Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 สธ. ชวนคนไทย "บริจาคอวัยวะถวายในหลวง" อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
tst
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 18 ก.ค. 2007
ตอบ: 53

ตอบตอบเมื่อ: 05 ส.ค. 2007, 7:04 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หัวข้อข่าว :. สธ. ชวนคนไทย "บริจาคอวัยวะถวายในหลวง"

สภากาชาดไทย-สธ.-สปสช.-สสส. ชวนคนไทย “บริจาคอวัยวะถวายในหลวง” ต่อลมหายใจเพื่อนมนุษย์ หนึ่งร่างกายอาจช่วยได้ถึง 7 ชีวิต แต่คนไทยบริจาคอวัยวะน้อย ปี 50 ได้ปลูกถ่ายไม่ถึง 5% อีกกว่า 2 พันชีวิตรอความหวัง เหตุกลัวชาติหน้าเกิดมาไม่ครบ 32 ผู้ป่วยรอไม่ไหวตายแล้ว 380 คน

ที่ลานห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน สภากาชาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จัดโครงการ “บริจาคอวัยวะถวายในหลวง” โดย นพ.มรกต กรเกษม รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า มีผู้ป่วยรอรับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายอวัยวะเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาผู้ป่วยที่อวัยวะสำคัญเสื่อมสภาพ แต่ปัญหาคือการขาดแคลนอวัยวะ แต่ละปีคาดมีผู้เสียชีวิตที่สามารถบริจาคอวัยวะได้เกือบ 2,000 คน

ดังนั้นเพื่อช่วยชีวิตพี่น้องชาวไทยด้วยกัน ให้มีอวัยวะเพียงพอต่อการปลูกถ่าย จัดสรรอวัยวะที่ได้รับบริจาคอย่างเสมอภาค ไม่มีการซื้อขายอวัยวะ และเหนือสิ่งอื่นใดคือร่วมกันทำความดีในวโรกาสอันเป็นมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในวันที่ 5 ธ.ค. 2550 สภากาชาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สปสช. แล สสส. จึงจัดโครงการ "บริจาคอวัยวะถวายในหลวง" เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนร่วมบริจาคอวัยวะ ถวายเป็นพระราชกุศล

“ไตเป็นอวัยวะที่มีผู้รอรับการปลูกถ่ายมากที่สุด ส่วนหนึ่งมาจากโรคไต มีเครื่องฟอกไตที่ช่วยต่อเวลาให้รอต่อไปได้นานเท่าที่ผู้ป่วยสามารถไปฟอกได้ แต่อวัยวะอื่นๆ ไม่อาจฟอกรอได้ เมื่อถึงเวลาหนึ่งที่อวัยวะนั้นๆเสื่อม ผู้ป่วยก็ต้องเสียชีวิตไป ซึ่งมีผู้เสียชีวิตระหว่างรอรับอวัยวะแล้ว 380 คน ขณะที่ผู้ได้รับการปลูกถ่ายหัวใจรายหนึ่ง มีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวจนถึงปัจจุบันก็ 20 ปีแล้ว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะร่วมรณรงค์ในโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยจะพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ให้มีความรู้เรื่องการบริจาคอวัยวะ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน”นพ.มรกต กล่าว
นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย กล่าวถึงบทบาทของสภากาชาดไทยในการรับบริจาคอวัยวะว่า เนื่องจากความก้าวหน้าทางการแพทย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกถ่ายอวัยวะซึ่งเป็นการช่วยเหลือมนุษย์ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้เป็นผู้นำในการปลูกถ่ายตับและหัวใจสำเร็จเป็นรายแรกของประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.2530

ดังนั้น เพื่อให้การรับบริจาคอวัยวะสำหรับการปลูกถ่ายเป็นไปตามระบบที่ถูกต้องและเป็นธรรมตามหลักปฏิบัติสากลในทางการแพทย์ สภากาชาดไทยจึงได้จัดตั้งศูนย์รับบริจาคอวัยวะ ซึ่งเป็นแห่งแรกในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ได้ทรงพระราชทานพระราชานุญาตให้วันที่ 2 เมษายน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ เป็นวันศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย

นายแผน กล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา ศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ ได้ทำการรณรงค์การบริจาคอวัยวะมาอย่างต่อเนื่องตราบจนถึงปัจจุบัน ได้มีผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะหลังจากเสียชีวิตแล้ว 436,365 คน แต่ถึงกระนั้นก็ดี ก็ยังประสบปัญหาการขาดแคลนอวัยวะอยู่ ซึ่งภาวะการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นทั่วทุกประเทศที่มีการปลูกถ่ายอวัยวะ ดังจะเห็นได้ว่าในขณะนี้ (30 มิถุนายน 2550) มีผู้รอรับอวัยวะถึง 2,238 คน แต่มีผู้ป่วยเพียง 107 คน หรือ 4.8% เท่านั้นที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ยังมีผู้ป่วยอีก 2,131 คน ที่รอคอยความหวังที่จะได้รับชีวิตใหม่ อวัยวะ 3 อันดับแรกที่มีผู้รอรับการบริจาคมากที่สุด คือ 1.ไต 1,848 ราย มีผู้ได้รับการปลูกถ่ายไต 114 ราย หรือ 6.2% 2.ตับ 231 ราย มีผู้ได้รับการปลูกถ่ายตับ 24 ราย หรือ 10.4% 3.หัวใจและปอด 49 ราย มีผู้ได้รับการปลูกถ่ายเพียง 5 ราย หรือ 10.2% และมีผู้รอรับการบริจาคตับอ่อน 4 ราย แต่ยังไม่มีใครได้รับการปลูกถ่าย

นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการสสส. กล่าวว่า การที่มีผู้บริจาคอวัยวะจำนวนน้อย ส่วนหนึ่งเกิดจากความเชื่อที่เกรงว่า หากบริจาคแล้วเมื่อเกิดใหม่ในชาติหน้า จะมีอวัยวะไม่สมบูรณ์ ซึ่งไม่มีเหตุผลจะเป็นเช่นนั้น ตรงกันข้ามการบริจาคอวัยวะคือการทำบุญที่ยิ่งใหญ่ โดย 1 ร่างกายที่สมบูรณ์อาจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้ถึง 7 ชีวิต โดยนำ 1 หัวใจ 1 ตับ 1 ตับอ่อน 2 ปอด และ 2 ไต ไปปลูกถ่ายได้ การปลูกถ่ายอวัยวะเป็นแนวทางเอื้อต่อการสร้างเสริมสุขภาพประการหนึ่ง ที่จะทำให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งทางกาย จิตใจ และสังคม เพราะเมื่อเชื่อว่า การบริจาคอวัยวะคือการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ผู้บริจาคย่อมดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ให้ร่างกายสมบูรณ์พร้อมสำหรับทำการบุญที่ยิ่งใหญ่

โดยสสส.ได้จัดทำคู่มือสร้างเสริมสุขภาพแจกผู้บริจาคอวัยวะ ทั้งนี้ยังมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่ทราบขั้นตอนการบริจาค โดยนอกจากสอบถามได้ที่หมายเลข 1666 แล้ว จะมีเอกสารจัดวางที่สถานบริการสาธารณสุขทั่วประเทศ สถานีบริการน้ำมันบางจาก ปตท. ร้านสะดวกซื้อวีช้อป ไทยช้อป ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน และเสรีเซ็นเตอร์

พญ.เรณู ศรีสมิต ที่ปรึกษาอาวุโส สปสช. กล่าวว่า โรคไตวาย โรคหัวใจ เป็นโรคที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง การรักษาที่ดีที่สุดคือ การปลูกถ่ายอวัยวะ สปสช. จึงสนับสนุนงบประมาณ 20 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบการรับบริจาคอวัยวะของรพ.ศูนย์ทั่วประเทศ จำนวน 24 แห่ง และเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรับบริจาคอวัยวะ โดยตั้งเป้าหมายจะนำอวัยวะจากผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้ป่วยสมองตายจำนวน 200 ราย ไปปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยที่รอคอยได้ประมาณ 500 ราย ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพได้มาตรฐาน เสมอภาค เท่าเทียมกัน และได้รับความสะดวกในการรับบริการสาธารณสุขที่จำเป็น


ข้อมูลจาก : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
ภาพประกอบจาก สสส

http://thainews.prd.go.th/previewnews.php?m_newsid=255008020055&tb=NEWS
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
NongBua
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 10 ก.ค. 2007
ตอบ: 21

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2007, 12:11 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บริจาคไปตั้งกะสมัยเรียนปริญญาตรีแล้ว เลยอยากแบ่งปันประสบการณ์ให้ฟัง หุหุ

อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ ยังมีชีวิต และอวัยวะอยู่ครบค่ะ แต่จะแบ่งปันประสบการณ์การขออนุญาตผู้ปกครองให้ฟัง

จำได้ว่าเค้าต้องให้ญาติเซ็นต์ยินยอมด้วยจึงจะบริจาคได้ แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะว่าเราอายุยังไม่ถึง 20 ปี หรือเปล่า ไม่แน่ใจ เพราะนานมาแล้ว เนื่องจากตอนนั้นยังเรียนอยู่

ตอนแรกไปขออนุญาตพ่อก่อน พ่อก็บอกว่าให้ไปคุยกะแม่ แม่ว่าไงก็ว่างั้น (อย่างงี้ทุกครั้งค่ะ เป็นปกติ)

พอไปคุยกะแม่ แม่ไม่เซนต์ โดยไม่มีเหตุผลชี้แจงค่ะ แค่ส่ายหน้าแล้วเดินจากไป ร้องไห้
แต่ความพยายามเราก็ไม่ลดละค่ะ ค่อยๆ หาโอกาสเวลาแม่อารมณ์ดี แล้วเริ่มคุยเรื่องธรรมะ เรื่องบาปบุญก่อน พอแม่เริ่มเคลิ้ม เราก็เกริ่นเรื่องบริจาคอวัยวะอีก ผลออกมาเหมือนเดิมค่ะ แม่ส่ายหน้า แล้วเดินจากไป ซึ้ง

พยายามอยู่อาทิตย์กว่าได้ วันนึงแม่ก็พูดขึ้นมาว่า "ไม่กลัวชาติหน้าเกิดมาไม่ครบหรือไง" ได้ยินแค่นั้นเราเองก็ยิ้มหน้าบานเลย อย่างน้อยแม่ก็มีปฏิกริยาตอบสนองกลับมาบ้าง เราจะได้ชี้แจงต่อได้ ดีกว่าส่ายหน้าแล้วเดินจากไป อันนี้ไม่รู้จะทำไงต่อ ได้แต่รอ แต่ผลของการรอคอยก็มาถึงแล้วค่ะ

หลังจากที่แม่ถามมาอย่างนั้น ก็เข้าทางเราเลย เราก็เลยตอบแม่ไปว่า "ถ้าทำความดีแล้วไม่ได้ดี อย่างนี้ก็ไม่มีใครทำสิแม่ เราช่วยชีวิตคน แล้วผลบุญที่เราทำไว้จะไม่ช่วยให้เราเกิดมาครบเลยเชียวหรอ"

ตอนนี้แม่เริ่มหน้ายุ่ง เพราะลูกเถียง ตื่นเต้น เราเลยต่อด้วยมุกเด็ด

"ถ้าเกิดชาติหน้ามาไม่ครบจริงๆ เดี๋ยวเค้าก็เอาของที่เราบริจาคไว้มาใส่ให้เราเองแหละ" ยิ้มเห็นฟัน

พอพูดมาหน้าถึงตรงนี้ แม่แบะปาก แล้วแอบอมยิ้มเหมือนจะขำๆ เราก็ต่อเลย

"อย่างน้อยก็ดีกว่าเผาทิ้ง ไม่เป็นประโยชน์อะไร เอาส่วนที่ใช้ได้ไปให้คนอื่นที่เขาต้องการดีกว่า อันไหนใช้ไม่ได้ใช้เดี๋ยวเค้าส่งคืนมาให้ญาติกลับมาทำพิธีตามศาสนา แล้วอีกอย่างนึง มันเป็นความดีครั้งสุดท้ายในชีวิตเราแล้วที่เราจะทำได้"

แม่ยิ้มแล้วส่ายหน้านิดๆ ประมาณว่าลูกชั้นนี่มันพูดมากจริงๆ แล้วก็บอกว่าเอามาสิจะเซนต์ให้ ปรบมือ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
tst
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 18 ก.ค. 2007
ตอบ: 53

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2007, 1:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนุโมทนาครับ ยิ้ม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง