Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 กำลังอกหัก อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ฟ้า
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2006, 4:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรากำลังอกหัก ตอนนี้รู้สึกแย่มาก
ช่วยให้ข้อคิดธรรมะหน่อยสิ เผื่อจะช่วยเราได้บ้าง
 
007
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2006, 5:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตอนมาเจ้าก็มาตัวเปล่า ตายไปเจ้าจะเอาอะไรไปด้วยเล่า

แฟนนั้นถ้าตายก็หาใหม่ได้ แต่พ่อแม่เราละชาตินี้มีได้คนเดียวเด้อ...ซิบอกให้ ซึ้ง
 
หวังพึ่งธรรม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2006, 6:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ก็กฏไตรลักษณ์ไงหลาน
"อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" หลานได้เรียนรู้ถึง "ความไม่เที่ยง และ ความทุกข์"
มีพุทธพจน์กล่าวไว้ว่า
"ปิยโต ชายตี โสโก = ความโศกย่อมเกิดมาแต่ของที่รัก"

สิ่งใดที่เรายึดถือว่าเป็นเรา เป็นของเรา ทำให้เกิดทุกข์ เมื่อสูญเสียไป ดังนั้นไม่ควรยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง

เกือบจะทุกคนที่เป็นวัยรุ่น เคยอกหักกันทั้งนั้นแหละหลาน มันเกิดจากการหลงผิดไม่ระลึกรู้อยู่กับปัจจุบันขณะ ทำให้คิดนึกไปต่างๆนาๆ ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรืออนาคต
 
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2006, 11:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สุขทุกข์อยู่ ที่ใจ มิใช่หรือ ถ้าใจถือ ก็เป็นทุกข์ ไม่สุกใส
ถ้าไม่ถือ ก็เป็นสุข ไม่ทุกข์ใจ เราอยากได้ ความสุข หรือทุกข์นา

(พระศาสนโศภน แจ่ม จตตสลโล)

อย่าปล่อยให้ วันวาน ที่ผ่านพ้น ทำให้เรา ทุกข์ทน จนหม่นไหม้
มัวครุ่นคิด อาจทำผิด ซ้ำลงไป ก็เพิ่มวัน เสียใจ ไปอีกวัน

(พลอยฟ้า)

ปุถุชน ดีใจ เมื่อได้โชค

และเศร้าโศก เมื่อโชคร้าย กรายมาหา

พระอริยะ "เสียไป" หรือ"ได้มา"

ไม่โศกา ไม่ยินดี ไม่มีภัย


โลภโกรธหลง เป็นธุลี คลุกคลีจิต

ให้มืดมิด มัวหมอง ไม่ผ่องใส

ทั้งสามสิ่ง ถูกตัด สลัดไป

จิตแจ่มใส ผ่องผุด ดุจจันทร์เพ็ญ ๆลๆ


อ่านเจอมาจาก หนังสือแบบเรียนธรรมะของลูกชาย "มงคลชีวิต38" ฉบับเยาวชน


วันสำคัญ คือวันนี้

วันพรุ่งนี้ อยู่ไกล ยังไม่เกิด

ช่างมันเถิด อย่าร้อน ไปก่อนไข้

วันวานนี้ ตายแล้ว ให้ตายไป

อย่าเอาใจ ไปข้อง ทั้งสองวัน

ถ้าวันนี้ สดชื่น ระรื่นจิต

อย่าไปคิด หน้า-หลัง มาคลั่งฝัน

สิ่งที่แล้ว แล้วไป ให้แล้วกัน

สิ่งที่ฝัน ไม่มา อย่าอาวรณ์ ฯลฯ

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2006, 12:06 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

***** ถอยออกจากอารมณ์ แล้วดูความเกิด-ดับของมัน *****

สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับเป็นธรรมดา
แทนที่จะดูที่เนื้อหาของอารมณ์ เราต้องดูที่กระบวนการของอารมณ์
หรือความเป็นอารมณ์ของอารมณ์ ก็ถอนออกจากอารมณ์ แล้วดู

เมื่อเรารู้ว่ามันคืออารมณ์
แค่นี้คือความรู้ที่จะช่วยให้เราถอยออกมาแล้วก็ดูอารมณ์
ไม่ต้องทำอะไรกับอารมณ์ เป็นเพียงตั้งตัวเป็นผู้รู้ไว้ มันก็เกิดขึ้นแล้วดับไปๆ
“ไม่ใช่เรา”
“ไม่ใช่ของเรา”


ท่าน อ.ชยสาโร
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2006, 12:24 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทุกข์เพราะคนรักหนีจากไป (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=556

==============================================

โอวาทธรรม พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

เมื่อความรู้สึกรุนแรงจริงๆ

ถ้าเราใช้หลักคิดถูกดับทุกข์ได้ หมายถึง ไม่ให้คิดชั่ว
การคิดบ่น คิดบาป เป็นความคิดชั่ว
เราพยายามไม่ให้คิด.…. ก็ถูกต้องอยู่
แต่ถ้ากรณีที่เกิดความคิดรุนแรง มีอารมณ์รุนแรงแล้ว
เราหยุดไม่ได้ ก็ต้องปล่อยไปก่อน
ไม่ต้องพยายามให้หยุดคิดทันที
ถ้าตั้งใจจะไม่ให้คิด ก็จะยิ่งเครียดหนัก
ถ้าเป็นเช่นนี้ เราเพียงแต่มองเห็นว่า “นี่เป็นอารมณ์ เป็นกิเลส”
แล้วก็.…. ปล่อย.…. ปล่อยให้คิดตามสบายๆ
แต่เราก็ไม่สนับสนุนนะ
เราค่อยๆ ติดตามเฝ้าดู

คล้ายกับว่าโจรเข้ามาในบ้าน เรารู้อยู่แล้วว่าเป็นโจร
แต่กำลังของเราน้อย สู้เขาไม่ได้
เราต้องค่อยๆ แอบ.…. สะกดรอยตามไป
พอถึงที่เหมาะๆ มีคนมากๆ มีตำรวจมากๆ
ก็รีบตะโกนให้เขาช่วยจับ และเราก็เข้าไปในหมู่เพื่อนที่เราปลอดภัย
เราเองไม่ต้องทำอะไร ให้เขาจัดการกับโจรเอง
เราเองก็เข้าไปในหมู่เพื่อนที่เป็นมิตร

การจัดการกับอารมณ์ที่รุนแรง ก็คล้ายกัน
เราแอบตามดูความคิดด้วยใจที่เป็นกลางๆ และสุขุม
ไม่ให้ยินดียินร้าย
รู้อยู่ เห็นอยู่ ว่าคิดอะไร รู้สึกอย่างไร
ให้มีความรู้สึกลึกๆ ในใจว่า มันเป็นอารมณ์ เป็นกิเลส
เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
คล้ายๆ แอบดูนั่นแหละ

ค่อยๆ กำหนดรู้อารมณ์กรรมฐาน เช่น ลมหายใจ
ค่อยๆ จับ ลมหายใจ ให้แน่นขึ้นๆ โดยธรรมชาติ
เมื่อเกิดสติที่จะกำหนดรู้ลมหายใจเมื่อไร
ความไม่สงบมันก็หายไปเอง
ในที่สุดก็ถึงความสงบได้


============================================
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2006, 12:30 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เมื่ออกหัก

ธรรมบรรยายโดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก สาธุ

เมื่อไม่มีใครรัก แม้แต่ตัวเองก็ยังเกลียดชังตัวเอง
บางคนถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย ควรจะทำอย่างไร

1. หาที่สงบสติอารมณ์ ให้เวลากับตัวเอง ทำความเข้าใจกับตัวเราเองให้ถ่องแท้

2. พึงเข้าใจว่าการทำร้ายตัวเอง การฆ่าตัวตายไม่ใช่การแก้ปัญหา ไม่ใช่วิธีหนีพ้นจากทุกข์ กลับเป็นการเพิ่มปัญหายิ่งขึ้นร้อยเท่าทวีคูณ เพราะการฆ่าคนเป็นบาปหนัก ต้องชดใช้กรรมอีกไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ

3. ทำใจให้ได้ว่า เขาไม่ได้เป็นเนื้อคู่ของเรา ถึงจะอยู่ด้วยกันก็จะมีปัญหาในอนาคตแน่นอน อกหักตั้งแต่ตอนนี้ก็ดีแล้ว น่าดีใจที่เรารู้ความจริงเสียแต่บัดนี้

4. ให้ระลึกถึงพุทธภาษิตที่ว่า “ความรักเสมอด้วยความรักตนไม่มี” หมายถึง
ความรักตน เป็นความรักอันสูงสุด

5. เรากำลังผิดหวัง หลงอยู่ในอารมณ์อกหัก จึงคิดว่าไม่มีใครรักเรา พ่อแม่ก็ไม่รักเรา คนนี้คนนั้นไม่ดี ไม่รักเรา เรากำลังผิดหวัง จากความรู้สึกที่ว่าไม่มีใครรักเราเลย พิจารณาดูให้ดีว่าเรารักตัวเองไหม ก็คงจะไม่ ถ้าแม้แต่เรายังคิดที่จะทำลายตัวเอง ทั้งทางกาย วาจา ใจ แสดงว่า เราก็ไม่ได้รักตัวเองเลย แล้วจะให้คนอื่นมารักได้อย่างไร

6. พยายามตั้งสติระลึกถึงอารมณ์ปกติที่เราก็มีอยู่ ที่เราเคยมีชีวิตอยู่ตามปกติของเราตั้งแต่สมัยเป็นเด็กๆ อารมณ์ยามอกหักก็เปรียบเหมือนถูกน้ำเน่ากระเด็นใส่ตัวเปื้อนเสื้อผ้าเลอะเทอะเต็มไปหมด เรารู้สึกตัวเหม็นเน่า น่ารังเกียจ แต่นั่นไม่ใช่ชีวิตจริงของเรา เมื่อเราชำระล้าง เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นปกติตามเดิม อารมณ์เมื่อเราอกหักก็เหมือนกัน มันเพียงแต่ผ่านเข้ามากระทบใจเราเท่านั้น

7. พระพุทธองค์ตรัสว่า จิตของเรานั้นประภัสสร บริสุทธิ์ผ่องใสโดยธรรมชาติ จิตเศร้าหมองเพราะอุปกิเลส ครอบงำจิต โอปนยิโก น้อมเข้ามาหาตน ค้นหาธรรมชาติของตนที่บริสุทธิ์ ผ่องใส เบิกบานใจ สบายใจ

8. ตั้งใจ หยุดคิด ปล่อยวางความรู้สึกนึกคิดต่างๆ

หายใจออกยาวๆ
หายใจแรงๆ หน่อย
หายใจเข้าลึกๆ หน่อย
เน้นที่หายใจออกยาวๆ

ความตั้งใจปรับลมหายใจยาวๆ
ช่วยให้เกิดสติ ระลึกได้
สัมปชัญญะ ความรู้สึกตัว
ความรู้สึกที่ไม่ดี ไม่สบายใจ จะค่อยๆ จางหายไป
ความสบายอกสบายใจ จะปรากฏขึ้นแทน

ในที่สุด เราจะค้นพบตัวเอง
เข้าถึงธรรมชาติของจิตใจ ที่สงบ เบิกบานใจ
ซึ่งมีอยู่ในตัวเราทุกคน นั่นเอง
เมื่อเราสบายใจ สุขใจ เราจะรักตัวเอง
เมื่อรักตัวเองแล้ว เราจะมีความสุข สุขภาพใจดี
และเป็นที่รักของบุคคลรอบข้างด้วย

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเราจะเป็นที่รักของผู้อื่นได้
ด้วยการประพฤติตนตามหลักธรรม 4 ประการ
1. มีความโอบอ้อมอารี
2. มีปิยวาจา
3. ช่วยเหลือเกื้อกูลต่อผู้อื่น
4. วางตนเหมาะสมเสมอต้นเสมอปลาย

ถ้าเราประพฤติตนตามนี้ได้ ก็จะเป็นการสร้าง เหตุปัจจัยที่ดีให้เราอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมี ความสุข ทั้งปัจจุบันในชาตินี้และชาติหน้า
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ลูกแม่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2006, 4:22 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ใครรักเรามากที่สุด

แม่... เป็นครูผู้สอนแต่ตอนต้น
แม่... อุดมพรพรหมวิหาร
แม่... มีเมตตากรุณามุทิตาการ
แม่... มีญาณอุเบกขาเป็นอารมณ์
แม่... เหมือนอรหันต์อันสูงสุด
แม่... หวังบุตรธิดาอย่าขื่นขม
แม่... กับลูกผูกมิตรจิตชื่นชม
แม่... จึงสมภาษิตมิตรในเรือน

มีเพื่อนอื่นหมื่นแสนไม่แม้นแม่ เป็นเพื่อนแท้แม่เกล้าเฝ้าอุปถัมภ์
เป็นทั้งแม่ เพื่อน ครู อยู่ประจำ ทุกเช้าค่ำรักห่วงดังดวงใจ
ให้กำเนิดเกิดกายสายโลหิต แม่ไม่คิดหน่ายรักพลิกผลักใส
แม่เหมือนพระในเรือนแม่เพื่อนใจ แม่เหมือนนัยกรรมสุตตสุดบูชา

อันมวลมิตรหมู่ใดหาไม่ยาก หาลำบากยิ่งแท้แม่มาตรฐาน
ผู้เป็นพรหมเป็นพระบูรพาจารย์ ควรแก่การเทอดไว้ไหว้บูชา
หมดอื่นอื่นหมดไปหาใหม่แก้ หากหมดแม่แล้วไม่มีที่จักหา
เป็นทั้งมิตรแม่ประเสริฐแต่เกิดมา ร่วมชายคาเรือนตนแม่คนเดียว

อันมารดาเป็นมิตรสนิทนัก ในเรือนจักหาใครเทียบมาเปรียบหนอ
ยามเราทุกข์ท่านปลอบใจไม่รีรอ สุขพนอพลอยยินดีปลื้มปรีดา
คนทั้งโลกเกลียดเราไม่เอาเรื่อง แม่ประเทืองยังรักเรายิ่งหนักหนา
ท่านสละความสุขทุกเวลา ควรบูชาเนืองนิตย์มิตรในเรือน

แม่เป็นมิตรชิดใกล้กว่าใครอื่น มิตรแม้หมื่นมิเทียมเปรียบท่านได้
พระคุณหลากมากยิ่งกว่าสิ่งใด เกินไศลล้าฟ้าท่วมธาตรี
เรือนที่เราเนาในได้อบอุ่น เพราะท่านจุนเจือใจให้สุขศรี
มิตรใดใดในหล้าบรรดามี จะหาที่เทียมทันนั้นไม่เลย

เมื่อลูกเกิดกายแม่เจ็บเหมือนเหน็บศร เมื่อลูกมรณ์แม่เจ็บใจกว่าใครหยาม
ตอนลูกอยู่แม่ช่วยชูให้เด่นงาม เห็นลูกทรามแม่ห่วงนักคอยตักเตือน
หากลูกทุกข์แม่พลอยทุกข์ไปกับเจ้า ลูกหายเศร้าแม่สุขใจใครจักเหมือน
แม่กับลูกผูกพันจิตมิตรในเรือน เป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งแม่มิตรแท้เอย

แม่มีอยู่คู่เรือนเหมือนเพื่อนแก้ว รักลูกแน่วแน่มิห่างจางเหือดหาย
ยามลูกทุกข์ทุกข์ด้วยช่วยผ่อนคลาย ลูกสบายสุขเกษมแม่เปรมปรีดิ์
ลูกจะไปหนใดใจแม่ช่วย เหมือนไปด้วยช่วยคุ้มครองป้องเกศี
อวยพรให้ลูกพิพัฒน์สวัสดี ทุกวันนี้แม่เป็นเพื่อนอุ่นเรือนใจ

มีมิตรอื่นหมื่นแสนมิแม้นแม่ เป็นมิตรแท้ของบุตรสุดจักหา
เป็นมิตรตั้งแต่คลอดตลอดมา รักลูกยาสุดใจหาใครปาน
ยามบุตรตนคนใดเจ็บไข้ป่วย แม่ทุกข์ด้วยลูกยาน่าสงสาร
มาดแม้ลูกอิ่มเอมเกษมสำราญ แม่ชื่นบานเช่นกันทุกวันคืน
 
กรัชกาย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2006, 2:27 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

รักเหมือนโคถึกที่คึกพิโรธ ความรักเช่นนั้นให้โทษ จะไปโกรธโทษรักไม่ได้
ไม่ใช่บุพเพสันนิวาสแน่ไซร้ รักจึงได้แรมลา ยิ้ม
 
มังกรทะยานฟ้า
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2006, 5:20 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จากคำแนะนำจากท่านทั้งหลาย เป็นแบบวิชาการมาแล้ว แต่สำหรับผม วัยรุ่น ได้แต่บอกว่า ขำขำ
 
junchany
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 ธ.ค.2006, 12:36 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ฟ้า พิมพ์ว่า:
เรากำลังอกหัก ตอนนี้รู้สึกแย่มาก
ช่วยให้ข้อคิดธรรมะหน่อยสิ เผื่อจะช่วยเราได้บ้าง

แลบลิ้น เราเองก็เคย ใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน (เมื่อย้อนเวลากลับไป รู้สึกว่าตัวเอง โง่ๆๆๆๆ มาก ทำไมถึงเป็นบ้าได้ขนาดนี้ ร้องไห้ได้ทุกวัน...โดยเฉพาะตอนกลางคืน เราเองมีลูกกับเขาด้วย 1 คน (เด็กผู้ชาย) เลิกกันไปตอน ลูกอายุยังไม่ถึงขวบดี... และที่น่าเศร้าที่สุด เราเอง พ่อ-แม่ เสียชีวิต.....ไปหมดแล้ว เราต้องอยู่ตามลำพัง และก็เลี้ยงลูกต่อไป หลังจากนั้นเลิกกันได้ประมาณ 3 เดือน เขาก็โทรมาหา วันนั้นเป็นวันเกิดของลูก วันเกิด เขาถามว่าพาลูกไปใส่บาต หรือเปล่า แล้วก็บอกว่าตอนนี้เขาอยู่คนเดียว ประมาณว่าไม่มีใคร แต่ตอนนั้นมี และ ยังบอกกับเราว่าทางบ้านของเขาไม่ให้เขากลับมาหาเราอีก ให้เลิกกับเราโดยเด็ดขาด เราก็เลยบอกเขาไปว่า ก็ดีแล้วอยู่คนเดียวจะได้คิดทบทวนเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมา จากวันนั้นถึงวันนี้ เราไม่เคยที่จะติดต่อกับเขาไม่ว่าทางไหนก็ตาม มีแต่ทางเขาที่เป็นฝ่ายติดต่อเข้ามาจนทำให้ผู้หญิง อีกคนคนที่ 2 ไม่นับเราน่ะ เกิดอาการหึงขึ้นมา มันน่าขำไหมละ หัวเราะ โทรหาเราต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น ฟ้าเอ๋ย เจ็บปวดแค่ไหน ไม่เป็นไรน่ะ ต้องชนะตัวเองให้ได้ แล้วฟ้าก็จะชนะตัวเองได้ เหมือนเราไงล่ะ ชนะอื่นใดก็ไม่เท่าชนะตัวเอง รู้ไหมเราไม่ให้โอกาสผู้ชายที่ทรยศ กับเราเป็นอันขาด ไม่ว่าเราจะรักมากแค่ไหน (คนนี้เรารักมากที่สุด) เมื่อเวลาผ่านไป ฟ้าจะเข้าใจ....เอง ฟ้าผ่า ระยะเวลาที่เราอยู่มาได้ รู้ไหม (10 ปี ) ตอนนี้ลูกเราอายุได้ 11 ขวบ เราขอเป็นกำลังใจให้ฟ้าน่ะ ด้วยความจริงใจ ปรบมือ ยิ้มขยิบตา :f10:
 
TIIIIIPPPPPP
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 ธ.ค.2006, 11:46 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เราเป็นกำลังใจให้นะ ฟ้า
ต้องคิดว่า ไม่มีเขา เราก็อยู่ได้ ต้องพึ่งธรรมะ อย่างเดียว อย่า คิดมากกกก
เป็นทุกข์ ป่าววววว
...สวดมนต์ ภาวนา สม่ำเสมอ
เราจะเจอ สิ่งดี ดี ไม่เจอคู่ดี ก็ขอให้ เจอ คนดี ดี เข้ามาในชีวิต
มีอะไร เข้ามาคุยนะ คอยอยู่ ....
....
 
ying
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 07 ม.ค. 2007, 1:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เขามาเป็นมาร มาช่วยให้เราสู่นิพพานเร็วขึ้น
เห็นทุกข์จึงเห็นธรรม คนไม่เคยทุกข์ไม่รู้หลอกว่าสุขที่แท้จริงเป็นอย่างไร
 
มิ้ง
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 ม.ค. 2007, 5:39 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ล้านคำปลอบ หมื่นคำห่วงใย ยังเทียบไม่ได้กับการได้เธอคืนมารักกัน
ทำบุญเยอะ เพื่อขัดเกลาจิตใจ เหมือนกับที่เราทำอยู่ ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะลืมได้
เราก็อกหัก ฟูมฟาย เหมือนกัน แย่นะความรู้สึกอย่างนี้ แต่ต้องพยายามเหมือนกับเรา
ถึงมันจะยากแสนสาหัสแต่ก็ต้องทำนะ ซึ้ง ตอนนี้เราปลอบใจตัวเองว่า ชาติที่แล้วเราคงทำเขาเจ็บ หรือทำคนอื่นเจ็บ เราเลยต้องมาเจ็บเหมือนเขา ถ้าเราทำคนที่เรารักเจ็บเราก็ต้องยอมรับแล้วขอโทษเขา แล้วอธิษฐานว่าถ้าชาติหน้ามีจริงขอเกิดมาเป็นคนรักกับเขาอีก อย่าได้มีใครทำร้ายกัน ส่วนถ้าเราเคยทำคนอื่นเจ็บ เราก็บอกว่าชาตินี้เราเจ็บแล้วนะ เรารับรู้แล้ว และขออโหสิกรรมด้วย อย่าได้จองเวรกับเราอีกเลย พยายามทำบุญให้เขา ซึ้ง เราทำอย่างนี้หล่ะ ไม่รู้จะช่วยฟ้าได้ไหมนะ แต่สำหรับเรา เรารู้สึกมีกำลังใจที่จะทำความดีเพื่อที่เราหวังว่า เราคงจะได้เป็นคู่เขาสักวัน อย่าโกรธเขานะที่ทำให้เราเสียใจ เรารักเขามากไม่เคยโกรธเขาเลย เผื่อผลบุญจะช่วยเราได้บ้างน่ะ แต่เราก็เศร้านะ ยังไม่หายเลย ว่าจะไปบวชอยู่ ร้องไห้ ร้องไห้ ร้องไห้
 
มิ้ง
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 ม.ค. 2007, 5:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แล้วตอนนี้ฟ้าเป็นยังไงบ้างอะ ห่วงใยนะ ปรบมือ
 
asd
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 ม.ค. 2007, 10:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่อกหักชีวิตก็ไม่สมบูรณ์แบบซิ
 
np_0104
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 17 ม.ค. 2007
ตอบ: 2
ที่อยู่ (จังหวัด): ปราจีนบุรี

ตอบตอบเมื่อ: 22 ม.ค. 2007, 10:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ที่ทุกข์เพราะเราเอาจิตไปจับสิ่งที่เราปรารถนา......เมื่อไม่สมปรารถนาจึงเป็นทุกข์
 

_________________
สุข......คือ.......ทุกข์ละเอียด
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailYahoo Messenger
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 30 ม.ค. 2007, 9:59 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความไม่แน่นอนก็คือความแน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างมีพบก็ต้องมีจาก ไม่จากเป็นก็จากตาย ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้วันใดวันหนึ่ง ทุกคนล้วนมาเพียงคนเดียวสุดท้ายก็ต้องเดินจากโลกนี้ไปตามลำพัง
ไม่มีอะไรที่เป็นของเราถาวร แม้กระทั่งตัวของเราเอง วันหนึ่งเราก็ต้องละสังขารจากคนบนโลกนี้ไปจากคนที่เรารัก เราผูกพันธ์ มรณานุสติเถอะน้องเอ๋ย ยิ้มแก้มปริ





พี่ก้อ wimutisin@hotmail.comเหงาๆก็แอดมาคุยกันได้นะ
 
ก้อนหิน
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 30 ม.ค. 2007
ตอบ: 2
ที่อยู่ (จังหวัด): lampang

ตอบตอบเมื่อ: 30 ม.ค. 2007, 5:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยิ้ม เดี๋ยวก็หาย ใจเย็นๆ
 

_________________
อยู่กับธรรม
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
มิ้ง คนเดิม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 12 ก.พ.2007, 3:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เป็นไงวิธีที่บอก ฟ้าไดไปทำบ้างไหม เราน่ะช่วงนี้ทำบุญเยอะมาก อธิษฐานถึงเขาตลอดเลยไม่รู้ว่าจะถึงเขาไหม เราน่ะยังแย่อยู่เลย ฟ้าน่ะคงดีขึ้นแล้วสิ เราน่ะรักเขามากเลย ได้แต่อธิษฐานให้ได้เกิดมารักกับเขาอีก ฟ้าว่ามันจะเป็นไปได้ไหมอ่ะ เศร้าจังเน้อ อายหน้าแดง อายหน้าแดง อายหน้าแดง อายหน้าแดง อายหน้าแดง
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง