Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
แม่พระธรณี กับ ปาฏิหาริย์
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นานาสาระ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
น้ำใส
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 31 พ.ค. 2004
ตอบ: 53
ตอบเมื่อ: 25 ธ.ค.2006, 8:32 am
คุณรัตนาได้เข้าไปสัมผัสกับ
แม่พระธรณี
ตลอดจนความเป็นมาขององค์ท่าน จะเป็นเรื่องของประสบการณ์ตรง ที่คุณรัตนาได้พบกับ
ปาฏิหาริย์
จาก
องค์แม่พระธรณี
ด้วยตนเอง กระทั่งได้พบเห็นความจริงอันเหลือเชื่อในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งที่เชื่อว่า ณ ที่นั้นจะมี
ขุมทรัพย์มหาศาลของแผ่นดิน
อยู่จริง
ประสบการณ์ตรงในการสัมผัส แม่พระธรณี ของคุณรัตนาเกิดขึ้นในราวเดือนพฤษภาคม ปี ๒๕๔๑ ขณะที่คุณรัตนาและสามีคือ คุณประสาร มฤคพิทักษ์ กำลังสื่อกับแม่พระธรณีผ่านทาง ถ้วยแก้ว โดยคุณสุวรรณาเป็นผู้ทำพิธี ครั้งนั้นก็มีบุตรสาวของอดีต ส.ส.ท่านหนึ่งร่วมคุยอยู่ด้วย และจู่ๆ แม่พระธรณี ท่านก็สื่อมาว่า วันนี้แม่จะช่วยให้หลานมีตังค์สองสิบหมื่น (สองแสนบาท) เพราะจะให้ลูกเชื่อสนิทใจว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลกนี้มีจริง
ไม่ทันขาดคำ ลูกชายคนโตของคุณรัตนาและคุณประสาร มฤคพิทักษ์ ก็เพจมาบอกว่า ช่วยโทร. กลับจะแจ้งเรื่องทุน คุณประสารจึงรีบโทรกลับทันที และก็ได้รู้ว่าลูกชายสอบชิงทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ได้ทุนจากมหาวิทยาลัยปีละสองแสนบาท ตลอด ๔ ปีการศึกษา
ปรากฏการณ์มหัศจรรย์ครั้งนี้เป็นปริศนาว่า ทำไมแม่พระธรณีท่านถึงรู้ ? คุณรัตนาและคุณประสารไม่เคยปริปากบอกใครเลยว่าลูกชายเข้าสอบชิงทุนการศึกษา เพราะเหตุนี้คุณรัตนาจึงเชื่อว่าแม่พระธรณีมีจริง กระทั่งกล้าออกมายืนยันเรื่องราวทั้งหมด และได้เขียนหนังสือ
เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ
เปิดเผยความมีอยู่จริงของแม่พระธรณีขึ้นมาเผยแพร่ให้คนไทยได้รับรู้ โดยแม่พระธรณีสื่อผ่านคุณรัตนาไว้หลายเรื่องเกี่ยวกับประเทศไทยของเราว่า
...ยุคนี้ยุคสุดท้ายแล้ว เพลานี้พังหมดแล้ว หันไปทางไหนมีแต่ผ้าเหลืองขาดวิ่น ข้าวยากหมากแพงกำลังจะเกิดเลือดท่วมแผ่นดิน แม่จะช่วยชาติไทยให้อยู่ได้ ที่พึ่งสุดท้ายคือ แผ่นดิน ไม่ใช่วัตถุอีกต่อไป สักวันต้องมีทางสว่างถึงเหมือง...
เหมือง ของแม่พระธรณีนี้คุณรัตนาบอกว่าคือทางออกของประเทศ ซึ่งมีขุมทรัพย์แร่ธาตุธรรมชาติที่มีมูลค่ามากมายมหาศาล และเมื่อยังไม่ถึงเวลาเปิดเหมือง ไม่ว่าใครก็ตามจะไม่สามารถเข้าถึงที่นั่นได้ เพราะแม่พระธรณีท่านบังไว้และยังเทพอีกหลายองค์เฝ้าอยู่มีทั้งพญาช้างเผือก ท่านขุนหมื่นและพญางูขาว
เรื่องราวของ เหมือง ว่าอยู่ที่ไหนนั้นแม่ผู้เขียนจะทราบแต่ก็น่าเสียดายว่าคุณรัตนายังไม่ต้องการให้เปิดเผยตอนนี้ เอาเป็นว่าบอกใบ้ให้นิดๆ ว่าอยู่ในสถานที่ๆ เป็นเขตทหาร อยู่ในจังหวัดหนึ่งของไทย เป็นพื้นที่บริเวณภูเขามีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ และมีเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นจริงเกี่ยวกับ เหมือง แห่งนี้ด้วยว่าเมื่อ ๒๐ กว่าปีก่อนมีอดีตข้าราชการคนหนึ่งเข้าไปลงทุนทำเหมือง โดยมีความเชื่อมั่นสูงว่าเหมืองแห่งนี้มีแร่ธาตุที่สูงค่า จึงสร้างทางเข้าออกและลงทุนไปไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท แต่ทำได้เพียง ๒ ปี ก็ถูกผู้มีอำนาจในยุคนั้นสั่งปิด (ยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์) ด้วยข้ออ้างว่าจะใช้พื้นที่เพื่อประโยชน์ทางราชการ
หลังจากถูกสั่งปิดเหมือง ผู้ลงทุนได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายและชนะคดีแต่ก็ยังไม่ได้รับเงินค่าเสียหายคืนจนกระทั่งปัจจุบันนี้ (และหลังจากเหมืองแห่งนี้ถูกสั่งปิดไปแล้วก็ยังมีคนพยายามไปเสียเบี้ยป้ายรายทางแต่ก็สูญเปล่า บางคนต้องตายไปก็มี) ที่ร้ายกว่านั้นก็คือภรรยาของผู้ลงทุนคนนี้รู้สึกช็อคกับ
เหตุการณ์ที่เหมืองถูกปิดจนต้องขาดทุนย่อยยับถึงกับผูกคอตายในเวลาต่อมา และทุกวันนี้ผู้ลงทุนคนนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่สภาพที่คุณรัตนาไปเห็นมานั้นคือชายชราวัย ๗๐ กว่าปี รูปร่างเล็ก หลังค่อม คอตั้งตรงไม่ได้ ใบหน้าเอียงคอพับคออ่อนและทุกข์ทรมานด้วยโรคมะเร็งที่คอซึ่งเป็นมานานกว่า ๑๐ ปีแล้ว แต่เพื่อเป็นพยานในการให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหมือง คุณรัตนาบอกว่า
แม่พระธรณี
จะช่วยประคองชีวิตท่านผู้นี้ไว้ก่อน ซึ่งท่านผู้นี้ก็ได้ยืนยันกับคุณรัตนาด้วยว่า เหมืองแห่งนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่แน่นอน
สมัยที่ทำเหมืองมีสัญญาณให้เห็นอยู่บ่อยๆ ว่าเหมืองแห่งนี้มีแร่ธาตุล้ำค่า แต่คงเป็นสมบัติของส่วนรวม ใครจึงเอาไปเป็นของส่วนตัวไม่ได้ แต่ในเร็วๆ นี้แม่พระธรณี จะเปิดเหมืองแห่งนี้ให้เพื่อนำผลประโยชน์มาบรรเทาภาระหนี้สินมหาศาลที่ประเทศชาติกำลังเผชิญอยู่ ส่วนจะเกิดผลที่เป็นจริงได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความพยายามของทุกฝ่ายที่จะเล็งเห็นผลประโยชน์ของชาติร่วมกัน และใช้พลังความสามารถผลักดันไปให้เกิดผล เพราะแม่พระธรณีเป็นเทพผู้ชี้ทางแต่มนุษย์เป็นผู้ทำให้เหมืองปรากฏเป็นจริง
สำหรับรูปสักการะที่ผู้เขียนนำมาลงในหญิงไทย นั้นคือรูปสักการะของ องค์แม่พระธรณี ซึ่งทำจากหยกแท้ๆ สีเขียว เพราะคุณรัตนาบอกว่า สีเขียวของหยกหมายถึงความแข็งแกร่ง ไม่อ่อนไหว แสดงถึงความเย็น
เมื่อถามถึงการบูชาองค์แม่ธรณี คุณรัตนาบอกว่า ทุกที่ในแผ่นดินนี้คือที่สถิตย์ของแม่พระธรณี ถ้าจิตเรารำลึกถึงท่านก็จะถึงท่านตลอด บูชาตรงไหนก็ได้ โดยการปักธูป ๓ ดอกบนดิน และใช้คาถาสั้นๆ ว่า นะโมพุทธายะ นะโมพุทธายะ นะโมพุทธายะ (๓ จบ) ขออัญเชิญแม่พระธรณีเป็นพยาน ตามด้วยคำอธิษฐานและจบด้วย สาธุ ๓ ครั้ง
รูปสักการะของ องค์แม่พระธรณีนี้จะเห็นว่ามีลักษณะของความเป็นจีนแทบทั้งสิ้น ซึ่งคุณรัตนาได้อธิบายให้ฟังว่า แม่มีชาติกำเนิดเป็นคนจีน แม่ฯ ถึงย้ำตลอดว่าจีนกับไทยพี่น้องกันและต่อไปจะยิ่งแนบแน่น และก็เคยมีคนฝันเห็นท่าน เขาบอกว่าท่านเป็นผู้หญิงจีนที่สวยมาก ซึ่งรูปร่างของรูปสักการะที่เห็นนี่เป็นไปตามที่ท่านต้องการ ตอนสเก็ตซ์ภาพ แม่พระธรณี นี่ลูกชายคุณสุวรรณาเป็นคนสเก็ตซ์ เพราะมีครั้งหนึ่งท่านปรากฏร่างออกมาลางๆ พอที่จะถ่ายรูปได้ ก็สเก็ตซ์ภาพลางๆ ออกมาจนกระทั่งถูกใจท่าน ทุกวันนี้พี่ก็ยังติดต่อกับท่านบ่อยโดยการเชิญผ่านถ้วยแก้ว ซึ่งไม่เรียกว่า ผีถ้วยแก้ว เพราะแม่พระธรณีไม่ใช่ผี
คุณรัตนายังกล่าวต่อไปอีกว่าในการสัมผัสองค์แม่พระธรณีและเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ที่คุณเจริญและคุณรัตนาประสบมาด้วยตนเองนั้นจริงๆ แล้วยังมีอีกมากมายหลายเรื่อง แต่เป็นเพราะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับบุคคลหลายบุคคลที่ยังไม่ถึงเวลาจะเปิดตัวหรือเปิดเผยความจริงทั้งหมด มิฉะนั้นจะเป็นการกระทบกระเทือนถึงชื่อเสียงและหน้าที่การงานของท่านเหล่านั้นซึ่งก็ได้เชื่อในเรื่องเหล่านี้และได้ช่วยกันประสานงานร่วมมือกันทำงานเพื่อชาติอยู่เบื้องหลังมาเป็นเวลานานแล้ว และแต่ละคนล้วนเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น ขุมทรัพย์ใต้แผ่นดิน ที่มีผู้ทำนายกันมาช้านานจึงไม่ใช่เรื่องที่กุขึ้นหรือโกหกกันเล่นๆ เพียงแต่ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นดำเนินการโดยมีการยื่นเรื่องติดต่อถึงระดับผู้ใหญ่ในแผ่นดินแล้ว
วันหนึ่งพอแผ่นดินสงบ ก็จะเปิดเผยตัวผู้ช่วยงานแม่ฯ ทั้งหมด ระดับนายพล ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมีหมด แต่ตอนนี้ยังไม่เปิดเผยตัว เพราะสังคมไทยเป็นสังคมปากว่าตาขยิบ หาว่างมงายบ้างอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องระวังตัวและชื่อเสียงของเขา และแม่บอกว่า ดวงเมืองต้องรอความลงตัวในทุกๆ สิ่ง ต้องรอจังหวะเวลา ตอนนี้เวลายังมาไม่ถึง แต่ทุกอย่างมีลิขิตของแผ่นดินไว้หมดแล้ว
และเมื่อถามว่าสังคมรอบข้างมีปฏิกิริยาต่อคุณรัตนาอย่างไรบ้าง ในฐานะที่เธอก็เป็นที่รู้จักของคนในแวดวงนักธุรกิจเช่นกัน เธอบอกว่า
มีนะคะ ก็คงจะมีทั้งสองด้าน อย่างที่พี่ไปเจออาจารย์ท่านหนึ่งที่ธรรมศาสตร์ วันนั้นพี่ไปไหว้กระดูกอาจารย์ป๋วย อาจารย์ ท่านนั้นได้ถามพี่ว่าพี่มีอะไรพิเศษในตัวหรือเปล่า ทำไมถึงสื่อกับแม่พระธรณีได้ พี่ก็ยืนยันได้ว่าไม่มี แต่อาจารย์ก็ยังถามต่อว่าแล้วทำไมแม่ฯ ถึงมาสื่อ พี่ก็ว่าท่านคงเห็นเราทำงานเพื่อส่วนรวมมั้งและคงถึงเวลาของแม่ฯ แล้ว เพราะแผ่นดินมันร้อนขนาดนี้แล้ว แต่ท่านก็บอกว่าปี ๒๕๔๓ แผ่นดินจะสงบขึ้นและแม่ฯ จะค่อยๆ ดึงธรรมะมาสู่จิตใจคนให้ค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับ แต่มันก็ต้องอยู่ที่วิบากกรรมของแต่ละคนด้วยซึ่งสร้างกันมาต่างกัน ต่อแต่นี้ขอให้ทุกคนสร้างแต่กรรมดี ใครที่ทำผิดทำชั่วกลับตัวเสีย ถ้ายังไม่ตื่นกันอีกจะต้องเจอเหตุร้ายนะ เพราะแม่พระธรณีจะมาล้างแผ่นดินแล้ว
เพียงปีเศษๆ ที่คุณรัตนาได้สื่อกับองค์แม่พระธรณี ได้ทำให้เธอได้บรรลุถึงสัจธรรมข้อหนึ่งว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรยั่งยืน ทุกอย่างล้วนเป็นอนิจจังทั้งสิ้น ตัวเราเองหนีไม่พ้นที่จะต้องละจากโลกนี้ไปเพื่อเข้าสู่วัฐจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิดอีกตามวิถีแห่งกรรมที่เราได้สร้างเอาไว้ แต่ก่อนจะจากโลกนี้ไป ลองถามตัวเราเองดูซิว่า เราจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์ฝากไว้ในแผ่นดินนี้บ้าง ? ท้ายสุดก่อนจากกัน คุณรัตนาได้แย้มบอกข่าวดีที่จะเกิดขึ้นสำหรับชาวไทยในปี ๒๕๔๓ กับผู้เขียนว่า ปี ๒๕๔๓ ก็จะรู้แล้วค่ะที่จะเปิดเหมือง แต่เป็นเดือนไหนยังไม่รู้นะคะแต่ยืนยันได้ว่าปี ๒๕๔๓ แน่นอนที่ต้องเปิดเผยความจริงทุกอย่าง
[ข้อมูลบางตอนอ้างอิงจากหนังสือ เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ หากมีข้อสงสัย
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณรัตนา มฤคพิทักษ์ โทร. ๐๒-๗๒๒-๑๗๔๑-๒]
kanalove
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 07 เม.ย. 2007
ตอบ: 35
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
ตอบเมื่อ: 06 พ.ค.2007, 9:08 am
อ่านแล้วรักพระแม่ธรณีมากเลยคะ
แต่ว่าพิมพ์ผิดไปบ้างอะเปล่าอะคะ
๒๕๔๓ รึว่า 2553
* * ธรรมะสวัสดีคะ คานะชอบเรื่องลึกลับที่สุดเลย มาโพสเรื่องราวอย่างนี้บ่อยๆ นะเจ้าคะ
_________________
kanalovero@hotmail.com
ธรรมะสวัสดีคะ แอดเมล์ได้นะคะ
เรามักจะออนเอ็มเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์นะ
เรามีชีวิตอยู่เพื่อตาย จงตายจริงก่อนที่เราจะตายลวง
p.somchai
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 22 พ.ย. 2007
ตอบ: 48
ที่อยู่ (จังหวัด): ชลบุรี
ตอบเมื่อ: 28 พ.ย.2007, 5:00 pm
ขออนโมทนาสาธุครับ
_________________
หนทางหมื่นลี้ ย่อมมีก้าวแรก
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นานาสาระ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th