Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
นิทานชาดก...บรมจักรพรรดิผู้ทรยศ
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นิทาน-การ์ตูน
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 10:55 pm
เอื้อเฟื้อข้อมูลโดย
ชมรมพัฒนาจริยธรรมและคุณธรรม พระจอมเกล้าลาดกระบัง
http://patji.net/patji-club/index.php?option=com_wrapper&Itemid=40
แนะนำหนังสือโดย Webmaster
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 10:56 pm
กรุงศรีอยุธยาหรือที่เราเรียกกันว่า กรุงเก่า เมืองแห่งประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ในอดีต ทั้งด้านพุทธศาสนา ศิลปวัฒนธรรม การค้าพาณิชย์ และการเมืองการปกครอง ซากปรักหักพังของโบราณสถาน วัดอาราม และสิ่งก่อสร้าง ครั้งที่ถูกพม่าเผาทำลายทิ้งอย่างไร้ความปรานี แม้นพระพุทธรูปอันเป็นตัวแทนขององค์สมเด็จพระสัมมา-สัมพุทธเจ้าก็ถูกเผาทำลายสิ้น ร่องรอยแห่งความสูญเสียเอกราชของกรุงศรีอยุธยายังปรากฏให้อนุชนรุ่นหลัง ได้ระลึกถึงประวัติศาสตร์อันเกิดจากความอ่อนแอของกษัตริย์ผู้ครองราชย์ และความแตกแยกไร้สามัคคีในหมู่เสนาบดี ข้าราชบริพารของกรุงศรีอยุธยาครั้งนั้น หลายครั้งที่ผู้เขียนได้เดินทางไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้เขียนมักหวนคิดถึง เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา ซึ่งมีข้อความตอนท้ายบอกไว้ว่า พระนารายณ์เป็นเจ้านพบุรีทำนายกรุง เพลงยาวเรื่องนี้นับเป็นเรื่องแปลกประหลาดพิสดารอย่างมาก เนื่องด้วยเป็นบทพระราชนิพนธ์เพลงยาวที่พยากรณ์อนาคตบ้านเมืองไปในทางวิบัติ และถือได้ว่าเป็นเพลงยาวการเมืองฉบับแรกของประวัติศาสตร์ไทยด้วย เริ่มต้นของ บทพระราชนิพนธ์กล่าวถึงกรุงศรีอยุธยา เมืองแห่งพระพุทธศาสนาอันรุ่งเรืองและสงบสุข ทุกประเทศใกล้ไกลล้วนพากันสรรเสริญร่ำลือในความสุขสบายอันมีอยู่ทั่วแผ่นดิน แต่เกิดอาเพศภัยพิบัติวินาศฉิบหายเพราะกษัตริย์มิได้ทรงทศพิธราชธรรม...
กรุงศรีอยุธยานั้นสมบูรณ์
เพิ่มพูนด้วยพระเกียรติขจรจบ
อุดมบรมสุขทั้งแผ่นพิภพ
จนครบศักราชได้สองพัน
คราทีนั้นฝูงสัตว์ทั้งหลาย
จะเกิดความอันตรายเป็นแม่นมั่น
ด้วยพระมหากษัตริย์มิได้ทรงทศพิธราชธรรม์
จึงเกิดเข็ญเป็นมหัศจรรย์สิบหกประการ
เพลงยาวพยากรณ์นี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงวิเคราะห์วิจารณ์ว่า พระนารายณ์มิใช่เป็นผู้พยากรณ์ หากแต่อ้างตามคำพยากรณ์ ที่มีอยู่แล้วในมหาสุบินชาดก ซึ่งกล่าวถึงพระสุบินนิมิตประหลาด ๑๖ ประการ ของพระเจ้าปเสนทิโกศล เมื่อครั้งที่ได้ไปเฝ้าและทูลถามพระพุทธเจ้า และพระพุทธองค์ก็ตรัสว่า เหตุร้ายเหล่านั้นจะเกิดขึ้นจริง แต่จะยังมิได้เกิดขึ้นเวลานี้ แต่จะเกิดเมื่อกษัตริย์มิได้อยู่ในทศพิธราชธรรม พร้อมกับได้พระ-ราชทานพุทธพยากรณ์ทีละข้อจนครบ ๑๖ ข้อ
ตามที่ผู้เขียนได้เคยศึกษาจากพระไตรปิฎก เรื่องการครองแผ่นดินของกษัตริย์ ก็มักจะพบว่าพระพุทธองค์ได้ให้หลักธรรม สำคัญหลายเรื่อง ซึ่งล้วนปรากฏอยู่ในพระสูตรต่างๆ เช่น กูฏทันตสูตร ซึ่งกล่าวถึงการบูชายัญ การประสานสัมพันธ์และการครองใจไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ข้าราชบริพารในระดับต่างๆ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการบริหารบ้านเมือง หนังสือ วิปัสสนาทีปนี ของพระพรหมโมลี(วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙) ท่านได้รจนาไว้ถึงลักษณะของกษัตริย์ผู้ไร้ทศพิธราชธรรมว่า ต้องประสบกับความวิบัติสูญสิ้นอำนาจวาสนา ในเรื่อง พระมันธาตุราชบรมจักรพรรดิ โดยผู้เขียนได้นำมาคัดย่อเรื่องและคงไว้ซึ่งความไพเราะของภาษาไทยแบบดั้งเดิมมีความดังต่อไปนี้
ในอดีตกาลนานมาแล้ว ยังมีสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิพระองค์หนึ่ง เสด็จมาอุบัติในโลก ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้ามันธาตุราชบรมจักรพรรดิ พระองค์ทรงมีบุญญาภิหารมาก เสด็จไปยังทวีปต่างๆ ได้โดยนภากาศ ด้วยอำนาจจักรแก้วอันเป็นจักรพรรดิสมบัติของท้าวเธอ คราวหนึ่งได้เสด็จไปในทวีปทั้ง ๓ คือ อุตตรกุรุทวีป ปุพพวิเทหทวีป และอมรโคยานทวีป หมู่มนุษย์ทั้ง ๓ ทวีปนั้น ครั้นได้ทราบว่าชมพูทวีปอันเป็นที่อยู่แห่งสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิผู้มาเยือน เป็นทวีปที่มีความสนุกสนานยิ่งนัก เป็นอุดมมงคลภูมิสถาน คือเป็นที่ทรงอุบัติเกิดขึ้นแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันตสาวกของพระพุทธเจ้า และสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิ ก็มีความปรารถนาใคร่จะมาเห็นชมพูทวีปนี้ จึงได้พร้อมใจกัน ติดตามพระบรมจักรพรรดิมาโดยนภากาศ ด้วยอำนาจจักรรัตนะของพระองค์ จนกระทั่งถึงชมพูทวีปแล้ว ก็ถูกจัดให้พักอยู่ตามอัธยาศัยในสถานที่ต่างๆ ได้รับความสะดวกสบายทุกประการ โดยยังไม่ได้กำหนดวันกลับทวีปอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของตน
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 10:56 pm
พระเจ้ามันธาตุบรมจักรพรรดินี้ ท้าวเธอเกิดเป็นมนุษย์สมัยมหัศจรรย์ เพราะทรงมากไปด้วยกฤดาภินิหาร ทรงชอบท่องเที่ยวทัศนาจร เมื่อทรงจัดที่พักให้แก่มนุษย์ผู้ติดตามมาจากทวีปทั้ง ๓ แล้ว ก็ทรงทราบข่าวว่า สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา อันเป็นที่อยู่ของเหล่าเทพยดาทั้งหลาย เป็นที่น่ารื่นรมย์ใจ น่าท่องเที่ยวมากกว่าสถานที่ต่างๆ ด้วยพระทัยรักในการท่องเที่ยว พระองค์จึงเสด็จไปยังสรวงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาทันใด
คราที่นั้นท้าวมหาราชทั้ง ๔ ซึ่งเป็นองค์อธิบดีผู้เป็น ใหญ่ในจาตุมหาราชิกาสวรรค์ จึงพากันมาต้อนรับสมเด็จพระบรมจักรพรรดิ แล้วทรงนำไปชมสวรรค์สมบัติในที่ทั้งมวล มิหนำซ้ำกลับทรงชักชวนให้เสวยเทวสมบัติบนสวรรค์นั้นเสียอีก ซึ่งพระองค์ก็มิได้ทรงปฏิเสธ เพราะสมบัตินั้นเป็นสมบัติอันน่าภิรมย์ชมชื่นมากกว่าสมบัติอื่นใดในโลกมนุษย์อย่างเหลือเกิน เป็นที่พอพระราชหฤทัยยิ่งนัก พระองค์ทรงหลงใหลใฝ่ครองเทวสมบัตินั้น จนทรงมีพระทัยฟั่นเฟือนหลงลืมพระนครของตนในชมพูทวีปนี้อยู่นานหนักหนา แล้วชักจะทรงมีพระทัยเบื่อระอาในเทวสมบัตินั้นขึ้น จึงกล่าว อำลาท้าวมหาราชทั้ง ๔ และทรงถามว่า ยังมีสถานที่ที่รื่นรมย์ยิ่งกว่านี้ที่ไหนอีกบ้าง? ท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ จึงตอบว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงบุญญฤทธิ์!..สถานที่อันดีเลิศน่ารื่นรมย์ที่ไหนเล่า จักเท่าสรวงสวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์ ก็เทวโลก ชั้นไตรตรึงษ์นั้นงดงามวิจิตรพิสดารเป็นหนักหนา มีรมณีย-สถานที่เที่ยวหลายแห่งประเสริฐกว่าสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาของพวกข้าพเจ้าเป็นอันมาก
ครั้นเมื่อสดับเช่นนั้น ก็ทรง กล่าวอำลามอบเทวสมบัติคืนให้แก่ท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ แล้วก็ทรงจรลีเหาะขึ้นไปด้วยจักรรัตนะ บ่ายพระพักตร์ไปยังสวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์ เมื่อเสด็จไปถึงเทพนคร ขณะนั้นความก็ทราบถึงสมเด็จพระอมรินทรเทวาธิราช ผู้ทรงเป็นอธิบดีอยู่ใน สรวงสวรรค์ชั้นนั้น พระองค์ก็เสด็จออกมาต้อนรับเชิญชวนพระบรมจักรพรรดิให้เสด็จไปเที่ยวชมทิพยสมบัติอันวิจิตรโอฬารต่างๆ แล้วก็ถวายสมบัติให้ครอบครองกึ่งหนึ่ง ซึ่งพอพระเจ้ามันธาตุราชทรงรับทิพยสมบัติ พระสรีระร่างของพระองค์ก็กลับกลายเป็น เทพบุตรสุดโสภา ทรงมีรูปร่างหน้าตาเหมือนองค์สมเด็จพระสหัสเนตรอมรเทเวศร์ผู้ทรงฤทธิ์ไม่ผิดเพี้ยน เว้นแต่ทรง มีอาการกะพริบเนตรเท่านั้น ครั้นพระองค์กลายเป็นเทพบุตร ได้ครอบครองทิพยสมบัติบนสรวงสวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์ไปเช่นนั้น ปรินายกรตนะ(ขุนพลแก้ว)ของพระองค์ก็พาเอาจักรรัตนะกลับมายังโลกมนุษย์ในชมพูทวีปตามเดิม
เมื่อพระองค์ครองทิพยสมบัติสิ้นกาลช้านาน มีเทพบริวารคอยรับใช้ มิให้ทรงอนาทรร้อนใจแต่ประการใดเลย ถึงกระนั้นกามตัณหาความทะยานอยากในเบญจกามารมณ์ อันหมักหมมอยู่ในจิตก็แผลงฤทธิ์ให้พระองค์ทรงคิดไปในทางอกุศลว่า
การที่เราได้เสวยทิพยสมบัติแต่เพียงกึ่งหนึ่งในเทพนครนี้ ยังไม่สมควรแก่บุญบารมีของเรา อย่ากระนั้นเลย เราจักฆ่าท้าวสักกเทวาธิราชให้ตายเสีย แล้วเป็นเทพยเจ้าครอบครองเทวสมบัติบนสวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์นี้แต่เพียงผู้เดียว ดีกว่า
ก็เทวศักดิ์ตำแหน่งสมเด็จพระอมรินทราธิราช ซึ่งเป็นอธิบดีเทพยเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ในสวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์นี้ เป็นตำแหน่งของผู้มีบุญวาสนาเหมาะสมเท่านั้น จึงมีโอกาสอุบัติครอบครองได้ และเมื่อผู้มีบุญอันตนได้สร้างเอาไว้ผู้ใดมาครองตำแหน่งนี้ไซร้ ย่อมจะดำรงมั่นไปจนกว่าจะหมดผลวิบากแห่งบุญกุศลที่ตนสร้างเอาไว้ จึงจะจุติไปเกิดในภูมิอื่นตามยถากรรม แต่ในระหว่างที่ยังไม่หมด บุญนี้ ท่านที่ดำรงตำแหน่งเป็นสมเด็จพระอมรินทราธิราช ย่อมจะทรงเสวยเทวสมบัติอันประเสริฐได้อย่างปลอดภัย ได้รับความสุขสำราญ ใครจะมาคิดปฏิวัติทำสงครามสัมประหาร แย่งชิงเอาตำแหน่งไปครองเหมือนอย่างกระทำกันในมนุษยโลกนี้ไม่ได้ เพราะเป็นตำแหน่งเกี่ยวกับบุญกุศลของแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ ฉะนั้นสมเด็จพระอมรินทราธิราชจึงไม่มีเทพยดาองค์ไหนบังอาจคิดฆ่า ถึงจะฆ่าก็หาทรงตายไม่ หากว่าพระองค์ยังไม่หมดบุญ! แต่ถ้าทรงหมดบุญแล้ว ถึงแม้ไม่มีใครคิดฆ่าก็ต้องทรงจุติตายไปตาม ยถากรรมธรรมดาของเทวโลกเป็นอยู่อย่างนี้
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2005, 10:57 pm
แต่ที่สมเด็จพระเจ้ามันธาตุราชบรมจักรพรรดิผู้ทรงฤทธิ์ ทรงเผลอจิตคิดไปเช่นนั้น ก็เพราะกามตัณหาบันดาลพาให้หลงผิด ฤทธิ์กามตัณหาความทะยานอยากในเบญจพิธกามารมณ์นี้ ย่อมทำให้ประชาสัตว์ได้รับความวิบัติวุ่นวายนานาประการ ดังนั้น เมื่อองค์พระบรมจักรพรรดิทรง เกิดอกุศลจิตคิดฆ่าสมเด็จพระอมรินทราธิราชผู้มีพระคุณด้วยอำนาจกามตัณหาแล้ว ก็ย่อมทรงไม่แคล้วจากความวิบัติ นั่นคือ อายุสังขารอันยืนนานของพระองค์จำนวนอสงไขยหนึ่งได้ถึงซึ่งความเสื่อมลงในปัจจุบันทันด่วน ขณะที่ทรงคิดอกุศลจิตนั่นเอง พระองค์ได้ทรงกลับกลายร่างจากเทพบุตรสุดโสภาเป็นชายชราภาพแก่หง่อมนักหนา จวนที่จะถึงแก่มรณาอยู่เต็มที่ ก็ธรรมดาว่าสรีระร่างแห่งมนุษย์ย่อมไม่สิ้นสุด ตายลงในสรวงสวรรค์ ซึ่งก่อให้เกิดทุคันธชาติกลิ่นเหม็นแก่เทวดาทั้งปวง ฉะนั้นสมเด็จพระบรมจักรพรรดิผู้ชราภาพ จึงต้องทรงวาบหวามลอยละลิ่วลงจากไตรตรึงษ์สวรรค์ บังเอิญตกลงตรงพระราชอุทยานในพระนครของพระองค์พอดี แต่ว่ายังไม่ทรงถึงแก่ชีพิตักษัย ขณะนั้นนายอุทยานผ่านมาพบเข้าและจำองค์ขัตติยบดีจอมเจ้าแห่งตนได้ จึงได้รีบจัดแจงให้พระองค์บรรทมเหนือพระแท่นที่ในพระราชอุทยาน นั่นเอง แล้วรีบเข้าไปในพระราชวังแจ้งความแก่อำมาตย์ผู้ใหญ่ อำมาตย์ทั้งหลายได้ทราบความแล้ว ก็ดีใจ รีบพากันเข้าไปเฝ้าเจ้าเหนือหัวแห่งตน ซึ่งใกล้จะสิ้นพระชนม์เต็มที แล้วก็มีวาจากราบบังคมทูลด้วยใจภักดีว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ! บัดนี้มีภารกิจ สิ่งใดบ้าง ที่ปวงข้าพระบาทจักรับใช้ สนองพระเดชพระคุณแห่งพระองค์ ขอจงได้ทรงพระกรุณารับสั่งมาเถิดพระเจ้าข้า
อย่างเดียวเท่านั้น พระราชาผู้ใกล้สวรรคตตรัสขึ้น อย่างลำบากยากเย็น คือว่าเจ้าทั้งหลายจงโฆษณาประกาศไปให้ทั่วทุกแห่งหนมีใจความว่า
พระเจ้ามันธาตุมหาราช ผู้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิเสวยราชสมบัติเป็นใหญ่ในมหาทวีปทั้งมนุษยโลกนี้แล้ว ยังได้มีโอกาสขึ้นไปเสวยเทวสมบัติ เป็นใหญ่ในเทวโลกชั้น จาตุมหาราชิกาอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แล้วยังได้มีโอกาสขึ้นไป เสวยเทวสมบัติกึ่งหนึ่ง เป็นใหญ่ในสรวงสวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์ ถึงกระนั้นก็ยังไม่ทรงสามารถที่จะยังตัณหานทีแม่น้ำคือตัณหาอันมีอยู่ในสันดานให้เต็มได้ มีพระทัยเป็นอกุศลคิดจะปล้นเทวสมบัติแห่งสมเด็จท้าวอมรินทราธิราชผู้มีพระคุณ จึงต้องสิ้นบุญตกลงมาถึงแก่ชีพิตักษัยในพระราชอุทยานนี้ นี่แหละเจ้าทั้งหลาย! เป็นคำขอครั้งสุดท้ายของข้า พวกเจ้าอย่าลืมเป็นอันขาด
สมเด็จพระเจ้ามันธาตุบรมกษัตริย์ ครั้นดำรัสสั่งเป็น ครั้งสุดท้ายดังนี้แล้ว ก็ทรงถึงแก่ชีพิตักษัยทิ้งความอาลัย วิปโยคโศกสลดอันปรากฏในดวงใจแห่งอำมาตย์ราชบริพารของพระองค์ไว้เบื้องหลัง
กามตัณหาในอคติสี่อันได้แก่ ความรัก โลภ โกรธ หลง ล้วนเป็นที่มาแห่งความวิบัติฉิบหายสิ้น แม้เรื่องราวของ กรุงศรีอยุธยาจะผ่านมากว่า ๒๐๐ ปีแล้วก็ตาม แต่ประวัติศาสตร์ในช่วงนั้นจารึกไว้ด้วยความขมขื่นของประชาชนชาวไทยถ้วนหน้า ผู้เขียนหวังว่าข้อเขียนนี้จักเป็นอุทาหรณ์แก่อนุชนรุ่นหลังให้รู้จักรักสามัคคีแลรู้จักการตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมจริยธรรมอันดีงาม มีหลักคิดแห่งชีวิตด้วยพระธรรม คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมา-สัมพุทธเจ้า เพื่ออนาคตในวันหน้าจักได้ไม่เกิดความวิบัติสูญสิ้นแผ่นดิน ที่อยู่อาศัย เป็นทาสเศรษฐกิจแก่คนต่างชาติเหมือนประวัติศาสตร์ชาติไทยในกาลก่อน ที่พม่าเผาทำลายกรุงไม่เว้นแม้นกระทั่งพระพุทธรูปและวัดวาอาราม เหมือนบทประพันธ์ของ สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ในรัชกาลที่ ๑ ว่า
...คิดว่าก็เป็นอนิจจัง
ด้วยกรุงเป็นที่ตั้งพระศาสนา
ทั้งอารามเจดีย์ที่บูชา
ปฏิมาฉลององค์พระทรงญาณ
ก็ทลายยับยุ่ยเป็นผุยผง
เหมือนพระองค์เสด็จดับสังขาร
ยังไม่สิ้นศาสนามาอันตรธาน
ทั้งเจดีย์วิหารก็สูญไป...
รักนะ...เด็กโง่
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 21 พ.ย.2005, 8:48 pm
นิดหน่อย
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2005, 1:03 pm
suvitjak
บัวบาน
เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen
ตอบเมื่อ: 09 มิ.ย.2008, 4:10 pm
เป็นบทความที่ดีครับ
_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นิทาน-การ์ตูน
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th