Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ทำไมเราสบายกาย แต่ต้องมีเหตุให้ไม่สบายใจตลอดคะ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
นัดดา
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 06 ส.ค. 2008
ตอบ: 2

ตอบตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 11:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีค่ะ ดิฉันช่วงนี้รู้สึกร้อนเนื้อร้อนใจ หงุดหงิด เหมือนจิตไม่ค่อยได้อยู่กับเนื้อกับตัว

ขอบอกก่อนอื่นเลยนะคะ ว่าใหม่มากกะเว็บไซด์เกี่ยวกับธรรมมะมาก ดิฉันเริ่มอยากเรียนรู้และสนใจในพระธรรม และเรื่องกรรมเวร ตั้งแต่ที่ได้กลับไปเมืองไทยเพื่อเยี่ยมคุณพ่อที่ป่วยหนักค่ะ

ภาพที่เราเห็นพ่ออยู่ในไอซียูทำให้ดิฉันรู้สึกปลงแล้ว อยากหาคำตอบให้กับตัวเองมากมาย ว่าทำไมพ่อเราถึงต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้แล้วก้อไม่อยากมีสภาพเดียวกะพ่อด้วย

ดิฉันเกิดในสลัมค่ะ บ้านก้อเป็นบ้านผุๆพังๆ แต่ก้ออยู่มาจนอายุได้ 26 ปี ดิฉันโชคดีที่ได้รับการศึกษา แล้วก้อได้แต่งงาน ตอนเด็กก็ต้องดิ้นรนเพราะเราไม่ได้รวย แต่รู้ว่าทำงานตั้งแต่เด็กเพราะอยากช่วยเหลือพ่อแม่ค่ะ

ชีวิตตั้งแต่เด็กคิดตลอดเวลาว่าต้องออกมาจากสลัมให้ได้ แล้วต้องให้พ่อแม่สบายด้วย วันนึงความฝันก้อเป็นจริงค่ะ ดิฉันแต่งงานกะชาวต่างชาติ ตอนนี้อยู่สวิสได้ 3 ปีแล้วมีลูกสองคน ทุกอย่างดีค่ะ ดิฉันมีชีวิตที่สุขสบายทุกอย่างที่สวิส มีรถขับและมีเงินที่ให้พ่อแม่ใช้โดยไม่เดือดร้อนอะไรเลย ฟังดูเหมือนดีใช่ไหมคะ

หลังจากแต่งงานก้อย้ายพ่อแม่ มาเช่าบ้านอยู่ค่ะ เป็นทาวน์เฮาส์ พ่อแม่สบายดีเรื่องเงินค่ะ แต่ทำไมก้อเหมือนว่าเค้าไม่ได้มีึความสุขทางใจเลย

ดิฉันมีพี่ชายหนึ่งคนค่ะ ตอนนี้พี่ชายอายุ 32 ปีไม่ได้ทำงาน เค้าลาออกจากงานมาเรียนต่อปริญญาตรีสองปีให้จบ แต่ก้อยังไม่จบเพราะเค้าเสียเวลาไปกับการติดยาบ้าค่ะ เค้าใช้เวลาที่มาเรียนไปยุ่งกะยาบ้า แถมยังโขมยของที่ดิฉันซื้อให้พ่อแม่ไปจำนำบ้างไปขายบ้าง

พี่ชายชอบเถียงพ่อแม่ให้เจ็บช้ำน้ำใจมากมายค่ะ แม่นั่งร้องไห้หลายทีแต่ดิฉันก้อได้แต่รับฟังเพราะดิฉันไม่ได้อยู่เมืองไทย มันเลยทำให้ดิฉันว๊าวุ่นใจมากมายที่ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้

เวลาที่ดิฉันกลับไปเมืองไทย พี่ชายก้อจะไม่ค่อยชอบดิฉัน เพราะเค้าเห็นดิฉันมีเงินให้พ่อแม่ ซื้อของเข้าบ้าน ใจดิฉันแค่อยากตอบแทนบุญคุณพ่อแม่เท่านั้น ดิฉันซื้อเตียงนอน เครื่องซักผ้า เพราะแม่ดิฉันท่านต้องนั่งซักมือ จนนิ้วล๊อก ดิฉันหาสิ่งมาทำให้พ่อแม่ดิฉันสบาย แต่กลับกลายเป็นการสร้างความเกลียดชังให้ดิฉันมากมาย

บางทีดิฉันก้อรู้สึกอยากจะไล่พี่ชายไปจากบ้าน เพราะดิฉันอยากให้พ่อแม่อยู่กันอย่างสงบๆ แต่ก้อไม่ได้ทำสักที พูดบอกเค้าตรงๆแบบเปิดใจ เค้าก้อเหมือนไม่เข้าใจ แล้วก้อเหมือนจะต่อต้านตัวเรามากขึ้น

ตอนนี้ดิฉันวุ่นวายในจิตใจมากมาย เพราะว่าพ่อของดิฉันก้อยังคงนอนป่วยอยู่ คือเมื่อเดือน มีนาหมอได้ตรวจเจอก้อนเนื้อที่ท่อน้ำเหลืองใกล้ๆท่อน้ำดี หมอบอกว่าพ่อเริ่มเป็นมะเร็ง เค้าเลยได้ผ่าให้พ่อ แต่ปรากฏว่าแผลผ่าตัดจนทุกวันนี้สองเดือนแล้วค่ะ มันก้อยังไม่ปิด แถมมีน้ำเหลืองไหลออกมาทุกวัน แกมีโรคเบาหวานแทรกซ้อน แถมตอนนี้มะเร็งของพ่อก้อไม่รู้ลามไปอยู่ตอนไหน ถ้าแผลไม่หาย ก้อรักษาไม่ได้

ดิฉันมีลูกเล็กสองคน สองขวบกะหนึ่งขวบ ทิ้งลูกไปดูแลพ่อ หรือเอาลูกไปเมืองไทย มีแต่จะวุ่นวาย นอนคิดถึงพ่อทุกวัน เพราะรู้ว่าเค้าทรมานมาก เพราะหมอก้อรักษาให้เค้าได้ตามอาการ เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมายังต้องทิ้งลูกชายไว้ที่สวิสกะย่าเค้า รีบบินไปดูพ่อ เพราะแกโคม่าถึงต้องนอนไอซียู เพราะน้ำท่วมปอด และติดเชื้อในกระแสเลือด

ดิฉันไม่รู้ว่าอะไรเล่นเกมส์กะดิฉันอยู่ แต่ดิฉันก้อได้เริ่มเข้ามาอ่าน และเรียนรู้ํธรรมะให้ดิฉันทำใจอะไรๆมากขึ้น แต่ดิฉันก้อได้แต่ทุกข์ใจเรื่องพ่อ เพราะไม่อยากให้พ่อเจ็บและทรมานค่ะ

ดิฉันสบายกายดี แต่เหมือนดิฉันต้องคอยมีห่วงอยู่เมืองไทยอยู่เสมอ เป็นเพราะกรรมเก่า หรือกรรมอะไรหรือป่าวคะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2008, 12:06 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ก่อนอื่น ผมขออนุโมทนา ในความกตัญญูของลูกอย่างคุณด้วยนะครับ

คนเรา เกิดแก่เจ็บตาย เป็นเรื่องที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ คนเรามีกรรมมาต่างกัน เราช่วยใครไม่ได้เลย มีแต่ช่วยให้ปัญญาเขาเหล่านั้น เท่านั้น และที่เหลือคือ เขาจะต้องช่วยเหลือตนเอง เคราะห์กรรมต่างๆ ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ แต่ สามารถเอากุศลกรรมมาตัด อกุศลกรรมก่อนได้

เช่นว่า หากว่า จขกท มีกุศลมาก คือ มีปัญญามาก สมาธิมากก็สามารถตัดอกุศลคือความเศร้าหมองได้ แต่เรื่องของคุณพ่อนั้น ก็ต้องขึ้นอยุ่กับบุญกรรมของท่านเอง

การห่วง เพราะว่า เรารัก เมื่อเรารักเราก็ห่วงอันเป็นเรื่องปกติ คือ เมตตา กรุณา ต่อคนที่เรารัก แต่ที่ขาดไปคือ ต้องรุ้จักวางอุเบกขาเราให้ได้

ผมเคยมีประสบการณ์ว่า คนจน เคยลำบากมากับพ่อแม่ เมื่อถึงคราวที่เราสบาย เราก็คิดถึงและอยากให้ท่านสบายกับเราด้วย แต่ก็อย่างที่บอกครับ บุญกรรมเราทำมาไม่เหมือนกัน

ขอให้เราทำหน้าที่ ให้กับคนรอบกายของเราอย่างดีที่สุด และต้องแยกว่าเราสบายกาย แต่พ่อแม่ลำบาก นั้นไม่ใช่ จะต้องให้เราลำบากด้วยกันหรือ ที่ผ่านมาเราก็ได้ทำหน้าที่ของเราอย่างดีแล้ว ไม่มีใครทำอะไรได้ดังใจต้องการหรอกครับ ต้องมองว่า เมื่อทุกอย่างหมุนวนให้บังคับให้เราต้องมีสภาวะเช่นนั้นเช่นนี้แล้ว เราจะฝืนกลับไปเป็นแบบเดิมมันก็ไม่ได้ เพราะมันหมุนวนไปคนละทางกัน

ก็ขอให้วางใจเป็นอุเบกขา ทำหน้าที่ของลูกคือ ส่งเงิน ทำบุญให้พ่อแม่

พระพุทธองค์กล่าวไว้ว่า แม้ลูกคนหนึ่งจะแบกบิดามารดาไว้บนบ่าทั้งสองข้างของตน และคอยปรนนิบัตพัดวี แม้ทำเช่นนี้ร้อยปี ก็ยังไม่ชื่อว่าตอบแทน แต่หากบุตรธิดาคนใด ได้มอบธรรมะ และ พาบิดามารดาเข้าสู่ร่มกาสาวพัต ให้บิดามารดาได้ธรรม ถือเอาไตรสรณคม จึงได้ชื่อว่า ตอบแทนอย่างสมบูรณ์

ผมขอใหุ้คุณได้ตอบแทนบิดา มารดาอย่างเหมาะสมตามคำสอนของพระพุทธองค์ที่ผมให้ไว้
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2008, 5:24 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขันธ์ พิมพ์ว่า:
ก่อนอื่น ผมขออนุโมทนา ในความกตัญญูของลูกอย่างคุณด้วยนะครับ

คนเรา เกิดแก่เจ็บตาย เป็นเรื่องที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ คนเรามีกรรมมาต่างกัน เราช่วยใครไม่ได้เลย มีแต่ช่วยให้ปัญญาเขาเหล่านั้น เท่านั้น และที่เหลือคือ เขาจะต้องช่วยเหลือตนเอง เคราะห์กรรมต่างๆ ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ แต่ สามารถเอากุศลกรรมมาตัด อกุศลกรรมก่อนได้

เช่นว่า หากว่า จขกท มีกุศลมาก คือ มีปัญญามาก สมาธิมากก็สามารถตัดอกุศลคือความเศร้าหมองได้ แต่เรื่องของคุณพ่อนั้น ก็ต้องขึ้นอยุ่กับบุญกรรมของท่านเอง

การห่วง เพราะว่า เรารัก เมื่อเรารักเราก็ห่วงอันเป็นเรื่องปกติ คือ เมตตา กรุณา ต่อคนที่เรารัก แต่ที่ขาดไปคือ ต้องรุ้จักวางอุเบกขาเราให้ได้

ผมเคยมีประสบการณ์ว่า คนจน เคยลำบากมากับพ่อแม่ เมื่อถึงคราวที่เราสบาย เราก็คิดถึงและอยากให้ท่านสบายกับเราด้วย แต่ก็อย่างที่บอกครับ บุญกรรมเราทำมาไม่เหมือนกัน

ขอให้เราทำหน้าที่ ให้กับคนรอบกายของเราอย่างดีที่สุด และต้องแยกว่าเราสบายกาย แต่พ่อแม่ลำบาก นั้นไม่ใช่ จะต้องให้เราลำบากด้วยกันหรือ ที่ผ่านมาเราก็ได้ทำหน้าที่ของเราอย่างดีแล้ว ไม่มีใครทำอะไรได้ดังใจต้องการหรอกครับ ต้องมองว่า เมื่อทุกอย่างหมุนวนให้บังคับให้เราต้องมีสภาวะเช่นนั้นเช่นนี้แล้ว เราจะฝืนกลับไปเป็นแบบเดิมมันก็ไม่ได้ เพราะมันหมุนวนไปคนละทางกัน

ก็ขอให้วางใจเป็นอุเบกขา ทำหน้าที่ของลูกคือ ส่งเงิน ทำบุญให้พ่อแม่

พระพุทธองค์กล่าวไว้ว่า แม้ลูกคนหนึ่งจะแบกบิดามารดาไว้บนบ่าทั้งสองข้างของตน และคอยปรนนิบัตพัดวี แม้ทำเช่นนี้ร้อยปี ก็ยังไม่ชื่อว่าตอบแทน แต่หากบุตรธิดาคนใด ได้มอบธรรมะ และ พาบิดามารดาเข้าสู่ร่มกาสาวพัต ให้บิดามารดาได้ธรรม ถือเอาไตรสรณคม จึงได้ชื่อว่า ตอบแทนอย่างสมบูรณ์

