Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 กรรมของแม่ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 20 ก.พ.2006, 3:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

กรรมของแม่

เมื่อปีที่แล้วดิฉันและคณะได้ไปสอนวิปัสสนากรรมฐาน หลักสูตรสำหรับเด็กเล็ก ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง แถวสุขุมวิท มีเด็กๆ ทั้งชายหญิงตัวเล็กๆ ที่พวกเราจะต้องสอนครั้งนี้ราว 60 คน แต่ละคนก็ซุกซนตามประสาเด็ก พวกเราต้องใช้วิทยายุทธ์ทุกกระบวนท่ามาปราบให้นิ่ง

ขณะนั้นดิฉันสังเกตเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 8-9 ขวบ แต่งกายดี สวยงาม ใส่แว่นตาหนาเตอะ ใส่หูฟัง นั่งอยู่บนตักแม่ ดูพวกเรากับเพื่อนๆ ของแก ดังนั้นด้วยความปรารถนาดี อยากให้แกมาเข้าร่วมด้วย ดิฉันจึงได้ตรงเข้าไปจะจูงมือแกให้เข้ามาเล่นกับเพื่อนๆ แต่คุณแม่รีบปัดมือดิฉันเต็มแรงก่อนที่มือจะถึงลูกสาว

แรกๆ ดิฉันก็งงต่อปฏิกิริยาอย่างนั้นของแม่เด็ก แต่ก็ไม่ได้พูดไถ่ถามอะไร จนกระทั่งแม่เด็กนึกขึ้นได้ จึงเอ่ยปากขอโทษ และเปิดเสื้อของเด็กให้ดู ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ดิฉันถึงกับนิ่งอึ้งพูดไม่ถูก มันเป็นภาพที่ยากแก่การบรรยายจริงๆ นั่นก็คือผิวหนังทั้งตัวของเด็กหญิงคนนี้ ซึ่งทราบต่อมาว่าชื่อ น้องปูเป้ เป็นรอยถลอกสีแดงช้ำ เป็นหย่อมๆ บางตอนผิวหนังก็เลิกเปิดออกมาเห็นผิวใสๆ และเลือดออกมาตามแผล

คุณแม่เล่าว่า ผิวหนังของน้องปูเป้เป็นเรื่องที่น่าหนักใจมาก เพราะมีความเปราะบางมากที่สุด หากถูกผ้าหรือวัตถุอะไรมาเสียด สีผิวหนังก็จะเปิดออกมาทันที น้องปูเป้ก็จะร้องไห้อย่างน่าสงสาร ด้วยความเจ็บปวด

นอกจากนั้นหากอากาศหนาวเกินไป หรือร้อนเกินไป ผิวหนังก็จะเปิดออกมาจนได้รับความเจ็บปวดเช่นกัน และไม่เพียงแต่อากาศจะเป็นผลร้ายเท่านั้น แต่น้องปูเป้ยังแพ้หมดทุกอย่าง ถึงขนาดที่คุณแม่บอกว่าต้องนำตัวน้องปูเป้เข้าไปอยู่มุ้ง เพื่อป้องกันอาการแพ้ และใช้ผ้า (ซึ่งเป็นผ้าพิเศษ) คอยชุบพอกตัวน้องปูเป้ตลอดเวลา ไม่ให้ผ้าแห้ง ถ้าผ้าแห้งปูเป้ก็จะร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดน่าเวทนา

เมื่อต้องออกมาเรียนหนังสือหรือออกมาข้างนอก คุณแม่ก็ต้องนำผ้าใส่กระติกมาด้วย พอลูกผิวจะแห้ง ก็ใช้ผ้าชุบโปะตลอด คุณแม่ทำอยู่อย่างนี้ตลอดวันตลอดคืน ไม่ค่อยได้หลับได้นอน จนร่างกายซูบผอม จากการเฝ้าประคบประหงมลูกน้อยที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ นับว่าเธอได้รับความทุกขเวทนาไม่แพ้ลูกเลย ส่วนสามีซึ่งเป็นนายธนาคารแห่งหนึ่งก็ต้องผลัดกับคุณแม่มาช่วยดูแลลูกด้วย

นอกจากแผลทางกายแล้ว น้องปูเป้ยังมีอาการของโรคประสาทอ่อนๆ มีอารมณ์รุนแรง ฉุนเฉียวง่าย หน้าตาแก่เกินอายุไปประมาณ 3-4 ปี แถมยังมีอาการบกพร่องทางการได้ยิน ต้องใช้เครื่องช่วยฟังทั้งสองข้าง อีกทั้งสายตาก็ไม่ดี มีปัญหาต่อการมองเห็น รวมทั้งการพูดด้วย เพราะเวลาที่แกพูดออกมา เสียงจะห้าวและฟังยาก คุณแม่ต้องเป็นล่ามแปลให้ฟัง ทั้งๆ ที่แกอยากจะคุย อยากจะพูดอย่างเด็กๆ ทั้งหลาย แต่ก็ไม่สามารถทำได้เหมือนคนอื่นๆ

คุณแม่เล่าให้ฟังว่า เธอทำงานเป็นผู้จัดการทรัสต์แห่งหนึ่ง แต่งงานกับคุณพ่อซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวมาหลายปี แต่ไม่มีลูก คุณแม่ของสามีและญาติๆ ต้องการให้มีลูกเสียที เพื่อไว้สืบสกุล ทั้งคู่ก็พยายามทำทุกวิถีทาง จนกระทั่งต่อมาเธอก็แพ้ท้องและมีอาการแพ้ที่ไม่เหมือนใคร

คือตลอดระยะเวลา 9 เดือน จะรับประทานอาหารไม่ค่อยได้ นอนก็ลำบาก จนร่างกายผ่ายผอม และอ่อน เพลียมาก ต้องฉีดยา กินยาบำรุง ให้น้ำเกลือช่วย ฯลฯ ได้รับความทุกขเวทนาอย่างยิ่ง จนกระทั่งเธอคลอดลูกออกมาด้วยการผ่าตัด และแพทย์บอกว่าจะมีลูกได้เพียงคนเดียวเท่านั้น

ดังนั้น เมื่อลูกตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เธอจึงจำต้องลาออกจากงานมาเลี้ยงลูก พยายามประคบ ประหงมดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ทั้งยามหลับและยามตื่น ทั้งนี้ก็เพราะความรักอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อลูกนั่นเอง

ต่อมาเธอได้พยายามหาเวลามาเข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ด้วยหวังว่าบุญกุศลที่เกิดจาก การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจะช่วยส่งผลให้ความเจ็บป่วยของลูกทุเลาเบาบางลงได้บ้าง และหวังว่าเจ้ากรรมนายเวรคงจะสงสารและอโหสิกรรมให้กับเธอและลูกสาว

ด้วยผลของการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอย่างเข้มข้น ทำให้เธอเกิดนิมิตเห็นภาพในอดีตว่า เธอเคยเป็นแม่ทัพใหญ่ของพม่าสมัยกรุงศรีอยุธยา ทำทารุณกรรมแก่คนไทยที่ตกเป็นเชลยด้วยกรรมวิธีต่างๆ นานา ไม่เพียงแต่เท่านั้นยังตัดเศียรพระพุทธรูปในพระอุโบสถ และลอกเอาทองไป

ส่วนในชาติปัจจุบันนี้ เธอเล่าว่าช่วงที่ตอนท้องแก่ มีอยู่วันหนึ่งเธอไปนั่งดูปลาที่บ่อเลี้ยงปลาที่บ้าน พอเห็นปลาบู่เผือกที่เลี้ยงเอาไว้ ก็เกิดนึกอยากรับประทานขึ้นมา ทั้งๆ ที่ตลอดเวลาตั้งท้องที่ผ่านมาเธอกินอะไรแทบไม่ค่อยได้เลย เธอจึงให้คนใช้ไปจับ แล้วขอดเกล็ดทั้งเป็นๆ ปลาก็ดิ้นทุรนทุราย จากนั้นก็เอาไม้แหลมๆ แทงปลาตั้งแต่ปากปลาจนถึงหาง ย่างรับประทาน (เคยมีคนพูดกันว่าปลาบู่เป็นปลาของพระพุทธเจ้า และเป็นปลาบู่เผือกที่หายากจึงไม่มีใครกล้ารับประทาน)


บัดนี้ เธอได้รับรู้ถึงผลกรรมที่เธอได้ทำไว้ ทั้งในอดีตชาติและปัจจุบัน ซึ่งถ่ายทอดมาทางสายเลือดของเธอ ได้แก่ลูกอันเป็นที่รักดั่งดวงใจ จึงเสมือนหนึ่งว่าเธอได้รับผลกรรมนั้นเอง เพราะเมื่อลูกเจ็บ เธอก็เจ็บ ยามลูกปวดรวดร้าวแสนสาหัส เธอก็มีความรู้สึกที่ไม่ต่างไปจากลูกเลย

ผลกรรมที่ได้รับนี้ เธอรู้แล้วว่าบาปบุญคุณ โทษมีจริง กรรมมีจริง ทำให้เธอตั้งใจว่าจะพยายามทำแต่ความดีตลอดไป



............................................................

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 27 กรกฎาคม 2548 15:34 น.
 

_________________
"อย่าลืมตัว อย่าลืมปัจจุบัน อย่าลืมปฏิบัติ"
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
^^o^^
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 08 พ.ค.2007, 9:04 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง