Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ทำสมาธิแล้วเกิดความรู้สึกกลัว อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
สุกี้ยากี้
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 13 มี.ค. 2007
ตอบ: 14

ตอบตอบเมื่อ: 03 เม.ย.2007, 2:13 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออนุญาต ขอข้อเสนอแนะจากผู้รู้ทั้งหลาย ว่าในขณะที่นั่งสมาธิไปได้สักระยะหนึ่งเกิดความรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครเอามีดมากรีดที่คอหอย จนทำให้นั่งไม่ได้ สอบถามจากหลายคนบอกว่าเป็นเพราะเจ้ากรรมนายเวร ได้กรวดน้ำ เเผ่เมตตาให้ประจำ อาการที่ว่าก็ยังไม่หาย ใจสงบ นิ่ง แต่นั่งสมาธิไม่ได้เลย ควรทำอย่างไรดีค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
จิตงาม
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 06 มี.ค. 2007
ตอบ: 86

ตอบตอบเมื่อ: 03 เม.ย.2007, 3:54 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ซึ้ง ซึ้ง เป็นอีกคนหนึ่งเช่นกัน ที่นั่งไม่ได้นานเพราะจิตเกิดอาการกลัว พอใจเริ่มนิ่งๆเป็นต้องลุกหนีทุกที กลัวเห็น อะไรที่มันทำให้ตกใจ
ผีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เจ๋ง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ลมไหวไผ่เซ
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 29 มี.ค. 2007
ตอบ: 10

ตอบตอบเมื่อ: 03 เม.ย.2007, 8:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตกใจ อึ๋ย..... อ่านแล้วรู้สึกสยองขวัญตามไปด้วยครับ

การทำสมาธิไม่ว่าท่าใดก็ตามต้องกระทำด้วย จิตสงบ ครับถึงจะเกิดผลดีกับผู้ปฏิบัติ

แนะนำให้สำรวจจิตของตนเองก่อนครับว่าเป็นคนที่หนักไปทาง จริตไหนใน 6 จริต จากนั้นก็หาวิธีฝึกกรรมฐานให้เหมาะกับจริตใหญ่ของตน

สาธุ ฝึกกรรมฐานแล้ว อ่านหนังสือสนุกดีครับ ชอบมาก
 

_________________
หนังสือคือเพื่อนแท้ที่ดีสุด สุด
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 03 เม.ย.2007, 8:02 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

-ดังจขกท.เล่าความมา เป็นอารมณ์หนึ่ง ความคิดขณะหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรดอก แต่เราไปยึดไว้ มันจึงเกิดๆดับๆ (เป็นๆ หาย ๆ)

-ทำกรรมฐาน หรือ ทำสมาธิ หรือจะเรียกว่า เจริญสติ หรือ จะเรียกว่าทำวิปัสสนา เรียกอย่างไรก็ถูกทั้งหมด

-แต่ที่สำคัญไม่ใช่นั่งเฉย ๆ หรือนั่งคิดจัดแต่งอะไรๆ ตามความเห็นตน หรือตามความรู้สึกนึกคิดของตน หรือ เอาแต่นั่งบริกรรมภาวนาแต่ลมหายใจเข้า-ออกเพียงอาการเดียว
ต้องกำหนดรู้ ดูให้ทันความคิดต่าง ๆ ด้วย ตรงนี้สำคัญ

ไม่อย่างนั้นแล้ว เกิดความคิดอะไรขึ้นมาสักอย่างหนึ่ง ก็จะยึดความคิดนั่นไว้ (อุปาทาน) ไม่ว่าดี (กุศล)
หรือไม่ดี (อกุศล)

จิตจะยึดไว้หมด
คิดดีก็อุปาทานความดี ติดดี
คิดไม่ดีก็อุปาทานไม่ดี ติดในสิ่งที่ไม่ดี
คิดเรื่องหวาดเสียวก็หวาดกลัว วิตกกังวลเป็นต้น

ดัง จขกท. นี้ ทำสมาธิภาวนาแล้ว เกิดความกลัวขึ้น แต่ไม่กำหนดรู้นามตามที่มันเป็น ตามที่มันคิด
ความคิด (กลัว)...จึงเกิดสลับไปมา

-เกิดความคิดใดขึ้น ท่านให้กำหนดจิตปักลงไปที่ความรู้สึกนั่นแหละ เพื่อตัดวงจรความคิดนั้น

แรกๆ อาจไม่หยุด (ดับ) ทันทีทันใด ทันใจจ๊อด เพราะสติและสมาธิยังน้อยอยู่
ภาวนาตามความรู้สึกนั้นแล้วปล่อย กลับไปภาวนาลมหายใจตามเดิม

ฝึกปฏิบัติใหม่ๆ ไม่พึงภาวนาจมแช่อยู่กับอารมณ์นั้นๆ ภาวนา “กลัวหนอๆ” แล้วทิ้งเลย
คิดอะไรขึ้นอีกก็ภาวนาตามนั้นอีก

ปฏิบัติแบบนี้แหละ อาการต่างๆ ดังกล่าวเป็นต้น จะค่อยๆ จางลงไปในที่สุด
เมื่อสติสมาธิสูงขึ้น แค่บริกรรมกลัวหนอๆ ความคิดนี้จะดับไปทันที ตามธรรมดาของมัน

หลักการเจริญสติปัฏฐานพึงเจริญให้ครบทั้งกายและใจ คือ
1 กายานุปัสสนา (ตามดูรู้ทันกาย)
2 เวทนานุปัสสนา (ตามดูรู้ทันเวทนา)
3 จิตตานุปัสสนา (ตามดูรู้ทันความคิด)
4 ธรรมานุปัสสนา (ตามดูรู้ทันธรรมคือนิวรณ์)
(ย่อๆ กายกับใจ)

กายก็คือภาวนาลมหายใจเข้า- ออก
ใจก็ คือบริกรรมภาวนาความรู้สึกนึกคิดทุกๆ อย่าง
ทำบ่อยๆ ทำมากๆ ทำให้ติดต่อต่อเนื่อง จึงจะได้ผล จึงจะเห็นผล

หลักปฏิบัติกรรมฐานโดยรวมก็เท่านี้
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 04 เม.ย.2007, 7:58 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยามปกติไม่ได้ทำสมาธิกรรมฐานเลย เราท่านเคยคิดนึกกลัวกันบ้างไหม กลัวสิ่งนั้นสิ่งนี้ บ้างก็กลัวผีเป็นต้น
ตอบว่าเคยด้วยกันทั้งนั้น
แล้วแก้ด้วยวิธีใดกันล่ะ
...บ้างก็แก้ด้วยการไม่อยู่คนเดียว ไปไหนยามค่ำคืนก็มีเพื่อนร่วมทางเป็นต้น

แต่เจ้าของกระทู้นี้กลัวขณะทำสมาธิอยู่ผู้เดียว เลยไม่มีทางออกไม่มีทางแก้
นั่นก็เพราะกิเลสมารมันกลัวเราจะหนีไปจากมัน จึงหาวิธีไม่ให้เราทำกรรมฐานทำสมาธิ ...
มีผู้แนะนำวิธีไว้ดีแล้ว เอาชนะกิเลสมารด้วยวิธีการนั้นเถิด
 
ภูเขาน้ำ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 04 เม.ย.2007, 8:51 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ คุณสกี้ยากี้

ขณะนั่งสมาธิ แล้วเกิดความรู้สึกแบบนี้อีก ให้ ตั้งอธิฐานจิต แผ่เมตตาให้เขา แล้วให้สัจจะ ว่าจะไม่ทำอีก(หมายถึงกรรมชั่ว) แล้วอาการจะค่อยๆ หายไปเอง

อายหน้าแดง ปล. อ. เราเคยแนะนำเราแบบนี้อะนะ ไม่รู้จะได้ผลกับคุณหรือป่าว
สาธุ สาธุ สาธุ
 
chidsanucha
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 23 ม.ค. 2007
ตอบ: 6

ตอบตอบเมื่อ: 05 เม.ย.2007, 4:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เหตุการที่เกิดขึ้น คล้ายผมครับ แต่ของผมเป็นเรื่องของตะขาบ ที่เข้ามาในห้องผม ตัวใหญ่มากครับ แต่ผมก็ฆ่ามันเนื่องจากกลัวมันจะทำอันตรายคนในบ้านและตัวผมด้วย หลังจากนั้นผมก็สวดมนต์และนั้งสมาธิ อุทิศ ส่วนบุญให้กับ ตะขาบตัวนั้นครับ ในขณะที่นั้นสมาธิครับ ตะขาบตัวที่ผมฆ่าครับ มันเข้ามาหาผม ตัวใหญ่และยาวมากกว่าเก่าเป็นเมตรๆเลยมาพันตามตัวผม และเข้าปากออกจมูกผมครับ นั้งที่ไรมาทุกทีครับ พอผมเห็นผมก็อุทิศกุศลทุกครั้งครับ จนตะขาบตัวนั้นเหลือตัวเล็กลงครับ จนเขาหายไปครับ และก็ไม่มาอีกจากนั้น และทุกวันนี้ครับ

วิธีของผมคือ
ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งครับ เมื่อเกิดอะไรขึ้นในขณะนั้งสมาธิ ก็คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเพียงสิ่งที่จิตปรุงแต่ง เป็นอนิจจัง เป็นทุกขัง และอนัตตาครับ และก็อุทิศส่วนกุศลไปทุกครั้งที่เผชิญกับเหตุการที่เกิดขึ้นครับ และทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดีขึ้นเรื่อยๆครับ อันนี้ผมผ่านมาแล้วครับและได้ผมมากครับ สำคัญอย่าให้ความกลัวเข้ามาครอบงำเรา เพราะ ความกลัวก็เป็นตันหาอย่างหนึ่ง มันไม่เที่ยงครับ เดี่ยวมันก็สลายตัวไป ไม่มีอะไรเที่ยงครับแม้แต่ความคิดของเราเองครับ ปล่อยวางครับแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง และที่มันเที่ยงก็เพราะเราคิดว่ามันเป็นจริงครับ ที่จริงแล้ว มันเป็นเพียงความรู้สึกจากใจเราเอง และทำลายมันได้ด้วยคาวมเป็นจริงครับ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นั้นคือ ทุกอย่างไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และ สลายตัวไปในที่สุดครับ

ขอให้ผ่านพ้นไปด้วยดีนะครับ
ชิษณุชา สู้ สู้ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
scoutt
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 05 เม.ย.2007, 9:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การนั่งสมาธิของคุณ ได้กำหนดความคิดหรือไม่ ถ้ากำหนด ทั้งลมหายใจ ความคิด ความรู้สึกด้วย
ก็เป็น สติปัฎฐาน เมื่อทำสติปัฎฐานซึ่งเป็นวิปัสสนา ก็อาจเกิดญาณ ขึ้นได้ อารมณ์วิปัสสนา เกิดความกลัวก็เป็นญาณหนึ่ง
 
สุกี้ยากี้
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 13 มี.ค. 2007
ตอบ: 14

ตอบตอบเมื่อ: 09 เม.ย.2007, 3:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบคุณสำหรับทุกข้อเสนอแนะ ตอนนี้ดิฉันไม่มีความกลัวในการทำสมาธิแล้วค่ะ หลังจากที่ตัดอัตตาของตัวเองได้ ความรู้สึกนึกคิดทุกอย่างจิตเราไปปรุงแต่งมันขึ้นมาทั้งนั้น ไม่คิด ไม่ปรุงไม่แต่ง ก็ไม่เกิดความกำหนัดความกลัววิตกกังวล ขอบคุณมากค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ภูเขาน้ำ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 09 เม.ย.2007, 4:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ
 
อากง
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 18 มี.ค. 2007
ตอบ: 41
ที่อยู่ (จังหวัด): สตูล

ตอบตอบเมื่อ: 09 เม.ย.2007, 7:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แนะนำให้หาอาจารย์ผู้รู้ทางด้านการทำสมาธิครับ ท่านเหล่านั้นต้องมีคำแนะนำที่ดีให้ได้แน่นอนครับ สาธุ
 

_________________
ทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ สติ ปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 09 เม.ย.2007, 10:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตอนนี้ดิฉันไม่มีความกลัวในการทำสมาธิแล้วค่ะ หลังจากที่ตัดอัตตาของตัวเองได้ ความรู้สึกนึกคิดทุกอย่างจิตเราไปปรุงแต่งมันขึ้นมาทั้งนั้น ไม่คิด ไม่ปรุงไม่แต่ง ก็ไม่เกิดความกำหนัด ความกลัววิตกกังวล

ถูกต้อง...
-ความสุข ความทุกข์ เฉยๆ ความวิตกกังวล ความกลัว ไม่กลัว....
-อะไร ต่ออะไรอีกเยอะแยะ จาระไนไม่หมดสิ้น เกิดจากความคิดแต่ละขณะๆ

-ที่ท่านให้กำหนดรู้ดูปัจจุบันอารมณ์ ทุกๆ ขณะ ก็เพื่อให้โยคีได้เห็นความเปลี่ยนแปลง ของสิ่งเหล่านั้น
เดี๋ยวมันเกิดมันหาย (ดับ) ไม่จีรัง ดังความกลัวที่เกิดและหายไปดับไปที่ถามมาตอนต้นนั้นแหละ

-ตอนนี้เรารู้ทันความกลัวแล้ว
ต่อไปก็ให้รู้ทันอย่างอื่นอีก และพึงระวังจะตกเป็นทาสของอารมณ์ความคิดอย่างอื่นอีก

แม้แต่อารมณ์ความรู้สึก ที่ไม่ต้องการให้เป็นสมถะ
ต้องการให้เป็นวิปัสสนา
นั่นก็เป็นอีกหนึ่งที่นักปฏิบัติตกเป็นทาสมัน คิดไปคิดมา ดิ้นรนจะให้พ้นสมถะ
ตะเกียกตะกายจะให้เป็นวิปัสสนา พลิกไปพลิกมา เล่นกับความคิดอยู่ทั้งกะปี

ลองดูลิงค์นี้

http://larndham.net/index.php?showtopic=25607&st=3
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
z
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 23 ต.ค. 2007
ตอบ: 46
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 04 พ.ย.2007, 3:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

...,ใช้ มรณานุสสติกรรมฐาน....
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
1เอง
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 29 ต.ค. 2007
ตอบ: 43
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 05 พ.ย.2007, 8:34 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ก่อนอื่นก็สาธุกับคุณสุกี้ด้วยนะครับที่ตัดอัตตาลงได้เลยทำให้ไม่กลัว
ซึ่งความกลัวย่อมเกิดขึ้ได้กลับผู้ที่ฝึกใหม่ๆเป็นส่วนมากครับ
อยากเพิ่มเติมให้ใช้สติให้มากๆครับ และถ้ามีคำบริกรรมเข้ามาด้วยก็จะยิ่งดีครับ
โดยให้มีสติติดกับคำบริกรรม และให้คำบริกรรมติดแนบไปกับใจเราในขณะที่ทำสมาธิ
คำบริกรรมจะใช้คำใดก็ได้ที่คุณสุกี้ถนัดและบริกรรมภาวนาไม่ติดขัด โดยภาวนาต่อเนื่องกันไป
และเมื่อสติติดกับคำภาวนา และคำภาวนาติดกับใจได้แล้วเมื่อนั้นใจก็จะเป็นสมาธิเอง
โดยที่ใจมีที่ยึดเกาะก็คือคำภาวนานั้น ใจก็จะไม่ส่ายแส่ออกไปทางไหนๆ
ที่เป้นเหตุทำให้เราเห็นอะไรๆหรือทำให้เรารู้สึกกลัวขึ้นมาได้ครับ
เจริญในธรรมยิ่งๆครับคุณสุกี้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
โฆสะโก
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 18 มี.ค. 2008
ตอบ: 4
ที่อยู่ (จังหวัด): สุราษฎร์ธานี

ตอบตอบเมื่อ: 21 มี.ค.2008, 12:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตอนสมัยผมบวชเป็นพระผมชอบนั่งสมาธิมาก และนั่งง่ายมากๆเพราะเราเป็นพระ จิตใจเราไม่ฟุ่งซ่าน อยู่ในการสำรวมกาย วาจา ใจ ถือศิลเคร่งครัดจิตเราเลยไม่นึกกลัวอะรัย กระผมคิดว่าการนั่งสมาธิต้องมีการฝึกให้บ่อยๆเข้าไว้แล้วจะดีครับ เมื่อจิตสงบ อารมณ์เยือกเย็น แสงสว่างก้อเกิดขึ้นอารมณ์เราก้อได้รู้สึกว่าสงบสุขสบายแล้วอยากจะอยู่ตรงนั้นให้นานๆเท่าที่อยู่ได้ แล้วปัญญาเราก้อเกิดขึ้นเองแม้ว่าจะคิดอะรัยก้อคิดได้อย่างละเอียดมาก นี้แหละเค้าเรียกว่า ศิล สมาธิ ปัญญา ทุกอย่างนี้ผมได้เรียนรู้กับตัวกระผมเองครับ ถ้าถามผมว่าผีมีจิงป่าวผมตอบได้เลยครับว่า....มีจิงคับ ผีหรือวิญญาญเป็นตัวเดียวกัน แต่ถ้าเราสวดมนเพวนานั่งสมาธิเค้าไม่มารบกวนเราหลอก ถ้าเค้ามารบกวนเราเค้าก้อมีบาปติดตัวเค้าไปอีกผีเค้าจะกลัวบาปมากๆ เค้าอยากได้สว่นบุญส่วนกุศลเรามากกว่า เพราะเค้าตายไปแล้วเค้าทำบุญไม่ได้แล้ว แต่เราสิยังไม่ตายก้อทำบุญกันใว้เยอะนะคับสักวันหนึ่งบุญนั้นจะได้ช่วยเราแน่นอนครับ นี้คือความคิดของกระผมครับ ทุกวันนี้ก้อทำอยู่นะครับ ธรรมจักร
 

_________________
จริงอยู่ที่ละ พระอยู่ที่จริง นิพานอยู่ที่สงบ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง