Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ปรมัตถ์ธรรมของการจุติ ปฏิสนธิ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ย. 2008, 11:25 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
ตามหลักปรมัตถธรรม หรือตามสภาวะนั้น คนตายหรือสัตว์ตายไม่มี คนตายหรือสัตว์ตาย เป็นเพียงเราสมมุติพูดกันให้เข้าใจเท่านั้น
อันหมายถึงว่าคนที่ไม่หายใจแล้ว คือคนตาย แต่ตามสภาวธรรมกลับตรงกันข้าม คนจะตายหรือคนกำลังมีชีวิตอยู่ ธรรมชาติของจิตก็เกิดดับสืบต่อไป และทำงานเช่นนั้น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนว่า สภาวะ คือธรรมชาติทั้งหลายจะเกิดขึ้นได้นั้นต้องอาศัยเหตุ ถ้าปราศจากเหตุเสียแล้วก็หาเกิดขึ้นมาไม่ได้ แต่เหตุที่ว่านี้มีหลายชั้น เป็นเหตุใกล้ๆ ตื้นๆ เผินๆ เห็นง่ายก็มี แต่เหตุที่ไกลๆ ลึกซึ้ง เห็นได้ยากก็มี ปัญหาต่างๆ ของชีวิต เช่น ชีวิตคืออะไร มาจากไหน เป็นเรื่องล้ำลึก ถ้าไม่ได้อาศัยสัพพัญญุตาญาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็จะเข้าไม่ถึงเลย
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ย. 2008, 1:20 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ย. 2008, 2:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หลวงพ่อปราโมช บอกว่า

จิตขณะตอนตาย จะเป้นตัวกำหนดว่าเราจะไปเกิดเป้นอะไร
เช่น เบลอๆ ก็ไปเป็นสัมพะเวสี
ถ้าโกรธ โมโหร้าย ก้จะไปเกิดเป็นพวก อสุรกาย
ถ้าจิตกุศล ก็เป็นเทวดา มนุษย์

แต่ถ้ามีกรรมหนักอนันตริยะทำไว้ มันจะให้ผลก่อน
จากนั้น กรรมหนักที่ทำตอนใกล้ตายใฟห้ผลรองลงมา


ท่านสอนอย่างนี้
อย่างไรเสีย เรื่องการรู้แจ้งแทงตลอดว่าสัตว์โลกมีกำเนิดอย่างไร
เราคงทำได้แค่ฟังท่านเล่ามา

เพราะการรู้เช่นนั้น เข้าใจว่าต้องเป้นพระอริยะเจ้าชั่นใดชั้นหนึ่ง
ถึงจะเข้าใจแบบ "รู้แจ้ง"

ว่าอย่างนั้นนะคับ

อนึ่ง คำสอนหลวงพ่อปราโมช สอดคล้องกับหลวงปู่มั่นตรงที่
ที่หลวงปู่ท่านไม่ได้พูดถึงจิตเดิมเอาไว้
พูดแต่ว่าจิตเดิมมันมี "อวิชชา"
แปลว่า ยังไม่ใช่จิตที่มี"วิชชา"

ผมเลยต่อจิ๊กซอไปเองว่า

ก้จิตที่เราตายไปนี่แหละ
เป็นจิตที่ไปเกิดเป้นคนเป้นสัตว์เป้นเทวดา เป้นเปรต ขึ้นมา
ซึ่งอธิบายการเวียนว่ายตายเกิดได้

จนกว่าจะมี"วิชชา" จิตจึงจะดับลงอย่างพิเศษ
ไม่ใช่ดับแบบคนธรรมดาตายโดยจิตยังมีสภาวะ +/- ต่างๆนาๆ
แต่ดับแบบจิตว่างแล้วตาย จิตเป็น 0 ไม่ลบ ไม่บวก
จึงไม่เกิดเป้นอะไรอีก จึงเรียกว่าหลุดจากวัฏฏสงสาร

ทั้งหมดนี้ แค่คิดแบบ จินตมัยปัญญานะคับ
ประติดประต่อไปตามความรู้ที่มี
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ย. 2008, 2:23 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๖. มูลการของสังสารวัฏฏ์
ฐีติภูตํ อวิชฺชา ปจฺจยา สงฺขารา อุปาทานํ ภโว ชาติ
คนเราทุกรูปนามที่ได้กำเนิดเกิดมาเป็นมนุษย์ล้วนแล้วแต่มีที่เกิดทั้งสิ้น กล่าวคือมีบิดามารดาเป็นแดนเกิด ก็แลเหตุใดท่านจึงบัญญัติปัจจยาการแต่เพียงว่า อวิชฺชา ปจฺจยา ฯลฯ เท่านั้น อวิชชา เกิดมาจากอะไรฯ ท่านหาได้บัญญัติไว้ไม่ พวกเราก็ยังมีบิดามารดาอวิชชาก็ต้องมีพ่อแม่เหมือนกัน ได้ความตามบาทพระคาถาเบื้องต้นว่า ฐีติภูตํ นั่นเองเป็นพ่อแม่ของอวิชชา ฐีติภูตํ ได้แก่ จิตดั้งเดิม เมื่อฐีติภูตํ ประกอบไปด้วยความหลง จึงมีเครื่องต่อ กล่าวคือ อาการของอวิชชาเกิดขึ้น เมื่อมีอวิชชาแล้วจึงเป็นปัจจัยให้ปรุงแต่งเป็นสังขารพร้อมกับความเข้าไปยึดถือ จึงเป็นภพชาติคือต้องเกิดก่อต่อกันไป ท่านเรียก ปัจจยาการ เพราะเป็นอาการสืบต่อกัน วิชชาและอวิชชาก็ต้องมาจากฐีติภูตํเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อฐีติภูตํกอปรด้วยวิชชาจึงรู้เท่าอาการทั้งหลายตามความเป็นจริง นี่พิจารณาด้วยวุฏฐานคามินี วิปัสสนา รวมใจความว่า ฐีติภูตํ เป็นตัวการดั้งเดิมของสังสารวัฏฏ์ (การเวียนว่ายตายเกิด) ท่านจึงเรียกชื่อว่า "มูลตันไตร" (หมายถึงไตรลักษณ์) เพราะฉะนั้นเมื่อจะตัดสังสารวัฏฏ์ให้ขาดสูญ จึงต้องอบรมบ่มตัวการดั้งเดิมให้มีวิชชารู้เท่าทันอาการทั้งหลายตามความเป็นจริง ก็จะหายหลงแล้วไม่ก่ออาการทั้งหลายใดๆ อีก ฐีติภูตํ อันเป็นมูลการก็หยุดหมุน หมดการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์ด้วยประการฉะนี้

จากมุตโตทัย
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
อิทธิกร
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 28 ส.ค. 2008
ตอบ: 137
ที่อยู่ (จังหวัด): ชลบุรี

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ย. 2008, 4:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กราบ กราบ กราบ
 

_________________
ชีวิตที่รู้
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ย. 2008, 4:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าขาดคามินธรรมก็เหงา

ไหนๆก็รู้วิธีซ้อมตายมาแล้ว

ซ้อมใหญ่กันเลยไหม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ย. 2008, 1:14 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พูดเป็นลาง ไม่ดี ธรรมะสวัสดีจ้า ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป สาธุ สาธุ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ย. 2008, 2:10 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
พูดเป็นลาง ไม่ดี ธรรมะสวัสดีจ้า ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป สาธุ


คุณบัวหิมะ

ผมหมายถึงการเจริญมรณานุสติครับ

พระพุทธเจ้าทรงยกย่องให้เจริญทุกหายใจเข้าออกครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ย. 2008, 5:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
ถ้าขาดคามินธรรมก็เหงา
ไหนๆก็รู้วิธีซ้อมตายมาแล้ว
ซ้อมใหญ่กันเลยไหม



อืมม์ คุณ mes กับคุณคามินรูปงาม มาซ้อมตายกันอยู่ที่นี่เอง ยิ้ม

ไม่ซ้อม...นั่นๆ ตามคำเชิญของท่าน Admin ก่อนจุติ ปฏิสนธิบ้างอีก

รึ อายหน้าแดง


ที่ว่า (ผมจะนั่งดูว่าพวกท่านจะ "จัดการกันเอง" อย่างไร !) เจ๋ง ยิ้มเห็นฟัน

อ้างอิงจาก:

เรื่องลบ หรือแบน ชื่อสมาชิกคนใดคนหนึ่งนั้นเป็นเรื่องง่ายๆ มาก แต่ไม่ใช่ทางที่แก้ปัญหาที่ดี ถ้าลบเดี๋ยวคุณก็ใช้ชื่อใหม่ หรือไม่คุณก็ไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่ เดี๋ยวก็ไปก่อปัญหาให้เว็บบอร์ดแห่งอื่นๆ อีกไม่รู้จบสิ้น ฉะนั้น

ผมจะนั่งดูว่าพวกท่านจะ "จัดการกันเอง" อย่างไร !


เปิดโอกาสให้ทุกท่านได้โพสกระทู้ทำความตรงกันว่าจะตกลงกันอย่างไร? แต่ไม่ใช้คำพูดที่พาดพิงกันรุนแรง หรือโทษคนนั้นคนนี่อีก อย่างที่เคยโพสไว้



http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17488


ขอความร่วมมือจากท่านสมาชิกที่มีรายชื่อดังข้างล่างนี้
ได้โปรดกรุณาสำรวมระวังในการแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ

1. คุณกรัชกาย
2. คุณขันธ์
3. คุณคามินธรรม
4. คุณ natdanai
5. คุณ mes
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา

แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 03 ก.ย. 2008, 6:47 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ย. 2008, 6:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ปรมัตถธรรม

ปรมัตถธรรมตามหลักอภิธรรมว่ามี 4 อย่าง คือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน

เรื่องนี้คุณเฉลิมศักดิ์ น่าจะอธิบายได้ ยิ้ม เข้ามาสนทนากันที่กระทู้นี้

สิครับ
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ย. 2008, 8:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สมาชิกบ้านเลขที่5
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ย. 2008, 8:18 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มี พรก. ฉุกเฉิน แต่ให้ชุมนุมได้ ปรบมือ
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ย. 2008, 8:20 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณกรัชกายครับ ตามคำขอครับ

อ้างอิงจาก:
พระอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉทที่ ๘
http://abhidhamonline.org/aphi/p8/056.htm

เมื่อพิจารณาองค์ปฏิจจสมุปปาทตามนัยแห่ง บุพพันตภวจักร์ และ อปรันต ภวจักร์ ที่กล่าวมาแล้วนี้ ก็จะเห็นได้ว่า

ก. อวิชชา สังขาร และตัณหา อุปาทาน กัมมภพ ที่เกิดมีปรากฏขึ้นในภพ ก่อนนั้น สงเคราะห์เป็น บุพพันตภวจักร์

ข. ตัณหา อุปาทาน กัมมภพ และ อวิชชา สังขาร ที่เกิดมีปรากฏอยู่ในภพนี้ นั้น สงเคราะห์เป็นอปรันตภวจักร์

ค. วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา และ ชาติ ชรามรณะ อัน ได้แก่ สัตว์ทั้งหลายตั้งแต่เริ่มเกิดจนกระทั่งตายในภพนี้นั้น สงเคราะห์เป็น บุพพันต ภวจักร์

ง. ชาติ ชรามรณะ และวิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ที่จะเกิด ปรากฏขึ้นใหม่ในภพข้างหน้า อันได้แก่ สัตว์ทั้งหลายที่จะเกิดในภพใหม่ชาติใหม่ ต่อไปข้างหน้านั้น สงเคราะห์เป็น อปรันตภวจักร์

ทั้งนี้ก็มีความหมายว่า เป็นการหมุนวนเกิดขึ้นสืบเนื่องกันระหว่างภพก่อนกับ ภพนี้ และภพนี้กับภพหน้า อันเป็นการหมุนวนอยู่ในวัฏฏสงสาร วัฏฏทุกข์นั่นเอง

เท่าที่กล่าวมาแล้วนี้ ก็พอจะทำให้เห็นได้แล้วว่า การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ใน สังสารวัฏฏ ไม่ใช่เป็นการเกิดขึ้นของสัตว์บุคคลใด แต่เป็นการเกิดขึ้นติดต่อกัน ของขันธ์ ธาตุ อายตนะ อันได้แก่ ปฏิจจสมุปปาทธรรมนั่นเอง ในอัฏฐสาลินี อรรถกถา แสดงไว้ว่า “การเกิดขึ้นและเป็นไปโดยติดต่อกันอย่างไม่ขาดสายแห่ง ขันธ์ ธาตุ อายตนะ เหล่านี้แหละ เรียกว่า สังสาระ”

____________________________________

จากหนังสือ พุทธธรรม ฉบับขยายความที่คุณกรัชกายอ้างถึงบ่อย ๆ

ความเห็นผิดสุดโต่ง ๒ สาย
http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/011129.htm?9

--------------------------------------------------


พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์

543 อนาคตของคนจิตเศร้าหมองและผ่องใส
http://84000.org/true/543.html

----------------------------------------------------------------
021 มนุษย์ไปเกิดเป็นสัตว์ได้
http://www.84000.org/true/021.html
-------------------------------------------------------
073 คนเกิดเป็นสัตว์ได้
http://www.84000.org/true/073.html
------------------------------------------------------
074 คนพาลเกิดเป็นมนุษย์ได้ยาก
http://www.84000.org/true/074.html
------------------------------------------------------
072 นรกมีจริงหรือ
http://84000.org/true/072.html
---------------------------------------------------
495 ตรัสว่าคนตายแล้วเกิดจริง
http://www.84000.org/true/495.html
----------------------------------------------------
526 พระพุทธองค์ทรงรับรองการตายแล้วเกิด
http://www.84000.org/true/526.html
-----------------------------------------------------
061 เหตุให้เชื่อชาติหน้า
http://www.84000.org/true/061.html
--------------------------------------------------------
037 โลกหน้ามีจริงหรือไม่
http://www.84000.org/true/037.html
-----------------------------------------------------------
166 เหตุให้เกิดในภพ
http://www.84000.org/true/166.html
------------------------------------------------------------
046 พุทธทำนาย
http://www.84000.org/true/046.html
-------------------------------------------------------------

พระอภิธัมมัตถสังคหะ

อารมณ์ของสัตว์ที่มรณะ
http://abhidhamonline.org/aphi/p5/083.htm
--------------------------------------------------
กรรมอารมณ์
http://abhidhamonline.org/aphi/p5/084.htm
-------------------------------------------------------
กรรมนิมิตอารมณ์
http://abhidhamonline.org/aphi/p5/085.htm

-----------------------------------------------------------
คตินิมิตอารมณ์
http://abhidhamonline.org/aphi/p5/086.htm
----------------------------------------------------
จุติ แล้ว ปฏิสนธิ
http://abhidhamonline.org/aphi/p5/087.htm
--------------------------------------------------
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ย. 2008, 8:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เห็นลิงค์มึนหัวทุกที ร้องไห้

อ้าวนี่อีกลิงค์ น่าจะพอง่ายหน่อย

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14841
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ย. 2008, 8:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
ตามหลักปรมัตถธรรม หรือตามสภาวะนั้น คนตายหรือสัตว์ตายไม่มี คนตายหรือสัตว์ตาย เป็นเพียงเราสมมุติพูดกันให้เข้าใจเท่านั้น
อันหมายถึงว่าคนที่ไม่หายใจแล้ว คือคนตาย แต่ตามสภาวธรรมกลับตรงกันข้าม คนจะตายหรือคนกำลังมีชีวิตอยู่ ธรรมชาติของจิตก็เกิดดับสืบต่อไป และทำงานเช่นนั้น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนว่า สภาวะ คือธรรมชาติทั้งหลายจะเกิดขึ้นได้นั้นต้องอาศัยเหตุ ถ้าปราศจากเหตุเสียแล้วก็หาเกิดขึ้นมาไม่ได้ แต่เหตุที่ว่านี้มีหลายชั้น เป็นเหตุใกล้ๆ ตื้นๆ เผินๆ เห็นง่ายก็มี แต่เหตุที่ไกลๆ ลึกซึ้ง เห็นได้ยากก็มี ปัญหาต่างๆ ของชีวิต เช่น ชีวิตคืออะไร มาจากไหน เป็นเรื่องล้ำลึก ถ้าไม่ได้อาศัยสัพพัญญุตาญาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็จะเข้าไม่ถึงเลย


คุณ mes ครับ คุณน่าจะอ้างอิงจากการบรรยายของท่านอาจารย์บุญมี เมธางกูร


ท่านเป็นผู้ทรงพระไตรปิฏก โดยเฉพาะพระอภิธรรม

ศึกษาการบรรยายของท่านได้ที่


http://www.abhidhamonline.org/Ajan/book.htm

ชีวิตภายหลังความตาย โดยท่านอาจารย์บุญมี เมธางกูร
http://www.abhidhamonline.org/Ajan/BM/after.doc

คนตายแล้วไปเกิดได้อย่างไร โดยท่านอาจารย์บุญมี เมธางกูร
http://www.abhidhamonline.org/Ajan/BM/how.doc

--------------------------------------------------------


http://larndham.net/index.php?showtopic=30642&st=100



สำหรับคำสอนของพระพุทธศาสนานั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนว่า คนตายแล้วไปเกิดอีกได้ แต่จะไปเกิดเป็นมนุษย์หรือเป็นสัตว์ก็ได้ แต่อย่างไรก็ดี พระองค์มิได้ทรงสอนไว้เฉยๆ ลอยๆ ว่า คนตายแล้วไปเกิดได้เท่านั้น หากแต่ได้ทรงแสดงรายละเอียดในเรื่องนี้ไว้เป็นขั้นเป็นตอนอย่างพิสดาร ถึงวิธีที่ไปเกิดได้อย่างไร? มีอะไรบ้าง? ไปอย่างไร? เกิดอย่างไร? พระองค์ทรงสอนไว้ยากง่ายเป็นชั้นๆ แล้วแต่วุฒิของบุคคลผู้ใดสนใจศึกษา มีพื้นฐานมาดี ก็สามารถเข้าใจได้ละเอียดขึ้น

แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนว่า คนตายแล้วไปเกิดก็ดี แต่ความคิดเห็นของศาสดาอีกหลายท่านที่มีตรงกันในหลักใหญ่ๆ ของพระพุทธศาสนาเพียงว่า “เกิดอีก” เท่านั้น เช่น ศาสนาพราหมณ์ถือว่า คนตายแล้วจิตหรือวิญญาณก็ล่องลอยออกจากร่างไปปฏิสนธิใหม่ เหตุนี้จิตหรือวิญญาณก็เป็นอมตะไม่มีวันตาย เมื่อจากคนนี้ก็ไปสู่ยังคนนั้น เมื่อจากคนนั้นก็ไปสู่ยังคนอื่นๆ ต่อไปตามลำดับ เหมือนคนอาศัยอยู่ในบ้าน เมื่อบ้านพังลงแล้วจะอาศัยอยู่ไม่ได้ ก็ต้องเดินทางไปหาบ้านอยู่ใหม่ต่อไป แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้ตรงกันข้าม พระองค์สอนว่า จิตหรือวิญญาณนั้นมิได้เป็นอมตะไม่มีวันตาย หากแต่เกิดดับสืบต่อกันไปไม่ขาดสาย และจิตก็ล่องลอยไปหาที่เกิดใหม่ไม่ได้เลย จะเทียบคนย้ายจากบ้านที่จะพังหาได้ไม่ ยิ่งกว่านั้น ความเข้าใจที่ว่าการไปเกิดได้ ก็ไปแต่จิตหรือวิญญาณเท่านั้น ก็เป็นความเข้าใจผิด เพราะยังมีรูปอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า กรรมชรูป คือรูปอันเกิดแต่กรรม ก็ร่วมในการปฏิสนธิด้วย สำหรับข้อนี้เป็นอีกข้อหนึ่งที่ท่านจะได้เห็นความพิสดารน่าอัศจรรย์ในพระพุทธศาสนา เพราะไม่ว่าใคร หรือศาสดาองค์ไหนที่เห็นว่า คนตายแล้วไปเกิดได้ ก็จะต้องไปแต่จิตหรือวิญญาณเท่านั้น ทั้งมิได้แสดงการตายการเกิดอย่างไรให้ชัดแจ้ง แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนว่า นอกจากจิตไม่ใช่ล่องลอยไปแล้ว รูปบางชนิดก็ไปเกิดได้ ส่วนจะไปได้อย่างไร? รูปอะไรบ้าง? มีเหตุผลหลักฐานข้อเท็จจริงอย่างไรนั้น ขอได้โปรดฟังต่อไป


http://www.abhidhamonline.org/Ajan/BM/how.doc

--------------------------------------------------------------
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ย. 2008, 8:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ mes ต่างจาก การสอนของท่านพุทธทาส ที่หลีกเลี่ยง และ ปฏิเสธ การสอนในเรื่อง จุติ ปฏิสนธิ แล้วโจมตีพระอภิธรรม พระสูตร ที่ว่าด้วยการเวียนว่ายตายเกิดว่า



จากหนังสือ อภิธรรมคืออะไร ?

------" ฉะนั้นขอให้ระวังกันให้มาก ในการที่จะไปสอนอภิธรรมเรื่องจิตเรื่องเจตสิกละเอียดละอออย่างยิ่ง แล้วในที่สุดไปหลงมหากุศล จะหอบหิ้วมหากุศลอันนี้เอาไปด้วย จิตดวงนี้ไปในภพโน้น มันเป็นสัสสทิฏฐิ แล้วบางคนอธิบายว่า เป็นพระโสดาบันเกิด ๗ ชาติ แล้วก็คน ๆ นั้นเองเกิด ๗ ชาติ เข้าโลงแล้วเกิดอีก เข้าโลงแล้วเกิดอีกมันก็เป็น ๗ ชาติเป็นคน ๆ นั้นเอง แล้วความเป็นพระโสดาบันหอบหิ้วเอาไปได้อย่างไร ถ้าหอบหิ้วไปได้มันก็เป็นพระโสดาบันมาแต่ในท้อง แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไร นั่นแหละคือสัสสตทิฏฐิหรือมิจฉาทิฏฐิ คือพูดผิดไปแล้วโดยไม่รู้สึกตัว (หน้า๒๓)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ย. 2008, 9:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

[color=blue]อ้างอิงจาก:
อ้างอิงจาก:
ขอให้ท่านทำความเข้าใจเอาไว้แต่เพียงว่าคนตาย หรือสัตว์ตายนั้น มิได้มีจริงๆ ทั้งรูปทั้งนามก็ย่อมจะผันแปรเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย เวลานี้มีรูปมีนามอยู่ที่นี่ เผลอไปอีกวินาทีหนึ่ง รูปนามนี้ก็อาจจะสืบต่อไปอยู่ในท้องของมารดา เป็นเพียงจุดเล็กๆจุดหนึ่งของมารดาอีกคนหนึ่งเสียก็ได้ แล้วต่อไปอีกไม่นานสักเท่าใดก็เป็นไปอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะได้เกิดเป็นเปรต อสุรกาย หรือเกิดเป็นเทวดา
[/color]
เฉลิมศักดิ์ออกมากล่าวหาผมว่า
คงเป็นคำสอนของท่านพุทธทาส ที่คุณ mes ออกมาปกป้อง
คุณ mes ครับ เปรต อสุรกาย เทวดา ท่านพุทธทาสได้ให้คำจำกัดความ ว่าหมายถึงคนที่มีภาวะจิตใจต่าง ๆ ( ไม่เกี่ยวกับการตายเข้าโลง)ไว้ดังนี้ครับ ( ไม่ใช่ โอปปาติกะ ในภพภูมิต่าง ๆ )

http://www.buddhadasa.com/dhamanukom/language30.html


ผมตอบว่า

ข้อความข้างบนนี้เป็นของท่าน บุญมี เมธางกูร
http://www.abhidhamonline.org/Ajan/BM/after.doc

หลังจากผมเปิดเผยบทความนี้แล้วเฉลิมศักดิ์ถึงได้มาตอบกระทู้นี้
 


แก้ไขล่าสุดโดย mes เมื่อ 03 ก.ย. 2008, 10:06 pm, ทั้งหมด 4 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ย. 2008, 9:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณเฉลิมศักดิ์

คุณจะยกเอาพระสูตรมาตั้งแล้วกล่าวโจมตีท่านพุทธทาส

คุณทำไปได้เลย

คุณจะไปฟ้องทีมงานคุณก็ทำไป

ถ้าผมปกป้องความถูกต้อง

กลายเป็นผมไม่สำรวมในการแสดงความคิดเห็น เป็นคนไม่มีสัมมาวาจายังที่คุณไปฟ้องทีมงาน

ในเมื่อสังคมชอบให้มีการโจมตีท่านพระสงฆ์ผู้มีปฏิสัมปทา

โดยเฉพาะท่านก็ล่วงลับไปแล้ว

ท่านสุคติหรือาจจะนิพพานแล้ว

คุณทำได้ตามสบายเลย

ทีมงานที่นั่งดูก็ขอให้ดูดีๆด้วย

ผมก็จะนั่งดูบ้างว่าทีมงานจะจัดการอย่างไร

ฝากทีมงานนิดหนึ่งอย่าลืมไปเปิดดูผู้ที่ใช้ชื่อว่า ปราบมาร
เขียนไว้แล้วท่านไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยครับ

สำหรับคุณเฉลิมศักดิ์

คุณไปอ่าน วิภัชชวาทเสียก่อน

ไหนๆก็มั่นใจตัวเองเก่งปริยัติ

ผมไม่ติดใจที่ถูกเตือน น้อมรับด้วยความสำนึก

แตเสียใจนิดเดียว

เวปธรรมะให้เฉลิมศักดิ์ย่ำยีพระสงฆ์ขนาดนี้ได้

แต่กลับไปติดใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ

น่าเสียใจจริงๆ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ย. 2008, 10:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ในเมื่อคุณเฉลิมศักดิ์ไม่มีเจตนาสนทนาธรรมจริงๆ

เพียงแค่ต้องการอาศัยเวปนี้โจมตีท่านพุทธทาสเท่านั้น

เหมือนเวปพันธุ์ทิพย์ ที่คุณโดนหนักกว่านี้มาก กับลานธรรมเสวนาที่คุณก็โดนมาไม่น้อย

การแสดงความคิดเป็นสรีภาพ

แต่ผู้ที่คุณโจมตีมีโอกาสแก้ต้วไหม

แล้วความชอบธรรมละ

ถ้าเอากันแค่พอสมควรก็ไม่เป็นไร

แต่นี่เล่นกันจะเอากันให้จม

จะเหยียบท่านพุทธทาสให้จม

คนที่เคารพนับถือท่านก็มีอีกมาก

ในเมือทีมงานที่นี้เห็นแตกต่างกับผม

เป็นเวปของท่านนี่ครับ

ก็สุดแต่ท่านจะพิจารณาว่าอะไรเหมาะสมก็แล้วกัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 04 ก.ย. 2008, 5:32 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กรัชกาย พิมพ์ว่า:
เห็นลิงค์มึนหัวทุกที ร้องไห้

อ้าวนี่อีกลิงค์ น่าจะพอง่ายหน่อย

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14841


คุณกรัชกายครับ ลิงค์ ปฏิจจสมุปบาท ของคุณ ผมว่ายังไม่ครอบคลุมเท่าไหรครับ

ควรจะศึกษาเพิ่มเติมจาก พระไตรปิฏก อรรถกถา ท่านผู้รู้เพิ่มเติมครับ

มหานิทานสูตร


เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ บรรทัดที่ ๑๔๕๕ - ๑๘๘๗. หน้าที่ ๖๐ - ๗๗.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=1455&Z=1887&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=57
----------------------------------------------------------------------

๒. วิภังคสูตร
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_line.php?B=16&A=33
--------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฏกฉบับสำหรับประชาชน

๒ . มหานิทานสูตร
สูตรว่าด้วยต้นเหตุใหญ่

http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/prasuttanta/2.html

----------------------------------------------


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๓
ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค

มหาวรรค ญาณกถา (พระสารีบุตร)
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=31&A=95&Z=3331


[๙๘] ในกรรมภพก่อน ความหลงเป็นอวิชชา กรรมที่ประมวลมาเป็น
สังขาร ความพอใจเป็นตัณหา ความเข้าถึงเป็นอุปาทาน ความคิดอ่านเป็นภพ
ธรรม ๕ ประการในกรรมภพก่อน เหล่านี้ เป็นปัจจัยแห่งปฏิสนธิในอุปปัตติภพนี้
ปฏิสนธิเป็นวิญญาณ ความก้าวลงเป็นนามรูป ประสาท (ภาวะที่ผ่องใสใจ) เป็น
อายตนะ ส่วนที่ถูกต้องเป็นผัสสะ ความเสวยอารมณ์เป็นเวทนาในอุปปัตติภพนี้
ธรรม ๕ ประการในอุปปัตติภพนี้เหล่านี้ เป็นปัจจัยแห่งกรรมที่ทำไว้ในปุเรภพ
ความหลงเป็นอวิชชา กรรมที่ประมวลมาเป็นสังขาร ความพอใจเป็นตัณหา
ความเข้าถึงเป็นอุปาทาน ความคิดอ่านเป็นภพ (ย่อมมี) เพราะอายตนะทั้งหลาย
ในภพนี้สุดรอบ ธรรม ๕ ประการในกรรมภพนี้เหล่านี้ เป็นปัจจัยแห่งปฏิสนธิ
ในอนาคต ปฏิสนธิในอนาคตเป็นวิญญาณ ความก้าวลงเป็นนามรูป ประสาทเป็น
อายตนะ ส่วนที่ถูกต้องเป็นผัสสะ ความเสวยอารมณ์เป็นเวทนา ธรรม ๕ ประ-
*การในอุปปัตติภพในอนาคตเหล่านี้ เป็นปัจจัยแห่งกรรมที่ทำไว้ในภพนี้ พระ-
*โยคาวจร ย่อมรู้ ย่อมเห็น ย่อมทราบชัด ย่อมแทงตลอด ซึ่งปฏิจจสมุปบาท
มีสังเขป ๔ กาล ๓ ปฏิสนธิ ๓ เหล่านี้ โดยอาการ ๒๐ ด้วยประการดังนี้
ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่ารู้ชัด
เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในการกำหนดปัจจัย เป็นธรรมฐิติญาณ ฯ
-------------------------------------------------------------------------

ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=31&i=1

------------------------------------------------------------

ศึกษา อาการ ๒๐ ในปฏิจจสมุปบาทธรรมเพิ่มเติมได้ที่

พระอภิธัมมัตถสังคหะ

ปฏิจจสมุปปาทธรรม นัยที่ ๓ วีสตาการา (อาการ ๒๐)
http://abhidhamonline.org/aphi/p8/051.htm

-----------------------------------------------------------------

การแสดงธรรมจากท่านอาจารย์

ปฏิจจสมุปบาท
http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=8821

--------------------------------------------------------------------

เคยนั่งฟัง การบรรยาย ปฏิจจสมุปบาทธรรม ต่อหน้าหลวงพ่อ ท่านแสดงถึงอานิสงส์ไว้ เกิดศรัทธามาก ๆ ครับ


ปฏิจจสมุปบาทธรรมนั้นเป็นระบบการกำเนิดสัตว์ หรือเรียกว่าชีวิต หรือกฎการหมุนเวียนแห่งชีวิต เรียกธรรมนี้ว่าภวจักร ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ ปฏิจจสมุปบาทนั้น เป็นลักษณะเป็นปัจจัยแห่งชาติ ชรา – มรณะ ทำหน้าที่ให้เกิดทุกข์ติดตามมาในสังสารวัฏฏ์ และทำให้เกิดการเดินทางผิดจากพระนิพพานเป็นผล ชีวิตจึงเวียนวนอยู่ในสงสาร เวียนไปด้วยความไม่รู้จากกิเลสวัฏฏ์ กัมมวัฏฏ์ และวิบากวัฏฏ์

ภวจักร แปลว่า ล้อชีวิตหมุนอยู่ตลอด
สังสารวัฏฏ์ มาจากคำว่า สังสารจักร



ผู้ที่ฟังเรื่องปฏิจจสมุปบาทและปัญจาการนี้ โอกาสเท่ารูเข็มที่จะให้ทิฏฐิ (ความเห็นผิด) เกิดไม่ได้เลย เป็นมหากุศลญาณสัมปยุต ที่แน่นสืบต่อกันอย่างมั่นคง วิบากอันเป็นอกุศลเท่ารูเข็มจะไม่ปรากฏขึ้น

ฉะนั้น ขณะใดที่นั่งเรียนอยู่ และมีการแสดงธรรมปัญจาการและปฏิจจสมุปบาท ต่อให้มีอันตรายไม่ต้องหลบเพราะขณะนี้วิบากอกุศลเท่ารูเข็ม ที่จะเกิดให้วิบากอกุศลเข้ามา หรือกรรมเบียดเบียนฝ่ายอกุศล กับกรรมตัดรอนฝ่ายอกุศลจะเข้ามาไม่ได้เลย เพราะไม่มีเลยเท่าช่องรูเข็ม นี่คือธรรมวิเศษของปฏิจจสมุปบาทและปัญจาการ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง