Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 งานฉลองเจดีย์บรรจุอัฐิธาตุหลวงปู่เขียน จ.กาฬสินธิ์ 3-4 กพ 50 อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
วีรยุทธ
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 24 มิ.ย. 2005
ตอบ: 1790
ที่อยู่ (จังหวัด): สกลนคร

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.พ.2007, 2:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอเชิญร่วมงานฉลองเจดีย์หลวงปู่เขียน ฐิตสีโล วัดรังสีปาลิวัน จ.กาฬสินธุ์ วันเสาร์ที่ 3 ก.พ. 2550

ขอเชิญร่วมงานมหากุศลฉลองเจดีย์ พระอริยเวที (หลวงปู่เขียน ฐิตสีโล)
และ ทอดผ้าป่าสงเคราะห์โลก ถวายหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ในวันเสาร์ที่ 3 ก.พ. 2550 เวลา 16.00 น เป็นต้นไป
ณ วัดรังสีปาลิวัน บ้านโพน ต.โพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์

ขอเชิญทุกท่านไปร่วมงานด้วยครับ มีพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เมตตาไปเป็นองค์ประธาน

สำหรับท่านเจ้าคุณพระอริยเวที หรือ หลวงปู่เขียน ฐิตสีโล นั้น ท่านเป็นมหาเปรียญ ๙ ประโยค เป็นอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา อดีตเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดา จ.นครราชสีมา ภายหลังได้ลาออก มาปฏิบัติธรรมที่วัดที่ท่านสร้างขึ้นที่บ้านเกิด คือ วัดรังสีปาลิวัน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ จนถึงที่สุดอัฐิของท่านได้กลายเป็นพระธาตุเรียบร้อยแล้ว

--------------------------------------------------------------------------

ดังพระธรรมเทศนาของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๐ เชื่อกัณฑ์เทศน์

ท่านเจ้าคุณเขียน ดังนี้
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๐

ท่านเจ้าคุณเขียน

หลังจังหัน

.......วันนี้วันที่ ๒๐ หรือ ๒๑ ( ๒๑ ครับ) โอ๋ วันนี้เป็นวันอาทิตย์ วันที่ ๑ กุมภา ไปดงศรีชมพู วันที่ ๓ ไปหาท่านเจ้าคุณเขียน วัดบ้านโพน เห็นแต่ท่านเขียนจดหมายนำพระมาฝากเรา มาเรื่อยๆ มาฝากเรื่อยๆ ฝากองค์นี้ เสร็จแล้วเอาคืนไป แล้วเอาองค์นั้นมาฝากเรื่อย อย่างท่านบุญมีอยู่ถ้ำเต่าก็ใช่ ท่านมาฝาก มาเรื่อยๆ เงียบๆ ละ ท่านลงเราอย่างเงียบๆ เราไม่รู้นะ บทเวลาท่านมรณภาพไปแล้วอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุ ทีนี้เราก็ซักเหตุผลกลไกละที่นี่ เพราะเป็นเรื่องใหญ่โตมาก ลงอัฐิกลายเป็นพระธาตุแล้วนั้นคือพระอรหันต์ ทีนี้เราก็ซักตามย้อนหลัง โอ้โหย เทปเราอยู่ในกุฏิท่านกองพะเนิน มีแต่แกงหม้อเล็กหม้อจิ๋วๆ ทั้งนั้น ท่านฟังเงียบๆ อยู่นั้น ท่านปฏิบัติของท่านเงียบๆ

เห็นแต่ท่านส่งพระมาหาเราเรื่อย เอามาฝากกับเรา แล้วก็เอาคืนไป แล้วเอาองค์นั้นมาอยู่เรื่อยๆ อย่างนั้นไม่ขาด จนกระทั่งท่านมรณภาพถึงได้ทราบว่าอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุ ตีตราแล้วว่าเป็นพระอรหันต์ล้วนๆ เราจึงซักไปซักมา ที่ไหนได้เทปเราอยู่..แต่ก่อนก็เห็นท่านติดต่อเราเงียบๆ อย่างนั้นละ เราไม่ได้ซัก พออัฐิกลายเป็นพระธาตุ เราซักย้อนหลัง ที่ไหนได้เทปเราเต็มอยู่ในนั้นหมดเลย มีแต่แกงหม้อเล็กหม้อจิ๋วๆ เต็มอยู่ในกุฏิท่าน ท่านฟังเป็นประจำว่างั้นนะ พระเล่าให้ฟัง ท่านฟังอยู่คนเดียวท่านเงียบๆ ว่า กลางคืนได้ยินเสียงอ๊อดๆ อยู่ตลอด ท่านฟังเทปเรา อัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุ เป็นอย่างนั้นละ

ท่านเป็นพระที่เรียบร้อยมาก ท่านเจ้าคุณเขียนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนหนังสือด้วยกัน ท่านได้ถึง ๙ ประโยค เราแค่ ๓ ประโยคเปิดเลย ไม่เอา เอาแค่นั้น พอเป็นปากเป็นทางแห่งการปฏิบัติเท่านั้นเอง เราไม่ได้มุ่งมากกว่านั้น เรียนเพื่อเป็นปากทางในการปฏิบัติ เพราะฉะนั้นจึงได้เพียงแค่ ๓ ประโยคนั่นละเรียน ปริยัติก็แค่ ๓ ประโยคพอ จากนั้นก็ออกปฏิบัติ ตอนปฏิบัตินี้มันเน้นหนักมากนะ เอาหนักเอาจริงเอาจังมาก ภาคปฏิบัติเป็นภาคที่ทุ่มกันเลยเชียว ภาคเรียนก็เรียนเพื่อปฏิบัติ มันยังมีทางผ่านอยู่ พอถึงภาคปฏิบัติแล้วทีนี้ใส่เลยตูมเลย ไปหาพ่อแม่ครูจารย์มั่น ท่านก็ใส่ตูมเลย เต็มเหนี่ยวเราก็ดี

ท่านเจ้าคุณเขียนนี่ละองค์หนึ่งที่อัฐิกลายเป็นพระธาตุเรียบร้อยแล้ว วันที่ ๓ เราก็จะได้ไป ค้างนั่นคืนหนึ่ง วันที่ ๔ กลับมา เรื่องแจ้งเรื่องจิตตภาวนาเราพูดตรงๆ เราไม่ได้คุยนะ พูดเรียงลำดับของจิตตภาวนาเป็นขั้นๆๆ นี้ละเอียดมากสุดยอดเลย ท่านได้ไว้หมดเลยธรรมะที่เราเทศน์อัดเทปๆ เอาไว้ คงเต็มอยู่ในกุฏิท่าน มีเท่านั้นละที่นี่ จากนี้ไปก็จะให้พร
 

_________________
ท่านสามารถฟังวิทยุเสียงธรรมหลวงตามหาบัวได้ทั่วประเทศ
และโทรทัศน์ดาวเทียมเสียงธรรมทั้งภาพและเสียงได้แล้วที่
http://www.luangta.com
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
วีรยุทธ
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 24 มิ.ย. 2005
ตอบ: 1790
ที่อยู่ (จังหวัด): สกลนคร

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.พ.2007, 2:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไปแน่นอนครับ วันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2550 พักที่วัด 1 คืน ช่วงเช้าใส่บาตรและถวายจังหันพ่อแม่ครูบาอาจารย์ เชิญชวนทุกท่านนะครับ...

--------------------------------------------------------------------------------------------------

เทศน์หลวงตาเกี่ยวกับหลวงปู่เขียน เมื่อเช้านี้ครับ

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๐

สำนวนเทศน์จะบอก

เมื่อเช้านี้ปรอทลง ๑๒ ที่กุฏิเรา อุดรกับนี้ผิดกัน ๔ องศา ถ้าทางนี้ ๑๒ ทางนั้นต้อง ๑๖ คือทางอุดรเขาบอก เวลาเขามาจังหันถามเขาว่าลงเท่านั้น ของเราลงเท่านี้ ผิดกัน ๔ ขีด ๔ องศา ทางโน้นไม่ได้หนาวเท่านี้ ทางนี้หนาว ๑๒ ทางโน้นจะต้อง ๑๖ ผิดกัน อย่างภูพานน่าจะหนาวกว่าเรา เอาอาหารไปส่งวันนั้น ของเรา ๑๒ โรงพยาบาลภูพานเราเอาของไปส่งวันนั้นถามเขา ว่า ๑๖ ผิดกันตั้ง ๔ องศา ของเราหนาวกว่า หรือของเราอยู่กับป่าอยู่กับภูเขาเหรอ แต่ก่อนมันเป็นดงติดกับภูเขานะนี่ วัดเราภูเขาติดลงมาถึงป่าดงถึงบ้าน นี่ดงทั้งนั้นที่เป็นวัดนี่ เป็นดงใหญ่ติดเข้าไป

หลังจังหันแล้วก็จะไปวัดดงศรีชมพู ไปเทศน์จบแล้วก็กลับมาไม่ค้าง เพราะวันไปวัดเจ้าคุณเขียน บ้านโพนนี้จะค้างคืนหนึ่ง เพราะฉะนั้นทางนี้จึงไม่ค้าง ไปวันนี้แล้วก็กลับวันนี้เลย วันที่ ๓ ไปวัดเจ้าคุณเขียน ค้างคืนหนึ่ง ไปบรรจุพระธาตุท่าน เจ้าคุณเขียนเปรียญ ๙ ประโยคนะ ท่านอยู่บ้านโพน เปรียญจบ ๙ ประโยค เขาขอให้ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัด ดูเหมือนท่านเป็นให้ปีหนึ่งที่โคราช ดูเหมือนท่านเป็นให้ปีเดียวหรือสองปีนี่ละ ท่านก็ลาออกเลยมาอยู่บ้านโพน ปฏิบัติกรรมฐานมาเรื่อยๆ

ท่านติดต่อกับเราเงียบๆ ทราบได้ชัดเจนก็คือท่านส่งพระมาเรื่อย ส่งพระมาจากวัดท่าน บางทีท่านก็เขียนจดหมายฝากมาพร้อม บางทีก็ให้พระมาเองมาอยู่วัดนี้แล้วเอากลับคืนไป เดี๋ยวเอาองค์นั้นมาเดี๋ยวเอาองค์นี้กลับคืนไปอยู่อย่างนั้น ท่านทำอย่างนั้นมาเรื่อยๆ อย่างท่านบุญมีที่วัดถ้ำเต่านี้ก็มาจากท่านนั่นแหละ ท่านเอามาฝากที่นี่ จากนี้ท่านก็ขอไปโน้น ขอกลับไปโน้น อยู่ไม่นานท่านก็ส่งมาอยู่ถ้ำเต่า ท่านอยู่เงียบๆ

ปี พ.ศ.เท่าไรเราจำไม่ได้ที่ไปทอดผ้าป่าวัดท่านเจ้าคุณเขียน นานแล้วนะ อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า ๑๕ ปี ตั้งแต่คุณนายศรีจันทร์ยังอยู่ คุณนายศรีจันทร์เสียไปหลายปีแล้ว เราไปทอดผ้าป่า คือทางสายนี้ไม่มีแต่ก่อน สายกุมภวาปีตัดออกไปศรีธาตุ ไปบ้านโพนออกไปสี่แยกสมเด็จไม่มี ต้องไปขอนแก่นแล้วโค้งเข้ามาบ้านโพน เดี๋ยวนี้ตัดเข้าไปเลย นั่นละปีนั้นที่เราไปทอดผ้าป่าวัดท่าน ตอนนั้นคอมมิวนิสต์ยังชุมอยู่ พวกลัทธิผีลัทธิยักษ์ลัทธิไม่มีศาสนา

เหตุที่พูดนี้คือว่านิมนต์ท่านเทศน์ พอทอดผ้าป่าแล้วก็นิมนต์ท่านเทศน์ ท่านอยู่วัดป่า ท่านออกมาจากโคราชแล้วก็มาอยู่วัดป่าบ้านโพน เขานิมนต์ท่านเทศน์ ท่านก็เทศน์ให้เขาฟัง ท่านจะเป็นนักเทศน์หรือไม่เป็นก็ไม่ทราบแหละ แต่เราจะพูดว่าเป็นนักเทศน์ก็ได้แล้วใช่ไหมล่ะ เวลาไปทอดผ้าป่าเราคอยฟังท่านเทศน์ ฟังนี่เราจะเอาแง่ภาคปฏิบัติกับภาคปริยัตินะ ท่านมาอยู่วัดป่านานแล้ว เป็นยังไงภาคปฏิบัติทางด้านจิตตภาวนา จะบอกชัดเจนในสำนวนเทศน์ ความหมายว่าอย่างนั้น สำนวนเทศน์มันจะบอก

คือสำนวนเทศน์นี่จะไม่มีในตำรา แต่จะมีจากความจริงล้วนๆ ออกๆ ท่านเทศน์เราก็ฟัง เรียกว่านักเทศน์ฟังนักเทศน์ แต่เราฟังมีแง่คือว่าคอยฟังภูมิจิตภูมิธรรมของท่าน ท่านมาปฏิบัติอยู่นี้เป็นเวลานานแล้ว แล้วภูมิจิตภูมิธรรมท่านเป็นยังไง จะคอยฟังสำนวนเทศน์ท่าน คือเทศน์ถ้าทางด้านจิตใจได้ผลได้ประโยชน์มันจะออกๆ ธรรมะที่ท่านเรียนมา ๙ ประโยคจะไม่เข้ามายุ่งเลย จะมีแต่ภาคปฏิบัติออกล้วนๆ เราจะคอยจับเอาตรงนั้น ฟังท่านเทศน์ ท่านก็เทศน์ดีอยู่เรื่องดี แต่เราคอยจับเอาทางด้านปฏิบัติ มุ่งทางด้านปฏิบัติ พอท่านเทศน์จบลงแล้วก็เข้าใจ ว่าภาคปฏิบัติของท่านเป็นยังไง ได้ผลหรือยัง ก็ทราบจากสำนวนเทศน์ท่าน คือถ้าได้ผลทางภาคปฏิบัติ สำนวนเทศน์จะออกมาเป็นภาคปฏิบัติ ปริยัติ ๙ ประโยคจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง ภาคปฏิบัติจะออกล้วนๆ มากน้อย เป็นอย่างนั้นละ มันบอกเองนะ

คือภาคนี้เป็นภาค ธรรมะภาคปฏิบัติเกิดขึ้นจากใจตัวเอง เป็นสมบัติของเราเองๆ เรื่อยๆ แต่ภาคที่เราเรียนเป็นความจำ ไม่ใช่สมบัติของตัวเอง ความจำจำได้แล้วมันหลงลืมๆ ถ้าเป็นภาคปฏิบัติรู้ขึ้นมาด้วย เป็นสมบัติของเราด้วย บอกชัดๆ ให้ท่านเทศน์ให้ฟังวันนั้น เราก็ฟัง ฟังคือเราจะคอยจับเอาตามท่านเทศน์ ท่านมาอยู่นี้นานภาคปฏิบัติของท่านเป็นยังไง ได้ผลยังไงบ้าง จะคอยฟังเสียงท่านเทศน์ ถ้าได้ผลทางภาคปฏิบัติ จิตใจท่านรื่นเริงบันเทิงไปในทางภาคปฏิบัติแล้วมันจะบอกในสำนวนเทศน์ ได้มากน้อยเพียงไร สูงต่ำขนาดไหน มันจะแย็บออกละสำนวนเทศน์ แม้จะเทศน์สอนประชาชนก็ตาม แย็บออกจนได้แหละภูมิธรรม จับได้ทันทีๆ

ที่ท่านเทศน์คราวนั้นแล้วก็มา ก็ยังไม่เท่าไร ภาคปฏิบัติของท่านก็ยังไม่เท่าไร คือฟังสำนวนเทศน์ นี้เราพูดอย่างตรงไปตรงมา ก็เรากรรมฐานใหญ่จะว่าไง กรรมฐานใหญ่ไปทอดผ้าป่า เวลาเทศน์มันไม่ได้ฟังภูมิ ๙ ประโยค ๑๐ ประโยคนะ มันจะฟังธรรมะออกจากหัวใจ นั่นละเป็นของตัวแท้ พระพุทธเจ้ารู้อย่างนั้น พระสงฆ์สาวกรู้อย่างนั้น ท่านจะรู้อย่างไรท่านเรียนมา ๙ ประโยค ทางนี้จะไปจับ ทางนี้ ๓ ประโยคจะไปจับดูท่านเทศน์ ภูมิจิตภูมิธรรมของท่านสูงต่ำขนาดไหนๆ ท่านจะออกมา แม้ท่านจะไม่เทศน์ธรรมะขั้นสูง ก็จะมีแย็บออกมาจนได้ภูมิธรรมของท่านที่อยู่ในใจ ความหมายว่างั้น

นี่ท่านมรณภาพไปแล้ว อัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุ พออัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุแล้ว เราก็เข้าใจแล้วว่าท่านกับเราติดต่อกันลับๆ คือท่านฝากพระฝากเณรของท่านมาเรื่อยๆ ฝากมาแล้วขอกลับคืน แล้วฝากมาเรื่อย เป็นอย่างนั้น ติดต่อกันลับๆ เวลาอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุเราจึงถามย้อนหลัง ว่าท่านเป็นยังไงภาคปฏิบัติของท่าน โหย ธรรมะของเราเทศน์มีแต่แกงหม้อเล็กหม้อจิ๋วๆ อยู่ในกุฏิของท่านเต็มไปหมดเลย ท่านรวบรวมไว้หมด เข้าใจไหมแกงหม้อเล็กหม้อจิ๋ว สูงสุดของธรรม ธรรมะขึ้นถึงขั้นสูงสุด ท่านเอาไปไว้หมดเลย ท่านมีทุกกัณฑ์ พระเล่าให้ฟัง ธรรมะของเราท่านเอาไปฟัง

กลางคืนท่านฟังเทศน์ของเรานี้ละ ฟังอยู่คนเดียวไม่มีใครยุ่ง เรียกว่าท่านปฏิบัติคนเดียวเงียบๆ เจ้าคุณเขียน ๙ ประโยค ท่านติดต่อกับเราหรือว่าลงเราไม่ลงเราก็แล้วแต่เถอะ อย่างลับๆ เงียบๆ รู้ได้เวลาท่านส่งพระเณรมาอยู่กับเรา แล้วขอคืนไป แล้วส่งมาเรื่อย แล้วขอคืนไปเรื่อย อย่างนี้เงียบๆ มาตลอด บทเวลาอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุเราจึงถามย้อนหลัง ที่ไหนได้เทปเราเต็มอยู่กับกุฏิของท่าน ท่านฟังเทปเราตลอดว่างั้น พระเล่าให้ฟัง กลางคืนเงียบๆ ได้ยินเสียงอ๊อดๆ มีแต่เทศน์ของเราว่างั้น เอ้อ เหมาะสมแล้ว อัฐิกลายเป็นพระธาตุยอมรับทันทีเรา

เพราะธรรมะที่เราเทศน์สอนพระมีตั้งแต่เนื้อๆ ล้วนๆ เทศน์สอนประชาชนก็เป็นประชาชนไป แกงหม้อใหญ่ ช่วยโลกมีแต่แกงหม้อใหญ่ละมาก แกงหม้อเล็กไม่ค่อยมี จะมีบ้างก็ที่มีพระภาคปฏิบัติเข้ามาเกี่ยวข้องถึงแย็บออก เช่นอย่างไปวัดเขาน้อยสามผาน จันท์อย่างนี้มี ผู้สนใจปฏิบัติมีมาก ธรรมะจะออกภาคปฏิบัติ ถ้าเขายังไม่รู้ประสีประสาก็เป็นภาคแกงหม้อใหญ่ไป

(ถวายน้ำผึ้งเจ้าค่ะ) เอามาเถอะน้ำผึ้ง นี่บรรดาลูกศิษย์เคยรู้หรือเปล่าไม่ทราบ หลวงตานี้แต่ก่อนเป็นหมอผึ้ง วันนี้พูดเสียบ้างเห็นน้ำผึ้งมา เราไม่เคยพูดนะ ตีทอยขึ้นบนต้นยางสูงๆ ตีทอยขึ้นนู้นเอาผึ้ง เป็นหมอผึ้งใหญ่ ผู้เฒ่าผู้แก่ตามหลังยั้วเยี้ยๆ เราเป็นหมอผึ้งเป็นคนตีผึ้งให้ พวกนี้เป็นคนหาม เราเพียงแต่แบกปืนติดตัวไป เพราะในดงในป่าอะไรควรยิงยิงดะเลย เราเป็นหมอผึ้งแต่ก่อน

พอพูดอย่างนี้เราก็ระลึกได้ เราบวชได้ ๑๔ พรรษา ออกจากนี้เราจะไปบ้านแวงที่ธรรมลีอยู่ หนองแวงที่ผาแดง เดินตัดไปนี้มันตรงดี ไปนี้เขาบอก นี้ๆ ทอยที่ท่านตอกตั้งแต่เป็นหมอผึ้งยังอยู่ เดี๋ยวนี้ผึ้งไม่เข้าแล้ว ที่ไหนก็ร้างไปหมด เห็นทอยเราขึ้นตีผึ้งบนต้นยาง



ผู้ตอบ : อุบาสก
 

_________________
ท่านสามารถฟังวิทยุเสียงธรรมหลวงตามหาบัวได้ทั่วประเทศ
และโทรทัศน์ดาวเทียมเสียงธรรมทั้งภาพและเสียงได้แล้วที่
http://www.luangta.com
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
วีรยุทธ
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 24 มิ.ย. 2005
ตอบ: 1790
ที่อยู่ (จังหวัด): สกลนคร

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.พ.2007, 3:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



bud08030250p1.jpg


หลวงปู่เขียน ฐิตสีโล (หลวงปู่พระอริยเวที)
วัดป่ารังสีปาลิวัน บ้านโพน ต.โพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธิ์
---------------------------------------------------------------------------------------------------

"พระอริยเวที" หรือ หลวงปู่เขียน ฐิตสีโล เป็นพระเถระผู้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด เป็นที่ประจักษ์แก่พุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า

หลวงปู่เขียน เป็นพระเถราจารย์ที่น่าเคารพสักการะบูชาของบรรดาศิษยานุศิษย์ฯ เป็นเพื่อนสหธรรมิกกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช และหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

อัตโนประวัติพระอริยเวที มีนามเดิมว่า เขียน ภูสาหัส เกิดเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2456 บ้านโพน ต.โพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายสังข์และนางค้อม ภูสาหัส

ได้เข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2470

เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2477 ที่วัดสุทธจินดา จ.นครราชสีมา

พ.ศ.2485 สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค ในสังกัดสำนักเรียนวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ

ลำดับงานคณะสงฆ์ พ.ศ.2478–2481 เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมสำนักเรียนวัดสุทธจินดา และวัดศาลาทอง จังหวัดนครราชสีมา

พ.ศ.2482 เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมสำนักเรียนวัดบวรนิเวศวิหาร และสำนักเรียนวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ตำแหน่งทางการปกครองคณะสงฆ์

พ.ศ.2485 ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสังฆสภา พ.ศ.2490 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดา

พ.ศ.2494 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2490 ได้รับพระราชทางแต่งตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ "พระอริยเวที"

พระอริยเวที ได้เข้ากราบฟังธรรม ปฏิบัติธรรมในสำนักของพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต หลังจากที่จบเปรียญธรรม 9 ประโยคใหม่ โดยเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสฺโส อ้วน) นำไปฝาก

ทั้งนี้ เพื่อประสงค์ให้ท่านได้เป็นศาสนทายาทที่มีความหนักแน่นมั่นคง ทั้งด้านปริยัติและด้านปฏิบัติ เป็นแบบอย่างที่ดีแก่พระภิกษุสามเณรในภายภาคหน้า เมื่อได้ฟังธรรม และรับคำแนะนำในการปฏิบัติเป็นอย่างดีแล้ว * จึงได้ออกเดินธุดงค์กรรมฐานไปตามป่าเขาลำเนาไพรในจังหวัดต่าง ๆ จนออกไปถึงประเทศลาว และแวะเวียนมา กราบฟังธรรมเป็นระยะ ๆ

ด้วยผลานิสงส์แห่งการปฏิบัติธรรมจากสำนักของพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทางด้านวิปัสสนาธุระของประเทศไทย หลวงปู่พระอริยเวทีในสมัยนั้น

ได้กล่าวปฏิญาณตนอย่างเด็ดเดี่ยวต่อหน้าพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ว่า "ขอมอบกายถวายชีวิตทั้งหมดนี้ให้แก่พระพุทธศาสนา สาสเน อุรํ ทตฺวา ขอให้ท่านอาจารย์โปรดเป็นสักขีพยานด้วยเถิด"

ต่อมา หลวงปู่พระอริยเวที ได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดา และตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมาแล้วออกธุดงค์กัมมัฏฐานอย่างจริงจังอยู่ในป่าในถ้ำ

จนเป็นที่พอแก่กาลแล้ว จึงกลับมาสู่มาตุภูมิและสร้างวัดรังสีปาลิวันในปัจจุบัน เพื่อนำพระภิกษุสามเณร ประชาชนศึกษาธรรมและประพฤติธรรมจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

พระอริยเวที ละสังขารมรณภาพ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2546 สิริรวมอายุ 90 พรรษา 68



สำหรับพระบรมธาตุเจดีย์ฐิตสีลมหาเถรานุสรณ์ วัดรังสีปาลิวัน บ้านโพน ต.โพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์พุทธศาสนิกชนร่วมกันสร้างขึ้น เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2548 ประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พิธีเปิดและฉลอง โดยมีพระธรรมวิสุทธิมงคล เป็นประธาน ในวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ 2550

พระบรมธาตุเจดีย์ฐิตสีลมหาเถรานุสรณ์นี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นศาสนสถานที่กราบไหว้ สักการบูชา ที่ศึกษาค้นคว้า ยึดถือเป็นทิฏฐานุคติ น้อมนำไปปฏิบัติของพุทธศาสนิกชน เป็นการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา อันเป็นบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ และยังหิตานุหิตประโยชน์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายตลอดกัลปาวสาน

ดังนั้น จึงขอกราบเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนทุกท่านไปร่วมงานเปิดและฉลองพระบรมธาตุเจดีย์ฐิตสีล มหาเถรานุสรณ์

ตามกำหนดการดังนี้ วันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา 07.30-18.30 น. ครูบาอาจารย์ พระภิกษุสามเณรออกรับบิณฑบาตในวัด ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ พิธีบวชชีพราหมณ์ หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน แสดงพระธรรมเทศนา ถวายผ้าป่า

วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา 07.30-09.30 น. ครูบาอาจารย์ พระภิกษุสามเณรออกรับบิณฑบาตในวัด ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ โดยมีหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน เป็นประธาน หลวงตาพระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน เป็นประธานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และแสดงพระธรรมเทศนา เป็นเสร็จพิธี

สาธุชนท่านใด ประสงค์ร่วมทำบุญตั้งโรงทาน สามารถติดต่อที่วัดรังสีปาลิวัน โทร.087-220-4755, 086-863-7651

หากจะร่วมสมทบทุนสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ฐิตสีลมหาเถรานุสรณ์ และเป็นค่าบำรุงรักษาในโอกาสต่อไป โปรดติดต่อที่วัดรังสีปาลิวัน หรือโอนเงินผ่านบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาสมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ชื่อบัญชี "กองทุนสร้างเจดีย์หลวงปู่เขียน" เลขที่บัญชี 429-0-546748


____________________________________________________________
“อันสตรี ไม่มีศีล ก็สิ้นสวย
บุรุษด้วย ไม่มีศีล ก็สิ้นศรี
อันนักบวช ไม่มีศีล ก็สิ้นดี
ข้าราชการ ศีลไม่มี ก็เลวทราม”
 

_________________
ท่านสามารถฟังวิทยุเสียงธรรมหลวงตามหาบัวได้ทั่วประเทศ
และโทรทัศน์ดาวเทียมเสียงธรรมทั้งภาพและเสียงได้แล้วที่
http://www.luangta.com
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง