Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ความรักมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ใช่ไหม อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
Mona
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2007
ตอบ: 2

ตอบตอบเมื่อ: 18 เม.ย.2007, 5:19 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าหากความรักมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป อย่างสัจธรรมอื่น แล้วเราจะมีรักใหม่มันผิดไหม มันคือกิเลสที่เราต้องตัด หรือว่าคนที่เราเคยรักไม่ใช่คู่แท้ของเรา แล้วรักครั้งใหม่อาจจะใช่หรือไม่ก็ต้องเรียนรู้ดูใจกันไปอีก

แล้วการแต่งงานคือข้อผูกมัดเลยหรือไม่ หากแต่งงานไปแล้วไม่มีความสุข ยังจะฝืนครองการแต่งงานต่อไปหรือไม่ หรือควรจะเลิกกับความรักหรือการแต่งงานที่ไม่มีความสุขก่อนที่จะ (หวัง) ว่าจะไปเจอคนที่ใช่จริงๆ หากฝืนอยู่กันไปแล้วไปเจอรักใหม่ในขณะที่ยังครองการแต่งงานอยู่ จะเรียกว่าเป็นบาปหรือเปล่า บาปไม่บาปมันดูกันที่ตรงไหน

การที่ต้องเลิกกันแล้วทำให้คนอีกคนต้องเจ็บปวด เศร้าใจมันเป็นบาปไหมและจะเกิดกงกรรมกงเกวียนอีกไหม

ทำอย่างไร หากอีกฝ่ายต้องการเลิก แต่อีกฝ่ายต้องการรั้ง
ทำอย่างไรเลิกกันโดยไม่เป็นบาป
ทำอย่างไรถึงจะเจอคู่แท้ที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดชีวิต
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 18 เม.ย.2007, 10:26 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คำถามนี้ น่าจะเกิดสับสนในชีวิต ไม่รู้จะเอาอย่างไรดี ตัดสินใจไม่ถูก

อีกทั้งกลัวบาปกลัวกรรม แต่ก็เหมือนไม่รู้ไม่เข้าใจว่าบาปกรรมคืออะไรกันแน่ .....

- ตอบกว้างๆ คลุมๆ น่ะ พิจารณาดูเอง

ทุกอย่างมีเกิด-ดับ แม้กระทั่งดวงดาวดวงอาทิตย์

แต่เพื่อให้ปัญหาแคบลง และใกล้ตัวมากขึ้น ท่านก็ว่าได้แก่ ความคิดมนุษย์ (เรา) มีเกิดดับ เดี๋ยว

รัก ไม่รัก เดี๋ยวชอบ ไม่ชอบ ฯลฯ เดี๋ยวเอาไม่เอา เป็นต้น

จับเอาตั้งแต่ตื่นนอนคิดเรื่องนั้นบ้าง เรื่องนี้บ้าง เป็นธรรมดา

-ผู้มีปัญญา ย่อมรู้เท่ารู้ทันมัน...ว่าเป็นอย่างนั้นๆ จึงไม่ยึดไม่ติด ปล่อยให้ธรรมชาตินั้นเป็นไป

ไหลไป แต่ท่านจะควบคุมตน ให้ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ทั้งตนและคนอื่น...ไม่ใช่ทำตาม

ความคิดเสียทุกอย่างไป เลือกทำในสิ่งที่ดี ต่อตนและส่วนรวม

-อาจมองไม่เห็น จะยกตัวอย่าง เช่น มีคนมาเรื่ยไรเงินสร้างสะพาน เป็นต้น จิต ( ตระหนึ่เกิด

ว่า จะทำไม เป็นต้น) ความคิดนี้เกิดแล้วก็ดับตามธรรมดาของมัน

แต่คน (นั้น) รู้ทันมัน ว่ามันคิดก็คิดไป รู้ แต่มีปัญญามองเห็นว่า ...เป็นประโยชน์ต่อชุมชนจะ

ได้สัญจรเป็นต้น ก็จึงช่วยเงินตามกำลัง หรือออกแรง เป็นต้น

ความ (คิด) รักก็เช่นกัน คิดรักได้ คิดไม่รักก็ได้

แต่คนนั้นรู้เท่า รู้ทันมัน (ความคิด) เกิดก็เกิดไป ดับก็ดับไป

เห็นแล้วว่ามันเป็นอย่างนั้น แต่ไม่ยึดถือว่าจะต้องทำตามมัน ตามที่มันคิด...

-สรุป คือ ให้รู้จักคิดพิจารณา ความคิดอีกทีหนึ่ง

เมื่อรู้ว่าคิดไม่ดี รู้ทันว่ามันคิดไม่ดี ก็เปลี่ยนให้มันคิดดี

-เพราะฉะนั้น ตนเองจะต้องฝึกให้มีความคิด มีสติสัมปชัญญะ รู้ตัว รู้ทันความคิดที่ไม่ดี

จึงต้องฝึกสติ หรือฝึกทำกรรมฐานให้ชำนาญไว้ ก็เพื่อให้รู้ทันจิต และเปลี่ยนวิถีความ

คิด ไม่ใช่เปลี่ยนไม่ได้ เปลี่ยนได้ ก็เพราะมันเปลี่ยนได้นี่ล่ะ มันถึงไม่โด่แต่เพียงอย่างเดียว

ความคิดเดียว

รู้ว่าคิดผิด (คิดผิดเกิดดับไปตามธรรมดาของมัน) คิดใหม่ได้ คิดให้ถูกต้องตามคลองธรรม

(คิดถูกก็เกิดดับได้)

รู้ว่าทำผิด ทำใหม่ทำเสียให้ถูก (แก้ใหม่ได้)

มันเกิดได้ดับได้นี่ล่ะ ผู้มีปัญญาจึงคุมมันได้เท่าที่คุมได้ (ความคิด)

ท่านผู้ฝึกตนจนถึงที่สุดแล้ว ทางศาสนาเรียกผู้นั้นว่า ผู้เป็นเจ้าแห่งความคิด
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 18 เม.ย.2007, 11:11 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้อ..ลืมประโยคนี้ไป ทำอย่างไรถึงจะเจอคู่แท้ ที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดชีวิต

-ทำอย่างไร จึงจะซื้อล๊อตเตอรี่ ถูกรางวัลที่หนึ่ง

-ตอบได้ ก็ตอบเรื่องคู่แท้ได้

ข้า ฯ อยู่ด้วยกันกับ...มีลูกโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว ยังตอบไม่ได้เลยว่า ใช่เนื้อคู่แท้ปาว อิอิ แต่ก็

อยู่กันไป ดีกันบ้าง เถียงกันบ้าง หัวเราะบ้าง ร้องไห้บ้าง สนุกสนานบ้าง คละๆกันไป

ท่านจึงเรียกว่า "คน" นี่แหละรสชาดของชีวิต

แม้ ความสุข ความทุกข์ ก็เกิดดับได้นะ ไม่โด่อยู่เพียงสุข หรือทุกข์ เป็นเพียงความรู้สึก
 
บ่อน้ำ
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 5
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 18 เม.ย.2007, 7:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีครับทุกท่าน ยิ้ม

---------------------------------------------------------

>> ต้องแยกแยะให้ดีก่อนนะครับว่า ..ผลที่ได้เกิดขึ้นจากอะไรบ้าง

>> พิจารณาที่ตัวเราก่อนอันดับแรก ..การที่เกิดความรักขึ้นใหม่นั้นไม่ผิด
..ก็เป็นเพียงอารมณ์ที่ปรากกฏขึ้นที่ใจไม่แตกต่างจากอารมณ์แบบอื่นๆ
เช่น โกรธ ชัง รัก ซึมเศร้า เป็นต้น

>> แต่ที่คุณเข้าไปให้ความสำคัญกับมันมากเท่าไหร่
..เช่น สร้างภาพหรือมัวแต่คิดหมกมุ่นจมกับเรื่องนี้ หรือพยายามเพื่อได้
เห็นภาพคนที่คุณรัก พยายามที่จะพูดคุยกับเขาบ่อยๆ ครั้ง พยายามที่จะฟัง
แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขา พยายามที่จะได้สัมผัสกับตัวเขา หรือสูด
ดมกลิ่นหอมที่เกิดจากการใช้เครื่องหอมปรุงแต่งร่างกายเขา โดยไม่
มีสติหรือความยับยั้งชั่งใจมากำกับ ปล่อยให้ใจมันชุ่มย้อมกับสิ่งเหล่านี้มากๆ
มันก็จะทำให้ความรู้สึกหรืออารมณ์ที่เกิดขึ้นนี้เด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ จนฝัง
แน่นในใจ และมันก็จะทำให้คุณทุกข์มากขึ้น ..และมากขึ้นเรื่อยๆ ตามน้ำหนัก
และความพยายามของคุณที่ให้ความสำคัญกับมัน

>> เริ่มต้นเพียงจากภาพที่เห็นว่าคนๆ นี้ สะดุดตา ถูกใจ ซึ่งตอนแรกๆ ไม่ได้
พบก็เพียงแค่ใจกระตุกเกิดทุกข์เพียงเล็กน้อย ..พอค่อยๆ ผ่านกระบวนการที่
กล่าวมาแล้วเบื้องต้น ..ก็พัฒนาขึ้นไปจนเริ่มอยากจะได้พบเขา (เห็นรูป)
ได้ยินเสียงเขา ได้กลิ่นจากเขา ได้สัมผัสตัวเขา ได้ครุ่นคิดเกี่ยวกับตัวเขา
..ก็เริ่มทุกข์ทนทุรนทุรายมากขึ้น ..และมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะ “ใจ” มันโดนฝึก
ให้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้มากๆ เข้า และ “ใจ” มันก็จะฝังใจกับความคุ้นเคย
ความคาดหวังตามมโนภาพที่เราวาดสั่งสมมากับสิ่งเหล่านี้

>> หากคุณได้พบกับเหตุการณ์ที่ไม่เป็นไปอย่างที่คุณปรารถนา อย่างที่คุณ
สั่งสมเอาไว้ในใจว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ..เมื่อมันไม่เป็นไปอย่างที่ “ใจ”
มันต้องการ ดังนั้น “ใจ” มันก็เกิดทุกข์ขึ้นเท่านั้นเอง

>> สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมชาติของสัตว์ในโลกนี้ ..เมื่อยังไม่พบหรือเข้าใจ
ในกระบวนการที่เกิดขึ้นกับ “ใจ” ย่อมมีความหลงมัวเมาเป็นธรรมดา
..หากใครมีสติสัมปชัญญะเป็นเครื่องกางกั้น เป็นเครื่องหมั่นเฝ้าสังเกต
...ก็จะเข้าใจในธรรมชาติของ “ใจ” นี้ ..เมื่อเพียรดูอยู่ด้วยสติสัมปชัญญะ
ก็จะมองเห็นเป็นสิ่งไร้สาระ ..ทุกข์เพียงเพราะ ”ใจ” มัวเฝ้าคิด ปรุงแต่ง
ย้ำคิดย้ำทำ จนมันฝังแน่นและก่อให้เกิดทุกข์เอง

>> เมื่อเข้าใจสิ่งที่เกิดทั้งหมดแล้ว ..”ใจ” มันก็จะลดน้ำหนักความสำคัญลง
..การครุ่นคิดปรุงแต่งก็จะลดลง ..รู้ว่าการกระทำอย่างไหนจะก่อให้ “ใจ”
มันยึดมั่นหรือเพลิดเพลิน ..ก็เว้นเสีย ..และท้ายสุด “ใจ” ก็จะคลายจากสิ่งนั้นๆ
..และวางได้ในที่สุด ..ใจก็จะ ”สงบเย็น” เองโดยที่เราไม่ต้องแสวงหา หรือ
ดิ้นรน หรือใช้ความพยายามใดๆ ที่จะไปทำให้มันสงบเย็นได้

>> ต้องระวัง ..ความสงบเย็นที่เกิดขึ้นนั้น ..ก็ยังเป็นของไม่เที่ยง
..เพราะ “ใจ” เมื่อกระทบกับเรื่องอื่นๆ นั้น ..ก็สามารถจะหลุดไปทุกข์
กับเรื่องอื่นๆได้เช่นกัน ..ดังนั้น ..ความสงบเย็น.. ที่เกิดขึ้นก็เป็นเพียงสิ่งหนึ่ง
ที่เกิดขึ้นกับ “ใจ” เท่านั้นเอง ..เพราะหาก “ใจ” ยึดกับความสงบเย็นมากๆ
เมื่อไม่ได้สงบเย็นอย่างที่ “ใจ” อยาก ..ก็เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ได้เช่นกัน

----------------------------------------------------------
ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมครับ ยิ้ม
==================================
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
โคมา
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 20 เม.ย.2007, 8:50 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทุกสิ่งในโลกล้วนต้องเสื่มสิ้นสลายไป แม้จะมีรักเป็นร้อยครั้งพันครั้ง มันก็หาใช่ความสุขที่แท้จริงไม่ "สิ่งไม่จีรัง บดบังสิ่งที่จีรัง" ไม่ว่าจะรักหรือชังจะสุขเศร้าเหงาทุกข์ ใจเราก็ยังอยู่ แน่นอนว่าการหาความรักที่แท้จริง เลิกคนนั้น คบคนใหม่ไม่สิ้นสุด เป็นบ่วงกรรมที่ไม่มีวันสิ้นสุด ไม่มีวันหลุดพ้นออกไปได้ มันก็จะเป็นทุกข์เป็นความทรงจำเกาะกินหัวใจเราตลอดไปนี่แหละคือบาปทีทำให้ตนเองทุกข์คนรอบข้างเป็นทุกข์
รักเทียมเร้าทุกข์ รักแท้สร้างสรรค์สุข
 
Mona
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2007
ตอบ: 2

ตอบตอบเมื่อ: 20 เม.ย.2007, 3:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Thank you every one naka. (This computer does not have Thai font nhaka). These suggestions help me to open eyes to understand the life better. The more I read Dhamma, the more I feel better. If anyone can suggest me more I will appreciate very much naka.
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คนบอก
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 20 เม.ย.2007, 5:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าหากความรักมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป อย่างสัจธรรมอื่น แล้วเราจะมีรักใหม่มันผิดไหม ?
ตอบ ไม่ผิดหรอก
มันคือกิเลสที่เราต้องตัด หรือว่าคนที่เราเคยรักไม่ใช่คู่แท้ของเรา แล้วรักครั้งใหม่อาจจะใช่หรือไม่ก็ต้องเรียนรู้ดูใจกันไปอีก
แล้วการแต่งงานคือข้อผูกมัดเลยหรือไม่ หากแต่งงานไปแล้วไม่มีความสุข ยังจะฝืนครองการแต่งงานต่อไปหรือไม่ หรือควรจะเลิกกับความรักหรือการแต่งงานที่ไม่มีความสุขก่อนที่จะ (หวัง) ว่าจะไปเจอคนที่ใช่จริงๆ
ตอบ ที่เล่ามาความรักคุณช่างหาข้อยุติไม่ได้ แล้วคุณกำลังจะแสวงหาอะไร ? กัน คุณจะเอาอะไร ? จากการมีคุ่ครอง ? มีลูก ? ขออภัย การร่วมเพศ ?
หากฝืนอยู่กันไปแล้วไปเจอรักใหม่ในขณะที่ยังครองการแต่งงานอยู่ จะเรียกว่าเป็นบาปหรือเปล่า บาปไม่บาปมันดูกันที่ตรงไหน
ตอบ บาปไม่บาป ดูตรงที่ทำให้ตนเอง และใครอื่นเดือนร้อนหรือไม่
ผมให้ข้อคิด จะคิดอะไร ถ้าเดือดร้อนเรา เดือนร้อนเขา อย่าทำ
จะทำอะไร เดือดร้อนเรา เดือดร้อนเขา อย่าทำ
จะพุดอะไร เดือดร้อนเรา เดือดร้อนเขา อย่าทำ

การที่ต้องเลิกกันแล้วทำให้คนอีกคนต้องเจ็บปวด เศร้าใจมันเป็นบาปไหมและจะเกิดกงกรรมกงเกวียนอีกไหม
ตอบ ปาบแน่ เพราะทำให้คนอื่นเดือดร้อน กรรมนี้จะตามคุณไป คุณเคยทำสิ่งไม่ดีกับใครไว้ เมื่อกรรมที่คุณทำไม่ดีไว้ส่งผล คุณก็จะได้รับแบบที่คุณทำไว้บ้างละ หลายอัตตภาพเลยล่ะ จนคุณระทมทุกข์ วิ่งหาที่พึ่ง หรือไม่ก็บวชชีหนีทุกข์ที่เขาทำๆ กัน นั่นละ

ทำอย่างไรถึงจะเจอคู่แท้ที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดชีวิต ?
ตอบ ถ้าคุณอยากได้คู่แท้ คุณน่ะ รู้จักแท้กับใครๆ ก่อน คุณเป็นคนดี คบกับคนดี ย่อมเกิดในสมาคมกับคนดีๆ

สุดท้าย ความอยากเป็นทุกข์อย่างยิ่ง ทุกข์อย่างที่เห็นนี่ละ อยากให้เป็นอย่างนั้น อยากให้เป็นอย่างนี้ ไม่เลิกสักที ได้สมเจตนากก็ดีใจ ไม่ได้สมเจตนาก็เสียใจร้องให้....ไม่มีที่สุด จะเอาอะไรกันนนน คนเรา
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 22 เม.ย.2007, 3:18 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ธาตุเดียวกันย่อมเข้ากันได้ คุณเป็นคนอย่างไร คนที่คุณคบอยู่อย่างวางใจก็ย่อมเหมือนคุณ หรือ มีความใกล้เคียงกันกับคุณ

ถ้าคนมีความคิดที่จะเลิกกันจริงชนิดเด็ดขาดแล้ว ไม่มีอะไรห้ามได้หรอกครับ เหมือนกับคนที่คิดฆ่าตัวตายจริง ไม่มีใครรั้งเขาได้ แม้ห้ามไว้ก็ยังแอบไปทำที่อื่นอีก

บาปของคู่รัก ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากคำหลอกลวงของอีกฝ่ายเพื่อประโยชน์ของตน บาปจึงเกิดจากคำหลอกลวง เมื่อเลิกกันเพราะรักด้วยคำหลอกลวง ฝ่ายหลอกลวงย่อมมีบาป คือพูดไม่จริง
 
มันมั้ย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 เม.ย.2007, 5:19 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าหากความรักมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป อย่างสัจธรรมอื่น แล้วเราจะมีรักใหม่มันผิดไหม

ตกใจ ตอบ ไม่ผิด หากว่าไม่ได้มีรักเก่าคาราคาซังอยู่ เลิกแล้ว ก็คือแล้ว

มันคือกิเลสที่เราต้องตัด หรือว่าคนที่เราเคยรักไม่ใช่คู่แท้ของเรา แล้วรักครั้งใหม่อาจจะใช่หรือไม่ก็ต้องเรียนรู้ดูใจกันไปอีก

ตื่นเต้น ตอบ เรื่องอนาคต ของไม่แน่นอน ขณะนี้ถึงแม้เป็นคู่แท้แต่ไม่ได้ดูแลทำดีอะไรต่อกัน ของแท้ก็หลุดได้

แล้วการแต่งงานคือข้อผูกมัดเลยหรือไม่ หากแต่งงานไปแล้วไม่มีความสุข ยังจะฝืนครองการแต่งงานต่อไปหรือไม่ หรือควรจะเลิกกับความรักหรือการแต่งงานที่ไม่มีความสุขก่อนที่จะ (หวัง) ว่าจะไปเจอคนที่ใช่จริงๆ หากฝืนอยู่กันไปแล้วไปเจอรักใหม่ในขณะที่ยังครองการแต่งงานอยู่ จะเรียกว่าเป็นบาปหรือเปล่า บาปไม่บาปมันดูกันที่ตรงไหน

ตื่นเต้น ตอบ ดูที่เจตนา เช็คได้จากศีล 5 ถามแบบนี้ อย่าแต่ง แค่เริ่มก็ไม่แน่ใจแล้ว ชีวิตคู่ ไม่ได้ง่ายเหมือนเลี้ยงปลาตู้ จะได้ มีได้หลายๆตัว ตายไปตัวก็ไปซื้อมาเพิ่ม

การแต่งงาน เป็นการผูกมัดหรือเปล่าอยู่ที่เจตนา
เพราะโดยจริง แล้ว การแต่งงานเป็นการรับรองว่าคนสองคน จะซื่อสัตย์ต่อกัน และบอกญาติบอกเพื่อนให้รู้ แค่นั้น กระดาษแผ่นเดียว ไม่ได้สามารถผูกขาหรือผูกใจใคร ให้ซื่อสัตย์ ได้



การที่ต้องเลิกกันแล้วทำให้คนอีกคนต้องเจ็บปวด เศร้าใจมันเป็นบาปไหมและจะเกิดกงกรรมกงเกวียนอีกไหม

ตอบ การพลัดพราก ก็เป็นทุกข์ การไม่ได้สิ่งของที่ชอบใจก็เป็นทุกข์

หากมีความไม่รู้ มีการผูกใจเจ็บ ไม่ได้แก้ความสงสัย ว่าเหตุใดอยู่กันไม่ได้ ไม่มีเวลาหรือเปล่า หรือมีเล็กมีน้อย มีชู้ หรือเปล่า (ไม่อยากให้ใช้ว่ามีกิ๊ก เพราะ ถ้าแบบนั้น ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ ถ้ามีขั้นเกินเลย ไม่ว่าหญิง ว่าชาย เด็ก หรือผู้ใหญ่ มันคือการนอกใจ ผิดศีล ขอกาเม )


ทำอย่างไร หากอีกฝ่ายต้องการเลิก แต่อีกฝ่ายต้องการรั้ง
ตอบ ลองพูดเหตุผล ของฝ่ายที่ต้องการเลิก และฝ่าย ที่ต้องการรั้ง มาเปรียบเทียบกัน
แนะนำให้เขียนใส่กระดาษดีกว่า เพราะจะได้รู้ว่าเหตุผลอย่างไหนมากกว่า กรุณา
อย่าใส่เหตุผลซ้ำซ้อน เพื่อให้ได้จำนวนข้อมากๆ เพราะมันจะแสดงให้เห็นถึงนิสัยได้

ทำอย่างไรเลิกกันโดยไม่เป็นบาป
ตอบ ตกลงกันด้วยดี จำนนด้วยเหตุผล จำนนด้วยหลักฐาน

ทำอย่างไรถึงจะเจอคู่แท้ที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดชีวิต
ตอบ บารมี 10 ทาน ศีล ภาวนา ฯ


สาธุ โมทนาสาธุ ขอให้เลิกกันด้วยดี
 
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 11:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การที่ต้องเลิกกันแล้วทำให้คนอีกคนต้องเจ็บปวด เศร้าใจมันเป็นบาปไหมและจะเกิดกงกรรมกงเกวียนอีกไหม

ทำอย่างไร หากอีกฝ่ายต้องการเลิก แต่อีกฝ่ายต้องการรั้ง
ทำอย่างไรเลิกกันโดยไม่เป็นบาป
ทำอย่างไรถึงจะเจอคู่แท้ที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดชีวิต



ถ้าอย่างนี้ คงไม่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปไหนแน่นอน ขอให้เจริญในธรรมค่ะ สาธุ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง