Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
อานาปานสติและสติปัฏฐาน 4
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ใฝ่ธรรมะ
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 30 พ.ค.2006, 7:55 am
อยากทราบว่าอานาปานสติแบบสมบูรณ์16 ขั้น ต่างจากสติปัฏฐาน 4 อย่างไร
เนื่องจากอานาปานสติ ก็มีทั้งกาย เวทนา จิต และธรรม เช่นเดียวกับสติปัฏฐาน 4 ซึ่งคล้ายกันมาก
และอานิสงส์ก็เหมือนกันคือ บรรลุเป็นพระอรหันต์และพระอนาคามี
แวะมาแจม
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 30 พ.ค.2006, 8:52 am
น่าจะเหมือนกัน ต่างกันที่วิธีพิจารณา
แต่มองว่า การเริ่ม ที่ สติ กับ เริ่มที่ สมาธิ ก็ ผล เหมือนกัน
แต่การเน้น สติ จะมีการปรับแต่งอินทรีย์มาก
แต่การเน้น สมาธิ จะเป็นการเรื่องของทฤษฏีการ พิจารณา
ภูเขาน้ำแข็ง
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 13 พ.ค. 2006
ตอบ: 46
ตอบเมื่อ: 30 พ.ค.2006, 11:59 am
อานาปานสติ ต่างจากสติปัฏฐาน 4 อย่างไร - ไม่ต่างนะ
หรือ แม้แต่ อานาปานสติ กับ วิปัสสนา ก้อไม่ต่างกัน เพราะ ทั้ง 2 หลักนี้ ต้องใช้รวมกัน
ถึงจะบรรลุเป้นอรหันต์ได้
แต่ถ้า เราปฏิบัติ แต่ อานาปานสติ อย่างเดียว จะไม่สามารถ บรรลุอรหันต์ได้ หรือ
วิปัสสนา อย่างเดียว ก้อไม่สามารถปรรลุอรหันต์ได้ เหมือนกัน
ดังนั้นทั้ง 2 ตัว ต้องมา เป้น 1 ถึงจะบรรลุนิพพานได้
_________________
อย่าดับความอยากด้วยการสนอง
จงดับโดยวางเฉย
นนท์
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 01 มิ.ย.2006, 1:01 pm
สมถะ คือ การทำให้จิตสงบระงับจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองเร่าร้อนทั้งหลาย จนจิตใจไม่มีอาการดิ้นรน ไม่กระสับกระส่ายตลอดเวลาที่กิเลสเหล่านั้นสงบระงับอยู่ อุบายหรือวิธีการนั้นก็ได้แก่ การเจริญกัมมัฏฐาน การเพ่งกัมมัฏฐาน คือ หน่วงเอากัมมัฏฐานมาเป็นอารมณ์สำหรับเพ่ง
วิปัสสนากัมมัฏฐาน แปลว่า อารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งการงานทางใจที่จะให้เห็นแจ้ง ซึ่งมีความหมายว่า ให้เห็นแจ้ง รูปนาม ให้เห็นแจ้ง ไตรลักษณ์ ให้เห็นแจ้ง อริยสัจจ ให้เห็นแจ้ง มัคค ผล นิพพาน
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าต่างกับ สมถกัมมัฏฐาน เพราะสมถกัมมัฏฐานเป็นเพียงอารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งการงานทางใจ ที่จะให้เกิดความสงบ แต่อย่างเดียวเท่านั้น ไม่ถึงกับให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง ดังที่กล่าวนี้ด้วย บ้างก็กล่าวสั้น ๆ ว่า
สมถะเป็นอุบายสงบใจ วิปัสสนาเป็นอุบายเรืองปัญญา
อานาปานสติ นี้เจริญได้ทั้งสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา กล่าวคือ ถ้ากำหนดพิจารณาลมหายใจเข้า ลมหายใจออก โดยถือเอาบัญญัติ คือลม เป็นที่ตั้งแห่งการเพ่ง เพื่อให้ได้ฌาน ก็เป็นสมถภาวนา แต่ถ้ากำหนดพิจารณาความร้อนเย็นของลมหายใจที่กระทบริมฝีปากบน หรือ ที่ปลายจมูก เพื่อให้เห็นรูปธรรม ตลอดจนไตรลักษณ์ ก็เป็นวิปัสสนาภาวนา
mw user
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 25 ส.ค. 2006
ตอบ: 20
ที่อยู่ (จังหวัด): ปทุมธานี
ตอบเมื่อ: 26 ส.ค. 2006, 8:38 pm
ผมมีเสียง
อานาปานสติภาวนา
สดจากพระไตรใฟ้ฟังด้วยนะครับ
_________________
เตือนตัวเองแค่ว่า
* ต้องเข้าถึงพุทธธรรมด้วยสติเท่านั้น ไม่เพียงแค่เรียนรู้
* อย่าให้ตัวเองตำหนิตัวเองได้ว่า รู้ทางแล้วไม่บอกใคร
สํโยคปรมาเตฺวว ภวนฺตุ สุขิตตฺตา
เสียง พระอภิธรรม
walaiporn
บัวบาน
เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ
ตอบเมื่อ: 03 ก.ย. 2006, 12:37 am
โอวาทพระญาณวิศิษฏ์
เรื่อง การภาวนา
ต่อไปนี้ก็จะได้พูดถึงบางสิ่งบางประการ เพื่อผู้ที่มาใหม่ ปฏิบัติใหม่ จะได้ถือเอาหลักของ
การปฏิบัติ โดยเฉพาะจิตใจเกี่ยวกับเรื่องการภาวนา
หลักของการภาวนาในทางจิตใจนั้น พระพุทธเจ้าแสดงไว้ถึง40ข้อ เป็นอุบายสงบใจ แต่ว่า
ผู้ศึกษาและปฏิบัติทั้งหลายนั้น ได้โปรดทราบไว้ว่า การเจริญนั้นไม่ได้เจริญทั้ง40ข้อ
เราเจริญกันจริงๆนั้นเพียงข้อเดียว ก็เป็นอุบายที่จะสงบใจของเราได้
เพราะฉะนั้นในสำนักหรือวัดของเรา ก็ถือหลักการปฏิบัติประจำคือ " อาปานสติ "
แปลว่า ลมหายใจเข้า-ออก ซึ่งเป็นธรรมชาติที่มีอยู่ ลมนั้นก็คือกาย เพราะฉะนั้น
เราเจริญอานาปนสติ ก็เท่ากับเราเจริญสติปัฏฐาน4นั่นเอง เรียกว่า กาย เวทนา จิต ธรรม
เราผู้ปฏิบัติทั้งหลาย อย่ามัวไปสงสัย ปลิโพธกังวลอยู่ว่า เราจะเจริญกัมมัฏฐานบทไหน
มันจึงจะสงบดี สงบง่าย รู้เห็นได้ง่าย ไม่ต้องไปคำนึง ก่อนอื่นนั้นความรู้ความเห็นนั้น
มันอยู่กับความจริง การทำจริงของเรา ไม่ว่าเจริญบทไหนถ้ามันไม่มีความจริงแล้วน่ะ
มันไม่เป็นไปทั้งนั้น ยากทั้งนั้น
_________________
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th