Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ยาคุมกำเนิดบางชนิด อาจเป็นปาณาติบาตน่ะครับ!
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
กฎแห่งกรรม
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
ตอบเมื่อ: 23 พ.ย.2007, 9:53 pm
###1.ยาคุมกำเนิดชนิดกิน หรือชนิดฉีดแบบทั่วไป นั้นออกฤิทธิ์หลักตรงการยับยั้งการตกไข่เป็นหลัก...... เมื่อไข่ไม่ตกจากรังไข่มาสู่ท่อมดลูกและโพรงมดลูกแล้ว มันก็จะไม่มีการปฏิสนธิขึ้น และไม่มี"ชีวิตใหม่"เกิดขึ้นแต่อย่างใด..... ดังนั้นจึงชัดเจนมากว่า การคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ไม่มีทางเป็นปาณาติบาต
### 2.ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินชนิดกิน (ที่องค์ท่านดาไลลามะเคยทักท้วงออกนิตยาสารไทม์)นั้น กลไกการออกฤิทธิ์หลักเท่าที่ผมถามจากสูติแพทย์หลายท่านแล้ว กล่าวตรงกันว่า
คือออกฤิทธิ์โดยการปรับสภาพเยื่อบุโพรงมดลูกไม่ให้ไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว(ชีวิตใหม่)เข้าฝังตัวและเจริญเติบโตต่อไป......
ซึ่งมองว่าเป็นปาณาติบาตได้.
(ความจริงการคุมกำเนิดโดยการใส่ห่วงคุมกำเนิดก็เป็นหลักการขัดขวางการฝังตัวของไข่ที่ได้รับการผสมแล้วเหมือนกันกับยาคุมกำเนิดฉุกเฉินชนิดกิน ....)
.......................................................
ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตดวงแรกใดเกิดแล้วในอุทรมารดา
วิญญาณดวงแรกปรากฏแล้ว อาศัยจิตดวงแรก
วิญญาณดวงแรกนั้นนั่นแหละเป็นความเกิดของสัตว์นั้น
......
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้อุปสมบทกุลบุตรมีอายุครบ ๒๐ ปีทั้งอยู่ในครรภ์
จาก พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔มหาวรรค ภาค ๑
http://84000.org/tipitaka/read/?4/141
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
ตอบเมื่อ: 23 พ.ย.2007, 9:54 pm
ท่านเจ้าคุณ พระพรหมคุณาภรณ์ ท่านวิสัชนาเรื่องนี้ ไว้อย่างละเอียด ทุกแง่ทุกมุม....
บทความนี้ จะสามารถใช้เป็นหลักพิจารณาสำหรับทุกๆ ฝ่ายอย่างรอบครอบครับ
ถาม - เรื่องการใส่ห่วง ในกรณีที่มารดาต้องการคุมกำเนิด โดยการใส่ห่วง โดยที่เจตนานั้นไม่ต้องการมีบุตร แต่ไม่มีเจตนาจะฆ่าตัวอ่อน ในกรณีนี้จะเป็นกรรมหรือไม่อย่างไร
ตอบ - ก็ตัดสินด้วยเจตนาอย่างที่ว่า ไม่มีเจตนาจะฆ่าให้ตาย อาจทำไปเพราะไม่รู้แล้วก็เป็นเหตุให้คนอื่นตายๆ ไป คล้ายกับจะเป็นการทำให้คนตายโดยประมาท แต่ที่จริงเป็นการทำให้คนตายโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์อย่างไรก็ตามในกรณีอย่างนี้ ถ้าจะพิจารณาให้ละเอียดก็ต้องดูที่เจตนา เพราะกรณีอย่างนี้มีเจตนาด้วย เพียงแต่ไม่ใช่เจตนาที่จะฆ่าโดยตรง เจตนาอาจต่างกันได้
เจตนาที่ไม่ต้องการมีบุตรนั้น อาจเป็นเจตนากีดกั้นไม่ให้เขามีชีวิตอยู่ได้ต่อไป หรือเป็นเจตนาแบบป้องกันตัวเอง ความต่างของเจตนานี้มีผลต่อคุณสมบัติ ของกรรมให้แรงหรือเบากว่ากัน
ถาม - เมื่อมาฟังนี่แล้ว ก็รู้ถ้าใส่ห่วงอยู่จะต้องไปถอดไหม
ตอบ - อันนี้เป็นเรื่องที่คุณหมอเองแนะนำกันได้ ก็อาศัยหลักการนี้ แล้วก็ปฏิบัติต้องให้เกณฑ์วินิจฉัยอย่างที่ว่า มาเป็นเครื่องประกอบการตัดสินใจ
http://www.geocities.com/yongyang_98/doctors/lady_abortion7.html
(ปล.... การใส่ห่วงคุมกำเนิด ออกฤทธิ์คล้ายๆ กับยาคุมกำเนิด ชนิดกินฉุกเฉิน)
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
ตอบเมื่อ: 23 พ.ย.2007, 10:00 pm
สรุปน่ะครับ
การคุมกำเนิดแบบนี้ ไม่เป็นปาณาติบาตแน่นอน
1. ยากินคุมกำเนิดแบบธรรมดา
2. ยาฉีดคุมกำเนิดแบบธรรมดา
3. ถุงยางอนามัย
4. วิธีการใดๆ ที่ยับยั้งการตกไข่ หรือ ขวางกั้นการผสมระหว่างไข่และอสุจิ
เพราะ ยังไม่มีชีวิตใหม่ เกิดขึ้น
ส่วน วิธีการใดๆ ที่ทำให้ไข่ที่ถูกผสมแล้ว (ชีวิตใหม่) ไม่สามารถฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูก เช่น ยาคุมกำเนิดกินชนิดฉุกเฉิน หรือ การใส่ห่วงอนามัย อาจจะเข้าข่ายปาณาติบาต
wanida
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 06 ธ.ค. 2007
ตอบ: 3
ตอบเมื่อ: 06 ธ.ค.2007, 5:53 pm
เคยกินแบบฉุกเฉินไปค่ะแต่ไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นบาปอย่างนี้ถือว่าบาปมั้ยคะ
ช่วยตอบด้วยนะคะ
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
ตอบเมื่อ: 06 ธ.ค.2007, 9:56 pm
wanida พิมพ์ว่า:
เคยกินแบบฉุกเฉินไปค่ะแต่ไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นบาปอย่างนี้ถือว่าบาปมั้ยคะ
ช่วยตอบด้วยนะคะ
ถ้ามีการปฏิสนธิเกิดขึ้นแล้ว การกินยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินก็จัดว่าเป็นบาป
แต่ถ้าไม่มีการปฏิสนธิเกิดขึ้น การกินยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินก็ไม่จัดว่าเป็นบาป
ในกรณีที่มีปฏิสนธิเกิดขึ้นแล้ว แต่กินเยาพราะไม่นึกว่านั่นคือการทำปาณาติบาต(เพราะคิดว่ายังไม่มีชีวิตใหม่เกิดขึ้น) ก็บาปเหมือนกัน แต่เจตนาจะอ่อน ด้วยองค์ประกอบของปาณาติบาตไม่สมบูรณ์ครบทั้ง5
...................................................
ปาณาติบาตนั้น จะสำเร็จเป็นกรรมบถได้ ต้องประกอบด้วยองค์ ๕ คือ
๑. สัตว์มีชีวิต
๒. รู้ว่าสัตว์มีชีวิต
๓. จิตคิดจะฆ่า
๔. พยายามเพื่อจะฆ่า
๕. สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น
ปาณาติบาตนั้น มีโทษมาก เพราะเหตุ ๔ ประการ คือ
๑. สัตว์ใหญ่
๒. สัตว์นั้นมีคุณ
๓. ความพยายามของผู้ฆ่ามีมาก
๔. กิเลสของผู้ฆ่ารุนแรง
ปาณาติบาตที่ตรงกันข้าม ชื่อว่ามีโทษน้อย
.......................................................................
ที่ผมว่า เจตนาไม่เต็ม เพราะคุณไม่รู้ว่า มีชีวิตเกิดขึ้นแล้ว คุณคิดเพียงต้องการป้องกันตั้งครรภ์เท่านั้น
คือจะมีเพียง ข้อ1 และข้อ5 ในองค์5
แต่ อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลเสีย เผื่อว่าจะเคยมีชีวิตใหม่เกิดขึ้นแล้วในท้องคุณ ในคราวที่คุณกินยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินครั้งนั้นเข้า
และ อย่าปล่อบจิตให้เศร้าหมองไปเปล่าๆ กับสิ่งที่อาจจะเคยพลาดในอดีต.... พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้วางจิตเช่นนั้นครับ
อดีตเป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ไม่ควรกังวลถึง
Story Note
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2007
ตอบ: 97
ตอบเมื่อ: 09 ม.ค. 2008, 5:32 pm
ขอบคุณความรู้ใหม่ค่ะ
ไม่ยักกะรู้ว่า การป้องกัน ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งของการทำลาย..
ชีวิตที่รอเกิดใหม่ คงต้องรอเกิดในสถานที่ ที่เหมาะสม และพร้อมกว่า คนที่ไม่พร้อม
โมกข์ป่า
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 10 ม.ค. 2008
ตอบ: 22
ตอบเมื่อ: 11 ม.ค. 2008, 11:49 am
อ้างอิงจาก:
ชีวิตที่รอเกิดใหม่ คงต้องรอเกิดในสถานที่ ที่เหมาะสม และพร้อมกว่า คนที่ไม่พร้อม
สมัยนี้หาคนดี มีบุญมาเกิดกับคนที่พร้อมแล้วยากค่ะ เพราะคนสมัยนี้ทำบาปกันมากเมื่อตายไปก็ตกนรก หรือไม่เช่นนั้นก็มาเกิดกับคนยากจน หรือคนไม่พร้อม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเด็กที่เกิดทุกคนจะเป็นคนบาปนะคะ เพียงแต่เปรียบเทียบเฉยๆ ค่ะ
เห็นตัวอย่างมาก็มากเหมือนกัน อย่างเช่น มีคนรู้จักที่ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ได้ถือว่าร่ำรวยแต่ก็จัดได้ว่าพร้อมแล้ว อีกทั้งบุคคลใกล้ชิดนั้นก็ล้วนแต่เป็นคนที่เข้าวัดทำบุญ (ทำบุญจริงๆ นะคะ ไม่ใช่ไปวัดหาหวย) หรือไม่งั้นก็พอมีทรัพย์พอที่จะช่วยเกื้อหนุน (คือรอเลี้ยงหลาน แต่ตัวเองไม่แต่งงาน ว่างั้น) หรือไม่อย่างนั้นก็เป็นครอบครัวที่อยู่ในเกณฑ์มีฐานนะ และพ่อ แม่ พี่น้อง ทั้งหลายก็ไม่ได้ยากจน ลำบาก แต่กลับเป็นครอบครัวที่มีฐานะกันทั้งนั้น ก็ยังไม่มีลูกกัน ทั้งๆ ที่แต่งงานกันมาก็หลายปีแล้วค่ะ
แต่พอมองไปตามถนน เห็นเหล่าคนหาเช้า กินค่ำ เค้าทั้งหอบ ทั้งจูง ทั้งอุ้ม ที่เดินเองก็มี ที่นั่งในรถลากก็มี มันเลยเกิดคำถามมาว่า ทำไมหนอ ครอบครัวที่เค้ายังไม่พร้อม เพียงหาเช้ากินค่ำเหล่านั้นลูกถึงได้ดกนัก แต่กับคนที่เค้าพร้อมแล้วไม่มีมาเกิดกันซักที
นี่แหละโลกเราหนอ
เกี่ยวกับกระทู้มั้ยเนี่ย!
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
กฎแห่งกรรม
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th