Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 พฤติกรรมเบี่ยงเบนที่ไม่น่าปรารถนาที่มักเกิดกับนักศึกษาธรรมะ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่หัวข้อนี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไข หรือตอบได้
ผู้ตั้ง ข้อความ
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 28 ส.ค. 2008, 11:12 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สิ่งที่มนุษย์ควรจะได้พบ ขอให้ฆารวาสทั่วไปได้มีโอกาสทำสมาธิ ชนิดที่อาจทำประโยชน์ทั้งกายและใจสมความต้องการในขั้นต้นเสียขั้นหนึ่งก่อน เพื่อจะได้เป็นผู้ชื่อว่ามีศีล สมาธิ ปัญญา ครบสามประการ หรือมีความเป็นผู้ประกอบตนอยู่ในมรรคมีองค์แปดประการได้ครบถ้วน แม้ในขั้นตน ก็ยังดีกว่าไม่มีเป็นไหนๆ กายจะระงับลงไปกว่าที่เป็นอยู่ตามปกติก็ด้วยการฝึกสมาธิสูงขั้นไปตามลำดับๆ เท่านั้น และจะได้พบ “สิ่งที่มนุษย์ควรจะได้พบ” อีกสิ่งหนึ่งซึ่งทำให้ไม่เสียทีที่เกิดมา

ท่านที่สนใจฝึกสมาธิขั้นสูงขึ้นไป ขอให้อ่านหนังสือเรื่องอานาปานัสสติสมบูรณ์แบบ อันเป็นวิธีการฝึกสมาธิที่เหมาะอย่างยิ่งกับวิธีการนี้

คัดลอกจากหนังสือ สมาธิเบื้องต้น (อานาปานัสสติ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 28 ส.ค. 2008, 11:16 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตรงไหนที่คุณเฉลิมศักดิ์บอกว่าผิด

พร้อมยกเอาที่ถูกในพระไตรปิฎกมาอ้างอิง

ของท่านอจ.แนบ กับ อจ.บุษกร ไม่เอา

เอาหลักฐานที่ท่านสำเร็จพระอรหันต์แล้วเท่านั้น
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 28 ส.ค. 2008, 12:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ mes ครับ จากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า และ พระอรหันตสาวกครับ
-------------------------------------------------------

http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=273

มหาสติปัฏฐานสูตร
เนื้อความในพระไตรปิฎก
เนื้อความในอรรถกถา มีทั้งหมด ๖ หน้าต่าง
อรรถกถามหาสติปัฏฐานสูตร หน้าต่างที่
มูลกำเนิดมหาสติปัฏฐานสูตร ๑.
เรื่องลูกนกแขกเต้า
อธิบายความตามลำดับบท
ธรรมสากัจฉาของพระมหาเถระ
เรื่องทุกข์ของพระติสสเถระ
เรื่องทุกข์ของภิกษุ ๓๐ รูป
เรื่องทุกข์ของพระปีติมัลลเถระ
เรื่องโทมนัสของท้าวสักกะ
เรื่องโทมนัสของสุพรหมเทพบุตร
บาลีวิภังค์ ๒.
อุทเทสวารแห่งเวทนาจิตตธัมมานุปัสสนา
กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน
อธิบายศัพท์ในปุจฉวาร
อานาปานบรรพ
เสนาสนะที่เหมาะแก่การเจริญอานาปานสติ
กำหนดลมอัสสาสปัสสาสะ
อานาปานสติเป็นอริยสัจ ๔
อิริยาบถบรรพ
อิริยาบถภายในภายนอก
สติกำหนดอิริยาบถเป็นอริยสัจ ๔
สัมปชัญญบรรพ
สติกำหนดสัมปชัญญะเป็นอริยสัจ ๔
------------------------------------------------------------

จากท่านผู้ทรงพระไตรปิฏก

สมถะที่เป็นบาทของวิปัสสนา
http://larndham.net/index.php?showtopic=25151&st=0
----------------------------------------------
ฌานลาภีบุคคลเจริญวิปัสสนา ๒ อย่าง
http://larndham.net/index.php?showtopic=25844&st=7
-------------------------------------------------------------------------
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 28 ส.ค. 2008, 12:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จากพระพุทธโฆษาจารย์

วิสุทธิมรรค

http://www.larnbuddhism.com/visut/index.html

----------------------------------------------

พระพุทธโฆษาจารย์นี้ พุทธศานิกชนส่วนใหญ่เข้าใจว่าท่านเป็นพระอรหันต์

แต่ท่านพุทธ?สเห็นว่า ท่านเป็นเพียง พวกพราหมณ์ ที่ปลอมตัวเข้ามาทำลายศาสนา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 28 ส.ค. 2008, 4:15 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
พระพุทธโฆษาจารย์นี้ พุทธศานิกชนส่วนใหญ่เข้าใจว่าท่านเป็นพระอรหันต์

แต่ท่านพุทธ?สเห็นว่า ท่านเป็นเพียง พวกพราหมณ์ ที่ปลอมตัวเข้ามาทำลายศาสนา


ด้วยความเคารพต่อท่านพระพุทธโฆษาจารย์นี้ ผมไม่บังอาจล่วงเกินท่าน

แต่พระอรหันต์หมายถึงมติมหาชนหรือ

ต่อไปใครจะเป็นอรหันต์ใช้วิธีโหวตกันเลยนะคุณเฉลิมศักดิ์

ก็เก๋ไปอีกอย่าง

ประชาธิปไตยดี
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 28 ส.ค. 2008, 4:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมไม่ได้ให้คุณเฉลิมศักดิ์linkเวปให้ผมเลย

ลำบากคุณเฉลิมศักดิ์เปล่าๆ

เพียงแต่วันนี้มีเวลาว่างมากอยากชวนคุย

ผมไม่มีเวลาเข้าไปอ่านหรอกครับ

ที่อ่านมาแล้วก็มี

แค่ถามว่าที่คุณเฉลิมศักดิ์ว่าท่านพุทธทาสสอนผิด สอนผิดตรงไหน

ผมมีเรื่องเล่าให้ฟัง

มีเวปหนึ่งอดีตมีคนเข้าเวปนี้เยอะมาก

มาสเตอร์เวปใช้วิธีเดียวกันกับคุณเฉลิมศักดิ์นี่แหละ

ปัจจุบันหาคนเข้าเวปแทบไม่ได้

เดี๋ยวนี้คนมีความรู้กว้างขึ้นมาก

หลอกก็ลำบาก

ไปหลอกเขาถูกเขาตอกกลับ

แถมโดนตำหนิอีก

หมดราศีผู้ทรงธรรมไปเลย

จริงไหมคุณเฉลิมศักดิ์

เช่นถามว่าไปไหนมา

ตอบว่า

3วา 2ศอก

แถมนินทาชาวบ้านให้ฟังอีก

คนคุยด้วยได้แต่กลอกตาว่า

คุยกันคนละเรื่องเดียวกันจริงๆ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 28 ส.ค. 2008, 4:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรามาคุยกันเรื่องท่านพุทธทาสกันต่อ

อนุญาตให้ยกไปเปรียบเทียบกับของ ท่านอ.แนบ ท่านอ.บุษกร ก็ได้อ้าว

เดี๋ยวจะอึกอัก

เทียบกันทั้ง3ฉบับเลยก็ได้

เรามาวิเคราะห์กัน

เริ่มต้นที่คุณเฉลิมศักดิ์ลองยกตัวอย่างที่ผู้ที่สำเร็จพระอรหันต์ด้วยการเรียนพระอภิธรรมก่อนดีไหมครับ

แต่อย่าlinkมาเป็นหางว่าวหละ เกรงใจ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 29 ส.ค. 2008, 12:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรื่องค้างคาวหนู มาใน มาในอรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท และ อภิธัมทีปนีมหาฎีกา

ในอดีตชาติเคยเกิดเป็นค้างคาวแล้วตั้งใจฟังพระสาธยายพระอภิธรรม ชาตินี้ท่านฟังพระอภิธรรมจากพระสารีบุตร ครับ

คุณ mes


-----------------------------------------

ศึกษาเพิ่มเติมใน

ประวัติพระอภิธรรม
http://larndham.net/index.php?showtopic=31495&st=0

-----------------------------------------

สมัยก่อน ที่ยังไม่ได้เริ่มศึกษาพระอภิธรรม เวลาไปฟังพระสวดพระอภิธรรม มักจะมีความหงุดหงิด อยากให้จบเร็ว ๆ เพราะฟังไม่รู้เรื่อง มีการคุยแข่งกับพระสวดด้วย

มาตอนนี้ได้เริ่มศึกษาพระอภิธรรมเพียงเล็กน้อย และขาดการศึกษาอย่างต่อเนื่อง

แม้จะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็พยายามตั้งใจฟัง

----------------------------------------------
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14797&start=0&postdays=0&postorder=asc&highlight=&sid=3e44281e212d5acd9043c171b5fad520


การแก้ไขปัญหาของการฟังสวดมนต์พระอภิธรรม

ในสภาพสังคมไทยปัจจุบัน การสวดพระอภิธรรมหน้าศพ
อันเป็นประเพณีสืบต่อกันมา การนำธรรมชั้นสูง
ซึ่งเป็นที่ดำเนินของพระบรมญาณ
ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบูชาเคารพศพผู้ตายนั้น
ถือว่าเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทิตาอย่างสูง

เมื่อเจ้าภาพได้จัดงานสวดพระอภิธรรมหน้าศพขึ้น
ได้เชิญญาติมิตร สหาย ผู้รู้จักมาร่วมงาน
หรือคนที่รู้จักผู้ตายมาร่วมบำเพ็ญกุศลสวดศพ

ดังนั้น สังคมการสวดมนต์พระอภิธรรมหน้าศพ
จึงเป็นสังคมของมหากุศลจิตทั้งของฝ่ายเจ้าภาพ
และฝ่ายผู้มาร่วมงาน
เพราะมีเจตนาที่เสียสละ

อย่างไรก็ตาม แม้หลักการมาฟังสวดพระอภิธรรมหน้าศพ
เป็นการเจริญกุศลธรรม แต่ก็มีปัญหาหลายประการ

ในที่นี้จะหยิบยกปัญหาการฟังสวดมนต์พระอภิธรรมหน้าศพบางประการ
มาพิจารณา เพื่อจะได้ค้นหาสาเหตุ
และหาแนวทางแก้ไขปัญหาการฟังสวดพระอภิธรรมหน้าศพต่อไป

ปัญหาการฟังสวดมนต์พระอภิธรรมหน้าศพ

ปัญหาสำคัญของการฟังสวดมนต์พระอภิธรรมหน้าศพที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
อาจสรุปเป็น ๓ ข้อ คือ

๑. การไม่รู้วิธีฟังสวดพระอภิธรรม

คือ ไม่รู้วิธีวางใจ

๒. อกุศลประท้วงเงียบ

คือ เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่สนใจ ง่วง หลับ
รำคาญ อึดอัด หงุดหงิด และ

๓. อกุศลประท้วงดัง

คือ ส่งเสียงแข่งกับการสวดพระอภิธรรม


ซึ่งจะอธิบายขยายความในแต่ละปัญหา ดังนี้

๑) ปัญหาการไม่รู้วิธีฟังสวดพระอภิธรรม

คือ การไม่รู้วิธีวางใจให้แยบคาย (โยนิโสมนสิการ)
ในการฟังคำสวดพระอภิธรรม กล่าวคือ
เมื่อมานั่งฟังสวด ก็พนมมือ สายตาก็มองไปตามความอยาก
จิตใจก็คิดฟุ้งเรื่องนั้นเรื่องนี้
โดยไม่มีการวางใจให้แยบคายในขณะฟังสวด

แม้ตนจะฟังไม่รู้เรื่อง
แต่ถ้ารู้จักวางใจอย่างแยบคาย ก็จะเกิดมหากุศลจิต
แทนที่จะปล่อยให้เกิดอกุศลจิตไปตามกิเลสของตน

๒) ปัญหาอกุศลประท้วงเงียบ

คือเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายกับการมาฟังสวด
บางรายนั่งฟังด้วยความอึดอัด
เพราะอาจตัวใหญ่ ต้องนั่งสำรวม
จะกระดุกกระดิกตามความต้องการก็ไม่ได้
บางรายนั่งสัปหงกหรือหลับ

หลายคนมาโดยมารยาท ก่อนที่จะมารถก็ติดเสียเวลา
แต่ไม่มาก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะขัดใจกัน
บางคนจำต้องมา มิฉะนั้นอาจจะเสียสังคม
หรืออาจเสียหายต่อธูรกิจสัมพันธ์
หรือเสียหายต่อการงานที่ต้องติดต่อสัมพันธ์กัน

๓) ปัญหาอกุศลประท้วงดัง

คือการส่งเสียง (คุยกัน) แข่งกับการสวดมนต์พระอภิธรรม
หากจะมองในมุมของการสังสรรค์ญาติมิตร
งานสวดศพเป็นการเปิดโอกาสให้ได้พบปะญาติมิตร
ทำให้เกิดการดระชับมิตรไมตรีจิต
นี่ก็เป็นผลพลอยได้ไม่น่าจะเป็นปัญหา

แต่ก็เกิดปัญหาขึ้น คือ
การพูดคุยจนเกินเลยกว่าที่ควรจะเป็น
บางคนคุยส่งสียงดัง
บางคนถือโอกาสนำสุรามาดื่มในงานศพก็มี
แทนที่จะเป็นการชุมนุมทำบุญกุศล
กลับมาร่วมกันสร้างอกุศลจิต
และรบกวนแขกผู้อื่นที่มาร่วมงานสวดศพอย่างบริสุทธิ์ใจด้วย




สาเหตุของปัญหาการฟังสวดพระอภิธรรมหน้าศพ

สาเหตุของปัญหามีหลายประการ
สาเหตุที่สำคัญที่สุด คือ

การไม่เข้าใจในคำสวดมนต์พระอภิธรรมหน้าศพ
และขาดความเข้าใจพระธรรม
ว่าด้วยการวางใจอย่างแยบคายในการฟังธรรม
หรือในการฟังสวดมนต์พระอภิธรรมหน้าศพ
ไม่รู้จักนำคำสวดมนต์มาทำสมาธิจิต
เพื่อให้จิตสงบ เบาใจ ผ่อนคลายความตึงเครียด


(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 29 ส.ค. 2008, 1:11 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Code:
ที่ทำเมื่อหลังจากพุทธปรินิพพานประมาณ ๑๐๐ ปี
ก็เล่าแต่เพียงว่า ได้ทำสังคายนาพระวินัยและพระธรรม
ไม่ได้กล่าวถึงอภิธรรมปิฎก เมื่อพระพุทธเจ้าจะนิพพาน
ก็ทรงแสดงเพียงว่า ธรรมะที่ทรงแสดงแล้ว วินัยที่ทรงบัญญัติแล้ว
เป็นศาสดาแทนพระองค์
ก็กล่าวถึงแต่ธรรมะและวินัยเท่านั้น ไม่ได้พูดถึงอภิธรรม

ฉะนั้น นักศึกษาพระพุทธศาสนาที่วิจารณ์ทั้งประวัติ
และเนื้อความของปิฎกทั้งสาม
จึงมีมากที่ท่านลงความเห็นว่าอภิธรรมปิฎกนั้นมีในภายหลัง

แต่ว่าเมื่อพระพุทธศานาล่วงมาหลายร้อยปีเข้า
จนถึงสมัยแต่งอรรถกถาประมาณว่า


http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14797&start=0&postdays=0&postorder=asc&highlight=&sid=3e44281e212d5acd9043c171b5fad520

เข้าไปอ่านแล้วตามlinkจึงเก็บตกมาให้อ่านกัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 29 ส.ค. 2008, 1:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

http://larndham.net/index.php?showtopic=31495&st=0

ลิงค์นี้ไปที่เวปที่คุณเฉลิมศักดิ์บอกให้ไปอ่านที่

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14797&start=0&postdays=0&postorder=asc&highlight=&sid=3e44281e212d5acd9043c171b5fad520

ใครช่วยเอาลิงค์ออกจากเวปหน้านี้ที

เฮ้อ!!!!!!!!!!!!!!!!
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 29 ส.ค. 2008, 8:13 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณเฉลิมศักดิ์

เวลาที่คุณฟังพระสวดอภิธรรมคุณแปลออกเลยหรือ

นับว่าสุดยอดมาก

แถมยังทำสมาธิจิตอีก

ช่วยแนะนำผมหน่อย

วิธีทำสมาธิจิตของคุณเฉลิมศักดิ์ทำอย่างไหง

อย่าไปคลิ๊กเอา อจ.บุญมี อจ.แนบ อจ.บุษกร มาอีกล่ะ

วันนี้ยังอยู่ในระหว่างเข้าพรรษาต้องงดลิ้งค์
 


แก้ไขล่าสุดโดย mes เมื่อ 29 ส.ค. 2008, 8:17 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 29 ส.ค. 2008, 8:17 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุยกับคุณเฉลิมศักดิ์แล้วผิดศีลแพราะเดี๋ยวริ้งค์เดี๋ยวริ้งค์

เมา

คุยเสร็จเดินเป๋เลย

ต้องขอกรุณาว่า

อย่ารินมาก

อ้าว อ๊วก........เอ๊ก
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 29 ส.ค. 2008, 8:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มาเป็นพุทธทาสกันเถิด
มีการเป็นทาสชนิดหนึ่ง เป็นทาสที่ไม่ต้องเลิก ยิ่งมีมาก ยิ่งดี
ยิ่งเป็นทุกคนด้วยแล้ว โลกยิ่งมีสันติภาพ ไร้วิกฤตกาล
นั้นคือ การเป็นทาสของพระพุทธองค์ เรียกว่า "พุทธทาส"

พุทธทาส แปลว่า ผู้รับใช้พระพุทธองค์อย่างถวายชีวิต
ในฐานะเป็นหนี้ในพระมหากรุณาธิคุณด้วย
เพราะความกตัญญูด้วย และ
เพราะเห็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ด้วย
จึงสมัคร มอบกายถวายชีวิตหมดสิ้นทุกประการ
เพื่อรับใช้พระพุทธองค์
เพื่อกระทำสิ่งที่เชื่อว่าเป็นพระพุทธประสงค์

พระพุทธองค์ไหน?
ตอบอย่างภาษาคน ก็พระพุทธองค์ที่เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์
ที่ทรงอุบัติขึ้นในโลก ตรัสรู้ แล้วสั่งสอนสัตว์ จนตลอดพระชนมายุ
เมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว

แต่ถ้าตอบ อย่างภาษาธรรม ก็ได้แก่ พระพุทธองค์
ดังที่ตรัสไว้ในข้อความที่มีอยู่ว่า
"ผู้ใด เห็นธรรม ผู้นั้น เห็นเรา ผู้ใด เห็นเรา ผู้นั้น เห็นธรรม"
อันเป็นพระพุทธองค์ ซึ่งจะยังทรงอยู่ ตลอดกาลนิรันดร
และมีได้ในบุคคลทุกคนที่เห็นธรรม
สิ่งนั้น คือ สติปัญญาที่ดับทุกข์ได้ ตามหลักที่ตรัสไว้ว่า
"ผู้ใด เห็น ปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้น เห็นธรรม"
ถ้าถือตามหลักนี้ ก็คือ รับใช้สติปัญญาของตนเอง
ที่เห็นธรรม จนดับทุกข์ของตนได้
แล้วช่วยเหลือผู้อื่น ให้ดับทุกข์ได้ด้วย
และมีผลแก่ชาวโลก ตรงตามพระพุทธประสงค์
ถือเอากิจกรรมนี้ เป็นหน้าที่ที่ต้องทำอย่างสุดชีวิตจิตใจ

รับใช้กันอย่างไร? รับใช้ด้วยกระทำ ให้เกิดความถูกต้อง
ทั้งในส่วนปริยัติ และปฏิบัติ ให้เกิดผล เป็นปฏิเวธที่แท้จริง
ให้เพื่อนมนุษย์ รู้ธรรมะ มีธรรมะ ใช้ธรรมะ ได้รับผลจากธรรมะ
มีชีวิตที่เยือกเย็น เป็นนิพพานกัน ที่นี่และเดี๋ยวนี้
ตามสัดส่วน แห่ง สติปัญญา ความสามารถ แห่งตนๆ
ทำให้สติปัญญาชนิดนี้ ปรากฏแพร่หลายไปทั่วโลก
และทุกโลก ทุกโลกในที่นี้ หมายถึง ทุกชนิดแห่งบุคคล
ที่หลงใหลในกาม ในรูป หรือวัตถุ และในอรูป คือสิ่งที่ไม่มีรูป
เช่น อำนาจวาสนาบารมี หรือแม้แต่ในบุญกุศล
อีกอย่างหนึ่ง ก็พูดว่า ทั้งเทวดา และมนุษย์
มนุษย์ คือ ผู้ที่ต้องอยู่กับเหงื่อ
เทวดา คือ พวกที่ไม่รู้จักเหงื่อนั่นเอง
โลกในภาษาคน คือ โลกพิภพ ที่อยู่นอกตัวคน ดังที่เห็นๆกันอยู่
ส่วนโลก ใน ภาษาธรรม นั้น เป็น โลกในตัวคน
ได้แก่ ภูมิแห่งจิตที่แตกต่างกัน ตามภูมิ ตามชั้น
ธรรมะต้องครอบงำทั่วทั้งโลกและทุกโลกจริงๆ อย่างแพร่หลาย

แพร่หลายทั่วโลกอย่างไร?
คือ ทำให้กลายเป็นสิ่งที่มีในขีวิตประจำวันของมหาชน
ทุกชั้นทุกคน
มี สติปัญญา สัมปชัญญะ สมาธิ ขันติ ในการทำหน้าที่ ของตน
ทุกกาลและเทศ คือทุกวินาที และทุกกระเบียดนิ้ว
ทุกคนทำหน้าที่ อย่างสนุกสนาน มีความพอใจ
และความสุข จากความพอใจตลอดเวลาที่ทำงาน
มิใช่เมื่อรับผลงาน ไปประกอบกิจกรรมอบายมุขทั้งหลาย
มีความถูกต้อง ตลอดทั้งวัน ค่ำลงนึกดูแล้ว ยกมือไหว้ตัวเองได้
เป็นสวรรค์ที่แท้จริง ที่นี่และเดี๋ยวนี้ ไม่มีใครว่างงาน
เพราะเห็นหน้าที่การงาน ทุกชนิด ว่า
นั่นแหละ คือตัวธรรมะ ที่เขารู้จักกัน มาตั้งแต่ก่อนพุทธกาล

มีความถูกต้องทั้งในส่วนปริยัติ ปฎิบัติ ปฏิเวธ นั้นเป็นอย่างไร?
คำว่าถูกต้องนี้ มิได้หมายถึง ถูกต้องตามทางตรรก
หรือ ทางปรัชญาชนิด ฟิโลโซฟี่
หากแต่ ถูกต้อง ตามหลักการของพุทธบริษัท คือมีผลปรากฏ
เป็นการไม่เบียดเบียนใคร แต่ทุกคนได้รับประโยชน์
อย่างที่มีความรู้สึกอยู่แก่ใจ
ไม่ต้องเชื่อใคร หรือ ให้ใครบอก (นี้เป็น สันทิฏฐิโก)
เป็นความถูกต้อง ที่เรียกใครๆ มาดูได้
เพราะมีให้ดูอยู่ ที่เนื้อ ที่ตัวจริงๆ (นี้เป็น เอหิปัสสิโก)
และมีผล ไม่ขึ้นอยู่กับ เวลา เมื่อนั้นเมื่อนี้ หรือต่อชาติหน้า
หากแต่มีทันทีตลอดเวลา ที่ปฏิบัติหน้าที่นั้นๆ อยู่ (นี้เป็น อกาลิโก)
ความถูกต้อง คือไม่ทำใครให้เดือดร้อน
แต่มีผลดีแก่ทุกฝ่าย รวมทั้งตนเองด้วย
เป็นความหมายที่ชัดเจน ไม่ต้องถุ้งเถียงกัน
หรือ ต้องขึ้นศาล
ปริยัติ คือ ความรู้ ก็ถูกต้อง
ปฏิบัติ คือ การกระทำ ก็ถูกต้อง
ปฏิเวธ คือ ผลของการกระทำ ก็ถูกต้อง
เพราะมันมีความรู ้และ การกระทำอย่างถูกต้องนั่นเอง

ดับทุกข์ได้จริงอย่างไร?
คือมีความเย็นอกเย็นใจ ของทุกคนในชีวิตประจำวัน
ถ้าเขามีความรู้เรื่อง สุญญตา ตถตา และ อตัมมยตา
อย่างเพียงพอแล้ว ไม่มีอะไรมาทำให้เกิดความเร่าร้อนได้เลย
จิตของเขาไม่อยู่ใต้อำนาจ ของความเป็นบวกเป็นลบ
เพราะเห็นสิ่งทั้งปวง โดยความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ไม่หิวกระหายในสิ่งใด นอกจากความอิ่ม
เพราะรู้สึกว่า ได้กระทำหน้าที่ของตนอย่างถูกต้อง
และเหงื่อนั้น คือ น้ำมนต์
หรือ สิ่งชักจูงให้พระเจ้า หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลาย
มาช่วยเหลือ รู้ชัดจนแน่ใจว่า
ถ้าไม่ประพฤติธรรม คือหน้าที่แล้ว
ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ มาช่วยได้
ให้มาสักฝูงหนึ่ง ก็ช่วยไม่ได้
ถ้าทำหน้าที่ อย่างถูกต้องแล้ว
เหงื่อนั่นแหละ กลายรูปเป็น
พระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก ที่ช่วยได้จริง
เขาเชื่อมั่นว่า มีอะไรเป็นตัวตน
สิ่งนั้นแหละ จะช่วยจนกว่า จะหมดตัวตน
ซึ่งไม่ต้องการช่วยเหลืออะไรจากใคร อีกต่อไป
ความเห็นแก่ตัว เป็นของร้อน
แต่ความไม่เห็นแก่ตัว หรือ หมดความเห็นแก่ตัว
เป็นของเย็น จะทำงานสิ่งใด ก็ทำด้วยสติปัญญา หรือสัมมาทิฎฐิ
ไม่ทำด้วยอำนาจความเห็นแก่ตัว ซึ่งจะเผาลนตลอดเวลา

อย่างไรเรียกว่าหมดความเห็นแก่ตัว?
ก็โดยศึกษาเรื่องความไม่มีตัว
กาย และ ใจ เป็นธรรมชาติ ที่รู้จักคิด รู้สึกพูด
และทำอะไรได้ โดยไม่ต้องมีผี หรือ เจตภูต เข้าสิง
ดังนั้น ต้องทำทุกสิ่ง ให้ถูกต้องตามกฏของธรรมชาติ
ตามที่เราจะต้องการผลอย่างไร
ถ้ายังโง่อยู่ ยังเห็นว่ามีตัว ก็อย่าเห็นแก่ตัว
เพราะมันจะกัดเอา ด้วยความโลภ โกรธ หลง ซึ่งมีลักษณะ เป็นไฟ
มีสติสัมปชัญญะ เมื่อรับอารมณ์ใดๆ
ไม่ให้ปรุงขึ้นมา เป็นความเห็นแก่ตัว
มีแต่สติปัญญา จัดการกับอารมณ์ นั้นๆ ตามที่ควร
มีสัมมาทิฎฐิ เห็นชัดอยู่เสมอว่า ความเห็นแก่ตัว
หรือ ยึดถือ กายและใจ หรือ ขันธ์ทั้งห้า ว่าเป็นตัว นั้น
เป็นเหตุแห่งความรู้สึก เป็นทุกข์ หรือ เป็นตัวทุกข์เสียเอง
ปราศจากความยึดถือ นี้แล้ว ความทุกข์เกิดไม่ได้
ชีวิตจะเป็นของร้อน ไม่ได้

สัมมาทิฎฐิสูงสุดนั้นเป็นอย่างไร?
เป็นความรู้จักสิ่งทั้งปวงว่า เป็นสิ่งปรุงแต่ง
มีมาจากเหตุปัจจัยที่ปรุงแต่งและจะปรุงแต่งสิ่งอื่นต่อไป
ไม่มีที่สิ้นสุดนั้นคือ กระแสแห่งความเปลี่ยนแปลง
หรือความไม่เที่ยง ซึ่งเรียกว่า อนิจจัง
เพราะต้องเป็นไปกับด้วยสิ่งที่อนิจจัง หรือ เปลี่ยนเรื่อย
ก็เกิดอาการที่เป็นทุกข์ทนยาก หรือ ที่เรียกว่า ทุกขัง
เพราะไม่มีอะไรต้านทาน ได้ต่อสิ่งที่ไม่เที่ยงและเป็นทุกข์
จึงเรียกว่า ไม่มีตน หรือ ไม่ใช่ตน หรือ อนัตตา
การที่เป็นไปด้วยอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นี้ เรียกว่า ธัมมัฎฐิตตา
คือ ความที่เราต้องเป็นไปเช่นนี้ เป็นธรรมดา
ทั้งนี้เป็นเพราะ
มี กฏของธรรมชาติบังคับอยู่ นี้เรียกว่า ธัมมนิยามตา
อาการที่ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัยอย่างนี้ เรียกว่า อิทัปปัจจยตา
เป็นกฏธรรมชาติ มีอำนาจเสมอ สิ่งที่เรียกกันว่า "พระเป็นเจ้า"
การที่ไม่มีอะไร ต้านทาน กฏอิทัปปัจจยตา นี้เรียกว่า สุญญตา
คือ ว่างจากตัวตน หรือ ว่างจากความหมาย แห่งตัวตน
มีความจริงสูงสุด เรียกว่า ตถตา คือ ความเป็นเช่นนั้นเอง
อย่างไม่ฟังเสียงใคร ใครจะฝืนให้เป็นไปตามใจตน มันก็กัดเอง
คือ เป็นทุกข์ ในที่สุดก็เกิดความรู้สึก ขั้นสุดท้ายว่า อตัมมยตา
ความที่ไม่อาจอาศัย หรือ เกี่ยวข้องกับสิ่งนี้อีกต่อไป
ซึ่งเป็นความหมาย อย่างภาษาชาวบ้าน พูดว่า
"กูไม่เอากะมึงอีกต่อไปแล้ว"
สลัดออกไปเสีย ก็คือ การบรรลุมรรคผล ธัมมฐิติญาณ
รู้ความจริงของสังขาร สุดลงที่ อตัมมยตา
ต่อจากนั้น ก็เป็นกลุ่ม นิพพานญาณ
เป็นฝ่ายโลกุตตระ เริ่มต้นแห่งความเย็น หรือ ความหมายของนิพพาน

โลกกลายเป็นโลกเย็น
ในที่สุด โลกก็กลายเป็นโลกเย็น เพราะเต็มไปด้วยศีลธรรม
หรือ ภาวะปกติไม่วุ่นวาย อยู่ภายในจิตใจของคน
แม้ว่า ภายนอกกาย จะมีความวุ่นวาย ตามธรรมดาโลก
ความเย็นอกเย็นใจ เป็นสิ่งที่หาได้ง่าย ในหมู่คนเหล่านั้น
แม้ว่าจะมีเหตุการณ์อันสับสนวุ่นวาย
เพราะมี จิตที่ปราศจากความยึดมั่น อย่างโง่เขลา
ไม่ยอมรับสภาพ เช่นนั้นเอง ของธรรมดาโลก
เรือนจำ สถานีตำรวจ ศาล โรงพยาบาลประสาท
และ โรงพยาบาลโรคจิต จะลดลง
เมตตา และความสัตย์ จะเป็นสิ่ง หาได้ง่าย ในสังคมนั้น
มีลักษณะเป็น โลกของพระศรีอารยเมตไตรย
แม้ระเบิดปรมาณู จะลงมา ทุกคนก็ยังหัวเราะได้
เพราะ ความไม่ยึดมั่น ในตัวตน และไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก
เพราะ อำนาจของสัมมาทิฎฐิ ดังกล่าวแล้ว
ไม่อาจปล่อยให้ ปรุงเป็นความทุกข์ หรือ ความกลัวขึ้นมา
ทั้งนี้ เป็นผลงานของ บรรดาเหล่าพุทธทาสทั้งหลาย
ที่ได้พยายาม ทำหน้าที่ของตน ตามกำลังสติปัญญา

จะเป็นพุทธทาสกันได้สักกี่คน?
ถ้าไม่มองข้ามกันเสีย ก็มีคนที่เป็นพุทธทาสกันอยู่ทั่วไปอย่างมากมาย แต่มิได้เรียกชื่อตัวว่า พุทธทาส กลัวเสียเกียรติ
สู้เรียกตนว่า เป็น อุบาสก อุบาสิกา ไม่ได้
ทุกคนสวดบททำวัตรเย็นว่า
พุทฺธสฺสาหสฺมิ ทาโส ว พุทฺโธ เม สามิกิสฺสโร
อยู่ด้วยกันทุกวัน เป็นการประกาศตัวว่า เป็นพุทธทาส
ด้วยไร้สำนึกหรืออย่างไร ควรจะลองคิดดู

แต่การที่จะเป็นพุทธทาส ให้ตรงหรือ เต็ม ตามพระพุทธประสงค์
นั้นคือ ทำหน้าที่นั้นๆ ให้สมบูรณ์
มิใช่เพียงแต่ ร้องประกาศ โดยไม่รู้ความหมาย อันแท้จริง
หน้าที่นั้น คือสิ่งใด เป็นพระพุทธประสงค์
ต้องบากบั่น กระทำให้สำเร็จ ตามพระพุทธประสงค์
พระพุทธประสงค์นั้น สรุปให้สั้นที่สุด ก็คือ
ให้ทุกคนเป็น ผู้รู้ ผู้ตื่นจากหลับและเป็น ผู้เบิกบาน
ไม่รู้จักความทุกข์ อีกต่อไป
ความรู้ เรื่องพระนิพพาน อันเป็นสันทิฎฐิกัง อกาลิกัง เอหิปัสสิกัง
เป็น หัวใจของเรื่องนั้น
แต่กลับพากัน เห็นเป็นเรื่องสุดวิสัย และพ้นสมัยไปเสีย
ข้อนี้ มีค่าเท่ากับ พระพุทธศาสนา หมดสิ้นไปแล้ว
อย่างน่าเศร้าเหลือประมาณ
ผู้สมัครเป็นพุทธทาส ทุกคน ต้องรับรู้เรื่องนี้ให้เพียงพอ

ทุกคนเป็นพุทธทาสได้ และมีอะไรพร้อมที่จะเป็น
ยังขาดอยู่แต่ สัมมาทิฎฐิ หรือ ความเข้าใจอันถูกต้อง
ดูให้ดีจะพบว่า เดี๋ยวนี้ ก็กำลังเป็นกันอยู่ เป็นจำนวนไม่น้อย
หากแต่ไม่ประกาศตัว เพราะเมื่อตั้งใจจะทำจริงๆ แล้ว
ก็ไม่ต้องประกาศก็ได้ การชักชวนนี้ ก็มิใช่ต้องการให้ประกาศตัว
ขอแต่ให้ทำจริง ด้วยการทำตัวอย่าง แห่งบุคคล ผู้มีชีวิตเย็นให้ดู
และพยายามชี้แจงให้เข้าใจชีวิต ระบอบนี้ ให้ยิ่งขึ้นไป
และพยายามทำให้ เพื่อนมนุษย์รู้ธรรม โดยไม่ถือว่า
เป็นบุญคุณ หรือ ต้องการบุญคุณ ให้ใครตอบแทน
ทุกคนย่อมทำได้ ตามมากตามน้อย
ที่จะทำไม่ได้เสียเลยนั้น ดูจะไม่มี

ในที่สุดนี้ เมื่อเราพุทธบริษัท พยายามทำกันอยู่อย่างนี้
จนสุดความสามารถ แล้ว
พระพุทธประสงค์ ก็ได้รับการตอบสนอง อย่างถึงที่สุด
ประโยชน์สุข ก็จะเกิดขึ้นแก่โลก พร้อมทั้ง เทวโลก มารโลก
พรหมโลก หมู่สัตว์ พร้อมทั้ง สมณพราหม์ พร้อมทั้งเทวดา
และมนุษย์ เต็มตาม พระพุทธประสงค์ และพระพุทธดำรัส
ที่ทรงเอ่ยชื่อ หมู่สัตว์ เหล่านี้ เสมอ ในพระพุทธภาษิต นั้นๆ

เรามาเป็นพุทธทาสกันเถิด
สมควรแก่กาลและเทศอย่างยิ่งแล้ว มาเถิด

โมกขพลาราม

๓๐ เม.ย. ๓๑
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2008, 4:31 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

mes พิมพ์ว่า:
http://larndham.net/index.php?showtopic=31495&st=0

ลิงค์นี้ไปที่เวปที่คุณเฉลิมศักดิ์บอกให้ไปอ่านที่

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14797&start=0&postdays=0&postorder=asc&highlight=&sid=3e44281e212d5acd9043c171b5fad520

ใครช่วยเอาลิงค์ออกจากเวปหน้านี้ที

เฮ้อ!!!!!!!!!!!!!!!!


ประวัติพระอภิธรรม
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14797&postdays=0&postorder=asc&start=0


คุณ mes ครับ ทำไมต้องนึกรังเกียจพระอภิธรรม ตามท่านพุทธทาสขนาดนั้นครับ

http://larndham.net/index.php?showtopic=32820&st=0
อ้างอิงจาก:
เรื่องงูเหลือม มาใน คัมภีร์มหาวงศ์
เรื่องแม่ไก่ มาในอรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท
เรื่องกบตัวหนึ่ง มาใน คัมภีร์วิสุทธิมรรค อนุสตินิเทศ
เรื่องค้างคาวหนู มาใน มาในอรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท และ อภิธัมทีปนีมหาฎีกา


แม้สัตว์เดรัจฉาน ที่ฟังไม่รู้เรื่อง หากตั้งใจฟังการสาธยายพระไตรปิฏก ทั้งพระสูตร พระวินัย พระอภิธรรม ก็ยังเป็นปัจจัยนิมิตอารมณ์ให้เกิดในสุคติภูมิ (เทวดา) และเป็นปัจจัยให้มาศึกษาธรรมนั้น ๆ เพิ่มเติมเมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง


คุณ mes ครับ ไม่ทราบว่าตอนคุณไปงานศพแล้วพระท่านสวดพระอภิธรรม คุณมีความรู้สึกอย่างไรครับ ?
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2008, 4:42 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

mes พิมพ์ว่า:
อ้างอิงจาก:
พระพุทธโฆษาจารย์นี้ พุทธศานิกชนส่วนใหญ่เข้าใจว่าท่านเป็นพระอรหันต์

แต่ท่านพุทธ?สเห็นว่า ท่านเป็นเพียง พวกพราหมณ์ ที่ปลอมตัวเข้ามาทำลายศาสนา


ด้วยความเคารพต่อท่านพระพุทธโฆษาจารย์นี้ ผมไม่บังอาจล่วงเกินท่าน

แต่พระอรหันต์หมายถึงมติมหาชนหรือ

ต่อไปใครจะเป็นอรหันต์ใช้วิธีโหวตกันเลยนะคุณเฉลิมศักดิ์

ก็เก๋ไปอีกอย่าง

ประชาธิปไตยดี


พระพุทธโฆษาจารย์ (คัมภีร์วิสุทธิมรรค) พระอนุรุทธาจารย์ ( คัมภีร์พระอภิธรรมมัตถสังคหะ ) ตามประวัติที่ปรากฏท่านเป็นพระอรหันต์ครับ

รวมทั้ง อรรถกถา ที่อธิบายพระพุทธพจน์

แต่ ท่านพุทธทาสไม่เห็นด้วย ครับ เพราะเข้าใจว่าท่านเหล่านั้นอธิบายธรรมะผิด ๆ ไม่เข้าใจ ภาษาธรรมของพระพุทธเจ้า เช่น ไปสอนถึงเรื่อง ปฏิสนธิวิญญาณ เป็นต้น หรือ ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นพวกพราหมณ์ที่แฝงตัวเข้ามาปลอมปนพระสัทธรรมในพุทธศาสนาให้ผิดเพี้ยน

ท่านพุทธพุทธทาสมั่นใจมากว่าท่านเองเข้าใจภาษาธรรมที่เป็นปัจจุบัน จนอาจจะเข้าใจผิดว่าตนเองเป็นพระอรหันต์

และคุณ mes ก็เข้าใจว่าท่านเป็นพระอรหันต์เช่นกัน ?
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2008, 5:08 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
พระพุทธโฆษาจารย์ (คัมภีร์วิสุทธิมรรค) พระอนุรุทธาจารย์ ( คัมภีร์พระอภิธรรมมัตถสังคหะ ) ตามประวัติที่ปรากฏท่านเป็นพระอรหันต์ครับ

