เชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมสร้างโบสถ์ ณ วัดป่านาขาม จ.หนองคาย

ตอบเมื่อ: 11 ก.ค.2007, 11:32 pm

เชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมสร้างโบสถ์วัดป่านาขาม
ต.แก้งไก่ อ.สังคม จ.หนองคาย

วัดป่านาขาม เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2532 ตั้งอยู่ที่ ต.แก้งไก่ อ.สังคม จ.หนองคาย มีเนื้อที่ทั้งหมด 113 ไร่ (แยกเป็นพื้นที่สาธารณะที่หลวงให้ใช้ประโยชน์ ไม่สามารถซื้อ-ขายหรือเปลี่ยนเป็น น.ส.3 ได้ จำนวน 73 ไร่ และอีก 40 ไร่ที่ได้มาภายหลังเป็นที่ส่วนบุคคลที่ได้ น.ส.3 แล้ว) ทางวัดได้แบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน

ส่วนแรกเป็นของพระสงฆ์ (หรือเรียกว่า”พื้นที่สงฆ์”) ปลูกสร้างอยู่ในพื้นที่สาธารณะที่หลวงให้ใช้ประโยชน์ เป็นศาลาสองชั้น ชั้นบนเป็นที่สำหรับพระสงฆ์ใช้สวดมนต์ ทำวัตรเช้า-เย็น ชั้นล่างเป็นหอฉันรวมทั้งให้ญาติโยมมาถวายภัตตาหารและฟังธรรม บริเวณรอบข้างก็จะเป็นกุฏิพระ กระจายตั้งอยู่ห่างกันออกไปในป่า

ส่วนที่สองเป็นโรงครัว ปลูกสร้างอยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคล น.ส.3 ซึ่งในส่วนของโรงครัวนี้จะมีบริเวณพื้นที่แบ่งเป็นที่พักสำหรับ แม่ชีและอุบาสิกา เพื่อมาปฏิบัติธรรมได้ด้วย

วัดป่านาขามเป็นวัดป่าสายธรรมยุติ ที่ถือข้อวัตรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอย่างเคร่งครัดพระวินัยตามรอยพระอริยสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ซึ่งปัจจุบันจะพบเห็นวัดที่เคร่งครัดตามพระวินัยน้อยลงทุกที

พระครูสุทธิญาณโสภณ (พระอาจารย์เล็ก) ท่านเป็นผู้ริเริ่มบุกเบิกเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้วตั้งแต่พื้นที่นี้เป็นป่าช้ารกร้างไม่มีผู้ใดกล้าอยู่อาศัย ปัจจุบันพื้นที่แห่งนี้ได้กลายเป็นวัดและสถานที่ปฏิบัติธรรมที่ชุมชนในละแวกนั้นให้ความเคารพและศรัทธาเป็นอย่างมาก พระอาจารย์เล็กได้รับความเคารพและศรัทธาจากชุมชน ด้วยเพราะท่านเป็นพระผู้นำที่มีความเสียสละ ทั้งแรงกายแรงใจ รวมทั้งถือข้อวัตรปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามรอยพระอริยสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย พร้อมทั้งได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างใกล้ชิดโดยตรงจากพระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ) แห่งวัดอรัญญบรรพต จังหวัดหนองคาย ซึ่งท่านเป็นพระเถระผู้ใหญ่ ที่พระและประชาชนจำนวนมากในประเทศให้ความเคารพและศรัทธาเป็นอย่างมาก

เกือบยี่สิบปีแล้วที่วัดป่านาขามนี้ ไม่สามารถขออนุญาตจดทะเบียนเป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมายและขอวิสุงคามสีมาได้ (วิสุงคามสีมาเป็นสิ่งที่ทุกวัดจะต้องมีและในหลวงเป็นผู้พระราชทานให้เท่านั้น) เนื่องด้วย

กฎหมายกำหนดว่า พื้นที่ที่สามารถขออนุญาตจดทะเบียนเป็นวัดให้ถูกต้องตามกฎหมายและขอวิสุงคามสีมาได้นั้นจะต้องเป็นที่ส่วนบุคคลที่ได้ น.ส.3แล้วและมีสิ่งปลูกสร้างที่เป็นประโยชน์ใช้สอยสำหรับพระสงฆ์ ด้วยเหตุที่พื้นที่สงฆ์และสิ่งปลูกสร้างสำหรับสงฆ์ที่ใช้อยู่ปัจจุบันมิได้อยู่ในที่ส่วนบุคคล จึงติดปัญหาในการขออนุญาต

ด้วยความมุ่งมั่นของพระอาจารย์เล็กที่มีความประสงค์ให้วัดป่าแห่งนี้เป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมายของชุมชน เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับชาวบ้าน ในการสนับสนุนการศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม และเป็นสถานที่อบรมบุตรหลานให้มีคุณธรรมความดี พระอาจารย์เล็กจึงกราบเรียนปรึกษาหลวงปู่เหรียญเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ (ท่านมรณภาพแล้วเมื่อปีพ.ศ.2548) ว่าจะขอสร้างศาลาอีกหลังบริเวณพื้นที่ว่างที่เป็น น.ส.3 นี้ เพื่อให้มีพื้นที่สงฆ์ในการขออนุญาตจดทะเบียนวัด เหตุที่เลือกสร้างศาลา เพื่อประหยัดทุนทรัพย์ให้มากที่สุด แต่หลวงปู่เหรียญ แนะนำว่า ศาลาที่จะใช้ประโยชน์นั้นมีอยู่แล้ว ควรสร้างโบสถ์ดีกว่า เพราะจะเป็นประโยชน์ ใช้บวชเรียนลูกหลาน เพื่ออบรมให้เป็นพระที่ดีสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไปได้ พระอาจารย์เล็กจึงเห็นด้วยกับบรูพาจารย์ กอปรกับปี 2550 นี้เป็นปีที่ครบรอบ 80 พรรษาขององค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย จึงตั้งใจจัดสร้างโบสถ์นี้ ถวายในหลวงเป็นพระราชกุศลด้วยในคราวเดียวกัน

การสร้างโบสถ์นี้ตามกรมพุทธศาสนาจะกำหนดขนาดมาตรฐานของโบสถ์ไว้แบ่งเป็น เล็ก กลาง ใหญ่ ทางวัดได้เลือกขนาดกลาง โดยพิจารณาจากจำนวนประชากรในอำเภอสังคม เพราะโบสถ์นี้ เมื่อเสร็จแล้วจะเป็นศูนย์กลางสถานที่บวชพระและสามเณร (สายพระป่า) ในเขตอำเภอสังคมทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันนี้มีความลำบากมาก เวลาจะบวชพระหรือสามเณรแต่ละครั้ง ก็ต้องเดินทางไปอาศัยโบสถ์อื่น (สายพระป่า) ที่อยู่ต่างอำเภอ หรือจังหวัดใกล้เคียง เช่น อุดรธานี ซึ่งการจะทำพิธีบวชได้นี้ พระอุปัชฌาย์จะต้องทำพิธีในโบสถ์ที่ได้รับอนุญาตวิสุงคามสีมาแล้วเท่านั้น

อนึ่งขอเรียนชี้แจงเพิ่มเติมว่าพระป่านั้นจะมุ่งปฏิบัติทำความเพียรในที่สงบเงียบเช่นในป่า ถ้าไม่มีความจำเป็นจริงๆ โดยปกติจะไม่มีสิ่งปลูกสร้างในอาณาบริเวณมากนัก เพราะไม่มุ่งเน้น พิธีกรรมใดๆ หรือกิจกรรมอื่นใดที่เป็นเครื่องรบกวนการปฏิบัติทำความเพียร ดังนั้นจึงถือระเบียบเคร่งครัดตามพระวินัยได้มากกว่าวัดที่อยู่ในตัวเมือง (หรือบางคนเรียกกันว่า “วัดบ้าน”) ฉะนั้นในการบวชพระจึงต้องกระทำขึ้นในวัดที่มีระเบียบวินัยเคร่งครัดเสมอกัน

ในดินแดนที่สงบเงียบ สุดขอบภาคอีสานเลียบริมฝั่งแม่น้ำโขง ห่างไกลความเจริญทางวัตถุ ณ อำเภอสังคม จังหวัดหนองคายแห่งนี้ ที่ที่บังเกิดรอยพระพุทธบาทในอาณาบริเวณใกล้เคียงแล้ว ในดินแดนแห่งนี้ยังมีสถานที่เพาะบ่มมนุษยชาติ ได้มีโอกาสตรัสรู้ธรรม ตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยศรัทธา ปัญญา และความเพียร หากท่านเห็นประโยชน์ในการสืบทอดพระพุทธศาสนา และศรัทธาในการปฏิบัติของพระวัดป่าที่ยังคงเคร่งครัดตามพระวินัย อีกทั้งต้องการทำบุญเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ทางเราขอร่วมบอกบุญท่านเพื่อช่วยกันสนับสนุน บริจาคเงินตามกำลังศรัทธา เพื่อให้งานสร้างโบสถ์นี้สำเร็จทันก่อน 5 ธันวาคมนี้

ในการสร้างโบสถ์ครั้งนี้ยังขาดเงินอยู่อีก 8 ล้านกว่าบาทจึงจะเสร็จสมบูรณ์ ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4 เดือน มีกำหนดการให้เสร็จทันก่อน 5 ธันวาคม พ.ศ. 2550 นี้

ผู้มีจิตศรัทธาประสงค์จะบริจาคเงินสามารถบริจาคได้ตามชื่อและเลขที่บัญชีด้านล่างนี้

ชื่อบัญชี : กองทุนสร้างอุโบสถวัดป่านาขามเฉลิมพระเกียรติ
เลขบัญชี : 392-2-16939-9
ธนาคาร กสิกรไทย สาขาย่อย ศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย

หมายเหตุ: หากท่านใดต้องการใบอนุโมทนาบัตรโปรดส่งชื่อและที่อยู่พร้อมใบนำฝากเงินมาที่วัดทางโทรสาร เพื่อทางวัดจะได้ดำเนินการจัดส่งทางไปรษณีย์ให้กับท่านและท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยตรงกับ

พระครูสุทธิญาณโสภณ (พระอาจารย์เล็ก) เจ้าคณะตำบลสังคม เขต 2
วัดป่านาขาม ต.แก้งไก่ อ.สังคม จ.หนองคาย 43160
โทรศัพท์ : 08-9944-9170 โทรสาร : 0 - 4244-1353
หรือติดต่อ : คุณแม่ชีน้อย โทรศัพท์: 08-4772-9581

ขอกราบอนุโมทนาบุญ ทุกท่านที่มีจิตศรัทธาร่วมกันบริจาคเงินครั้งนี้ ขอบุญกุศลที่ท่านได้ทำแล้วนี้จงเป็นปัจจัยให้ทุกท่านมีปัญญาญาณ เข้าใจพระธรรมในโลกุตรญาณ จนถึงซึ่งพระนิพพาน เทอญ