บัวหิมะ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
|
ตอบเมื่อ:
01 ก.ย. 2008, 11:16 pm |
  |
4. ชมรมทำความสะอาดห้องสุขา
เมื่อพระอาจารย์ (มิตซูโอะ คเวสโก) ไปประเทศญี่ปุ่น
ได้พบปะพูดคุยกับประธานบริษัทใหญ่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง
เขาเป็นสมาชิกชมรมทำความสะอาดห้องสุขา
สมาชิกเป็นคนชั้นสูง เป็นประธานบริษัทใหญ่ ๆ
หรือผู้ใหญ่ในสังคมกันทั้งนั้น
กิจกรรมของเขาคือ ทำความสะอาดห้องสุขา
ตามโรงเรียนต่าง ๆ และห้องสุขาสาธารณะเดือนละครั้ง
เพื่อเป็นการละตัวตน เพื่อพัฒนาจิตใจตนเอง
ชมรมนี้ตั้งขึ้นมาหลายสิบปีแล้ว
เมื่อก่อนจะเข้าไปขออนุญาตตามบ้าน
ทำความสะอาดห้องสุขา
แต่ทุกวันนี้เลือกเฉพาะที่สารธารณะเป็นส่วนใหญ่
เช่น ห้องสุขาในโรงเรียนประถม มัธยม
ห้องสุขาสวนหย่อม ห้องสุขาสวนสาธารณะ
ทำความสะอาดแต่ละครั้งใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโทง
ขัดถูทำความสะอาดทุกส่วนของห้องน้ำ
บางทีโดนด่าต่าง ๆ นานา
จากคนจรจัดที่อาศัยอยู่ใกล้ ๆ กัน ก็มี
กิจกรรมสร้างสรรค์นี้ นับว่ามีประโยชน์
ในการละทิฏฐิมานะ อัตตาตัวตน ขัดเกลากิเลส
ได้อย่างดีทีเดียว ใครเห็นประโยชน์แล้วก็ตั้งชมรม
ปฏิบัติกันเลย เป็นชมรมทันสมัย คิดใหม่ ทำใหม่
ในการภาวนาพัฒนาจิตใจ
5. โอ๊ะซัง
โอ๊ะซัง เป็นชาวญี่ปุ่น อายุ 52 ปี
เดือนเมษายน 2541 หมอตรวจพบว่าเธอเป็นโรคมะเร็งในมดลูก
หมอบอกว่าผ่าตัดแล้ว 2-3 เดือนน่าจะกลับไปทำงานได้
โอ๊ะซังก็คิดไปว่า โรงมะเร็งถ้าผ่าตัดแล้วก็จะหาย ไม่น่ากลัว
ผ่าตัด 7 วัน ย้ายไปเข้าห้องธรรมดา
หมอบอกว่าควรรักษาด้วยเคมีบำบัด คือ การฉีดคีโม
โอ๊ะซังได้ปรึกษาหมอว่ามีวิธีรักษาอย่างอื่นไหม
หมอบอกว่าคนที่ปฏิเสธการรักษาทางเคมีเป็นคนโง่
หมอเร่งให้ตัดสินใจรักษาด้วยเคมี
จิตใจโอ๊ะซังเริ่มสับสน ขออนุญาตกลับไปบ้านก่อน
เดือนพฤษภาคม 2541 หมออนุญาตให้กลับบ้านได้
เมื่ออกจากห้อง นางพยาบาลวิ่งมาบอกโอ๊ะซังว่า
“คุณพร้อมจะตายพรุ่งนี้ มะรืนนี้หรือเปล่า”
คำพูดของนางพยาบาล ทำให้จิตใจโอ๊ะซังแตก
จิตตก กลัวตาย เกิดอาการโรคประสาท
หมอบอกว่าอีก 2-3 เดือนกลับไปทำงานได้
ทำคนพร้อมกันพูดโกหกว่าฉันเป็นโรคร้ายแรง
ขั้นสุดท้ายอาจจะตาย 1-2 วัน
เกิดอาการโรคประสาทขึ้นมา
“อายุแค่ 50 ปี ยังไม่น่าตายนี่”
“ตายคนเดียวกลัว”
“ตายแล้วไปไหน”
“ฉันทำไมต้องตาย โลกนี้ไม่มีความยุติธรรมเลย”
เห็นผู้หญิงมีลูกอ่อน เกิดเกลียดชัง
เขากำลังมีความสุข อิจฉาเกลียดชัง
คิดสารพัดอย่าง
ฉัน...ฉัน...ฉัน
ในที่สุด ฉีดคีโมรักษา
สิงหาคม 2541 หมออนุญาตให้กลับบ้าน
อยู่ที่บ้าน กลัวตายมาก ๆ
ไปซื้อของก็กลัวในการเดิน
รู้สึกถนนไม่เรียบ ตัวเราจะล้มลง
แต่ต้องทำใจเมื่อต้องซื้อของ
เพราะคิดไปว่าถ้าจัดอาหารไม่ได้
คงจะอยู่ที่บ้านไม่ได้
หลังจากกินยารักษาโรคประสาท 6 เดือน
ดูทีวีและเล่นทีวีเกมส์ ทั้งวัน อีก 6 เดือน
อยู่เฉย ๆ ไม่ได้...กลัว
เดือนมกราคม 2542
รับจดหมายพระอาจารย์ (มิตซูโอะ คเวสโก) ว่า
“มองเห็นทุกข์ให้เป็นธรรม”
นึก ๆ หมายความว่าอย่างไร ทำไมเป็น “ธรรม”
พยายามต่อสู้กับโรค ไม่ยอมแพ้
แต่ต้องดูทีวีทั้งวัน...อยู่อย่างนั้น
มิ.ย.2542 พระอาจารย์กลับไปญี่ปุ่น
แวะพักบ้านโยม ไม่ไกลจากบ้านโอ๊ะซังเท่าไรนัก
โอ๊ะซังไปเยี่ยมพระอาจารย์ และเล่าประสบการณ์
เรื่องผ่าตัดและอาการของโรคประสาท
พระอาจารย์พูดว่า
“กลัวตายทำไม ถึงเวลาตาย ทุกคนก็ต้องตาย
อาการกลัวตาย โรคประสาทนี่เป็นการปรุงแต่งของ จิต”
...เธอติดใจคำพูด
“เป็นการปรุงแต่งของจิต จิตสร้างขึ้นมาเอง”
กลับบ้านเปิดหนังสือธรรม อริยมรรคมีองค์ 8
ค้นพบประโยคว่า มีสัมมาสติ จึงมีสัมมาสมาธิ
เมื่อสัมมาสมาธิ จิตจะไม่มีการปรุงแต่ง
โอ๊ะซังคิดว่าเพื่อให้หายจากโรคประสาท
ต้องเข้าสมาธิ เมื่อเข้าสมาธิ ต้องเจริญสติ
ตอนเช้าเข้าโรงครัว
มีความรู้สึกตัวในการจับหัวไชเท้า
ความรู้สึกตัวในการจับมีด
เพ่งในการหั่นหัวไขเท้า ฉับ !!
จิตเข้าสมาธิ !!
อาจจะแก่ 2-3 วินาทีก็ได้ แต่เห็นอารมณ์ชัดเจน
เมื่ออกจากสมาธิ อาการโรคประสาทหายหมด
กินยารักษามา 6 เดือน
หนีเข้าไปอยู่หน้าจอทีวี 6 เดือน
เมื่อจิตเป็นสมาธิ เห็นตามความเป็นจริงได้ว่า
อารมณ์ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน
เมื่อกระทบโลกธรรมฝ่ายน่าปรารถนา
มีลาภ มียศ มีสรรเสริญ มีสุข
ก็จะเกิดอารมณ์พอใจ
เมื่อกระทบโลกธรรมฝ่ายไม่น่าปรารถนา
เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกนินทา เป็นทุกข์
ก็จะเกิดอารมณ์ไม่พอใจ
อารมณ์พอใจ ไม่พอใจ คือมีเรามีเขา
เมื่อได้เจริญสติปัญญา
กำหนดรู้เท่าทันอารมณ์แล้ว
ก็จะเห็นว่า ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน
เป็นอนัตตา ถ้าไม่ยึดมั่นถือมั่น
ใจสบาย...ใจสบาย
6. ไม่มีใครดี
หญิงคนหนึ่ง มีลูกชายอายุ 20 ปี
มีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับสังคม
เพราะมักจะกลัว ประหม่า ต้องเปลี่ยนงานบ่อย ๆ
เขาโทษแม่ว่าเลี้ยงลูกไม่ดี
เมื่อเล็ก ๆ ลูกทำความดีก็ไม่ได้ชม
ลูกทำความผิดก็ไม่ได้ตักเตือนว่าผิด เป็นต้น
จึงทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้มาตลอด
ด้วยความปรารถนาดีแม่จึงแนะนำลูกชายว่า
ให้เจริญอานาปานสติ แต่เขาไม่ยอมทำ
พูดไปพูดมาก็จะเถียงกัน พูดกันไม่รู้เรื่อง
จนวันหนึ่งแม่ของเขาได้เขียนจดหมายไปสอนว่า
เขาเปรียบเหมือนคนที่ถูกลูกธนูที่มีพิษยิงใส่
ขณะที่เจ็บปวดอยู่แทนที่จะดึงลูกธนูออก
แต่กลับคิดว่า...
ใครยิง ยิงเขาทำไม พิษเป็นอะไร ทำด้วยอะไร ฯลฯ
แล้วก็จะตาย...
เช่นเดียวกับเขาที่คิดแต่ว่าคนอื่นไม่ดี
แม่ไม่ดี พ่อไม่ดี น้องไม่ดี
จนมองข้ามความไม่ดีของตัวเอง มัวแต่โทษคนอื่น
ชีวิตที่ไม่ได้เจริญอานาปานสติ ก็จะเป็นอย่างนี้
ทุกข์ตลอดชีวิตนะ...แม่เขียนไว้อย่างนั้น
หลังจากได้อ่านจดหมายแล้วก็ยอมรับ
และขอให้แม่มาสอนอานาปานสติแก่เขา
เมื่อได้พบกันเธอก็ได้สอนให้เขา
เฝ้าดูลมหายใจเฉย ๆ
พอมีความคิดต่าง ๆ เข้ามา
ก็ให้รู้ว่าเป็นการปรุงแต่งของจิตใจ
และให้รู้ว่าเป็นการปรุงแต่งของจิตใจ
และให้รีบกลับมาที่ลมหายใจอีก ทำอยู่อย่างนั้น
คืนนั้นลูกชายของเธอก็ได้ฝึกทำดู
ในเช้าวันรุ่งขึ้น เขาได้วิ่งเข้ามาหาแม่ และได้บอกว่า
จิตใจของเขามีแต่การปรุงแต่งตลอดมา
และมีก็ทำให้เขาข้าใจตัวเอง
ขณะนั้นจิตใจของเขาเบาสบายและดีใจมาก
จนยกมือไหว้พระและขอบคุณแม่
อย่างไรก็ตามลูกชายคนนี้ของเธอก็ยังไม่หายสนิท
เพราะเขาไม่ได้ทำติดต่อกัน...น่าเสียดาย |
|
_________________ ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ |
|