รวมทั้ง อรรถกถา ที่อธิบายพระพุทธพจน์

แต่ ท่านพุทธทาสไม่เห็นด้วย ครับ เพราะเข้าใจว่าท่านเหล่านั้นอธิบายธรรมะผิด ๆ ไม่เข้าใจ ภาษาธรรมของพระพุทธเจ้า เช่น ไปสอนถึงเรื่อง ปฏิสนธิวิญญาณ เป็นต้น หรือ ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นพวกพราหมณ์ที่แฝงตัวเข้ามาปลอมปนพระสัทธรรมในพุทธศาสนาให้ผิดเพี้ยน


เดี๋ยว คุณ mes จะหาว่าผมใส่ร้ายท่านพุทธทาส

ผมขออ้างอิงความเห็นที่ท่านพุทธทาสเคยแสดงไว้ ที่หนังสือ อภิธรรมคืออะไร และ ปฏิจจสมุปบาท บางส่วนดังนี้



อ้างอิงจาก:

ทีนี้จะพูดเรื่อยๆ ไปตามที่เห็นว่าสมควรจะพูด ทำไมเราจึงกล้าวิจารณ์ขนาดนี้ ?จะชอบไหม ว่าทำไมเราจึงกล้าวิจารณ์กันอย่างอิสระเช่นนี้? ในข้อนี้จะขอพูดไว้ทีเดียวหมดเลย สำหรับใช้ได้ทุกๆคราวทุกๆเรื่องว่า ทำไมเราจึงกล้าวิจารณ์กันขนาดนี้
ข้อหนึ่ง ก็เพราะว่าพระไตรปิฏกทีแรกจำกันมาด้วยปาก ฟังด้วยหู บอกกันด้วยปากเรื่อยมาเป็นเวลาตั้ง ๔๐๐- ๕๐๐ ปี จึงได้เขียนเป็นตัวหนังสือ มันอาจจะมีผิดเพี้ยนหลงลืมโดยไม่เจตนาในชั่ว ๔๐๐ - ๕๐๐ ปีนี้ ฉะนั้นเราจึงต้องกล้าวิจารณ์
อีกข้อหนึ่งแม้เป็นตัวหนังสือแล้ว มันก็ตั้ง ๒๐๐๐ ปีมาแล้ว ที่เขียนเป็นตัวหนังสือแล้วเมื่อ พศ. ๕๐๐ มาถึงเดี๋ยวนี้มัน ๒๐๐๐ ปีแล้ว ฉะนั้นมันอาจจะมีอะไรสูญหาย หรือเพิ่มเข้ามาชดเชยหรือว่าเพิ่มเติมเข้าไปโดยเจตนาบ้าง ไม่เจตนาบ้าง อย่างนี้มันอาจจะมี แม้แต่คัดลอกผิดมันก็มี ฉะนั้นเราจึงกล้าวิจารณ์
ทีนี้การกล้าวิจารณ์นี้ไม่ใช่เราอวดดี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้โดยกาลามสูตร อย่าเชื่อแม้แต่เพราะเหตุว่าสมณะองค์นี้เป็นครูของข้าพเจ้า แม้แต่พระพุทธเจ้าเอง อย่าเชื่อเพราะมันมีในพระไตรปิฏก, อย่าเชื่อเพราะมันน่าเชื่อ,อย่าเชื่อเพราะมันมีเหตุผลทางตรรก ทาง Logic ทางปรัชญา เป็นต้น ให้เชื่อเมื่อมันปรากฏแก่ใจแล้วว่ามันเป็นเช่นนั้นจริง พระพุทธเจ้าทรงเปิดให้อย่างอิสระถึงที่สุดอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงกล้าวิจารณ์ แม้แต่วิจารณ์พระพุทธเจ้าเอง นี่พูดอย่างนี้บาปหรือไม่บาปก็ไปคิดเอาเองเถอะ บางคนคิดว่าพูดจาบจ้วงพระพุทธเจ้า แต่ว่าพระพุทธเจ้าท่านสั่งว่าอย่างนั้น
-----------------------------------------------------

ข้อนี้ผมตั้งข้อสันนิษฐานว่ามันมีได้โดยที่ไม่รู้. เกิดไม่รู้. เกิดเข้าใจไม่ได้ แล้วก็เดาหรือสันนิษฐานกันโดยไม่เจตนานี้อย่างหนึ่ง เพราะว่าเรื่องปฏิจจสมุปบาทเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งที่สุดในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าก็ตรัส และใคร ๆ ก็ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องลึกซึ้งที่สุด. ทีนี้พอมาถึงสักประมาณ ๓ – ๔๐๐ ปี เกิดเข้าใจไม่ได้ ก็เริ่มเกิดความคิดแตกแยก. ทีนี้ต่อมาอีกมันก็แตกแยกหนักเข้า ๆ จนกระทั่งกลายเป็นตรงกันข้ามไป. อย่างนี้เรียกว่าไม่มีใครเจตนาอธิบายให้ผิด มันเป็นเพราะความไม่รู้.
ทีนี้มาเดากันดูอีกทางหนึ่งดีกว่าว่า จะมีทางเป็นไปได้ไหมว่าอาจเกิดมีหนอนบ่อนไส้ขึ้นในพระพุทธศาสนา. มีคนขบถทรยศเป็นหนอนบ่อนไส้เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา แกล้งอธิบายเรื่องปฏิจจสมุปบาทซึ่งเป็นหลักของพระพุทธศาสนาให้ผิดเสีย คือให้เป็นสัสสตทิฏฐิในฮินดู หรือกลายเป็นศาสนาพราหมณ์. ปฏิจจสมุปบาทของพระพุทธเจ้าไม่มีทางที่จะมีอัตตา, ชีโว, อาตมันหรืออะไรทำนองนั้น. ไม่มีทางที่จะเป็นอย่างนั้น เพราะว่าเป็นของพุทธ. แล้วถ้ามีใครมาอธิบายปฏิจจสมุปบาท ซึ่งเป็นหัวใจของพุทธศาสนาให้มันเกิดคร่อม ๓ ชาติอย่างนี้มันก็เกิดเป็นอัตตาขึ้นมา เขาก็กลืนพุทธศาสนาสำเร็จ. ถ้ามีเจตนาเลวร้ายกันถึงขนาดนี้ ก็แปลว่าต้องมีคนแกล้งอธิบายขึ้นมาให้มีช่องให้เกิดอัตตาขึ้นมาในพุทธศาสนา แล้วศาสนาพราหมณ์ก็กลืนศาสนาพุทธวูบเดียวหมดโดยกระทันหัน. นี้เป็นเรื่องสันนิษฐานในแง่เลวร้ายอย่างนี้ก็มีได้

เรื่องส่วนตัวพระพุทธโฆษาจารย์
ทีนี้จะวิจารณ์เรื่องส่วนตัวของพระพุทธโฆษาจารย์กันบ้าง ไม่ใช่จ้วงจาบ ไม่ใช่นินทา ไม่ใช่ใส่ร้าย แต่เอามาเป็นเหตุผลสำหรับการอธิบาย ปฏิจจสมุปบาทของท่าน(บางส่วนที่คร่อมภพชาติ ซึ่งท่านพุทธทาสถือว่าผิดจากหลักบาลี ) ซึ่งมันมีแง่ให้เราตั้งข้อสังเกตว่าพระพุทธโฆษาจารย์นั้น ท่านเป็นพราหมณ์โดยกำเนิดท่านเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพราหมณ์ ท่านจบไตรเพทอย่างพราหมณ์คนหนึ่ง มีวิญญาณอย่างพราหมณ์ แล้วจึงมาบวชในพระพุทธศาสนานี้ แล้วได้รับการสมมุติกันในหมู่คนบางพวกว่าเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง เมื่อ พศ. ร่วมพันปี นักโบราณคดีถือว่าท่านเกิดที่อินเดียใต้ มิใช่ชาวมคธ บางพวกดึงท่านมาเป็นมอญก็มี ไม่เหมือนในอรรถกถา ที่ถือว่าท่านเป็นชาวมัธยมประเทศ ท่านเป็นพราหมณ์โดยเลือดเนื้อมาเป็นพระอรหันต์ในพระพุทธศาสนานี้ แล้วถ้าเกิดไปอธิบายปฏิจจสมุปบาทของพุทธให้กลายเป็นพราหมณ์อย่างนี้ มันยิ่งสมเหตุสมผล คือท่านเผลอไปก็ได้ ถ้าท่านเผลอท่านก็ไม่ใช่พระอรหันต์เป็นแน่นอน ข้อนี้จะว่าอย่างไรก็ต้องพูดอย่างที่เรียกว่า ขอฝากไว้ให้ท่านผู้มีสติปัญญาพิจารณาดูเถิด

----------------------------------------------------------

คุณ mes ครับ ด้วยหลักการที่ท่านพุทธทาสวางไว้ดังกล่าว จึงไม่แปลกที่ท่านจะวิจารณ์ว่า พระพุทธองค์ที่ทรงตรัสสอนเรื่อง เทวดา นรก สวรรค์ หลักกรรม การเวียนว่ายตายเกิด เมื่อครั้งพุทธกาล ก็เพราะคนโง่ ๆ สมัยก่อนมีเยอะ และก็นับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อน บางส่วนพระพุทธองค์ก็ทรงตรัสเอออวยสวมรอยกับคำสอนเดิม ๆ เพราะเสียเวลากับคนโง่ ๆ เหล่านั้น

อ้างอิงจาก:

http://www.buddhadasa.com/index_subj.html

เทวดามีจริงหรือไม่ (โดยท่านพุทธทาส)
http://www.buddhadasa.com/dhamanukom/tevada83.html
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2008, 5:09 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
มาเป็นพุทธทาสกันเถิด
มีการเป็นทาสชนิดหนึ่ง เป็นทาสที่ไม่ต้องเลิก ยิ่งมีมาก ยิ่งดี
ยิ่งเป็นทุกคนด้วยแล้ว โลกยิ่งมีสันติภาพ ไร้วิกฤตกาล
นั้นคือ การเป็นทาสของพระพุทธองค์ เรียกว่า "พุทธทาส"


คุณ mes ครับ คุณจะวิจารณ์พระไตรปิฏก อรรถกถา คัมภีร์ของเถรวาท อย่างไร ก็ตามสบายนะครับ เพราะอาจารย์ของคุณ เปิดทางไว้ให้เต็มที่แล้ว

แต่มีข้อสังเกตนิดหนึ่ง ในการเป็นพุทธทาส แต่วิจารณ์นายของตนเองอย่างอิสระ ผมคิดว่าเป็นทาสที่ไม่ซื่อสัตย์นะครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2008, 2:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
คุณ mes ครับ ทำไมต้องนึกรังเกียจพระอภิธรรม ตามท่านพุทธทาสขนาดนั้นครับ


ไม่มีใครรังเกียจพระอภิธรรมหรอก

ผมก็ศึกษาพระอภิธรรม

เวลานี้คุณเฉลิมศักดิ์อยู่ในอาการศรัทธาที่นอกเหตุผล(emotion)หรือาเวจ

เกิดอุปทานว่าพระอภิธรรมเป็นของตนแล้วก็ไปเกิดในภพนั้น

อีกอาการหนึ่งคือพยาบาท

ผมพยายามนำทุกวิถีทางมานำคุณออกไป

แต่ไม่สำเร็จ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2008, 8:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เอาทีละประเด็น

เฉลิมศักดิ์ พิมพ์ว่า:
คุณเฉลิมศักดิ์

เวลาที่คุณฟังพระสวดอภิธรรมคุณแปลออกเลยหรือ

นับว่าสุดยอดมาก

แถมยังทำสมาธิจิตอีก

ช่วยแนะนำผมหน่อย

วิธีทำสมาธิจิตของคุณเฉลิมศักดิ์ทำอย่างไหง

อย่าไปคลิ๊กเอา อจ.บุญมี อจ.แนบ อจ.บุษกร มาอีกล่ะ

วันนี้ยังอยู่ในระหว่างเข้าพรรษาต้องงดลิ้งค์



ผมต้องการจะบอกว่า

เฉลิมศักดิ์โกหกอีกแล้วครับท่าน

เพราะไม่มีใครหรอกครับที่ฟังพระอภิธรรมในขณะที่พระสวดแล้วแปลออกถึงกับโยนิโสมนสิการได้



เฉลิมศักดิ์ พิมพ์ว่า:
คุณ mes ครับ ทำไมต้องนึกรังเกียจพระอภิธรรม ตามท่านพุทธทาสขนาดนั้นครับ


ผมไม่เชื่อว่าคุณเฉลิมศักดิ์จะทำได้ แต่คุณกล่าวหาใส่ร้ายว่าผมรังเกียจพระอภิธรรม

แต่คนอย่างคุณกล้าทำแต่ไม่กล้ารับหรอก

ไม่เชื่อก็ย้อนขึ้นไปดูข้างต้นกระทู้

กล้ากล่าวหาคนอื่น

ต้องแสดงความกล้ารับผิดชอบหน่อย
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2008, 8:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
คุณ mes ครับ ไม่ทราบว่าตอนคุณไปงานศพแล้วพระท่านสวดพระอภิธรรม คุณมีความรู้สึกอย่างไรครับ ?


ผมก็มีความรู้ลึกเช่นเดียวกับทุกท่าน

คือมีความรู้ลึกสลดอาลัย

และเจริญมรณานุสติที่ท่านอาจารย์ใหญ่เจ้าของงานแสดงตัวอย่างให้เห็น

ไม่เกี่ยวกับพระอภิธรรม

เวลาพระสวดฟังไม่ออก

แต่ก็สำรวมด้วยความเคารพในพิธีอันศักดิ์สิทธิ์

แล้วอย่ามากล่าวหาว่าผมรังเกียจพระอภิธรรมอีก

คุณเฉลิมศักดิ์ทำให้พระอภิธรรมเสื่อมเสียด้วยความโง่ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริงๆ

อย่างนี้แหละที่ต้องกระแทกอารมณ์

อีกขั้นต้องใช้กระแสไฟฟ้าช้อค

จะรู้ลึกตัวไหมเนี่ย
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่หัวข้อนี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไข หรือตอบได้
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง