Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
พุทธศาสนาในมุมมองของ...แม่ชีฝรั่ง (แม่ชีบริจิต)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นานาสาระ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623
ตอบเมื่อ: 25 พ.ย.2006, 12:51 pm
พุทธศาสนา
ในมุมมองของ...แม่ชีฝรั่ง
“ศาสนาพุทธในสายตาของฉันนั้น ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ศาสนา แต่ยังเป็นปรัชญาชีวิต เราไม่จำเป็นที่จะต้องเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ชีวิตของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าดลบันดาลให้เป็นไป แต่ชีวิตเป็นของเรา เราสามารถที่จะมีชีวิตที่ดีได้ หรือไม่ดีก็ได้ อยู่ที่การทำตัวของเราเอง เราเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งของตัวเรา” และนี่เป็นมุมมองเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาของ “แม่ชีบริจิต สล็อตเทนเบเชอร์” แม่ชีชาวออสเตรเลีย
หลักธรรมของพระพุทธศาสนาอย่างหนึ่งที่แม่ชีบริจิต บอกว่า แตกต่างจากหลักธรรมของศาสนาอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง คือ
พระพุทธเจ้าไม่เคยทรงตรัสว่าให้เชื่อ แต่ท่านสอนให้เราหาความจริงด้วยการปฏิบัติเอง พิสูจน์ทดสอบธรรมะที่ท่านตรัสไว้ ด้วยการปฏิบัติให้รู้จริงด้วยตัวเอง คำนี้เองที่ทำให้ฉันสนใจพุทธศาสนา ที่ฉันไม่ต้องทำตัวเหมือนเป็นลูกแกะที่เอาแต่เดินตามคนเลี้ยง
อย่างไรก็ตาม จากการแสวงหาความรู้เรื่องพุทธศาสนาหลายๆ สำนัก ทำให้เธอค้นพบว่า แม้ว่าผู้สอนพุทธศาสนาจะเคร่งในวัตรปฏิบัติ และถ่ายทอดความรู้เรื่องพุทธศาสนาได้ดีเพียงใด แต่ทุกคนก็ยังคงต้องปฏิบัติด้วยตนเอง ไม่มีใครมาทำแทนให้ได้ เราควรดีใจที่วันนี้ยังมีครูบาอาจารย์ที่พอจะมีความรู้จากประสบการณ์มาถ่ายทอดให้ด้วยตัวเอง สอนในวิถีทางที่ถูกต้อง ซึ่งสำคัญมาก เราไม่สามารถเข้าใจได้ ถ้าเราฟังธรรมะแต่เพียงอย่างเดียว เราจะได้ความรู้จากการอ่าน แต่ถ้าเราต้องการจะรู้จริงให้ลึกซึ้งต้องปฏิบัติด้วยตนเอง เป็นทางเดียวที่จะรู้ได้ บางครั้งมีคนมาถามเกี่ยวกับพระเจ้าว่า พระเจ้ามีจริงหรือไม่
“แม้ว่าพระเจ้ามีจริง แต่ฉันเชื่อในแนวทางที่พระพุทธเจ้าสอน พระพุทธเจ้ารู้ทุกอย่างในโลกนี้ รู้ทั้งจักรวาล พระองค์ยังคงรู้เรื่องพระเจ้าด้วย และท่านยังคงรู้ว่าใครสร้างเรา นั่นก็คือตัวเราสร้างตัวเราเอง มีทุกข์และการดับทุกข์อยู่ที่ใจเรานี้เอง ไม่มีใครมาลงโทษเรา เว้นตัวเราเองที่จะได้รับผลแห่งการกระทำของเรา ไม่มีใครให้รางวัลเราโดยที่เราไม่ได้ทำความดีอะไร ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว นั่นคือสิ่งทั้งหมดที่เป็นไป ไม่มีพระเจ้าสร้าง เราสร้างทุกอย่างเอง ความกลัวในการทำบาป ความละอายต่อบาปจะเกิดขึ้นในใจ ไม่ใช่กลัวว่าพระเจ้าจะลงโทษ”
นี่คือสิ่งที่แม่ชีฝรั่งเชื่อว่า คนเราจะพบความสุขหรือพ้นความทุกข์ได้ต้องเกิดจากการกระทำของตัวเราเอง
อย่างไรก็ตาม เธอได้เล่าประวัติย้อนหลังให้ฟังว่า เป็นชาวออสเตรเลีย เกิดเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๕ ช่วงที่ยังเป็นเด็กจะชอบฟังเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าและพระเยซู โดยขณะนั้นมีความรู้สึกว่าต้องการจะเป็นคนดี แต่เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นประมาณอายุ ๑๒ ปี ก็ลืมความตั้งใจในวัยเด็ก ทำตัวเหมือนวัยรุ่นทั่วๆ ไปที่ต้องการแต่ความสนุกสนาน
จนกระทั่งอายุ ๒๐ ปี จึงได้พบกับริชาร์ด และได้แต่งงาน มีลูก ๒ คน ลูกคนแรกเป็นผู้หญิง คนที่สองเป็นผู้ชาย การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างมีความสุขเหมือนครอบครัวอื่นๆ แต่มีเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตของต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมถึง ๒ ครั้ง คือ
ครั้งแรก เกิดขึ้นหลังคลอดลูกชาย มีความรู้สึกกลัวตายขึ้นมาอย่างมาก กลัวว่าสามีและลูกๆ จะตาย มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก และมักจะเกิดขึ้นช่วงเวลาเย็นของทุกๆ วัน เป็นอยู่อย่างนี้ประมาณ ๑ เดือน แล้วก็หายไป
ครั้งที่สอง เกิดขึ้นหลังจากที่ลูกชายอายุได้ ๘ เดือน เมื่อแม่สามีได้เสียชีวิตลง อาการกลัวความตายก็เกิดขึ้นมาอีก ซึ่งดูเหมือนว่าไม่มีใครสามารถหยุดยั้งความตายได้ ไม่มีใครสามารถช่วยให้รอดได้ ความรู้สึกกลัวการตายนี่เองที่ทำให้ไม่สบายใจ แอนเดรียที่เป็นเพื่อนสนิทได้ชวนไปฝึกโยคะ ทำให้ได้พบกับประสบการณ์ในการทำสมาธิ เกิดความสนใจกับเรื่องการฝึกจิตขึ้นมา
แม่ชีบริจิต เล่าต่อว่า เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๓๒ ได้เดินทางมาฝึกสมาธิครั้งแรกที่ประเทศไทย เป็นเวลา ๒ เดือน ซึ่งได้ปฏิบัติอย่างจริงจัง ปฏิบัติด้วยการกำหนดจิตสู่การกระทำทุกๆ อย่าง ไม่ยึดติด ไม่มีตัวตนและจิต สิ่งนี้เองที่เปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง หลังจากนั้นได้กลับไปประเทศออสเตรเลีย แต่กลับรู้สึกว่าชีวิตที่นั่นมันก็ดูเหมือนเดิมน่าเบื่อ ไร้สาระ ไม่มีอะไร หลังจากนั้นอีก ๒ เดือน จึงได้เดินทางกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง เพื่อปฏิบัติสมาธิ และครั้งนี้เองได้ขออนุญาตอาจารย์นำสามีและลูกๆ มาอยู่ด้วย
จากนั้นได้เดินทางกลับไปออสเตรเลียอีกครั้ง เพื่อเตรียมเก็บของเล่นและลูก พร้อมด้วยเงินอีกจำนวนหนึ่ง และได้ทิ้งสามี (ริชาร์ด) ไว้ที่นั่น การกลับมาเมืองไทย ครั้งนี้ได้ตัดสินใจบวชเป็นแม่ชี สามีมารับลูกกลับไปดูแล ตั้งแต่นั้นมาก็ได้ตั้งใจหมั่นปฏิบัติรักษาศีลอย่างเต็มความสามารถ ตามทางขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พยายามแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองร่วมกับนักปฏิบัติชาวต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
หลังจากบวชเป็นแม่ชี ก็ตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง กำหนดทุกอิริยาบถ การกิน การเดิน การนั่ง การนอน ทั้งกลางวันและกลางคืน ยิ่งคิดถึงลูกก็ยิ่งต้องปฏิบัติให้มากขึ้น ขณะนั้นมีความฟุ้งซ่านมาก ทำอย่างนี้อยู่พักหนึ่ง ก็ไปถาม
อาจารย์ทวี
ว่าทำอย่างไรก็ไม่หายคิดถึงลูก
อาจารย์บอกว่า ถ้าเป็นแบบนี้ลองไปกวาดถนนดีกว่า และเข้าไปช่วยทำครัวยามว่าง พร้อมกับมีโอกาสฝึกภาษาไทยตั้งแต่นั้นมา ทำอย่างนี้อยู่ประมาณ ๒ ปี
อาจารย์แนะนำให้ไปสอนพวกต่างชาติที่สนใจกับการทำกรรมฐาน ปฏิบัติทำสมาธิ ว่าการนั่ง นั่งอย่างไร การเดิน เดินอย่างไร สอนไปก็ช่วยงานในวัดไปด้วยเหมือนเดิมประมาณสัก ๒ ปี ระหว่างอยู่ที่แปดริ้ว มีเพื่อนคนไทยที่มาบวชเนกขัมมะพามากราบ
หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก ณ วัดทุ่งสามัคคีธรรม ต.หนองผักนาก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี
เมื่อเห็นก็เกิดความศรัทธาเลื่อมใสอยากมาอยู่ปฏิบัติธรรมกับท่าน แต่ก็ยังมาไม่ได้ ครูบาอาจารย์ทางนั้นมีพระคุณมาก แต่ในที่สุดได้ขออนุญาตครูบาอาจารย์ไปปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงพ่อสังวาลย์ ณ วัดทุ่งสามัคคีธรรม แล้วก็ได้ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก
คัดลอกมาจาก...
นสพ.คม ชัด ลึก คอลัมน์ พระเครื่อง คม ชัด ลึก
ฉบับวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ.2547
เรื่องและภาพ : ไตรเทพ สุทธิคุณ
แก้ไขล่าสุดโดย ก้อนดิน เมื่อ 28 มิ.ย.2007, 4:41 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง
kanalove
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 07 เม.ย. 2007
ตอบ: 35
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
ตอบเมื่อ: 06 พ.ค.2007, 10:16 am
สาธุ อนุโมทนาในบุญแห่งการเลื่อมใสอันยิ่งใหญ่ด้วยคะ
_________________
kanalovero@hotmail.com
ธรรมะสวัสดีคะ แอดเมล์ได้นะคะ
เรามักจะออนเอ็มเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์นะ
เรามีชีวิตอยู่เพื่อตาย จงตายจริงก่อนที่เราจะตายลวง
ดุสิตธานี
บัวบาน
เข้าร่วม: 21 ก.ย. 2007
ตอบ: 352
ที่อยู่ (จังหวัด): สุโขทัยธานี
ตอบเมื่อ: 28 พ.ย.2007, 5:29 pm
ถ้าจำไม่ผิด แม่ชี ท่านนี้ยังเคยเดินสวนกันอยู่ที่
วัดสังฆทาน จ.นนทบุรี
สาธุ
ผลของพระธรรม หาเหตุผลใดๆ มาอธิบายได้ไม่เพียงพอ
กับความรู้สึกที่ได้รับกลับมา
ใครทำ ใครก็ได้
ปลูกอะไร ก็ได้ผลของต้นอันนั้น
ทำดี ก็ได้ดี
ทำไม่ดี ก็ได้ผลก็ความไม่ดี
รู้อยู่แก่ตัวเราเอง บอกใครไป ก็เท่านั้น
ตัวเราความรู้สึกเรารู้อยู่แก่ใจ
สุข ทุกข์ ไม่ได้อยู่ที่คำพูด
หรือการกระทำภายนอกของเรา อยู่ที่ข้างใน
_________________
จงทำจิตให้บริสุทธิ์
ด้วยความดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น หรือแม้กระทั่ง
ตัวของเราเอง
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นานาสาระ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th