ในด้านปริยัติ น่าจะรู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่มาเที่ยวใช้ในการเพ่งโทษ กับครูบาฯพุทธทาส เลิกสร้างอกุศลกรรมอย่าทำอีกเลยค่ะ มันมีผลต่อชีวิตและการปฏิบัติของคุณ |
|
_________________ ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง |
|
  |
 |
walaiporn
บัวบาน

เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2008, 2:37 pm |
  |
ส่วนกรณีคุณขันธ์ ดิฉันไปตอบในกระทู้ที่ควรตอบแล้วค่ะ
อ้อ ... แล้วถ้าคุณขันธ์ ท่าทางจะชอบรักยาว มากกว่า รักสั้น ถ้าคิดจะต่อว่าอะไรหรือจะระบายความในใจอีก ก็เชิญค่ะ ดิฉันอโหสิกรรรมให้ แล้วยินดีทำบุญกับคุณขันธ์ โดยให้ระบายความรู้สึกในใจ โดยไม่มาโต้แย้งทั้งกระทู้นี้ และกระทู้ของคุณคามินธรรม เพราะถือว่า สิ่งที่ดิฉันเลี่ยงจะพูดออกมาตรงๆ ได้พูดไปหมดแล้วในกระทู้ของคุณคามินธรรม มันก็จบแล้วสำหรับดิฉัน
เจริญในธรรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ  |
|
_________________ ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง |
|
  |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2008, 3:00 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
คุณ mes ศึกษาพระอภิธรรม จากที่ไหนครับ ?
ส่วนผมได้ศึกษาเพียง พระอภิธัมมัตถสังคหะชั้นจูฬตรี ที่ มจร.( ชั้นอนุบาลสุด ) เมื่อหลายปีก่อน ก่อนเรียนครูบาอาจารย์ท่านจะแนะพระบาลีนำให้นักศึกษา ฟังดังนี้
|
ทำไมจะมาสอบสวนอะไรผม คุณเป็นใคร ผมจะเรียนพระอภิธรรมมาจากใหนต้องรายงานคุณด้วยหรือ
แล้วคนที่ไม่ได้เรียนพระอภิธรรมหมายถึงคนเลวทรามต่ำช้าที่คุณเที่ยวอ้างเอาพระธรรมมาด่าตลอดเวลาเป็นอย่างนั้นหรือครับ
ความเชื่อเป็นสิทธิส่วนบุคคล
ที่นี่เป็นเวปสาธารณะ
คุณเอาสิทธิอะไรมาใช้
คุณมีสิทธิอะไรไปบังคับให้คนเชื่อตามคุณ
คุณวิปลาสหรือเปล่า |
|
|
|
   |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2008, 3:07 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
คุณ mes ครับ เหมือนดังคำสอนจากท่านผู้ทรงพระไตรปิฏก ที่ท่านชี้ให้เห็นถึงผลของ อกุศลจิต จากพระอภิธรรม ที่คุณเคยอ้างถึง ในตอนแรก ๆ ที่นำมาเตือนผม แล้วคุณ mes อย่าลืมนำหลักจากพระอภิธรรมนี้มาเตือนตนเองด้วยนะครับ
|
ผมไม่ลื่มแต่ยอมรับวิบากนั้นเพราะทนเห็นความเลวทรามและความอหังการ์ มมังการ์ของคุณไม่ได้
ดูแลตัวเองดีๆเถอะ
ท่องพระอภิธรรมได้แต่ไม่เข้าถึง
กลับเกิดอัสสมิมานะเที่ยวเพ่งโทษพระเถระผู้ใหญ่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
อย่าว่าแต่ปรมัตถ์ธรรมเลย ศีลธรรมก็บกพร่อง
อ้างอิงจาก: |
ผมยอมวจีทุจริต
|
ผมยอมเสียสละเพื่อไม่ให้อนุชนหลงผิด
เพื่อไม่ให้โมฆะบรุษบิดเบืองเจตนาของพระตถาคต |
|
|
|
   |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2008, 3:10 pm |
  |
พระพุทธเจ้าไม่เคยบังคับใครให้เชื่อพระองค์มีแต่ทรงสั่งสอนให้ใช้ปัญญา
ถ้าคนที่ไม่เคยเรียนอภิธรรมมายังพอให้อภัยได้
แต่คนที่อวดอ้างว่าเรียนจบชั้นอภิธรรมมาแล้ว
กล่าวร้ายต่อพระสงฆ์ด้วยพยาบาท
พูดจาหลอกลวงโกหก
ขี้ขลาดทำผิดแล้วไม่กล้ารับผิด
อย่างนี้ควรเอาอย่างไหม |
|
|
|
   |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2008, 3:15 pm |
  |
คนที่เก่งแต่อวดอ้างว่าตนเรียนรู้พระอภิธรรม
ถามอะไรไปก็บ้าไบ้ตอบไม่ได้
ที่ถามไปคราวนี้ก็ไม่ตอบ
เขาเรียกเก่งแต่โม้
เรียนเสียเวลาเปล่า
ที่ถามว่า
อ้างอิงจาก: |
Code:
คือเดี๋ยวนี้นะคะ รู้สึกว่าพอทำสมาธิไปไม่นานก็จะรู้สึกเหมือนว่า เอ๊ะ ตัวเองหายใจอยู่มั้ย แล้วจะรู้สึกอึดอัด เหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง ต้องรีบสูดหายใจอีกครั้ง ต้องทำอย่างไรคะ
ในการเรียนพระธรรมต้องถึงทั้ง
ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวช
เก่งแต่ทฤษฎีอย่างเดียวหากไม่ปฏิบัติก็ไม่เกิดปฏิเวช
นั่นคือบรรลุธรรมไม่ได้
กล้าตอบไหม |
อ้างอิงจาก: |
อ้างอิงจาก:
วิธีทำสมาธิจิตของคุณเฉลิมศักดิ์ทำอย่างไหง
อย่าไปคลิ๊กเอา อจ.บุญมี อจ.แนบ อจ.บุษกร มาอีกล่ะ
ตอบอันนี้ด้วย
อย่าเก่งแต่อวดอ้าง |
คุณต้องตอบว่ารู้จริงซิ
ไม่ใช่กล่าวเพ่งโทษคนอื่นมัวไปหมด |
|
|
|
   |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2008, 3:19 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
มีศรัทธา ๔ เพียงเล็กน้อย มีโอกาสก็เข้าไปฝึกหัดปฏิบัติวิปัสสนาบ้างตามสมควร เช่น วันหยุดติดต่อกัน ๓ วัน
ต่างจาก ผู้ที่ได้ศึกษาพระอภิธรรม และเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ท่านได้เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร เห็นการเกิดมีรูปนาม นั้นเป็นทุกข์อย่างยิ่ง และบางท่านก็ได้ปลีกตัวออกปฏิบัติวิปัสสนาอย่างจริงจัง
|
ไหนลองอธิบายว่าคุณบรรลุขั้นไหนแล้ว |
|
|
|
   |
 |
|