Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ธรรมะคืออะไรในพุทธศาสนาบทที่ 2 (พุทธศาสนาพัฒนามนุษย์) ตอน 4
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
Buddha
บัวบาน
เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
ตอบเมื่อ: 14 ต.ค.2008, 10:32 am
ธรรมะคืออะไร ในพุทธศาสนา บทที่ 2 (พุทธศาสนาพัฒนามนุษย์) ตอนที่ 4
ในตอนที่สาม ข้าพเจ้าได้อรรถาธิบายไปตอนหนึ่งว่า ศาสนาทุกศาสนา ล้วนเกิดจากการ ระลึก และดำริ ทั้งสิ้น ท่านทั้งหลายเมื่ออ่านไปแล้วก็อย่าได้เข้าใจผิด คิดว่าข้าพเจ้าเอาหลักธรรมะในพุทธศาสนา ครอบคลุมศาสนาอื่นๆ หรือเข้าใจผิดคิดว่า ข้าพเจ้า ทับถมดูแคลนศาสนาอื่น ฯ หรือที่เข้าใจผิดไปแล้ว ก็โปรดได้ทำความเข้าใจในความถูกต้องไว้ว่า มนุษย์ ย่อมมีการ ระลึก (นึกถึงฯลฯ) และ ดำริ (การคิดฯ) เป็นธรรมชาติ (หมายเอาเฉพาะมนุษย์ ความจริงแล้ว สัตว์บางชนิดก็ ระลึก ดำริ ได้เช่นเดียวกับมนุษย์ก็มี) ดังนั้น เมื่อมนุษย์ล้วนย่อม มีการ ระลึก,ดำริ ซึ่งเกิดจากการได้สัมผัสทางอายตนะภายใน คือ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ อันเกิดจากการที่อวัยวะที่ได้กล่าวไป ได้สัมผัสกับ อายตนะภายนอกตัวเอง คือ รูป รส กลิ่น แสง สี เสียง โผฏฐัพพะ(สิ่งที่มาถูกต้องกาย) จนทำให้เกิด อารมณ์ ความรู้สึก เกิดสภาพสภาวะจิตใจซึ่งเรียกไปในหลายรูปแบบ บ้างก็เรียกว่า เป็นธรรมะ บ้างก็เรียกว่า เป็นกิเลส ฯลฯ ซึ่งก่อนที่เกิดอารมณ์ ความรู้สึก ฯลฯ เมื่อได้สัมผัส ก็จะเกิด การระลึก (นึกถึง) และเกิดความคิด ตามลำดับ แล้วความคิดและการระลึกนึกถึง ก็จะทำให้เกิดเป็นอารมณ์ ความรู้สึก ฯลฯ ดังที่ข้าพเจ้าได้อธิบายไว้ในตอนก่อนๆว่า อารมณ์ ความรู้สึก สภาพสภาวะจิตใจที่เรียกว่า ธรรมะบ้าง หรือ บ้างก็เรียกว่า กิเลส ล้วนเกิดขึ้นที่ หัวใจ ของบุคคลนั้นๆ
ศาสนาทุกศาสนาก็ย่อมเกิดขึ้นจากการ ระลึก และ ดำริ อันเป็นเครื่องดิ้นรน เพื่อให้หลุดพ้นจากสิ่งที่ศาสดาแต่พระองค์เรียกว่า ทุกข์ เพื่อให้เกิดสันติสุข เพื่อให้เกิดสามัคคี และอยู่ร่วมกันโดยความสงบสุข ซึ่งท่านทั้งหลายสามารถศึกษาค้นคว้า ศึกษา และเปรียบเทียบในคำสอนของทุกศาสนาได้เลยว่า ล้วนหนีไม่พ้น ธรรมชาติของตัวมนุษย์เอง เพียงแต่ว่าสิ่งไหนเป็นมรรค สิ่งไหนเป็นผล ก็ล้วนเป็นเรื่องของศัพท์ภาษา และขึ้นอยู่กับยุคสมัยแห่งการได้รับการศึกษา และวิวัฒนาการของสมองสติปัญญาของมนุษย์ ถ้าจะกล่าวอีกในรูปแบบหนึ่ง ก็หมายความว่า คำสอน หรือหลักธรรมะของศาสนาย่อมอาศัยปัจจัย คือสมองสติปัญญา การเรียนรู้ของมนุษย์ ตามแต่ยุคสมัยว่าควรใช้ศัพท์ภาษาเยี่ยงใด เพื่อให้เกิดความเข้าใจง่าย บ้างอาจเป็นผลแห่งการระลึก,ดำริ บ้างอาจเป็นเหตุแห่งการระลึกดำริ บ้างอาจเป็นทั้งเหตุและผลแห่งการระลึก,ดำริ ซึ่งล้วนเกิดจากการได้รับสัมผัสโดยอายตนะภายใน จากการได้สัมผัส อายตนะภายนอก ฯ
เมื่อมาถึงยุคสมัยปัจจุบัน และอนาคต หลักธรรมะ ย่อมต้องเป็นหลักธรรม ที่ทำให้มนุษย์ทุกคนยอมรับว่า เป็นหลักความจริง เป็นสิ่งที่ทำให้เกิด ทุกข์ ,เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ฯลฯ และ ย่อมเป็นสิ่งที่ทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์ได้เช่นกัน
ข้าพเจ้าจึงได้กล่าวว่า หลักธรรมในทุกศาสนา ล้วนเกิดจาก การ ระลึก,และดำริ ซึ่งหากท่านทั้งหลายพิจารณาให้ดีแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในสังคมแห่งศาสนาใดใด เมื่อได้อ่าน และทำความเข้าใจในสิ่งที่ข้าพเจ้าได้สร้างบรรทัดฐานไว้ ก็จะเกิดความเข้าใจในหลักแห่งศาสนานั้นๆมากขึ้น ความเจริญในแต่ละศาสนาก็จะเกิดขึ้น เพราะผู้ศรัทธาหรือผู้เกี่ยวข้อง หรือบุคคลากรในศาสนานั้น มีความเข้าใจในหลักธรรมะหรือหลักคำสอนของศาสนานั้นๆตามหลักความจริง ตามหลักธรรมชาติ อันเป็นการพัฒนาศาสนาทุกศาสนาไปพร้อมๆกัน มิใช่ยกพุทธศาสนามาข่มศาสนาอื่น
หลายๆท่านอาจสงสัยว่า ศาสนาทุกศาสนาจะเจริญ ได้อย่างไรกัน หากว่าผู้สังคมในศาสนานั้นๆ มีความรู้ มีความเข้าใจในหลักธรรมะแห่งศาสนาพุทธในข้อ ระลึก ดำริ ที่ข้าพเจ้ากล่าวไปก็เพราะ ระลึก ดำริ เป็นธรรมชาติของมนุษย์ เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ เมื่อรู้แล้วว่า มนุษย์ย่อมมีการ คิด และการนึกถึง หลักธรรมหรือคำสอนในศาสนาใดใด ก็ล้วนมีรากฐานแบบเดียวกัน สามารถพิจารณาจนแตกฉานในศาสนานั้นๆ สามารถพิจารณาจนหลุดพ้นตามหลักศาสนานั้นๆ ได้อย่างไม่ต้องอายใคร และไม่มีการแบ่งแยกว่า ศาสนานั้นจะดีกว่าศาสนานี้ ศาสนาโน้น จะดีกว่าศาสนานั้น เพราะหลักการศาสนาใดใด แตกต่างกันเพียงแต่ภาษาที่ใช้ และแตกต่างกันตรงที่ความจำเป็นในการใช้ภาษาหรือใช้หลักธรรมคำสอน ตามยุค ตามสมัย ตามสมองสติ ปัญญา ตามสภาพภูมิประเทศ ตามสภาพภูมิอากาศ ตามความจำเป็นในการสังคมเป็นอยู่ร่วมกันของมนุษย์
หากท่านทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรในศาสนาใดใด หรือเป็นผู้ศรัทธาในศาสนาใดใด ได้เข้ามาอ่าน ได้เข้ามาดูมาศึกษา ก็ไม่ต้องกังวลใจไปว่า ข้าพเจ้าได้ยกเอาหลักธรรมะ ในศาสนาพุทธมาสอนมาเผยแพร่ แล้วจะทำให้ศาสนาอื่นเสื่อมโทรม เลิกคิดได้เลย เพราะศาสนาทุกศาสนาล้วนย่อมเจริญรุ่งเรือง และได้รับการพัฒนาไปพร้อมกัน ซึ่งก็ย่อมต้องขึ้นอยู่กับการระลึก ดำริ ของพวกท่านนั่นแหละขอรับ
จบตอนที่ 4
natdanai
บัวบาน
เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok
ตอบเมื่อ: 14 ต.ค.2008, 1:41 pm
ยังคงติดตามอยู่เหมือนเดิมครับท่าน...
_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th