Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ขอคำปรึกษาเรื่อง "กรรม" ครับ ผมเข้าใจถูกหรือเปล่า. อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ปกิณกะ
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 3

ตอบตอบเมื่อ: 26 มิ.ย.2008, 9:40 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมแบ่งประเภทของ "กรรม" ที่ส่งผลต่อชีวิตของคนเราออกเป็นสองอย่าง
.....................................................................................................
กรรมอย่างแรก เป็นกรรมที่เกิดจากการกระทำของเรา แล้วสะท้อนกลับมาหาตัวเรา ตามกฎแห่งกรรม กรรมดีไม่สามารถใช้หักล้างกรรมชั่วได้ แต่กรรมดีสามารถทำให้กรรมชั่วบรรเทาเบาบางลง เหมือนเติมน้ำบริสุทธิ์ลงไปในแก้วที่มีน้ำโคลนตม แม้จะยังขุ่นข้นอยู่ แต่ก็จะเจือจางลงและใสยิ่งขึ้น
ยิ่งเติมลงไปมากเท่าใด น้ำก็จะยิ่งใสมากขึ้นเท่านั้น

กรรมอย่างที่สอง เป็นกรรมที่เกิดจากเจ้ากรรมนายเวร คือกรรมที่เกิดจากแรงอาฆาตพยาบาท กรรมนี้หากเราหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ขออโหสิกรรมไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่ง เจ้ากรรมนายเวรท่านก็จะอนุโมทนาและอโหสิกรรมให้เรา

ดังนั้น กรรมดีที่เกิดจากการสร้างกุศลกรรม แล้วอุทิศให้ท่านเจ้ากรรมนายเวร ก็จะสามารถทำให้กรรมชั่วอันเกิดจากการกระทำของเราบรรเทาเบาบางลงไปได้ด้วยเหมือนกัน
.....................................................................................................
อันนี้คือตามความเข้าใจของผมเองนะครับ จะถูกหรือผิดขอให้ท่านผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยนะครับ

ขอบคุณครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 27 มิ.ย.2008, 9:40 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ส่วนตัวกระผมเห็นว่า กรรม หมายถึง การกระทำที่เป็นเหตุปัจจัยต่อไปในอนาคต ส่วนกุศลกรรม หรือ อกุศลกรรม นั้นขึ้นอยู่กับว่าเรามีความละเอียดมากพอหรือไม่ อันคำว่าละเอียดนั้นหมายถึงว่าเราสามารถครองสติที่จะเลือกทำแต่กุศลกรรมได้หรือไม่ หรือจะเรียกว่ารู้เหตุก็เรียกได้ หากเรารู้เหตุ ผลก็ย่อมรู้ พระศาสดาทรงตรัสไว้ว่า " ธรรมทั้งหลายมีเหตุเป็นแดนเกิด เมื่อสิ้นเหตุเหล่านั้นจึงดับทุกข์ได้ " อันนี้ถือเป็นแก่นของอริยสัจครับ
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
สี บุญมา
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 02 ม.ค. 2008
ตอบ: 83

ตอบตอบเมื่อ: 27 มิ.ย.2008, 9:58 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่ค่อยเก่งเรื่องทฤษฎีนะท่านจึงเขียนบอกไม่ได้ แต่ถ้าท่านจะทำแต่ความดีละความชั่ว ทำให้สม่ำเสมอ ผลที่ได้ก็ชั่งมันเถอะท่าน อย่าไปกังวลนัก สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
โปเต้
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 10 พ.ค. 2008
ตอบ: 76
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 27 มิ.ย.2008, 1:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทางพุทธศาสนาท่านจำแนกกรรมไว้เป็น 4 อย่างค่ะ
ซึ่งทั้ง 4 อย่างนี้ มีตัวผู้กระทำเป็นผู้รับผลทั้งนั้น
ส่วนเรื่องของเจ้ากรรมนายเวรนั้น น่าจะเป็นของแถมนะคะ ถ้าโชคดี ไม่มีของแถมก็แล้วไป
ส่วนผู้ที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรเรานั้น มีกระทั่งตัวเราเองที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของตัวเอง หรือผู้อื่น ซึ่งผู้จองเวรก็จะได้รับผลแห่งการจองเวรนั้น
(ถ้าเป็นตัวเองก็คงเป็นเรื่องที่รู้สึกผิด ไม่อาจให้อภัยตัวเองได้)

กรรม 4 อย่างที่ว่าก็คือ
1. กรรมหนัก ให้ผลเป็นอันดับแรก ในฝ่ายกรรมชั่วก็มี ทำพระพุทธเจ้าให้ห้อเลือด ทำให้สงฆ์แตกแยก ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ไม่มีกรรมดีใดจะบรรเทาได้ เช่นพระเจ้าอชาติศัตรูที่ฆ่าพ่อ ตอนหลังที่สำนึกผิดแล้ว ได้ฟังเทศนาจากพระพุทธเจ้าแล้วได้ดวงตาเห็นธรรม ซึ่งถ้าไม่ได้ฆ่าพ่อก็จะได้บรรลุโสดาบัน ในฝ่ายกรรมดีก็คือการได้ฌาน1-4

2. กรรมที่ทำตอนใกล้ตายหรือก่อนตาย เป็นอันดับสองที่จะให้ผล เช่นพระนางมัลลิกา ทำบุญให้ทานมามาก แต่ก่อนตายระลึกถึงความชั่วที่เคยโกหกสามี ก็เลยทำให้ไปลงนรก

3. กรรมที่กระทำบ่อยๆ เป็นประจำ ให้ผลเป็นอันดับสาม ถ้าไม่มีกรรมสองอย่างแรก กรรมนี้ก็จะส่งผลทันที เช่น ทำบุญใส่บาตรเป็นประจำ รักษาศีลเป็นประจำ หรือฆ่าสัตว์เป็นประจำ โกหกหลอกลวงเป็นประจำ ดื่มสุราเป็นประจำ กรรมโดยรวมในชีวิตของเรา ส่วนมากแล้วจะขึ้นอยู่กับกรรมอันนี้ เป็นสิ่งที่เราสามารถลิขิตได้ด้วยตัวของเราเอง

4. กรรมสักแต่ว่าทำ เป็นกรรมเล็กน้อย ที่ไม่ได้ตั้งใจกระทำ แต่บางครั้งกรรมนี้ก็อาจให้ผลมากได้ เช่นหลวงพ่อจรัญท่านโยนไม้ทิ้ง แต่ไปโดนจมูกหมาจนฉีก เลือดไหล วันนึงท่านก็ให้บังเอิญโดนไม้ท่อนนึงหล่นโครมให้ที่ดั้งจมูก กรรมสักแต่ว่าทำนี้ บางครั้งก็เป็นอโหสิกรรมได้ เป็นกรรมที่สามารถเจือให้เบาบางลงได้ง่าย
 

_________________
สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 27 มิ.ย.2008, 7:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ปกิณกะ พิมพ์ว่า:
ผมแบ่งประเภทของ "กรรม" ที่ส่งผลต่อชีวิตของคนเราออกเป็นสองอย่าง
.....................................................................................................
กรรมอย่างแรก เป็นกรรมที่เกิดจากการกระทำของเรา แล้วสะท้อนกลับมาหาตัวเรา ตามกฎแห่งกรรม กรรมดีไม่สามารถใช้หักล้างกรรมชั่วได้ แต่กรรมดีสามารถทำให้กรรมชั่วบรรเทาเบาบางลง เหมือนเติมน้ำบริสุทธิ์ลงไปในแก้วที่มีน้ำโคลนตม แม้จะยังขุ่นข้นอยู่ แต่ก็จะเจือจางลงและใสยิ่งขึ้น
ยิ่งเติมลงไปมากเท่าใด น้ำก็จะยิ่งใสมากขึ้นเท่านั้น

กรรมอย่างที่สอง เป็นกรรมที่เกิดจากเจ้ากรรมนายเวร คือกรรมที่เกิดจากแรงอาฆาตพยาบาท กรรมนี้หากเราหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ขออโหสิกรรมไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่ง เจ้ากรรมนายเวรท่านก็จะอนุโมทนาและอโหสิกรรมให้เรา

ดังนั้น กรรมดีที่เกิดจากการสร้างกุศลกรรม แล้วอุทิศให้ท่านเจ้ากรรมนายเวร ก็จะสามารถทำให้กรรมชั่วอันเกิดจากการกระทำของเราบรรเทาเบาบางลงไปได้ด้วยเหมือนกัน
.....................................................................................................
อันนี้คือตามความเข้าใจของผมเองนะครับ จะถูกหรือผิดขอให้ท่านผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยนะครับ

ขอบคุณครับ


กรรมที่คุณกล่าวมาก็ค่อนข้างถูกต้อง ในอย่างแรก ส่วนเรื่องกรรมของเจ้ากรรมนายเวรนั้น ความจริงแล้วไม่น่าคิดถึง เพราะคุณไม่สามารถมองเห็น และไม่รู้ดอกว่าเจ้ากรรมนายเวรเป็นอย่างไร
กรรมอย่างที่สองนั้น ความจริงแล้ว เป็นการกระทำของผู้อื่น หมายความว่า
กรรมนั้น มีสองอย่าง คือ กรรม หรือการกระทำจากตัวเรา
และ กรรมหรือการกระทำ จากผู้อื่น คำว่าผู้อื่นนี้ หมายเอาตั้งแต่บิดามารดา เป็นต้นไป
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
human
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 01 พ.ย. 2006
ตอบ: 41

ตอบตอบเมื่อ: 28 มิ.ย.2008, 12:07 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตัวเราจะเกิดมาเป็นคน เป็นเทวดา เป็นพรหม เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นเปรต เป็นอสูรกาย หรือเป็นสัตว์นรก ก็อยู่ที่กรรมทั้ง 12 อย่างนี่แหละครับ

หมวด 1 กรรมให้ผลตามคราว
1.ทิฏฐเวทนียกรรม กรรมให้ผลในภพนี้
2.อุปัชชเวทนียกรรม กรรมให้ผลในภพหน้า
3.อปราปรเวทนียกรรม กรรมให้ผลตั้งแต่ภพที่ 3 เป็นต้นไป
4.อโหสิกรรม กรรมให้ผลสำเร็จแล้ว (ไม่มีผลแล้ว)

หมวดที่ 2 กรรมให้ผลตามกิจ
5.ชนกกรรม กรรมแต่งให้เกิด
6.อุปัตถัมภกกรรม กรรมสนับสนุน
7.อุปปีฬกกรรม กรรมบีบคั้น
8.อุปฆาตกกรรม กรรมตัดรอน

หมวดที่ 3 กรรมให้ผลตามลำดับ
9.ครุกรรม กรรมหนัก
10.พหุลกรรม กรรมสนับสนุน
11.อสันนกรรม กรรมเมื่อจวนตาย
12.กตัตตากรรม กรรมสักว่าทำ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
RARM
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417

ตอบตอบเมื่อ: 28 มิ.ย.2008, 6:02 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กรรมอย่างแรก เป็นกรรมที่เกิดจากการกระทำของเรา แล้วสะท้อนกลับมาหาตัวเรา ตามกฎแห่งกรรม กรรมดีไม่สามารถใช้หักล้างกรรมชั่วได้ แต่กรรมดีสามารถทำให้กรรมชั่วบรรเทาเบาบางลง เหมือนเติมน้ำบริสุทธิ์ลงไปในแก้วที่มีน้ำโคลนตม แม้จะยังขุ่นข้นอยู่ แต่ก็จะเจือจางลงและใสยิ่งขึ้น
ยิ่งเติมลงไปมากเท่าใด น้ำก็จะยิ่งใสมากขึ้นเท่านั้น

----------

ขอตอบตามความเข้าใจและเคยได้ยินจากพระอาจารย์ท่านเล่าให้ฟังนะครับ

คือว่า

กรรมอย่างแรก เป็นกรรมที่เกิดจากการกระทำของเรา แล้วสะท้อนกลับมาหาตัวเรา ตามกฎแห่งกรรม --อันนี้ ถูกต้อง เราทำกรรมอันใดไว้ เราต้องได้รับผลของกรรมนั้นหรือการกระทำนั้นๆ
---
ส่วนข้อความนี้

กรรมดีไม่สามารถใช้หักล้างกรรมชั่วได้ แต่กรรมดีสามารถทำให้กรรมชั่วบรรเทาเบาบางลง

ผมเคยได้ยินท่านอาจารย์เล่าให้ฟังว่า

ในนรกนั้นจะมีรายชื่อของทุกคนบนโลกใบนี้
และจะมีตาชั่ง อยู่คนละอัน คือ ข้างหนึ่ง กรรมดี คล้ายเป็นบัญชีหนังสัตว์หรืออะไรสักอย่างหนึ่ง(ผมจำไม่ชัดเจน)เอาไว้จดกรรชั่ว
ส่วนอีกข้างหนึ่งนั้น เป็นแผ่นทอง ซึ่งเป็นข้างกรรมดี

จากนั้น คนเราก็จะทำกรรมดีบ้าง ชั่วบ้าง ตามแต่ตัวเค้าเองจะกระทำ

เมื่อทำกรรมชั่วครั้งหนึ่ง ก็จะมีรายการ ของกรรมชั่วที่เราทำนั้นปรากฎขึ้นที่ข้าง ทำกรรมชั่ว ทำให้ตาชั่งข้างกรรมชั่วนั้นหนักขึ้น ถ้าบุคคลนั้นกรรมชั่วบ่อยเข้า กรรมชั่วนั้นก็จะให้ผลก่อน

แต่ตรงข้าม ถ้าเค้าทำกรรมดี เช่นทำบุญ ตักบาตรพระ ให้ทาน รักษาศีล ตาช่างข้างกรรมดี ก็จะมีแผ่นทองคำปรากฎขึ้น ซึ่งจะมาถ่วงให้กรรมดีนั้นมากขึ้น ถ้าทำมากเข้าแล้ว ฝ่ายข้างกรรมดี ก็จะมีแผ่นทองมาก กรรมดีก็จะให้ผลก่อน คือเสวยกรรมดีนั้นก่อน

หรือแค่เราดูลมหายใจเข้า พุทธ ออก โธ อยู่ ก็เหมือนกับเราได้ทำกรรมดีอยู่ ก็จะมีแผ่นทองปรากฎขึ้นทุกครั้งที่เรากระทำ

กรรมชั่วก็ยังไม่ให้ผลก่อน เพราะกรรมดีนั้นมีมาก
ถ้าเราทำกรรมดีจนสามารถหลุดพ้น จากกิเลสได้เลยในชาตินั้นๆ
ก็จะถือว่ากรรมนั้นไม่สามารถตามทำได้อีก คือหมดกรรมที่จะกระทำต่อไปอีกแล้ว

แต่อาจจะยังมี ผลของกรรม หรือเรียกว่า เศษกรรมนั้น ยังตามเรามาให้ผลกับเราได้ เป็นบางครั้ง

เพราะฉะนั้นถ้าเราเร่งความเพียรเสียแต่บัดนี้ กรรมชั่ว ก็จะยังชะลอผล ให้เราเสวยแต่กรรมดีผลที่ดีก่อนอยู่

จบ


สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ปกิณกะ
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 3

ตอบตอบเมื่อ: 28 มิ.ย.2008, 9:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอขอบคุณและอนุโมทนากับทุกคำแนะนำและทุกความเห็นครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2008, 3:40 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมให้ความเห็นของผมไปในกระทู้นี้แล้ว

จะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้แล้ว

เสริมแค่เรื่องเดียว กรรมทำทำลงไปแล้ว ต้องรับผลแน่นอน ตาม
กฎแห่งกรรม แต่ถ้าเราสำนึกความผิด กรรมนั้นจะเขาบางลง เรียก
ว่า การก้าวล่วงบาปกรรม พร่งนี้ผมจะเอาเรื่องมาลง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง