โกหกแบบนี้บาปมากไหมคะ

ตอบเมื่อ: 12 มี.ค.2007, 11:37 am

ครั้งแรกเราเคยขาหักครั้งหนึ่ง แล้วก็เลยไม่ได้กลับบ้าน พ่อแม่ก็โทรมาถามว่าทำไมไม่กลับบ้านเดือนกว่าแล้ว เราไม่อยากบอกให้เค้ารู้กลัวเค้าเป็นห่วง ก็เลยบอกไปว่ามีงานยุ่งมากต้องออกต่างจังหวัด คงอีกประมาณ 1 เดือนถึงจะได้กลับบ้าน ท่านก็ถามว่าสบายดีหรือเปล่าก็บอกอีกว่าสบายดีไม่ต้องห่วง

ครั้งที่สองป่วยเป็นอิสุกอิสัยเริ่มมีไข้มีตุ่มขึ้นเป็นที่บ้านตอนกลางคืน พอตอนเช้าก็เลยบอกพ่อกับแม่ไปว่า ต้องรีบกลับพอดีมีงานด่วน ท่านก็ถามว่าก็เร่มจะเป็นอิสุกอิสัยจะไปได้อย่างไง เลยบอกไปว่าไม่ต้องห่วงเดี๋ยวนี้มียาฉีด พอฉีดแล้ววันเดียวก็หายเลย หลังจากนั้นตอนเย็น หรือวันอื่น ๆ ที่เค้าโทรมาถาม เราก็จะบอกว่าหายแล้วไปทำงานได้แล้ว แต่ความจริงยังนอนซมอยู่เลย

และก็โกหกเค้าอย่างนี้อีกหลาย ๆ ครั้ง หรืออย่างเรื่องเงินอย่างที่เคยเล่าไปก่อนหน้านี้ว่าที่บ้านมีปัญหาเรื่องสุขภาพกันทุกคน โดยเฉพาะน้องชาย ทำให้ต้องหาเงินส่งให้เค้าเพิ่มขึ้น เค้าก็จะถามว่ามีไม๊ จะหาได้หรือเปล่า ก็จะบอกว่ามีเดี๋ยวส่งไปให้ แต่ความจริงไม่มีหรอก ก็วิ่งไปหายืมนอกระบบเสียดอกเบี้ย แล้วก็รับงานพิเศษทำเพิ่มเอา มีความรู้สึกไม่อยากให้เค้าห่วง เพราะทุกวันนี้เค้าก็แย่แล้วทั้งสุขภาพตัวเอง ทั้งน้อง

ยอมรับว่าไม่สบายใจมาก สวดมนต์ทุกวัน ทำบุญบ่อย ๆ แต่พอมานึกว่าแต่ต้องโกหกพ่อแม่อย่างนี้บ่อย ๆ อย่างนี้ จะเป็นการทอนบุญที่ทำหรือเปล่า เพราะบุญที่ทำทุกวันนี้ก็เพื่ออยากให้ผลบุญนั้นผ่อนหนักเป็นเบาให้พ่อแม่ รบกวนผู้รู้ช่วยตอบหน่อยนะคะ

เราอาจจะร้าย อาจจะไม่ใช่คนดีกับคนอื่นนัก แต่กับพ่อแม่เราอยากให้เค้าหมดทุกข์

ตอบเมื่อ: 12 มี.ค.2007, 2:58 pm

การพูดปดที่เป็นบาปและไม่เป็นบาปจำแนกตามทฤษฎีได้ดั่งนี้

การพูดปดที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ก่อเกิดประโยชน์ ไม่บาป

การพูดปดที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ก่อเกิดประโยชน์ ไม่บาป

การพูดปดที่เบียดเบียนผู้อื่น ทั้งที่ก่อเกิดประโยชน์ และไม่ก่อเกิดประโยชน์ เป็นบาป

ให้เป็นการดีไม่ควรพูดปดเลยดีกว่าครับ สาธุ

ผู้เยี่ยมชม

รู้มาแต่ว่า

เรื่องจริง เป็นประโยชน์ ควรพูด
เรื่องจริง ไม่เป็นประโยชน์ ไม่ควรพูด
เรื่องไม่จริง เป็นประโยชน์ ไม่ควรพูด
เรื่องไม่จริง ไม่เป็นประโยชน์ ไม่ควรพูด

บาปมั้ย คงต้องดูใจของตัวเอง ว่าเป็นทุกข์หรือสุขมากกว่ากัน
โกหกยังไงก็ผิดศีลอยู่แล้ว หาวิธีอื่นดีมั้ยครับ
เช่นพูดตามจริง แต่ไม่ต้องให้รายละเอียดจนหมดก็ได้
น่าจะเป็นทางออกที่ดี แต่จะดีที่สุดมั้ย ไม่ทราบครับ

ส่วนเรื่องทอนบุญนั้น บุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป
คนละส่วนกันอยู่แล้วครับ

ผู้เยี่ยมชม

ขอแก้ข้างบนนิดนึงคับ พอดีไปอ่านธัมมวิโมกข์มา
ท่านว่า การมุสา คือเขาต้องเสียประโยชน์
ถ้าทำให้เขาสบายใจยังไม่ถือว่ามุสาครับ

ตอบเมื่อ: 18 มิ.ย.2008, 4:17 pm

ไม่มีความคิดเห็นครับ ซึ้ง

ตอบเมื่อ: 29 มิ.ย.2008, 12:11 am

สิ่งที่ผ่านมาแล้วก็อย่าไปคิดถึงเลยคะ จากนี้ไปก็อย่าโกหกอีกจะได้

ไม่บาปอีกนะคะ สำหรับการพูดความจริงก็พูดในลักษณะถนอมน้ำใจ

กัน ค่อยๆบอก เป็นพ่อแม่ลูกกัน ท่านคงไม่โกรธหรอกคะ ตัวคุณเองก็

จะได้สบายใจด้วยคะ

ตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 10:15 am

เท่าที่อ่านมาคุณก็เป็นคนดีคนนึง....ไม่อยากให่ใครต้องเป็นทุกข์ด้วย
แต่ผมว่าคนเรามีกรรมเป็นของตนเอง.....
เราไม่ต้องโกหกก็ได้...เราอธิบายให้พ่อ แม่ฟังได้ครับ...
ว่าไม่ต้องห่วง....แต่ผมว่าเลี่ยงการโกหกเป็นดีที่สุด
ไม่ว่ากรรมใหม่-เก่า เราก็ไม่ควรสร้างกรรมไม่ดีเพิ่มอีก

ตอบเมื่อ: 03 ก.ย. 2008, 1:36 am

ที่เคยได้ยินผู้ใหญ่บอก โกหกพ่อแม่เป็นบาปทั้งนั้น แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคล สาธุ

ตอบเมื่อ: 21 ก.ย. 2008, 4:13 pm

พูดให้เค้าคล้อยตามในทำนองจงใจต้องการให้เค้าเข้าใจผิด หมายถึงกลับอีกสิ่งให้เป็นอีกสิ่ง เราคิดว่า มันก็บาปแล้วนะ

เริ่มใหม่ดีกว่านะค่ะ สู้ สู้