ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ficolo
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 22 พ.ค. 2007
ตอบ: 4
ที่อยู่ (จังหวัด): เพชรบูรณ์
|
ตอบเมื่อ:
16 มิ.ย.2007, 12:45 pm |
|
การได้ระบายอะไรบางอย่างที่ ถาถมทาทับมาหลายปี สิ่งนั้นก็คือ ความทุกข์ ข้าพเจ้ามีความทุกข์ใจมากกว่าทางกาย สิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ก็เพาะตัวเราสร้างขึ้นเองทั้งนั้น
ทุกข์เรื่องหนี้สิน
ทุกข์เรื่องครอบครัว
ทุกข์เรื่องการเงิน
แล้วเราจทำอย่างไรทำให้ ทุกข์3อย่างนี้ได้หายไป หรือจะปล่อยวางไม่ต้องคิด แต่เป็นไปไม่ได้ ใจมันทำให้คิด เราต้องรับผิดชอบ กับความทุกข์3อย่างนี้
ผู้ใดมีวิธีดับทุกข์3อย่างนี้ ช่วยแนนำด้วย
ขอบคุณครับ |
|
_________________ ธรรมมะ |
|
|
|
ภคภรณ์
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
16 มิ.ย.2007, 4:00 pm |
|
อยากจะให้คุณ ficolo ลองปฏิบัติธรรมดูนะคะ เพื่อจิตใจที่สงบจะทำให้มีทางออกแล้วทุกข์ทั้งหลายอาจจะบรรเทาเบาบางลง ดิฉันก็เคยมีความทุกข์ สับสนในตัวเองหาทางออกไม่ได้ ปรึกษาคนโน้นคนนี้ก็ไม่ทำให้ทุกข์หาย ฟุ้งซ่านอยู่พักใหญ่สุขภาพร่างกายทรุดโทรม ในที่สุดตั้งหลักนิ่งๆ พิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต หยิบหนังสือธรรมะขึ้นมาอ่านลองปฏิบัติตามก็ทุลักทุเลแต่ก็ไม่ท้อนะคะ ในที่สุดเมื่อเรานิ่ง เราสงบได้ในระดับหนึ่ง ทำให้รู้สึกว่าความสุขความทุกข์อยู่ที่ใจนี่เอง แต่ปัญหาทุกอย่างมันก็ไม่ได้หายไปไหนหรอกนะแต่เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันได้อย่างไม่ทุกข์หรือทุกข์ให้มันน้อยที่สุด อันไหนแก้ได้ก็แก้ไป แก้ไม่ได้ก็ต้องทำใจ ปล่อยวาง อย่ายึดถือ ให้มีสติ คุณจะเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์อย่างที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้แล้วจริง ๆ
ขอให้คุณ ficolo หลุดพ้นจากทุกข์โดยธรรมค่ะ |
|
|
|
|
|
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
16 มิ.ย.2007, 4:21 pm |
|
ตั้งคำถามไม่ถูกสภาวะ
ควรถามว่า อะไรเป็นปัจจัยให้ทุกข์เกิด ? |
|
|
|
|
|
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
16 มิ.ย.2007, 5:32 pm |
|
ทุกข์เกิดมาจาก กรรม หรือ การกระทำ
กรรม และ ผลกรรม มีสาเหตุมาจากตนเอง และ สภาวะแวดล้อมรวมไปถึงผู้คนรอบข้าง
เมื่อกรรมเกิด ผลกรรมเกิด อุปาทานเกิด รู้ผลของกรรมนั้นว่า ดีอย่างไร ไม่ดีอย่างไร ทุกข์ สุข จึงเกิดตามมา
การปล่อยวางคือการวางความทุกข์นั้นไว้ ไม่ให้ความคิดสับสนเกิดแก่จิตใจ แล้วจึงหาวิธีแก้ไขต้นเหตุของทุกข์นั้น ไม่ใช่การปล่อยวางแบบที่เรียกว่า ค้างคา ค้างคาสาเหตุของความทุกข์นั้นโดยไม่หาทางแก้ไข
ถ้าปฏิบัติได้ถูกก็พูดได้ว่าเริ่มเข้าใกล้วิธีแก้ไขปัญหาแบบ อริยสัจ 4 แล้ว ครับ
|
|
|
|
|
|
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
16 มิ.ย.2007, 7:03 pm |
|
ทุกข์ สมุทัย ฯลฯ....
ทุกข์มีต้นเค้ามาจากสมุทัย องค์ธรรมคือตัณหา ตัณหามาจากอวิชชา ฯลฯ ตามหลัก
ปฏิจจสมุปบาท |
|
|
|
|
|
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
16 มิ.ย.2007, 7:10 pm |
|
-ทุกข์ที่เกิดแก่เจ้าของกระทู้นี้ ท่านเรียกว่าปกิณณะกะทุกข์ หรืออาคันตุกะทุกข์ ไม่ใช่ทุกข์ประจำสังขาร ทุกข์อย่างนี้มีเงินใช้หนี้เขา มีเงินใช้จ่ายประจำวันเสียก็หาย
ทีนี้มาถึงปัญหาที่ว่า จะหาเงินเอาเงินมาจากไหนนี่สิคิดไม่ออก จึงเป็นทุกข์อีก เครียดอีก
ทุกข์มีร้อยแปดพันประการ
ค่อยๆทำใจ ค่อยๆแก้ไขกันไป ทำใจให้สงบอาจพบทางออก |
|
|
|
|
|
พีรวิชญ์
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 19 เม.ย. 2007
ตอบ: 24
|
ตอบเมื่อ:
19 มิ.ย.2007, 10:57 am |
|
ทุกข์เกิดจากอุปาทานทั้งสิ้นครับ |
|
|
|
|
|
kanawat_ny
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2007
ตอบ: 47
|
ตอบเมื่อ:
19 มิ.ย.2007, 11:52 am |
|
คำตอบที่อยากจะบอก แต่มันก็เช๊ย เชย...
เศรษฐกิจพอเพียงไงครับพี่น้องผม
ก่อนที่จะมาว่าถึงเรื่องธรรมะที่ต้องปฏิบัติแต่ละวัน
คนเราต้องมีกิน มีอยู่ มีใช้ ตามคุณficolo กล่าว เมื่อท้องมันหิว เจ้าหนี้มันไล่หลัง ลูกร้องหิวขนม ยังจะมีกะจิตกะใจที่จะอุเบกขา มันเป็นไปไม่ได้
หนทางแก้ทุกข์ ทั้ง 3 ข้อ ขอตอบแบบเชย ๆ ถ้าหาก ficolo เป็นชาวบ้านหรือไม่เป็นชาวบ้านธรรมดา ก็สามารถปฏิบัติได้
1.ลดค่าใช้จ่าย โดยการปลูกผักผลไม้ กินตามฤดูกาล
2.เลี้ยงปู ปลา เป็ด ไก่ หมู ฯลฯ (แล้วฆ่ามันกิน) ไม่ผิดบาปหรอก ถ้าผิดบาปก็แผ่เมตตาเอา
3.เอา ข้อ 1 และ 2 ที่เหลือกิน เหลือใช้ เอาไปขาย ได้ตังส์ 10-20 ซื้อขนมให้ลูก (มันก็ไม่ร้องอีก)
4. ขยายกิจการ ข้อ 1-2-3 มันก็จะแก้ผลเจ้าหนี้ที่ตามหลัง
5. ถ้าficoloทำได้ตามข้อ 1-4 อย่าง "ผัวหาบเมียคอน" ปัญหาเรื่องครอบครัวก็จะหมดไป
และ เมื่อนั้น... มีกินมีใช้ ต่อไปก็เอาไปทาน ไปจ่ายแจก (ไม่ต้องขาย หรือถ้าขายก็แถมเยอะๆ) เท่านี้ บุญก็จะบังเกิดแก่ตน
ถ้าจะให้ไปปฏิบัติธรรม (เดี๋ยวนี้) มันทำไม่ได้หรอก (ใครๆก้รู้ ข้าพเจ้าเองก็รู้)
ขออภัยคำตอบ อาจไม่ถูกใจแก่ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย แต่ก็ตอบตามความน่าจะเป็น
รัก
คนจะผ่านไป..แต่สะดุด |
|
_________________ กมฺมุนา วตฺตตี โลโก
ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
(อิสระ ชีวา) |
|
|
|
ณพรหม
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 25 มิ.ย. 2007
ตอบ: 47
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
08 ก.ค.2007, 10:09 pm |
|
ก่อนอื่นนะจ้ะ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ให้หัวข้อธรรมเรื่อง ของการครองเรือน คือ ฆราวาสธรรม
1 สัจจะ 2 ทมะ 3 ขันติ 4 จาคะ
แต่สิ่งที่เกิดกับคุณคือ ข้อที่1
สัจจะ จะพูดถึงเรื่อง การพูดจริงทำจริง เอ้ แต่มันเกี่ยวอะไรด้วย
สัจจะคือการได้รับผิดชอบต่อหน้าที่ เมื่อเป็นพ่อ ก็ต้องมีหน้าที่เลี้ยงดูครอบครัว อันนี้ก็คงไม่ต้องให้สัจจะหรอกใช่ไหมจ้ะ แต่การกระทำนะมันได้บอกหน้าที่ของเราไปแล้ว
งั้นเข้าเรื่องเลยนะจ้ะ
ทุกข์ของคุณแก้ได้อยู่แล้วจ้า โดยต้องเริ่มที่ตัวคุณเองก่อนนะจ้ะ
เริ่มที่ ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
เป็น พระในบ้าน หรือเป็นที่พึงของ ภรรยา ลูก
โดยที่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีนะจ้ะ และต้องอดทนทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
ซึ่งแบบอย่างที่ดี ก็ต้องเป็นกิจกรรมในครอบครัวที่ดuที่สุดสำหรับครอบครัว
อยากจะให้ลองได้ไปนั่งหยุดใจนิ่ง เบาๆๆ สบายๆๆ ให้เราและปล่อยวางในทุกสิ่ง ชม ละ นาที และไปทำบุญอาทิตละครั้ง ไม่จำเป็น ต้องใช่เงินนะจ้ะ เรามีเงินก็ใช่เงิน เรามีแรงก็ใช่แรง เช่นไปช่วยพระท่านกวาดนะจ้ะ บำรุงวัด ถ้ามีของเหลือพอใช่ได้ก็ได้นะจ้ะ ฯลฯ
เพราะเบื้องหลังของชีวิต คือบุญบารมี นะจ้ะ (คุณความดี)
พระมหาชนก ยังใกล้จะตายอยู่กลางทะเลแต่ด้วยความพยายามและความอดมน ท่านจึงรอดมาได้
คุณนะยังไม่ถึงขนาดท่านนะจ้ะ
ก็ขอให้คุณficoloความสุขความเจริญ ขอให้มีดวงปัญญาเห็นธรรม ขอให้มีทั้งอายุ วรรณ สุขะและพละ เป็นบัณฑิต นักปราญช์ ฉลาดในศาสตร์ทั้งปวงรู้ทางโลกและทางธรรม และได้สำเร็จมรรคและผลเป็นคู่บุญในการต่ออายุพระพุทธศาสนาและได้เกิดในยุคที่มีพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่ง สิ่งได้ที่ปราถนาไปในทางที่ดี ขอเป็นผลสำเร็จ เทอญ |
|
_________________ ตะวันที่ให้แสงสว่างแก่ สัตว์ทั้งหลายทุกโลกธาตุฉันใด
ตัวเราจะเป็นผู้ให้ความสว่างชี้ทางสู่ความเป็น พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหัตถเจ้า ตลอดอนันต์โลกธาตุ จะรื้อสัตว์ขนสตัว์ให้หมดไปฉันนั้น |
|
|
|
นวโยคี
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 04 พ.ค. 2007
ตอบ: 20
ที่อยู่ (จังหวัด): bkk
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ค.2007, 8:45 am |
|
ทุกข์มี ๒ ประเภทคือ
ทุกข์ตามธรรมชาติ คือ ความแก่ ความพลัดพราก ความแตกดับ ความหิว ความเจ็บป่วย .....ฯลฯ เราหลีกเลี่ยงไม่ได้
อีกอย่างคือทุกข์ที่เราสร้างขึ้นเอง คือ อยากสวย อยากหล่อ อยากรวย อยากให้คนนั้นรักเรา อยากเอาชนะเขา เหล่านี้เกิดจากเข้าไปยึดถือมัน ต้นตอมาจาก ตัณหา ความอยากนั่นเอง เมื่อมีความ อยาก ความ ทุกข์ จึงตามมา
จะแก้ทุกข์ชนิดนี้มี ๒ ทางคือ
หนึ่ง เพิ่มความเพียร ขยันให้มากขึ้น บุคคลจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร
สองคือลดความอยาก ให้อยากน้อยลง ให้อยากเท่าที่จำเป็น
ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ท่านเทอญฯ |
|
|
|
|
|
z
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 23 ต.ค. 2007
ตอบ: 46
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
09 พ.ย.2007, 6:20 pm |
|
ทั้ง3เรื่องเป็นเรื่องเดียวกัน คือปัญหาการเงิน...
....ทางแก้ไข....ยอมรับความเป็นจริง....กล่าวคือ
1.มีหนี้สิน....ต้องชดใช้...ไปบอกกับเจ้าหนี้อย่างมีสติ ด้วยปัญญา..ว่าจะชดใช้อย่างไร ตามที่เป็นจริงได้..(ให้เป็นไปตามนั้นจริงๆ)....เจ้าหนี้ทุกคนต้องการรู้ ว่าจะได้คืนเมื่อไร เท่าไร แม้จะไม่แน่ใจก็ตาม....แต่อย่าหลอกลวงเด็ดขาด..เราเองก็จะได้รู้ว่าต้องทำอย่างไร เมื่อไรเสียที..(อย่าหลอกตัวเอง)
2.พูดความจริงกับครอบครัว ให้ครอบครัวได้รับรู้สถานะที่แท้จริง และจงบอกเขาว่า คุณจะมีวิธีแก้วิกฤตินี้อย่างไร ให้เห็นเป็นรูปธรรม และครอบครัวจะเป็นอย่างไร นานแค่ไหน..ทุกคนต้องมีความหวัง...แต่อย่าหลอกลวงเด็ดขาด....แสดงภาวะผู้นำอย่างมีสติ ด้วยปัญญา...หากคุณกล้า ครอบครัวคุณก็ไม่กลัวที่จะฟันฝ่าต่ออุปสรรค
3.เรื่องการเงิน(..ก็เป็นเรื่องของการงาน) จงตั้งสติ ความรู้๑ ความสามารถ๑ สติ๑ ปัญญา๑ ใช้ทำความเข้าใจในหน้าที่ การงาน อย่าฝืนความเป็นจริง ใช่คือใช่ ไม่ใช่คือไม่ใช่ ...ราคะ คือโลภมากไปบ้าง....โทสะ มากไปบ้าง...โมหะ คือหลงเข้าใจผิดคิดว่าไม่น่ามีปัญหาบ้าง...
....ยอมรับตามความเป็นจริง...ไม่หนีปัญหา...หันหน้ากลับมาสู้ อย่างมีสติด้วยปัญญา...
...ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยง อย่าประมาทคิดว่าจะไม่ตาย...
...ชีวิตเต็มไปด้วยทุกข์ เพราะมันไม่เที่ยง เอาจิตไปเกาะจดจ่อก็เป็นทุกข์ ไม่ช้ามันก็สลายตัวหมด เป็นอย่างนี้.....เป็นธรรมดา แก้ไม่หาย....ทำตามหน้าที่เต็มกำลัง เท่าที่ทำได้......
...ทุกข์เพราะการเกิดมีร่างกาย
...ทุกข์เพราะความแก่ ความทรุดโทรมเปลี่ยนไปของร่างกาย
...ทุกข์เพราะความป่วยไข้ของร่างกาย
...ทุกข์เพราะความปรารถนาไม่สมหวัง
...ทุกข์เพราะความเศร้าโศรกเสียใจ
...ทุกข์เพราะความตายมาเยือน
.....หนีไม่พ้น...มันเป็นอย่างนี้....การไม่เกิดจึงดี....????????????
...ยังมีชีวิตอยู่ พึงทำหน้าที่ อย่าบกพร่อง...ก่อนตายเลือกทางก่อนได้.... |
|
|
|
|
|
วิชชา
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 05 พ.ย. 2007
ตอบ: 31
ที่อยู่ (จังหวัด): เชียงใหม่
|
ตอบเมื่อ:
09 พ.ย.2007, 8:43 pm |
|
ทุกข์ โรค ชรา มรณะ มาจากอะไร
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 23
๙. ปฐมอุปปาทสูตร
ว่าด้วยความเกิดขึ้นแห่งอายตนะ
[๒๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเกิดขึ้น ความตั้งอยู่ ความ
บังเกิด ความปรากฏแห่งจักษุ เป็นความเกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นความตั้งอยู่
แห่งโรค เป็นความปรากฏแห่งชราและมรณะ ฯลฯ ความเกิดขึ้น ความ
ตั้งอยู่ ความบังเกิด ความปรากฏแห่งใจ เป็นความเกิดแห่งทุกข์ เป็นความ
ตั้งอยู่แห่งโรค เป็นความปรากฏแห่งชราและมรณะ ส่วนความดับ ความ
สงบ ความไม่มีแห่งจักษุ เป็นความดับแห่งทุกข์ เป็นความสงบแห่งโรค
เป็นความไม่มีแห่ชราและมรณะ ฯลฯ ความดับ ความสงบ ความไม่มี
แห่งใจ เป็นความขับแห่งทุกข์ เป็นความสงบแห่งโรค เป็นความไม่มี
แห่งชราและมรณะ.
จบ ปฐมอุปปาทสูตรที่ ๙
อ่านโดยตรงจากที่มาในกระทู้นี้....
http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=4951 |
|
_________________ ไม่มี |
|
|
|
Buddha
บัวบาน
เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
14 พ.ย.2007, 7:46 pm |
|
ก่อนอื่น ท่านทั้งหลาย ควรได้ทำความเข้าใจก่อนว่า คำว่า "ทุกข์"นั้นแท้จริงคืออะไร
บางท่านที่อยู่ในพุทธศาสนา ก็คงจะกล่าวว่า ทุกข์คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง
ถ้าบางท่านที่อยู่นอกเหนือจากศาสนาพุทธ ก็จะกล่าว ทุกข์ คือ ความต้องการในด้านต่างๆเพื่อชีวิตของตัวเองและครอบครัว
หรืออย่างที่ท่านทั้งหลายได้กล่าวไปถึงทุกข์ ในรูปแบบต่างๆกัน
แต่ถ้าจะนำเอาคำถามของเจ้าของกระทู้ที่กล่าวว่า
"ความทุกข์มาจากไหน" คำตอบที่แท้จริงนั้น ก็คือ
ความทุกข์มาจากการครองเรือน ฯลฯ
ความทุกข์ มาจากการ ให้ทาน ฯลฯ
ความทุกข์ มาจาก กตัญญูรู้คุณ
ความทุกข์ มาจาก การเจรจา หรือการติดต่อสื่อสาร
ความทุกข์ มาจาก อาชีพต่างๆ
ความทุกข์ มาจาก การประพฤติ
ความทุกข์ มาจาก การคิด
ความทุกข์ มาจาก การระลึกนึกถึง
สิ่งที่ได้กล่าวไป เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความทุกข์ (ในที่นี้หมายเอาเฉพาะการเกิดความทุกข์) ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ที่ได้กล่าวไปทั้งหมด ย่อมสามารถทำให้เกิดความสุข และทำให้หลุดพ้นจาก ความโลภ ความโกรธ ความหลงได้เช่นกัน |
|
|
|
|
|
1เอง
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 29 ต.ค. 2007
ตอบ: 43
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
15 พ.ย.2007, 11:35 am |
|
สรุปรวบเลยนะครับ ความทุกข์ ความสุข หรือความรู้สึกเฉยๆ ล้วนเกิดขึ้นที่ใจ
ถ้าจะดับทั้งความทุกข์ ความสุข และความรู้สึกเฉยก็ดับลงที่ใจ
นี่ไม่ใช่ห้ามไม่ให้คิดนะครับ คิดหนะคิดได้แต่อย่าให้มันเกาะกินในใจเราซิครับ
ยังเป็นมนุษย์ธรรมดาอยู่ก็ยังอดคิดไม่ได้หรอกครับ มาหาวิธีที่จะผ่อนคลายความทุกข์ดีกว่า
เมื่อรู้เหตุและผลแห่งทุกข์แล้วคิดว่าน่าจะแก้ไขได้ตรงจุดนะครับ
ทุกปัญหามีทางออกครับ ถ้าหาทางออกไม่ได้ก็ออกทางที่เข้ามาแหละ ค่อยๆคิดไปครับ
เดี๋ยวก็แก้ได้ เจริญในธรรมครับ |
|
|
|
|
|
ดุสิตธานี
บัวบาน
เข้าร่วม: 21 ก.ย. 2007
ตอบ: 352
ที่อยู่ (จังหวัด): สุโขทัยธานี
|
ตอบเมื่อ:
17 พ.ย.2007, 12:41 pm |
|
เราคิดเอง เก็บมาคิด ก็ทุกข์ ก็เจ็บจิ ปล่อยๆไป เพียงแค่ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป ลองดูจิ |
|
_________________ จงทำจิตให้บริสุทธิ์ ด้วยความดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น หรือแม้กระทั่ง ตัวของเราเอง |
|
|
|
ธรรมรักษา
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 19 พ.ย. 2007
ตอบ: 3
|
ตอบเมื่อ:
19 พ.ย.2007, 9:47 am |
|
ครอบครัวดิช้านก็มีความทุกข์แบบเดียวกับคุณ ต้องใช้ความอดทนและความเพียรเพื่อทำใจให้สงบ |
|
|
|
|
|
|