Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 รับปรึกษาปัญหาธรรมมะนะโยม อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่หัวข้อนี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไข หรือตอบได้
ผู้ตั้ง ข้อความ
เทวประภาส
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 14 ก.ค. 2007
ตอบ: 18
ที่อยู่ (จังหวัด): จ.อุตรดิตถ์

ตอบตอบเมื่อ: 21 ก.ค.2007, 1:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สมุทรปราการ พิมพ์ว่า:
ผมขอสอบถามความแตกต่างระหว่างสังฆทานกับมหาสังฆทาน
และสิ่งที่ถวายในมหาสังฆทานใช้อะไรบ้างครับ ต้องทำอย่างไรครับ
การสวดแตกต่างกันหรือไม่ครับ
การทอดกฐินหรือทอดผ้าป่ามีการถวายมหาสังฆทานด้วยหรือไม่ครับ

ขอบคุณครับ


สังฆทานคือการถวายของแก่หมู่คณะพระสงฆ์
หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือ ถวายของให้พระใช้เป็นส่วนรวมร่วมกัน

การยกถังสีเหลือใส่ของไปเจาะจงถวายพระแค่รูปใดรูปหนึ่งหรือหลายรูป
โดยเฉพาะเจาะจงตัวบุคคลแล้วย่อมไม่ใช่สังฆทานทั้งสิ้น ถึงแม้จะเรียกกันว่าสังฆทานก็ตาม

สังฆทานมีหลักง่าย ๆ คือการถวายไม่เจาะจงตัวบุคคล ว่าจะต้องเป็นท่านรูปโน้นรูปนี้
แต่ให้ถวายโดยไม่เลือกตัวพระสงฆ์ หรือถวายให้ท่านใช้เป็นส่วนรวมนั่นเอง


เช่นการใส่บาตรในตอนเช้า เราไม่ได้เจาะจงตัวว่าจะใส่รูปไหน
รูปไหนผ่านมาก็ใส่ทั้งนั้น อย่างนี้เรียกว่าสังฆทาน

ที่เห็นทำกันโดยมาก มักมิรู้ความ ทำให้พระสงฆ์ท่านต้องอาบัติไม่รู้ตัว

เช่น นำถังที่เรียกกันว่าถังสังฆทานไปถวายพระ เรามักจะถามพระว่า รูปไหนรับสังฆทานได้/ไม่ได้
ส่วนใหญ่พระท่านมักจะแนะนำให้ไปถวายพระผู้ใหญ่ในวัด ในกรณีนี้พระท่านต้องอาบัติเข้าแล้ว
ด้วยน้อมลาภสงฆ์ไปเพื่อบุคคล ทำบุญไม่คุ้มบาปน่าเศร้านัก

ทางที่ควรก็คือเจอรูปไหนถวายรูปนั้นโดยไม่เลือกเลย
คิดเพียงว่าท่านเป็นตัวแทนสงฆ์ก็ใช้ได้แล้ว


สังฆทานกับมหาสังฆทาน ก็หมายความเดียวกัน เรียกให้ดูแตกต่างเท่านั้นเอง

ถ้าจะให้ละเอียดคือการสร้างถาวรวัตถุให้กับส่วนรวม เป็นของศาสนา
เช่นสร้างศาลาการเปรียญ สร้างกุฎิวิหาร เสนาสนะ หรือพระอุโบสถ

ส่วนนี้จะได้บุญมากที่สุด ในบรรดาอามิสทานทั้งหลาย หรือจะเรียกมหาสังฆทานก็ได้


สวด ไม่สวดไม่แตกต่างกัน แตกต่างอยู่ที่การกระทำว่าเราถวายได้ถูกต้องหรือไม่
ถึงแม้จะกล่าวคำถวายเป็นสังฆทานซักร้อยหน แต่เจาะจงแก่ท่านพระครูรูปนั้นรูปนี้
อันนี้ก็ปาฏิปุคลิกทานธรรมดานี่เอง อานิสงส์ไม่มากเลย สู้สังฆทานที่แท้มิได้ซักเสี้ยวเดียว


กฐินผ้าป่า ถ้าวัตถุประสงค์เพื่อส่วนรวมพระศาสนา ย่อมเป็นสังฆทานทั้งสิ้น
กฐินผ้าป่า ถ้าเป็นวัตถุประสงค์เพื่อเข้ากระเป๋าเจ้าอาวาสหรือสร้างตำหนักสมเด็จอยู่รูปเดียวมันก็ทานธรรมดา ๆ อานิสงส์ไม่รุนแรงเหมือนความเร็วเครื่องบินกระดาษพับ กับ F-15 ฉันใดก็ฉันนั้น

เจริญในธรรม...
 

_________________
"สัจธรรมของชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง อย่าไปยึดติดว่า ทุกอย่างจะคงเดิมถาวร"
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
สมุทรปราการ
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2007
ตอบ: 8
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ค.2007, 3:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมรบกวนสอบถามเพิ่มเติมครับ

การถวายบาตร ผ้าไตร และชุดบวชจะได้บุญมากหรือไม่ครับ และได้บุญอย่างไรครับ
ผมทราบมาว่าการถวายผ้าไตรจะได้บุญมาก และการถวายชุดบวชจะได้บุญมาก
เนื่องจากให้ผู้อื่นได้บวช หรือพระสงฆ์ได้เปลี่ยนเครื่องใช้ กรณีของเดิมชำรุดครับ
ผมขอถามเรื่องการนั่งสมาธิแล้วถอดจิตได้ครับ ผมเคยทราบว่าสามารถถอดจิตย้อนเห็นตัวเราเองในอดีตได้ ผมขอสอบถามว่าเราสามารถแก้ไขอดีตข้อผิดพลาดได้หรือไม่ครับ หรือไปบอกตัวเราเองว่าอย่าทำแบบนั้นในข้อผิดพลาดนั้นๆ ได้หรือไม่ครับ

ขอบคุณครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เทวประภาส
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 14 ก.ค. 2007
ตอบ: 18
ที่อยู่ (จังหวัด): จ.อุตรดิตถ์

ตอบตอบเมื่อ: 24 ก.ค.2007, 11:49 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สมุทรปราการ พิมพ์ว่า:
ผมรบกวนสอบถามเพิ่มเติมครับ

การถวายบาตร ผ้าไตร และชุดบวชจะได้บุญมากหรือไม่ครับ และได้บุญอย่างไรครับ
ผมทราบมาว่าการถวายผ้าไตรจะได้บุญมาก และการถวายชุดบวชจะได้บุญมาก
เนื่องจากให้ผู้อื่นได้บวช หรือพระสงฆ์ได้เปลี่ยนเครื่องใช้ กรณีของเดิมชำรุดครับ


การถวายผ้าและชุดบวชจะทำให้เราไม่ขาดผ้า
และจะไม่มีปัญหาเรื่องไตรจีวรเวลาเราจะบวชในชาติต่อ ๆ ไป

ในสมัยพุทธกาลมีท่านหนึ่งบรรลุพระอรหันต์แล้วแต่หาจีวรบวชไม่ได้
เพราะไม่เคยทำบุญถวายผ้าไตรมาก่อน

สมัยนี้บางวัดมีบาตรกับผ้าจีวรกองเต็มตู้ แต่มีพระอยู่แค่ไม่กี่รูปก็มี...

บวชใจดีกว่า ...
ถ้าให้ดีบวชกายด้วยเสียเลย
บุญยิ่งกว่าถวายผ้าให้คนอื่นบวชนัก

ฮา ๆ ชวนบวชซะแล้ว

สมุทรปราการ พิมพ์ว่า:
ผมขอถามเรื่องการนั่งสมาธิแล้วถอดจิตได้ครับ ผมเคยทราบว่าสามารถถอดจิตย้อนเห็นตัวเราเองในอดีตได้ ผมขอสอบถามว่าเราสามารถแก้ไขอดีตข้อผิดพลาดได้หรือไม่ครับ หรือไปบอกตัวเราเองว่าอย่าทำแบบนั้นในข้อผิดพลาดนั้นๆ ได้หรือไม่ครับ
ขอบคุณครับ


อย่าไปสนใจ "ของแถม" เลยครับ
ของแถม ยังไง ๆ
มันก็สู้ตัวสินค้าหลักไม่ได้


การมองเห็นอดีตคือ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ = ญาณ "หยั่งรู้" ความเป็นไปในอดีต
แค่ "รู้" ครับ
ถึงแม้พระพุทธเจ้าจะทราบอดีต แต่ท่านก็ไม่สามารถนั่งไทม์แมชชีนกลับไปแก้ไขได้ครับ

ประสาอะไรกับเรา

ถ้าเราสามารถแก้ไขอดีตได้
คนเราก็คงจะไม่มีสงคราม ไม่มีการอดอยาก ทุกคนคงถูกรางวัลที่ 1 กันหมด

สนใจอะไรกับอดีตครับ
วันนี้กำลังจะเป็นอดีตของวันพรุ่งนี้

วินาทีนี้ก็กำลังจะเป็นอดีตของวินาทีข้างหน้าแล้ว...

แก้ไขปัจจุบันดีกว่าครับ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
แล้วเราจะได้ไม่ต้องนั่งเสียดายในภายหลัง
เพราะอดีตแก้ไขไม่ได้

อดีตเป็นเพียงความฝัน ปัจจุบันคือความจริง ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ขอรับ สู้ สู้

เจริญธรรม
 

_________________
"สัจธรรมของชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง อย่าไปยึดติดว่า ทุกอย่างจะคงเดิมถาวร"
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
สมุทรปราการ
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2007
ตอบ: 8
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 24 ก.ค.2007, 1:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบคุณครับ
สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
NongBua
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 10 ก.ค. 2007
ตอบ: 21

ตอบตอบเมื่อ: 24 ก.ค.2007, 7:41 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การทำบุญเจือด้วยราคะ คือการทำบุญแบบใดบ้างค่ะ

การทำบุญให้คนรัก ที่ล่วงลับไปแล้ว ถือเป็นการทำบุญเจือด้วยราคะหรือไม่คะ

ขอบพระคุณค่ะ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เทวประภาส
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 14 ก.ค. 2007
ตอบ: 18
ที่อยู่ (จังหวัด): จ.อุตรดิตถ์

ตอบตอบเมื่อ: 24 ก.ค.2007, 9:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ต้องแยกให้ออกก่อนว่า ทำบุญให้คนรักด้วย "เมตตา"หรือ "ราคะ"

การทำบุญทุกประเภท
ส่วนใหญ่มักมีเงาของกิเลสตามหลังมาเสมอ ๆ

โดยปกติแล้วการทำบุญ (อามิสทาน)
เนื้อแท้ของการให้ ก็คือการสละความยึดมั่นในวัตถุสิ่งของ
เป็นการละกิเลส คือตัณหา(ราคะ) โลภะ

ปกติคนเราจะทำบุญด้วยเจตนาภายในที่แตกต่างกัน

บางคนทำบุญอย่างเมามันส์เพื่อ "หวัง" ผลในชาติหน้า (บุญ+โลภะ(+โมหะ))
บางคนทำบุญเพื่อให้เจอคนรักอีก (อันนี้ก็อาจจะเจือ กามราคะ แถมเข้าไปด้วย)

พระพุทธองค์จำแนกระดับเจตนาของทานไว้ในทานสูตรว่า

บางคนทำบุญเพราะ "หวังผลคือความสุขในชาติหน้า"
บางคนทำเพราะ "คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดี" ไม่ได้หวังอะไร
บางคนทำเพราะ "ทำตาม ๆ กันมา" ตามปู่ย่าตายาย
บางคนทำเพราะคิดว่า "สมณะท่านหุงหากินเองไม่ได้"
บางคนทำ "เพื่อเป็นผู้จำแนกแจกทาน เหมือนฤาษีแต่ครั้งก่อน"

แต่บางคนอาจ "ทำบุญเพื่อยกระดับจิตของตนให้สูงขึ้น"

พระพุทธองค์ตรัสว่า อย่างหลังนี้ได้อานิสงส์มากที่สุด
เพราะการทำบุญประเภทนี้จะ "ทำให้ไม่กลับมาเกิดอีก"


แต่แน่นอนว่าคนเรายังเป็นปุถุชน การละกามราคะสังโยชน์ต้องเป็นถึงระดับขั้นพระอรหันต์เท่านั้น

ธรรมดาครับที่มักมีเยื่อกิเลสพัวพันมากับการทำบุญด้วย
หรือไม่จริง!

เจริญธรรม
 

_________________
"สัจธรรมของชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง อย่าไปยึดติดว่า ทุกอย่างจะคงเดิมถาวร"
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
NongBua
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 10 ก.ค. 2007
ตอบ: 21

ตอบตอบเมื่อ: 25 ก.ค.2007, 11:46 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอถามต่อค่ะ

สมัยที่เขาอยู่ เขาไม่ค่อยได้ทำบุญค่ะ เวลาไปทำบุญด้วยกัน ยืนจัดของกันอยู่
พอพระมาถึง เขามักจะไปยืนตรงอื่น ไม่ยอมมาใส่บาตรด้วยตนเอง
แต่เวลาซื้อของ หรือเตรียมของ เขาจะช่วยเหลือเป็นอย่างดีค่ะ

ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว เลยคิดว่าอยากทำบุญแทนเขา เพราะเขาไม่ค่อยได้ทำ
แต่เขาก็ไม่ใช่คนชอบทำบาปค่ะ ค่อนข้างจะเป็นคนมีเมตตา
ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยากเสมอ
เวลาเจอนก หรือสัตว์อื่นๆ ถูกรถชน นอนอยู่กลางถนน
เขามักจะเลี้ยวรถกลับมาพาไปรักษาเสมอ พอหายก็ปล่อยไป
แต่กับพระสงฆ์ หรือวัด เค้าไม่ค่อยได้ทำเท่าไหร่

เวลาทำบุญให้เขา ก็จะกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้เขา
ขออโหสิกรรม จากเจ้ากรรมนายเวรของเขาแทนเขา
ไม่ได้ทำบุญแล้วขอให้เจอกันอีกในชาติหน้า
เพราะเชื่อว่าบุญกรรมแต่ละคนไม่เท่ากัน
จึงไม่อยากสร้างพันธะผูกมัดกันและกันเอาไว้
แค่ต้องการให้ผลบุญที่เราทำส่งถึงเขาเท่านั้นคะ

หวังว่าเขาจะได้รับ ซึ้ง

ถ้าเป็นเช่นนี้ เข้าข่าย ไหนบ้างค่ะ

ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เทวประภาส
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 14 ก.ค. 2007
ตอบ: 18
ที่อยู่ (จังหวัด): จ.อุตรดิตถ์

ตอบตอบเมื่อ: 25 ก.ค.2007, 12:37 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เมตตานั่นแหละครับ
แต่เป็นเมตตาจำเพาะเจาะจง

ลองทำบุญเมตตาเผื่อแผ่แก่คนทั้งโลกซิครับ

การทำบุญอุทิศกุศล
อุทิศให้หมู่มาก ก็ได้กับหมู่มาก
อุทิศให้หมู่น้อยก็ได้กับหมู่น้อย

การอุทิศบุญก็เหมือนกับต่อไฟเทียน
ยิ่งต่อมาก ก็ยิ่งสว่างมากนั่นแล
ต้นเทียนก็ยังเปล่งประกายไม่คลายเลย

น่าอนุโมทนานัก

(ผมเริ่มจะคุยไม่รู้เรื่องแล้ว ฮา ๆ)

เจริญธรรม
 

_________________
"สัจธรรมของชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง อย่าไปยึดติดว่า ทุกอย่างจะคงเดิมถาวร"
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
suratana
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2007
ตอบ: 2
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2007, 7:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

โยมเห็นเขาโค่นต้นไม้อายุไม่ตำกว่าสามสิบปีคนที่โค่นต้นไม้จะได้รับบาปไหมครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เทวประภาส
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 14 ก.ค. 2007
ตอบ: 18
ที่อยู่ (จังหวัด): จ.อุตรดิตถ์

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2007, 7:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ต้นไม้มีชีวะ
แต่ไม่มีจิตอาศัย

โค่น แคะ แกะ เกา เผา ทำลาย ยังไงก็ไม่ผิดปฐมเบญจศีล (ปาณา)
เพราะฉะนั้นไม่บาปดอก ไม่ว่าต้นไม้อายุเท่าไรก็ตาม

แต่การทำลายต้นไม้ผมว่าน่าจะผิดศีล (ความเป็นปกติ) ของธรรมชาติ


สมัยพุทธกาลชาวบ้านเชื่อกันว่าต้นไม้มีชีวะอาศัย การทำลายต้นไม้เป็นบาป
เวลาพระไปตัดต้นไม้ก็มีชาวบ้านมาฟ้องว่าพระทำไม่ถูกต้อง

พระพุทธเจ้าก็ไม่ทรงค้านอะไร แต่กลับทรงบัญญัติพระวินัยห้ามพระพรากของเขียวเสียอีก

พระพุทธองค์ทรงเป็นนักอนุรักษ์ที่น่ายกย่องพระองค์หนึ่งเลยทีเดียว

เจริญธรรม
 

_________________
"สัจธรรมของชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง อย่าไปยึดติดว่า ทุกอย่างจะคงเดิมถาวร"
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
สมุทรปราการ
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2007
ตอบ: 8
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 03 ส.ค. 2007, 10:19 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมขอสอบถามเรื่องการเกิดครับ

ผมเคยอ่านหนังสือและฟังธรรมะทราบว่ามีบางคนยังมีชีวิตอยู่ร่างกายแข็งแรงปกติดี แต่เห็นว่าตนเองอยู่ในครรภ์ของญาติครับ และบางคนไม่สบายนอนอยู่บนเตียง แต่รู้สึกว่าบางเวลาตนเองอยู่ในครรภ์ญาติที่มาเยี่ยม และเดินไปสถานที่ต่างๆด้วยกันครับ และต่อมาได้มาเกิดเป็นลูกของญาติผู้นั้นครับ
ผมขอสอบถามว่าการตั้งครรภ์จะมีจิตวิญญาณมาอยู่ช่วงใดได้บ้างครับ

ขอบคุณครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ธนัสถา ศิริ
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2007
ตอบ: 2
ที่อยู่ (จังหวัด): ขอนแก่น

ตอบตอบเมื่อ: 03 ส.ค. 2007, 8:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กรรมฐาน จะแนะนำอย่างไรดีคะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ธนัสถา ศิริ
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2007
ตอบ: 2
ที่อยู่ (จังหวัด): ขอนแก่น

ตอบตอบเมื่อ: 03 ส.ค. 2007, 8:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จะแนะนำเพื่อนที่กำลังผจญกับพายุชีวิต ให้เข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน อย่างไรดี ก่อนหน้านี้
ได้มีการพูดคุยกันบ้าง ส่งหนังสือธรรมมะไปให้บ้าง (เพื่อนอยู่ กท.)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เทวประภาส
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 14 ก.ค. 2007
ตอบ: 18
ที่อยู่ (จังหวัด): จ.อุตรดิตถ์

ตอบตอบเมื่อ: 05 ส.ค. 2007, 8:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมขอสอบถามเรื่องการเกิดครับ

ผมเคยอ่านหนังสือและฟังธรรมะทราบว่ามีบางคนยังมีชีวิตอยู่ร่างกายแข็งแรง ปกติดี แต่เห็นว่าตนเองอยู่ในครรภ์ของญาติครับ และบางคนไม่สบายนอนอยู่บนเตียง แต่รู้สึกว่าบางเวลาตนเองอยู่ในครรภ์ญาติที่มาเยี่ยม และเดินไปสถานที่ต่างๆด้วยกันครับ และต่อมาได้มาเกิดเป็นลูกของญาติผู้นั้นครับ

ผมขอสอบถามว่าการตั้งครรภ์จะมีจิตวิญญาณมาอยู่ช่วงใดได้บ้างครับ

ขอบคุณครับ


ไม่ทราบครับ ผมไม่ชำนาญพระอภิธรรม
แล้วอีกประการหนึ่ง
ผมไม่มีญาณวิเศษด้วย

การตั้งครรภ์จิตมาอาศัยตั้งแต่ปฏิสนธิแล้วครับ

กรรมฐาน จะแนะนำอย่างไรดีคะ

แนะนำใครครับ

จะแนะนำเพื่อนที่กำลังผจญกับพายุชีวิต ให้เข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน อย่างไรดี ก่อนหน้านี้
ได้มีการพูดคุยกันบ้าง ส่งหนังสือธรรมมะไปให้บ้าง (เพื่อนอยู่ กท.)


โอ้...ไม่ทราบครับ

ผมไม่ใช่คุณ และคุณก็ไม่ใช่ผม

ทำทุกอย่างด้วยความหวังดีและเข้าใจความรู้สึกซึ่งกันและกัน
เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเองครับ

เจริญธรรม
 

_________________
"สัจธรรมของชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง อย่าไปยึดติดว่า ทุกอย่างจะคงเดิมถาวร"
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
สมุทรปราการ
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2007
ตอบ: 8
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2007, 10:05 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบคุณครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
bad&good
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 06 ส.ค. 2007
ตอบ: 115

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2007, 12:20 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
1.การทำให้จิต สงบ เย็น อยู่ตลอดได้ทั้งวัน ทำอย่างไร
2.การทำให้ สบายใจ อยู่ตลอดได้ทั้งวัน ทำอย่างไร
3.การทำให้ รู้สึก ขยัน อยู่ตลอดได้ทั้งวัน ทำอย่างไร
4.ในการปฏิบัติธรรม ควรนอนอย่างมากที่สุด กี่ชั่วโมง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
bad&good
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 06 ส.ค. 2007
ตอบ: 115

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2007, 12:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
ในนิวรณ์5 ข้อที่3 ถีนมิทธะ
คือ ความที่จิตหดหู่ เคลิบเคลิ้ม ไม่ร่าเริง แจ่มใส ทำให้ จิต ไม่มีสมรรถภาพ ในการที่จะเห็นแจ้ง ในธรรม ท่านเปรียบเหมือน น้ำใส แต่มีพืช เช่น ตะไคร่ หรือ สาหร่าย เกิด อยู่เต็ม ก็ไม่อาจจะ มองเห็น สิ่งต่างๆ ใต้น้ำ ได้เช่นเดียวกัน

วิธีแก้ปัญหา ถีนมิทธะ คือ
ให้ทำในใจ ถึง แสงสว่างเป็นอารมณ์ เช่น การเจริญ อโลกสัญญา เป็นต้น ย่อมกำจัด ถีนมิทธะ ข้อนี้ แม้การทำในใจ ถึงสิ่งที่เป็นที่ตั้งแห่ง ความเลื่อมใส หรือ อิ่มใจ เช่น การเจริญ พุทธานุสติ เป็นต้น ก็ อาจจะช่วย กำจัด ถีนมิธะ ได้ตามสมควร

ข้าพเจ้าขอถามว่า
1.การให้ทำในใจ ถึง แสงสว่างเป็นอารมณ์ คือ การทำอย่างไร อยากได้รายละเอียด อย่างมาก หรือมีตัวอย่าง
2.การเจริญ อโลกสัญญา คือ การทำอย่างไร
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เทวประภาส
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 14 ก.ค. 2007
ตอบ: 18
ที่อยู่ (จังหวัด): จ.อุตรดิตถ์

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2007, 12:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สงสัย

งงบาลี
 

_________________
"สัจธรรมของชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง อย่าไปยึดติดว่า ทุกอย่างจะคงเดิมถาวร"
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
1234
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 27 มิ.ย. 2007
ตอบ: 62
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 10 ส.ค. 2007, 12:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เณรไม่ว่างมานานมากก็เลยไม่ได้เข้ามาดู
ก็ขอขอบใจโยมที่มาช่วยตอบงั้นเณรก็ไปทำธุระของเณรต่อนะ
แต่ถ้าอยากให้เณรตอบต่อก็บอกละกัน
 

_________________
จงระแวงในสิ่งที่ควรระแวง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวหมายเลข ICQ
kanawat_ny
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2007
ตอบ: 47

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2007, 12:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หลวงเณรที่เคารพ
อยากถามว่า คนเกิดเป็น "กะเทย" เหมือนอย่างตัวข้าพเจ้า มีบาปกรรมแต่ปางไหน เพราะอะไร และจะล้าง "กรรม-กมฺมุนา วฺตตตีโลโก" ได้อย่างไร
 

_________________
กมฺมุนา วตฺตตี โลโก
ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
(อิสระ ชีวา)
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่หัวข้อนี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไข หรือตอบได้
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง