Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
เรื่องอดึตชาติมีจริงไม๊คะ
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
ผู้ตั้ง
ข้อความ
lawan
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 25 มิ.ย. 2008
ตอบ: 6
ตอบเมื่อ: 11 ก.ค.2008, 6:44 pm
ไม่แน่ใจนะคะ ว่าเคยไปทำบุญหรือกรรมกับคนคนนี้ไว้หรือป่าว แต่ทำไมแค่เจอกันไม่นาน คุยกันไม่เท่าไหร่ แต่ทำไมต้องรู้สึกผูกพันกับคนคนนี้ด้วย เคยตัดใจไม่พูดคุยติดต่อ แต่ได้ไม่นาน
กับคิดถึง โหยหา ไม่เข้าใจ เหมือนกัน ทำยังไงถึงจะตัดขาดกันได้คะ
สายลม
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245
ตอบเมื่อ: 12 ก.ค.2008, 4:05 pm
กระทู้เรื่องภพชาติ
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14928
_________________
"อย่าลืมตัว อย่าลืมปัจจุบัน อย่าลืมปฏิบัติ"
สายลม
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245
ตอบเมื่อ: 12 ก.ค.2008, 4:12 pm
คัดลอกมาให้อ่าน ความคิดเห็นของคุณ ดังตฤณ
....................................................
เนื้อคู่ในแบบที่ชาวโลกเพ้อว่าเป็นไปตามอุดมคติ
ชนิดที่ติดตามกันไปทุกภพทุกชาติ ไม่พรากจากกันเลยนั้น
ไม่มีหรอกครับ
ดูจากในชาดกก็ได้
บางชาติพระนางพิมพา คู่บารมีของพระโพธิสัตว์
ยังเป็นมเหสีของพระอานนท์เลย
สิ่งที่ควรดู คือเมื่อเข้าคู่กันแล้ว
1) รู้สึกว่าใช่หรือเปล่า (เป็นเรื่องของสัญญาณที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกล้วนๆ)
2) เกิดแต่เรื่องดีๆเมื่ออยู่ด้วยกันหรือเปล่า (วัดผลของอดีตกรรมที่ให้เป็นวิบากฝ่ายดี)
3) ร่วมกันเปลี่ยนอุปสรรคหรือเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้หรือเปล่า
(ดูปัจจุบันกรรมที่เอื้อให้เกื้อกูลร่วมทุกข์ร่วมสุขกันได้แค่ไหน)
4) เกิดแรงบันดาลใจให้คิด พูด ทำดีๆต่อกันและต่อคนรอบข้างหรือเปล่า
(ปัจจุบันกรรมที่จะให้ผลเป็นวิบากอนาคตที่สดใสหรือไม่
เท่าที่ผมพบมา คู่ที่จรรโลงใจกันด้วยบุญ
เลี้ยงใจกันด้วยบุญไม่ขาดสายเท่านั้น ที่ไม่เบื่อ ไม่แห้งแล้งต่อกันเสียก่อนตาย)
สรุปคือเข้าคู่กันแล้วรู้สึกดีๆ เกิดเรื่องดีๆ ก็ใช่เลยครับ
และไม่ต้องไปหมายมั่นเอาว่านั่นคือเครื่องแสดงความถาวร
เป็นเนื้อคู่นิรันดร์ เพราะสังสารวัฏไม่มีอะไรอย่างนั้นให้
มีแต่เปลี่ยนกับเปลี่ยนครับ
จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหรือเลวลงเท่านั้น
.............
การที่มีอัตภาพได้มาเจอกันแล้วรู้สึกดี
ก็ถือว่าเป็นบุญเก่าที่ให้ผลเป็นกุศลวิบากอยู่แล้ว
นั่นเป็นของในอดีตล้วนๆ
นับแต่วินาทีแรกที่พบกัน
แม้ว่าวิบากเก่าอาจจะยังให้ผลไม่หมดสิ้น
มีแรงหนุนให้อยากคบหา
หรือมีความหนุนเนื่องให้เกิดเหตุการณ์ดีๆ ปัจจัยประกอบดีๆ
ก็ต้องถือว่าทั้งสองต้องเลือกเอาเอง กำหนดเอาเอง
ว่าจะทำปัจจุบันให้เป็นอย่างไร
ถางทางอนาคตให้ดีร้ายแค่ไหน
จะเลี้ยงความรู้สึกดีต่อกันไว้ได้นั้น
บุญเก่าอาจมีส่วนในแง่ของการเอื้อปัจจัย
แต่ไม่ได้เป็นประกันชัดเจนเหมือนบุญใหม่แน่นอน
ทำนองเดียวกันกับที่เราอาจใช้ชีวิตตอนต้นเร่งสร้างเงินทอง
เมื่อมีฝากธนาคารหลายๆล้านแล้ว
ก็เรียกว่าเป็นปัจจัยหนุนเนื่องที่ดี ที่จะสร้างความสุขสมบูรณ์ให้ชีวิต
แต่ใครจะรู้ คนบางคนพอมีเงินมาก แทนที่จะใช้ในทางดี
กลับเอาไปเล่นพนัน ลงขวดเหล้า ลงอ่างน้ำ
เป็นพิษสุราเรื้อรังก็ได้ เป็นเอดส์ก็มี
หรือแย่น้อยกว่านั้นหน่อยก็อาจเอาแต่กินๆนอนๆ
เงินทองไม่สั่งสมเพิ่มขณะที่ต้องจ่ายมากตามฐานะที่รวยมาก
ในที่สุดก็หมดแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเมื่อเวลาผ่านไป
ทำนองเดียวกัน สมมุติว่าสองคนสร้างบุญมาด้วยกัน
ชาติใกล้ชักชวนกันทำทานเป็นงานอดิเรก
ต่างฝ่ายต่างก็ได้แดนเกิดร่ำรวยไม่ขัดสน
พอมาเจอกัน คบกัน อยู่ด้วยกันไม่ทันไร
อยากทำธุรกิจค้าขาย ก็อาจรวยไม่รู้เรื่อง
ชาติใกล้เตือนกันและกันตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์
ต่างฝ่ายต่างมีรูปร่างหน้าตาต้องใจเพศตรงข้าม
พอมาเจอกัน ก็เอ็นดูเสน่หา หลงใหลในกันและกันรุนแรง
ชนิดที่ใครอื่นหมื่นแสนก็ทำให้หลงไม่ได้เท่า
ชาติใกล้อาจจูงมือกันเข้าวัดเข้าวา
ฝึกภาวนาให้เกิดความตั้งมั่นทางจิตใจ
เจริญปัญญาให้แก่กล้าหวังความหลุดพ้นในที่สุดด้วยกัน
ตั้งความปรารถนาว่าจะพบเพื่อเกื้อกูลกันให้ถึงที่สุดทุกข์
ไม่ขวางกันและกันในเส้นทางมรรคผล
พอมาเจอกัน ก็เกิดความผ่องใส เย็นรื่น
แค่อยู่ด้วยกันเฉยๆก็อาจเป็นแรงสะกิดอีกฝ่ายให้สงบลงจากทุกข์
และโน้มน้าวกันให้ใฝ่แต่เรื่องแสนดี งดงาม ไม่เป็นที่ระคายต่อกัน
เจอพระสงฆ์องค์เจ้าก็แต่ที่ดีๆ
ไม่ลุ่มหลงประเภทพาญาติโยมลงเหว เป็นต้น
หน้าที่ของวิบากฝ่ายกุศลเป็นอย่างนั้น ให้ผลตามเหตุปัจจัยเป็นเรื่องๆ
ผมเคยพบคู่ตัวอย่างที่วิบากเก่าให้ผลดีรุนแรงพรั่งพร้อมมาบ้าง
ในลานธรรมนี่ก็มีอยู่สองสามคู่
(อยู่ในสังคมพุทธขนาดใหญ่ก็ดีหน่อย ตรงที่มีตัวอย่างให้ดูทุกชนิด)
ประเภทนี้จะได้เปรียบตรงที่เจอกันปุ๊บจะรู้สึกว่าเข้ากันได้ปั๊บ
และเกิดแรงบันดาลใจจะทำกุศลชนิดล้นๆร่วมกันแต่แรก
อย่างไรก็ตาม มีอีกมากนัก ที่ทำบุญมาด้วยกันแค่ระดับทาน
อาจรวยร่วมกัน เจอกันยิ่งรวยมหารวยเป็นบ้าเป็นหลัง
แต่ปัญญาที่จะประคองรักร่วมกันอาจขาดไป
ได้กันแล้วก็เบื่อกัน ไม่ต่างกับเสพสมบัติชนิดอื่นๆ
ฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงอาจมักมากในกามจนต้องออกไปเลอะเทอะข้างนอก
และคนมีเงินนั้น ผิดศีลได้มากข้อนัก คงไม่ต้องขยายความ
มีอีกมากนัก ที่ชวนกันรักษาศีลมาก่อน
จะโกหกนั้นไม่เอา บี้มดตบยุงก็ไม่ยอม
แต่ขาดทานบารมีร่วมกันมา ชวนกันอดออม ชวนกันตระหนี่เสียมาก
เพราะไม่รู้ค่าของทาน ไม่เชื่อผลของทาน
เกิดมาเจอกันอาจจะรักกันดูดดื่มปานจะกลืน
เพราะรูปสวยด้วยกันทั้งคู่ แต่ขอโทษ ต้องกัดก้อนเกลือกินจนตาย
ถึงสัญญาเก่าที่เจือด้วยความบริสุทธิ์ของศีลจะดึงรั้งไม่ให้นอกใจกัน
ก็อยู่ร่วมกันอย่างอัตคัดขัดสน ผอมแห้งแรงน้อย เจ็บออดๆแอดๆ
ก็เป็นเหตุให้เกิดความเบื่อหน่ายกันและกันอันเนื่องจากความเป็นอยู่ได้อีก
โดยความไม่สมบูรณ์ของ ทาน ศีล ภาวนา ที่บำเพ็ญมาร่วมกัน
คู่รักที่เป็นปุถุชนทั่วไปจึงมักขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือหลายสิ่ง
ที่จะเป็นปัจจัยหล่อเลี้ยงตามวิถีทางธรรมชาติ ให้มั่นคงในรักต่อกัน
หรือให้มีความสุขสดชื่นบำรุงจิตใจกันและกัน
ฉะนั้นถ้าหากอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีปัจจัยปรุงแต่งชนิดที่เป็นกุศล
หล่อเลี้ยงให้เกิดความชุ่มชื่นใหม่ๆ ทวีขึ้นทุกๆวัน
ก็เป็นธรรมดาที่ความรักจะโรยราลงตามธรรมชาติใจ
ที่เบื่อหน่ายของเก่าซ้ำซากจำเจ
เท่าที่เคยเห็นคู่ที่ติดใจกันและกันโดยเนื้อหนัง
เวลาเบื่อจะหน่ายยิ่งกว่าเห็นปลาทูเค็ม
เล็บยังไม่อยากจะแตะ เงาก็ไม่อยากจะเห็น
นี่คือธรรมชาติเสื่อมโทรมทางความรู้สึกในกาม
เท่าที่เห็นคู่ที่ทำบุญร่วมกันทุกวัน
(ครั้งที่ผมบวชเมื่อครบอายุ จะมีโอกาสเห็นตัวอย่างมากรายในละแวกวัด)
จะสัมผัสได้ถึงกระแสชนิดหนึ่ง เยือกเย็น อ่อนโยนเป็นธรรมชาติ
กระแสชนิดนี้เหนี่ยวรั้งจิตวิญญาณทั้งฝ่ายชายและหญิง
ให้เกิดความรู้สึกด้านดีต่อกัน
แม้เบื่อกันทางเนื้อหนังแล้ว ก็ยังน่าจะอุ่นใจ เย็นกาย
ไม่รู้สึกรังเกียจอีกฝ่ายเลย เหมือนแต่ละฝ่ายเป็นส่วนเติมความเย็นให้แก่กัน
เข้าใกล้กันแล้วไม่ร้อน อยู่ร่วมกันนานแล้วไม่จืด
เพราะคอยเติมความเย็นให้ทวีขึ้นเรื่อยๆ
(ต้องดูปัจจัยภายในเช่นเจตนาและความใจบุญแท้จริงด้วยนะครับ
หลายคนเลย ชาวพุทธเรา ที่ทำบุญแบบส่งๆ
หรือทำสักแต่หวังแลกความรักแบบง่ายๆ อันนั้นก็ทำบุญแบบไม่ฉลาดนัก)
และเท่าที่มีโอกาสสัมผัสจริง
คู่ที่หมั่นชวนกันภาวนาร่วมกัน ตะลอนๆหาวัดด้วยกัน
จะมีสายสัมพันธ์อีกลักษณะหนึ่งให้สัมผัสรู้สึก
มีความละเอียดอ่อนลึกซึ้งยิ่งกว่าคู่รักประเภทที่กล่าวมาข้างต้นมาก
คือนอกจากกระแสความเยือกเย็นที่สื่อเป็นสายสัมพันธ์เหนียวแน่นแล้ว
ยังมีความอบอุ่นมั่นคงอีกชนิดหนึ่ง ให้ความรู้สึกโปร่งเบา ปลอดภัย
และมีความแน่นอนกว่ากันมาก
อยู่ร่วมกันนานๆแล้วเมื่อกระแสจิตจูนตรงกัน
ทั้งในระดับของการมีใจเปิดเป็นทาน
ช่างให้ทั้งทรัพยทาน อภัยทาน วิทยทาน ธรรมทาน
ทั้งในระดับของการมีใจสะอาดเป็นศีล
บริสุทธิ์สว่าง ห่างจากการคลุกกิเลสหยาบหนา
ทั้งในระดับของการมีใจตั้งมั่นเป็นสมาธิ
มีความมั่นคงแน่วแน่ในภายใน เป็นที่พึ่งให้แก่กันและกัน รวมทั้งตัวเองได้
ทั้งในระดับของการมีใจปล่อยวางอย่างเป็นพุทธิปัญญา
ไม่ยึดมั่นถือมั่นแม้ในกันและกันรุนแรง
แบบนี้นะครับ ไปไหนก็เป็นความชุ่มฉ่ำ สุกสว่างให้กับทุกที่ ทุกคนที่ใกล้ชิด
พูดแล้วเหมือนนิยาย ;-) แต่ก็คือความจริง
มีจริง เป็นไปได้จริง ขอให้มีพื้นฐานธรรมะอยู่ในใจของทั้งฝ่ายชายฝ่ายหญิง
เมื่อมาพบกัน รู้จักกัน ก็เกิดเรื่องจริงที่เหมือนอิงนิยายได้ทั้งนั้น
เผลอๆนักประพันธ์จะคาดไม่ถึง จินตนาการไปไม่เจอด้วยซ้ำ
เนื่องจากนักประพันธ์ส่วนใหญ่ขาดความเข้าใจที่แท้จริง
ว่าคู่อุดมคติตามแนวพุทธแท้ๆนั้น มีองค์ประกอบ มีปัจจัยอุดหนุนมาอย่างไร
.................
เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสถึงสิ่งที่ทำให้ชายหญิงผูกพันกัน
หรือกระทั่งหน้าที่ฝ่ายสามีที่พึงปฏิบัติต่อภรรยา
เครื่องประดับก็เป็นหนึ่งในรายการที่ค่อนข้างยาวนั้นครับ
ก่อนๆผมเองไม่ค่อยเข้าถึงค่าของเครื่องประดับนัก
เวลามองจะมองผาด ผ่านๆเผินๆ
ต่อมาเมื่อสมัยที่ลองหัดสมาธิแบบเพ่งแก้วคริสตัล
จึงเข้าใจผลกระทบของอัญมณีชนิดต่างๆที่มีต่อจิตใจมนุษย์
อัญมณีมีส่วนทำให้เกิดสมาธิ หรือคลื่นจิตดีๆได้จริง
แต่เป็นดีแบบหลง สงบสุขแบบหลง
หลงใหลจะเป็นจะตายทีเดียวล่ะ
ในแง่ของการเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา
การซื้อให้ตามโอกาส ก็มีผลดีที่ไม่น่าตำหนินัก
นี่พูดในแง่ชาวพุทธส่วนใหญ่ที่จิตจูนมาถึงทานและศีลนะครับ
หากในแง่ของคนที่จูนมาถึงการภาวนาแล้ว
มีหรือไม่มีอาจไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญนัก
ซึ่งก็ได้คำตอบเหมือนๆกับที่เคยได้มานั่นแหละ
ถึงปฏิบัติธรรมแล้ว แต่ธรรมเนียมการอยู่กินกับสามี
ก็ยังต้องแบ่งให้เรื่องของค่าทางใจ ผ่านค่าของวัตถุที่งดงามเร้าใจ หรือประทับใจอย่างไรๆก็แล้วแต่
..................
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001500.htm
....
ซึ่งความคิดเห็นนี้ คุณดังคฤณ ได้นำไปใส่ไว้ในหนังสือ
ดังตฤณวิสัชนา ตอน รู้จักรัก
คลิกอ่าน
http://issuu.com/aomjai/docs/dungtrin_love
_________________
"อย่าลืมตัว อย่าลืมปัจจุบัน อย่าลืมปฏิบัติ"
บัวหิมะ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
ตอบเมื่อ: 23 ส.ค. 2008, 11:54 pm
อย่าไปสนใจเลย สนใจธรรมะดีกว่าจ้า
_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th