ผมขอใหุ้คุณได้ตอบแทนบิดา มารดาอย่างเหมาะสมตามคำสอนของพระพุทธองค์ที่ผมให้ไว้


หนีบๆ แอ๊กท่าเป็นคนดีอีกแล้ว
ที่พูดน่ะเห็นด้วย
แต่คนพูดน่ะ มายา ตะกี้ยังมาแว๊ดๆๆๆใส่คนอื่น

ตะกี้ยังหัวเมดูซ่า
มาตรงนี้ทำหวีผมเรียบแปร้เชียว

fake มั่กๆ

อย่า-งง , วิบากของการทะเลาะกับคนบ้าเป้นอย่างนี้แหละ
ไม่เกิดหรอก อย่ามาอุบัติแถวนี้ เจ้าถิ่นเขาหวง
เยี่ยวใส่ไว้หมดทุกเสาแล้ว อย่ามาเยี่ยวทับ


ขออนุญาตคุณเจ้าของกระทู้น่ะคับ ไม่ต้องสนใจผม
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2008, 2:27 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ข้อความของท่านขันธ์นั้นชอบแล้วครับ....แต่กระผมจะขอเสริมในความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากพี่ชายของคุณสักนิดนะครับ

เพราะการที่เรามีอคติกับพี่ชายอยู่ครับ อาจจะเพราะด้วยความผิดพลาดในการดำเนินชีวิตที่ผ่านมาของเขา จึงทำให้คุณรู้สึกกับเขาไม่ดีสักเท่าไร ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรที่พี่คุณจะรับรู้ได้ถึง อคติของคุณ แล้วเกิดการต่อต้านครับ วิธีแก้ก็คงต้องใช้พรหมวิหารธรรมเข้าแก้เหมือนเรื่องพ่อ-แม่นั่นล่ะครับ คือคุณต้องปรับทัศนคติก่อนครับเป็นอันดับแรก แล้วก็ใช้เมตตา - กรุณา ต่อเขาก่อนครับ เพราะหากเราไม่เริ่มก่อน ก็ต้องรอว่าเขาจะเริ่มหรือเปล่า? ซึ่งเราก็ไม่รู้ครับ แต่เราจะเริ่มตอนไหนเรากำหนดได้ครับ มุทิตา ก็สำคัญครับ การยินดีแล้วแสดงออกให้เขาได้รับรู้ว่าเรายินดีและมีความสุขกับสิ่งดีๆที่เขาทำ ก็จะทำให้เขาลด อคติที่มีกับคุณลงได้ครับ และการวางเฉยกับเรื่องไม่ดีต่างที่เกิดขึ้นจากการกระทำของเขา ก็จะทำให้เราไม่ต้องไปเครียดมากกับเรื่องนั้นๆครับ

ยังไงก็ขอให้สบายใจได้เร็วๆนะครับ สาธุ
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 10 ส.ค. 2008, 10:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ นัดดา อ่านเรื่องของคุณแล้ว น่าเห็นใจจริงๆ ถ้าคุณอยู่ประเทศไทย คงไม่ลำบากในการดูแลคุณพ่อกระมัง เพราะอยู่คนละประเทศมันเลยทำให้คุณไม่สบายใจมากขึ้นไปอีก คือทำอะไรไม่สะดวก
แต่ถึงยังไง คุณก็ต้องทำใจ คิดเสียว่าทุกคนเกิดมามีกรรมเป็นกำเนิด ต้องรู้จักปลงบ้าง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด และรับเอาธรรมะเข้าไว้กับตัว ปฏิบัติธรรมให้มาก ๆ ธรรมะของพุทธองค์ ไม่แบ่งชั้นวรรณะ ดิฉันก็อยู่กับคุณแม่ อายุมากแล้ว ตอนนี้เดินไม่ค่อยไหว ท่านล้มกระดูกสะโพกหัก ต้องผ่าตัด รักษาตัวมาร่วม 3 เดือนแล้ว ก็พยายามทำให้ท่านมีความสุขที่สุด เท่าที่จะทำได้

สาธุ ยังไงก็เอาใจช่วย ขอเป็นกำลังใจนะจ๊ะ
สาธุ พุทโธ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง