Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
การถือศีลอุโบสถอย่างง่ายและอุปสรรคในการถือศีล
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
การรักษาศีล-การบวช
ผู้ตั้ง
ข้อความ
pcman_cnp
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 30 ส.ค. 2008
ตอบ: 3
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
ตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2008, 6:18 pm
ผมถืออุโบสถศีลในวันพระมาเกือบสองปีแล้วครับโดยการกล่าวคำขออุโบสถศีลเองที่บ้านครับ ถ้าตื่นกี่โมง ก็จะเลิกเวลาเดียวกันในวันรุ่งขึ้น (โดยการขอศีล 5) ส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่อยได้ไปวัด จะทำงานปกติที่บ้าน (เป็นร้านค้า) แต่จะไม่ดูโทรทัศน์ไม่ฟังเพลง นอนพื้นปูผ้าเป็นเวลา 2 วันคือตั้งแต่คืนก่อนวันพระ และในคืนวันพระ ส่วนการกินข้าวเข้าจะพยายามให้เสร็จก่อน 8 โมง และข้าวเที่ยงให้เสร็จก่อน 11:50 หรืออย่างช้าไม่เกินเที่ยง หลังจากนั้นก็ดื่มแต่น้ำเปล่า ทำงานเสร็จตอนเย็นก็จะสวดมนต์พระพุทธคุณ และบทหลักอื่นๆ เช่นถ้าปกติก็จะเป็นบทยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก ถ้าเป็นวันอาสาฬหบูชาก็จะเป็นบทธรรมจักร ถ้ามีใครป่วยก็จะสวดโพชฌงค์ และนั่งสมาธิเล็กน้อย และพยายามนอนเร็วๆ จะได้ไม่หิวมาก
ศีลข้อ 1 อุปสรรคที่ทำยากก็คงจะเป็นยุงและมด เพราะอาจต้องทำเพื่อไล่ออกจากห้องนอน แนะนำให้ใช้วิธีซื้อสเปรย์ตะไคร้หอมมาฉีด (เช่นซื้อที่ร้านใบจากในปั๊มบางจาก หรือร้านโกลเดนเพลส) แล้วเปิดประตูทิ้งไว้ชั่วครู่ครับ หรือจะฉีดใส่ทิชชู่แล้วโบกไว้ ยุงจะบินออกไปเอง ส่วนมด ให้ใช้ไม้กวาดกวาดออกไป หรือถ้ามีเล็กน้อยให้ใช้ทิชชู่พับแล้วชุบน้ำครึ่งหนึ่ง แล้วจับปลายบนที่แห้ง ส่วนปลายล่างที่เปียกให้ลากไปโดนมด มดก็จะติดกระดาษ แล้วเอาไปทิ้งถังขยะนอกบ้านครับ
ศีลข้อ 2 อุปสรรคที่ทำยากคงไม่มี ถ้าไม่มีอาชีพทางนี้ แต่อาจมีเรื่องลิขสิทธิ์ซอฟท์แวร์ ที่อาจทำให้ละเมิดได้ ก็แนะนำให้อย่าใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรมที่ไม่มีลิขสิทธิ์ครับ
ศีลข้อ 3 ก็ต้องยับยั้งชั่งใจครับ ไม่ดูสื่อที่จะกระตุ้นเราได้ และอาบน้ำให้เร็วๆ เข้าไว้ครับ ส่วนภรรยาก็คงไม่มีปัญหา ถ้าเขาไม่มานอนพื้นกับเรา
ศีลข้อ 4 ดูจะรักษายาก เพราะนอกจากจะแค่พูดโกหกแล้ว ยังรวมถึงพูดส่อเสียด และพูดเพ้อเจ้อด้วย จึงต้องใช้สติกำกับอย่างมากครับ พวกพูดจาล้อเล่นก็ต้องงดไปเลย ถ้ามีเรื่องต้องปฏิเสธใครก็พยายามหนีไม่พูดไปเลยครับ
ศีลข้อ 5 คงจะไม่มีปัญหาเรื่องสุรา แต่พวกที่คิดว่าอาจมียาเสพติดเช่นโค้ก กาแฟ หรือชา ผมก็พยายามงดด้วย ครับ (แต่ถ้าถือศีล5 ผมจะไม่งดชา กาแฟ หรือโค้ก เพราะจะไม่เคร่งเท่าถือศีลอุโบสถ)
ศีลข้อ 6 คนที่ทำงานก็คงจะมีปัญหาเรื่องการกินให้เสร็จก่อนเที่ยง เพราะยังไม่ใช่เวลาพัก ก็ต้องลองขออนุญาตเจ้านายครับ หรือถือขนมปังกินในสำนักงานไปเลย หรืออัดข้าวเช้ามื้อเดียวไปเลย แล้วค่อยดื่มน้ำปานะรองท้องไป (แต่ผมไม่ค่อยนิยมน้ำปานะ เพราะค่อนข้างตัดสินยากว่าอะไรเป็นน้ำปานะ เพราะแต่ละสำนักให้นิยามไม่ค่อยเหมือนกัน)
ศีลข้อ 7 นี่แรกๆ ทำยากมากครับต้องใช้สติกำกับมาก มีสองส่วนคือดูการละเล่นและการแต่งเครื่องประดับ เรื่องดูการละเล่นทำยาก เพราะคนอื่นๆ อาจเปิดเพลง เปิดโทรทัศน์ ดูฟุตบอล ดูละคร แค่เดินผ่านโทรทัศน์ก็ต้องห้ามใจไว้ครับไม่ให้รับรู้อารมณ์บันเทิงเหล่านั้น ปกติผมจะใช้วิธีบริกรรม เช่นสัมมา อะระหัง หรือซ้ายย่างหนอ ขวาย่างหนอ แล้วรีบเดินผ่านไป จะได้ไม่รับรู้อารมณ์เหล่านั้นครับ รวมถึงเรื่องเสียงรอสายในโทรศัพท์ทั้งหลาย พอได้ยินผมก็บริกรรมเลย และเปลี่ยนเสียง Ring Tone ของมือถือให้เป็นเสียงกริ่งโบราณ จะได้ไม่ต้องฟังดนตรีตอนมีคนโทรเข้า ส่วนเรื่องแต่งกายผมก็ไม่มีเครื่องประดับอะไรอยู่แล้ว ปกตินาฬิกาข้อมือผมก็ไม่ใส่ เพราะเดี๋ยวนี้มือถือก็บอกเวลาได้อยู่แล้ว ระวังเรื่องน้ำหอมด้วยครับ อย่าใส่พวกน้ำหอม หรือทาแป้งหอม แป้งเย็นกลิ่นหอมต่างๆ
ศีลข้อ 8 ก็คือเรื่องนอนพื้นครับ และผมยังไม่ใช้เก้าอี้เบาะ ซึ่งปกติจะใช้ พอวันถือศีล ผมจะใช้เก้าอี้พลาสติกแทน และถ้าไม่จำเป็นผมก็จะไม่ขับรถ ถ้านั่งก็จะใช้ที่รองนั่งแบบไม้ (มีขายครับ พวกแทกซี่ชอบใช้) หรือนั่งรถสาธารณะที่ไม่รองเบาะ เช่นถ้าเป็นรถเมล์ก็จะยืน หรือขึ้นรถไฟฟ้า ก็จะไม่มีเบาะเป็นต้นครับ หรือถ้าขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยาหรือเรือข้ามฟากก็จะไม่มีเบาะครับ
อานิสงค์ของการถือศีลอุโบสถมีผู้กล่าวไว้ว่ามีอานิสงค์มาก คนที่ทำอะไรแล้วไม่ค่อยสมหวัง ผิดหวัง หมดกำลังใจ น่าจะลองดูครับ น่าจะทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ หรือไม่งั้นก็เป็นเสบียงอริยทรัพย์ไว้ในภายหน้า อยากให้มีผู้ถือศีลกันเยอะๆ ผมจึงอธิบายวิธีตามที่ปฏิบัติมา ซึ่งก็ได้ลองศึกษาจากตำราและ Web Site หลายแห่งในข้อปลีกย่อยต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าผู้ที่คิดจะปฏิบัติ น่าจะลองใช้ดูเพื่อที่จะได้รักษาอุโบสถมากขึ้น ไม่ต้องรอวันว่างที่จะไปทำที่วัดอย่างเดียว อย่างไรก็ตามหากมีผู้เห็นว่ามีบางส่วนละเมิดศีลตรงไหน ก็ขอคำชี้แนะด้วยครับ จะได้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นต่อไป
ในวันพระนี้ผมไม่ได้ออกไปทำบุญ เลยตั้งใจเขียนบทความนี้เพื่อเป็นธรรมทานครับ ท่านใดจะช่วยชี้แนะเพิ่มเติมก็จะได้เป็นธรรมทานต่อๆ กันไปครับ
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ให้ความรู้ทางธรรมในกระทู้ครับ
ฌาณ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
ตอบเมื่อ: 01 ก.ย. 2008, 5:44 pm
_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
kunthinan
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 20 ส.ค. 2008
ตอบ: 11
ที่อยู่ (จังหวัด): AYUTHAYA
ตอบเมื่อ: 02 ก.ย. 2008, 7:35 pm
ดีจังค่ะ ที่สามารถบังคับตัวเองให้ทำอยู่ที่บ้านได้
ดิฉันก็เพิ่งไปถือศีลอุโบสถมาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้เองค่ะ
ทำแล้วตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้คุณแม่ที่ท่านเพิ่งจะเสียไปได้แค่ 3 เดือนนี้เองค่ะ
ยิ่งทำก็ยิ่งมีสติ จิตใจเป็นสุขมากค่ะ ไม่ว่าใครจะมาทำให้โกรธ หรือกวนประสาท ก็ยังคงเฉยได้ แล้วยังไม่คิดอิจฉาใครอีกค่ะ
ตัวดิฉันคิดว่าจะไปวัดบ่อยๆ ค่ะ ได้บุญทั้งตัวเอง และคนรอบข้าง จริงๆ นะ
ยิ่งถ้าใครรู้สึกว่าตัวเองเหมือนอยู่คนเดียวในโลกนะ ขอแนะนำให้ไปถือศีล 8 ที่วัด แล้วก็ยกจิตของตัวเองไว้ที่พระพุธเจ้า เหมือนกับดิฉันซิคะ รับรองว่าจิตใจสะอาด และห่างจากทุกข์มาก ดีกว่าเอาจิตใจเราไปฝากไว้กับคนอื่นนะ ซึ่งมีแต่กิเลส แล้วยังทำให้เรามีแต่ทุกข์ด้วยค่ะ
คือ...พระอาจารย์ที่วัดสอนมาค่ะ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
การรักษาศีล-การบวช
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th