ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ทัพหลวง
บัวเริ่มพ้นน้ำ

เข้าร่วม: 28 มิ.ย. 2008
ตอบ: 161
|
ตอบเมื่อ:
21 ก.ย. 2008, 11:54 pm |
  |
คนกินเนื้อสัตว์เป็นมิจฉาทิฏฐิหรือ
ถาม ดิฉันได้ยินว่าคนที่กินมังสวิรัติพูดว่า พวกที่กินเนื้อสัตว์เป็นมิจฉาทิฏฐิโดยแท้ จริงอย่างที่พูดหรือเปล่า
ตอบ การที่จะทราบว่า ใครเป็นมิจฉาทิฏฐิหรือไม่ ก็โปรดได้ทราบความหมายของคำว่ามิจฉาทิฏฐิเสียก่อนว่าท่านหมายถึงอะไร
คำว่ามิจฉาทิฏฐินั้นหมายถึงความเห็นผิด ซึ่งความเห็นผิดนั้นอย่างธรรมดาก็มีถึง ๑๐ ประการ อย่างมากมีถึง ๖๒ ประการ ซึ่งใน ๑๐ ประการก็ดี ใน ๖๒ ประการก็ดี ไม่มีการกินเนื้อสัตว์รวมอยู่ด้วยเลย
ขอพูดถึงมิจฉาทิฏฐิ ๑๐ ประการ ให้ฟังเพื่อประกอบการตัดสินใจ ๑๐ ประการคือ
๑. เห็นว่าทานที่ให้แล้วไม่มีผล
๒. เห็นว่าการบูชาไม่มีผล
๓. เห็นว่าการบวงสรวงไม่มีผล
๔. เห็นว่าการทำดีทำชั่วไม่มีผล
๕. เห็นว่าโลกนี้ไม่มี คือไม่เชื่อว่าผู้ที่ตายจากโลกอื่นมาเกิดในโลกนี้มี
๖. เห็นว่าโลกหน้าไม่มี คือไม่เชื่อว่าผู้ที่ตายจากโลกนี้แล้วไปเกิดโลกอื่นมี
๗. เห็นว่ามารดาไม่มี คือคุณของมารดาไม่มี
๘. เห็นว่าบิดาไม่มี คือคุณของบิดาไม่มี
๙. เห็นว่าโอปปาติกสัตว์ คือสัตว์ที่เกิดขึ้นเองโดยไม่มีบิดามารดา เกิดแล้วโตเต็มที่ทันทีอย่างพวกเทวดาเป็นต้นไม่มี
๑๐. เห็นว่าสมณะพราหมณ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เห็นแจ้งประจักษ์โลกนี้โลกหน้าด้วยตนเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ได้ ไม่มี คือเห็นว่าผู้ที่ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีนั่นเอง
ความเห็นผิด ๑๐ ประการนี้ จัดเป็นมิจฉาทิฏฐิ
การกินเนื้อสัตว์ไม่ได้เกี่ยวกับมิจฉาทิฏฐิเลย
http://84000.org/tipitaka/book/nana.php?q=21 |
|
|
|
  |
 |
ทัพหลวง
บัวเริ่มพ้นน้ำ

เข้าร่วม: 28 มิ.ย. 2008
ตอบ: 161
|
ตอบเมื่อ:
21 ก.ย. 2008, 11:56 pm |
  |
เนื้อบริสุทธิ์เป็นอย่างไร
ถาม ขอให้อธิบายคำว่า เนื้อบริสุทธิ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เป็นอย่างไร ได้มาอย่างไร
ตอบ ขอเรียนให้ทราบดังนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุไม่พึงบริโภคเนื้อที่ไม่บริสุทธิ์ โดยส่วนสาม คือ ด้วยเห็น ๑ ด้วยได้ยิน ๑ และด้วยรังเกียจ ๑ ผู้ใดบริโภคต้องอาบัติทุกกฎ
หมายความว่า ถ้าท่านเห็นว่าเขาฆ่าปลาและเนื้อเพื่อท่าน คือเพื่อทำให้ท่านฉัน เนื้อนั้นก็ไม่บริสุทธิ์ ท่านฉันเข้าไปก็เป็นอาบัติทุกกฎ หรือไม่ได้เห็น แต่ได้ยินเขาสั่งให้ไปฆ่าปลาฆ่าเนื้อมาทำอาหารให้ท่านฉัน เนื้อและปลานั้นก็ไม่บริสุทธิ์ ท่านฉันเข้าไปก็เป็นอาบัติทุกกฎ หรือแม้ท่านไม่ได้เห็นด้วยไม่ได้ยินด้วย แต่ท่านเกิดความรังเกียจเพราะไม่แน่ใจ คือสงสัยว่า เนื้อเหล่านี้เขาฆ่าเองหรือสั่งให้ฆ่าเพื่อท่านหรือไม่ ถ้าสงสัยหรือนึกรังเกียจอย่างนี้ แล้วยังขืนฉันเข้าไปก็เป็นอาบัติทุกกฎ เพราะถือว่าเนื้อนั้นไม่บริสุทธิ์
ด้วยเหตุนี้ เนื้อที่บริสุทธิ์จึงต้องเป็นเนื้อที่บริสุทธิ์โดยส่วนสาม ตรงข้ามกับเนื้อที่ไม่บริสุทธิ์ นั่นคือ เนื้อที่บริสุทธิ์ต้องเป็นเนื้อที่ท่านไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน และไม่รังเกียจ
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรื่องนี้แก่สีหเสนาบดีของเจ้าลิจฉวี เมืองเวสาลี ในพระวินัยปิฎก มหาวรรค ตอนเภสัชชขันธกะ
นอกจากนั้น พระพุทธองค์ยังทรงห้ามภิกษุฉันเนื้อที่ต้องห้าม ๑๐ อย่างด้วย คือเนื้อมนุษย์ เนื้อช้าง เนื้อม้า เนื้องู เนื้อราชสีห์ เนื้อเสือโคร่ง เนื้อเสือเหลือง เนื้อหมี และเนื้อเสือดาว ภิกษุฉันเนื้อมนุษย์เป็นอาบัติถุลลัจจัย ฉันเนื้อต้องห้าม ๙ อย่างที่เหลือ อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นอาบัติทุกกฎ
แต่ภิกษุใดฉันเนื้อและปลาที่บริสุทธิ์โดยส่วนสาม และเว้นการฉันเนื้อต้องห้าม ๑๐ อย่างดังกล่าวนี้แล้ว ภิกษุนั้นชื่อว่าฉันอาหารไม่มีโทษ สมควรแก่สมณะ
ชัดแล้วใช่ไหมว่า กินอาหารอย่างใดจึงชื่อว่ากินอาหารไม่เป็นโทษ
http://84000.org/tipitaka/book/nana.php?q=20 |
|
|
|
  |
 |
ทัพหลวง
บัวเริ่มพ้นน้ำ

เข้าร่วม: 28 มิ.ย. 2008
ตอบ: 161
|
ตอบเมื่อ:
21 ก.ย. 2008, 11:58 pm |
  |
กินเนื้อสัตว์กับฆ่าสัตว์มีโทษ และมีกรรมเท่ากันหรือไม่
ถาม ได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเขียนว่า การกินเนื้อสัตว์และการฆ่าสัตว์มีโทษและกรรมเท่ากัน สงสัยว่าทำไมจึงมีโทษและกรรมเท่ากัน จริงหรือเปล่า
ตอบ การกินเนื้อสัตว์นั้น ถ้าไม่ใช่เนื้อที่เราฆ่าเองหรือสั่งให้เขาฆ่า กินแต่เนื้อสัตว์ที่เขามีขายตามปกติแล้วไม่มีโทษ เพราะโทษที่ล่วงปาณาติบาตไม่มี เมื่อโทษไม่มีกรรมคือบาปกรรมจะมีแก่เขาได้อย่างไรเล่า
แต่ถ้าเขากินเนื้อสัตว์ที่เขาฆ่าเองหรือสั่งให้ฆ่า นั่นสิจึงจะมีโทษ เพราะได้ล่วงศีลข้อปาณาติบาตแล้วทั้งเป็นบาปกรรม เป็นอกุศลกรรม ที่จะให้ผลคือวิบากอันเป็นทุกข์แก่เขา
การพูดอะไร เขียนอะไร ใครก็พูดได้เขียนได้ แต่จะถูกต้องตามหลักธรรมและหลักฐานหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้น ผู้ฟังและผู้อ่านต้องใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบด้วยตนเองไม่เชื่อง่าย หรือไม่เชื่อไปเสียทั้งหมด มิฉะนั้นแล้ว ท่านอาจหลงผิดไปจนแก้ไขไม่ได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง
ก็ต้องขออนุโมทนาผู้ถามที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ คำตอบที่ตอบไปนี้ แม้จะมีที่มาในพระไตรปิฎกและอรรถกถา คุณก็อย่าเพิ่งไปเชื่อ ลองสอบทานดูเสียก่อนว่า คณะพูดตามคำสอนของพระบรมศาสดาจริงหรือไม่ ถ้าเห็นว่าไม่จริงก็ไม่ต้องเชื่อ
http://84000.org/tipitaka/book/nana.php?q=19 |
|
|
|
  |
 |
ฌาณ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.ย. 2008, 9:27 pm |
  |
 |
|
_________________ ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ |
|
  |
 |
|