Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ชวนคุย - ทำไมมีแต่ความเป็นมนุษย์เท่านั้น ถึงจะแจ้งนิพพาน อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 20 ส.ค. 2008, 3:13 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จากความเชื่อของเราใน เทพ เทวดา ทั้งหลาย
ทำไม ดูเหมือนว่า.. เขามีอะไรดีกว่าเราตั้งมากมาย

เขาน่าจะมี ต้นทุน และ ความพร้อม ที่ดีกว่ามนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย


ทำไมจำเพาะว่า มีแต่มนุษย์เท่านั้น ถึงจะแจ้งในนิพพาน
แม้แต่พระพุทธเจ้า ยังต้องเป็นมนุษย์เลยอ่ะคับ


การเป็นมนุษย์นี่ ถือว่า ได้เปรียบทุกหมู่เหล่า...ในสังสารวัฏเลยหรือเปล่า

(คิดไปคิดมา รู้สึกเท่ห์กว่าเป็นเทวดาอีกนะคับนี่)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 20 ส.ค. 2008, 3:53 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน พอดีค้นเจอ เป๊ะๆ
ชงเอง ถามเอง ตอบเอง ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน
โพสโดยคุณ - ทัพหลวง
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16897




/////////////////////////////////////////////////////
ข้อเปรียบเทียบระหว่างฐานะของมนุษย์กับเทวดา

ข้อ ควรพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องเทวดา ว่าโดยส่วนใหญ่ ก็เหมือนกับที่กล่าวแล้วในเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ เพราะคนมักเข้าไปเกี่ยวข้องกับเทวดาเพื่อผลในทางปฏิบัติ คือ หวังพึ่งและขออำนาจดลบันดาลต่างๆ เช่นเดียวกับที่หวังและขอจากอิทธิฤทธิ์ และเทวดาก็เป็นผู้มีฤทธิ์ หลักการทั่วไปที่บรรยายแล้วในเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ เฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่เกี่ยวกับคุณและโทษ จึงนำมาใช้กับเรื่องเทวดาได้ด้วย แต่ก็ยังมีเรื่องที่ควรทราบเพิ่มเติมบางอย่าง ดังนี้

ว่าโดยภาวะพื้นฐาน เทวดาทุกประเภท ตลอดจนถึงพรหมที่สูงสุด ล้วนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย เวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏเช่นเดียวกับมนุษย์ทั้งหลาย และส่วนใหญ่ก็เป็นปุถุชนยังมีกิเลสคล้ายมนุษย์ แม้ว่าจะมีเทพที่เป็นอริยบุคคลบ้าง ส่วนมากก็เป็นอริยะมาก่อนตั้งแต่ครั้งยังเป็นมนุษย์ แม้ว่าเมื่อเปรียบเทียบโดยเฉลี่ยตามลำดับฐานะ เทวดาจะเป็นผู้มีคุณธรรมสูงกว่า แต่ก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน จนพูดรวมๆ ไปได้ว่า เป็นระดับสุคติด้วยกัน

ในแง่ความได้เปรียบเสียเปรียบ บางอย่างเทวดาดีกว่า แต่บางอย่างมนุษย์ก็ดีกว่า เช่น ท่านเปรียบเทียบระหว่างมนุษย์ชาวชมพูทวีปกับเทพชั้นดาวดึงส์ว่า เทพชั้นดาวดึงส์เหนือกว่ามนุษย์ ๓ อย่างคือ มีอายุทิพย์ ผิวพรรณทิพย์ และความสุขทิพย์ แต่มนุษย์ชาวชมพูทวีปก็เหนือกว่าเทวดาชั้นดาวดึงส์ ๓ ด้าน คือ กล้าหาญกว่า มีสติดีกว่า และมีการประพฤติพรหมจรรย์ (หมายถึงการปฏิบัติตามอริยมรรค)

แม้ว่าตามปกติพวกมนุษย์จะถือว่าเทวดาสูงกว่าพวกตน และพากันอยากไปเกิดในสวรรค์ แต่สำหรับพวกเทวดา เขาถือกันว่า การเกิดเป็นมนุษย์เป็นสุคติของพวกเขา ดังพุทธพจน์ยืนยันว่า "ภิกษุทั้งหลาย ความเป็นมนุษย์นี่แล นับว่าเป็นการไปสุคติของเทพทั้งหลาย"

เมื่อเทวดาองค์ใดองค์หนึ่งจะจุติ เพื่อนเทพชาวสวรรค์จะพากันอวยพรว่า ให้ไปสุคติคือไปเกิดในหมู่มนุษย์ทั้งหลาย เพราะโลกมนุษย์เป็นถิ่นที่มีโอกาสเลือกประกอบกุศลกรรมทำความดีงามต่างๆ และประพฤติปฏิบัติธรรมได้อย่างเต็มที่ (ความชั่วหรืออกุศลกรรมต่างๆ ก็เลือกทำได้เต็มที่เช่นเดียวกัน) การเกิดเป็นเทวดาที่มีอายุยืนยาว ท่านถือว่าเป็นการเสียหรือพลาดโอกาสอย่างหนึ่ง ในการที่จะได้ประพฤติพรหมจรรย์ (ปฏิบัติตามอริยมรรค) เรียกอย่างสามัญว่าเป็นโชคไม่ดี พวกชาวสวรรค์มีแต่ความสุข ชวนให้เกิดความประมาทมัวเมา สติไม่มั่น ส่วนโลกมนุษย์มีสุขบ้างทุกข์บ้างเคล้าระคน มีประสบการณ์หลากหลายเป็นบทเรียนได้มาก เมื่อรู้จักกำหนดก็ทำให้ได้เรียนรู้ ช่วยให้สติเจริญว่องไวทำงานได้ดี เกื้อกูลแก่การฝึกตนและการที่จะก้าวหน้าในอริยธรรม

เมื่อพิจารณาในแง่ระดับแห่งคุณธรรมให้ละเอียดลงไปอีก จะเห็นว่า มนุษยภูมินั้นอยู่กลางระหว่างเทวภูมิหรือสวรรค์ กับอบายภูมิมีนรกเป็นต้น พวกอบายเช่นนรกนั้น เป็นแดนของคนบาปด้อยคุณธรรม แม้ชาวอบายบางส่วนจะจัดได้ว่าเป็นคนดี แต่ก็ตกไปอยู่ในนั้น เพราะความชั่วบางอย่างให้ผลถ่วงดึงลงไป ส่วนสวรรค์ก็เป็นแดนของคนดีค่อนข้างมีคุณธรรม แม้ว่าชาวสวรรค์บางส่วนจะเป็นคนชั่วแต่ก็ได้ขึ้นไปอยู่ในแดนนั้น เพราะมีความดีบางอย่างประทุแรงช่วยผลักดันหรือฉุดขึ้นไป สวนโลกมนุษย์ที่อยู่ระหว่างกลาง ก็เป็นประดุจชุมทางที่ผ่านหมุนเวียนกันไปมาทั้งของชาวสวรรค์และชาวอบาย เป็นแหล่งที่สัตว์โลกทุกพวกทุกชนิดมาทำ มาหากรรม เป็นที่คนชั่วมาสร้างตัวให้เป็นคนดีเตรียมไปสวรรค์ หรือคนดีมาสุมตัวให้เป็นคนชั่วเตรียมไปนรก ตลอดจนเป็นที่ผู้รู้จะมาสะสางตัวให้เป็นคนอิสระ เลิกทำมาหากรรม เปลี่ยนเป็นผู้หว่านธรรม ลอยพ้นเหนือการเดินทางหมุนเวียนต่อไป

พวกอบายมีหลายชั้น ชั้นเดียวกันก็มีบาปธรรมใกล้เคียงกัน พวกเทพมีหลายชั้นซอยละเอียดยิ่งกว่าอบาย มีคุณธรรมพื้นฐานประณีตลดหลั่นกันไปตามลำดับ ชั้นเดียวกันก็มีคุณธรรมใกล้เคียงกัน ส่วนโลกมนุษย์แดนเดียวนี้ เป็นที่รวมของบาปธรรมและคุณธรรมทุกอย่างทุกระดับ มีคนชั่วซึ่งมีบาปธรรมหยาบหนาเหมือนดังชาวนรกชั้นต่ำสุด และมีคนดีซึ่งมีคุณธรรมประณีตเท่ากับพรหมผู้สูงสุด ตลอดจนท่านผู้พ้นแล้วจากภพภูมิทั้งหลาย ซึ่งแม้แต่เหล่าเทพมารพรหมก็เคารพบูชา ภาวะเช่นนี้นับได้ว่าเป็นลักษณะพิเศษของโลกมนุษย์ที่เป็นวิสัยกว้างสุดแห่งบาปอกุศลและคุณธรรม เพราะเป็นที่ทำมาหากรรม และเป็นที่หว่านธรรม

เท่าที่กล่าวมานี้ จะเห็นข้อเปรียบเทียบระหว่างมนุษย์กับเทวดาได้ว่า เมื่อเทียบโดยคุณธรรมและความสามารถทั่วไปแล้ว ทั้งมนุษย์และเทวดาต่างก็มิได้เท่าเทียมหรือใกล้เคียงกัน เป็นระดับเดียวกัน แต่มนุษย์มีวิสัยแห่งการสร้างเสริมปรับปรุงมากกว่า ข้อแตกต่างสำคัญจึงอยู่ที่โอกาสกล่าวคือมนุษย์มีโอกาสมากกว่าในการที่จะพัฒนาคุณธรรม และความสามารถของตน ถ้ามองในแง่แข่งขัน (ทางธรรมไม่สนับสนุนให้มอง) ก็ว่า ตามปกติธรรมดาถ้าอยู่กันเฉย ๆ เทวดาทั่วไปสูงกว่า ดีกว่าเก่งกว่ามนุษย์ แต่ถ้ามนุษย์ปรับปรุงตัวเมื่อไร ก็จะขึ้นไปเทียมเท่า หรือแม้แต่สูงกว่า ดีกว่า เก่งกว่าเทวดา



โดย พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)


ที่มา : หนังสือ เรื่องเหนือสามัญวิสัย อิทธิปาฏิหารย์ เทวดา สำนักพิมพ์ธรรมดา

http://board.palungjit.com/showthread.php?t=140651
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
JARUWAN_G
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 15 ส.ค. 2008
ตอบ: 72
ที่อยู่ (จังหวัด): นนทบุรี

ตอบตอบเมื่อ: 20 ส.ค. 2008, 8:34 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

นี่แสดงว่า คุณคามินธรรม ศึกษาธรรมะทั้งคืนเลยนะเนี่ย

นับถือ นับถือ

เท่าที่เคยอ่านมานะ เพราะจิตที่เกิดมาตอนแรกนั้น เกิดเป็นมนุษย์ก่อน

ความรู้นี้เป็นอาจิณไตย จะเชื่อหรือไม่ตามใจผู้อ่าน

"แรกเริ่มเดิมทียังไม่มีสุริยะจักรวาลมีแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่าของสุญญากาศมีพลังจิตเป็นทิพย์เป็นมหัศจรรย์ขององค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมบิดาอยู่ในอวกาศซึ่งเป็นนิพพานอยู่ทั่วไปไม่มีนรกโลก เปรต อสุรกาย สัตว์ คน ไม่มีสวรรค์ พรหมไม่มีรูปลักษณ์

พลังจิตองค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมบิดาซึ่งมีมาแต่กาลก่อนไม่มีใครสร้างเป็นพลังจิตยิ่งใหญ่อยู่เหนือธรรมชาติเหนือกฎของจักรวาลท่านจึงแปลงรูปลักษณ์เป็นกายแก้วกายทิพย์กายนิพพานแล้วพระองค์ท่านก็เปล่งแสงทิพย์ในพระวรกายพระองค์ท่านกระจายเป็นพลังจิตเล็กๆได้9,600ล้านล้านดวง คือ ดวงจิตนิพพานทั้งหมดที่อยู่ใน3พิภพโลกนี้

องค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมบิดาจึงโปรดเมตตาสร้างสุริยะจักรวาลมีดินน้ำลม ไฟ อากาศ จำลองนิพพานลงมาในโลกชมภู(โลกเรานี้) โลกสูตูโลกจามรให้เป็นสถานที่น่าอยู่สบายกลายเป็น รูปธรรม วัตถุธรรม หรือโลกธรรมแต่ก่อนนั้นยังไม่มีนรกโลก มนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก มีแต่ นามธรรมคือธรรมชาติของจิต คือ กายทิพย์นิพพานอยู่ในนามธรรมนิพพานที่มองด้วยตาเนื้อไม่เห็นรู้ด้วยพลังจิตที่สะอาดบริสุทธิ์สดใสพระองค์ท่านวิสุทธิพุทธรังษีบรมบิดาจึงตรัสสั่งพลังจิตลูกๆ ที่เป็นทิพย์นิพพานทั้งหลายว่า ลูกจงไปเรียนรู้สภาวะของโลกจักรวาล ไปช่วยกันสร้างสรรค์โลกให้เป็นนิพพานบนดินแต่อย่าได้ลุ่มหลงในสิ่งมายาสมมุติมันจะทุกข์หนัก แล้วลูกจะหลงลืม กลับคืนสู่นิพพานไม่ได้

ลูกๆจิตนิพพานทั้งหลายต่างก็กระจายกันมาเที่ยวเล่นในโลกมีความเป็นทิพย์สุขสบาย สมปรารถนาทุกอย่าง รุ่นแรกกลับคืนได้ส่วนรุ่นหลังๆ อยู่ไปอยู่มาเกิดติดใจหลงใหลในรูป รส กลิ่น เสียงในโลกร่างกายทิพย์นิพพานกลับกลายเป็นร่างพรหมไม่สว่างเท่าร่างทิพย์นิพพานเมื่อมองร่างทิพย์ของกันและกันเกิดมีความผูกพันรักกันจึงเริ่มมีเพศสัมพันธ์เป็นเทวบุตรและเทพธิดาจากนั้นจิตหยาบหนามีความโลภในสมบัติของโลกมีความโกรธ ความหลงในตนและผู้อื่น ร่างเทวดาจึงพัฒนาต่ำลงๆกลายเป็นคนมีขันธ์5คือกาย เวทนา มีสัญญาความจำได้หมายรู้ มีสังขาร ความคิดดีคิดชั่ว มีวิญญาณคือ ระบบประสาทความรู้สึกทางตา หู จมูกลิ้น กาย อารมณ์ดีๆร้ายๆ รักผิดเพศ ผิดลูกสามีภรรยาติดสุรายาเมาทำความเดือดร้อนยุ่งยากแก่ผู้คนรอบข้างองค์พระบรมบิดาผู้ทรงควบคุมดูแลดวงจิตของลูกๆ ทุกคนอยู่ จึงต้องจัดการสร้างนรกขึ้นมาทำโทษ กักขังสอนสั่ง ผู้มีจิตชั่วช้าไม่มีเมตตาต่อผู้อื่นพ้นจากขุมนรกได้พัฒนาจิตดีขึ้นเป็นคนถ้าไม่หลงในโลกียสมบัติเทวสมบัติกลับคืนสู่นิพพานตลอดกาลนานไม่ต้องกลับมาเรียนรู้อีก

พระบรมบิดาสร้างสวรรค์6ชั้นไว้แบ่งแยกดวงจิตที่ดีงามมีศีล5ครบเคารพพระศาสดาแต่ยังติดใจหลงใหลในสิ่งที่สวยงดงาม

พระบรมบิดาสร้างพรหมขึ้นมา16ชั้นแบ่งแยกดวงจิตที่เมตตา มีศีล5ครบ มีจิตเป็นสมาธิ เป็นหนึ่งกับคุณงามความดี มีศีลทาน ภาวนา แผ่เมตตา และท่านที่ก่อนตายจิตไปติดในรูปฌานอรูปฌาน

องค์พระบรมบิดาทรงพระเมตตา ส่งองค์พระศาสดาหลายศาสนาให้มาสั่งสอน คน เทวดา พรหมให้ทำคุณงามความดีกลับคืนสู่สวรรค์นิรันดร คือพระนิพพานไม่ต้องกลับมารับผลบุญผลบาปในสวรรค์ พรหม โลกมนุษย์เป็นการจบหลักสูตรเรียนรู้รูปธรรม โลกธรรม เป็นนิพพานถาวร"
 

_________________
ทุกอย่างแก้ไขได้ วันนี้ต้องทำให้ดีกว่าเมื่อวาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 20 ส.ค. 2008, 9:28 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สู้ สู้ สวัสดีครับพี่ๆทุกคน ผมขอลองตอบนะครับ(หวังได้ดาว)

ผมว่าถ้าเป็นเทพ เทวดา เค้ามักไม่เห็นทุกข์ มัวแต่หลงสุขสบายอะครับ
การจะถึงนิพพานได้ ต้องแจ้งในทุกข์ เหตุแห่งทุกข์

ถูกไหมครับอาจารย์ ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 20 ส.ค. 2008, 12:43 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ JARUWAN_G ไม่เห็นบอกเลยว่าได้มาจากที่ไหน

ความเห็นของ บัวหิมะ

คิดว่าเพราะเทวดา ท่านยังติดเสวยสุขอยู่
ไม่มีความอุตสาหวิริยะ มุ่งมั่นในธรรมเท่ามนุษย์

ควรมิควร ก็เป็นเพียงแค่ความเห็นหนึ่ง อมิตพุทธ สาธุ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 20 ส.ค. 2008, 7:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มนุษย์มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการปฏิบัติธรรมและมีศักยภาพที่จะพัฒนาตนเอง ได้ดีกว่าสัตว์ทั้งหลายในสังสารวัฏนี้ครับ

สภาพแวดล้อมของเหล่าเทวดา สุขมากเกินไป
ดิรัจฉาน เปรต สัตว์นรอก ทุกข์เกินไป

มนุษย์อยู่บนทางสายกลางแล้วครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
kokorado
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 12 ก.ค. 2008
ตอบ: 104
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 21 ส.ค. 2008, 6:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เทวดา พรหม ก็ไปนิพพานได้ ในยุคพุทธกาล พระพุทธเจ้าไปโปรดเหล่าเทพพรหม ได้มรรคผลนิพพานเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าก็ไปนิพพานเองไม่ได้
 

_________________
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 21 ส.ค. 2008, 8:16 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมไม่อ้างอิงน่ะ

จะว่าของผมเอง

เทวดาที่บรรลุธรรมสูงๆขึ้นไปจะเลือนชั้นสวรรค์สูงขึ้นไปเรื่อยๆ

จนสูงสุดแล้วจุติไปเป็นรูปพรหม

หากบำเพ็ญธรรมจนบรรลุสูงขึ้นไปอีกก็จะเลื่อนขึ้นไปเป็นอรูปพรหม

จากอรูปพรหมหากบำเพ็ญธรรมสูงถึงที่สุดก็จะบรรลุอรหันต์

จำไม่ได้ถึงที่มา

เอามาให้อ่านกันสนุกๆ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 21 ส.ค. 2008, 9:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมว่ามันเป็นภารกิจนะครับ การเกิดเป็นมนุษย์นั้นมีภารกิจสำคัญก็คือ การเดินทางสู่ความเป็น อมตะ ( ไม่เกิด ไม่ตาย ) หรือนิพพาน ในเมื่อเป็นภารกิจของมนุษย์แล้ว เทวดาก็เลยไม่ต้องทำครับ ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 21 ส.ค. 2008, 9:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

mes พิมพ์ว่า:
ผมไม่อ้างอิงน่ะ

จะว่าของผมเอง

เทวดาที่บรรลุธรรมสูงๆขึ้นไปจะเลือนชั้นสวรรค์สูงขึ้นไปเรื่อยๆ

จนสูงสุดแล้วจุติไปเป็นรูปพรหม

หากบำเพ็ญธรรมจนบรรลุสูงขึ้นไปอีกก็จะเลื่อนขึ้นไปเป็นอรูปพรหม

จากอรูปพรหมหากบำเพ็ญธรรมสูงถึงที่สุดก็จะบรรลุอรหันต์

จำไม่ได้ถึงที่มา

เอามาให้อ่านกันสนุกๆ


ก็เคยฟังมาเหมือนกันครับท่าน แต่ต่างจากท่านเล็กน้อยครับ คือ เทวดา 6 ชั้นนั้นไม่สามารถเจริญฌาณได้ครับ แต่หากเป็นพรหมขึ้นไปก็สามารถเจริญฌาณได้ครับ เรียกได้ว่าพรหมนั้นก้าวล่วง กามาวจร แล้วครับจึงสามารถเจริญฌาณได้จนถึงนิพพานครับ.... สาธุ สาธุ ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง