Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ชำระศีลให้ดีก่อนจึงทำวิปัสสนา อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
อ้วน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 ก.ค.2006, 2:10 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ชำระศีลให้ดีก่อนจึงทำวิปัสสนา

พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน เมืองสาวัตถี ภิกษุรูปหนึ่งได้เข้าไปเฝ้าและกราบทูลขอให้ทรงแสดงธรรม เพื่อปลีกตัวออกไปปฏิบัติคนเดียว ด้วยความไม่ประมาท พระพุทธองค์ตรัสว่า

“ภิกษุ ! ก่อนอื่นเธอจงทำเหตุเบื้องต้น แห่งกุศลธรรมให้บริสุทธิ์ก่อน เหตุเบื้องต้นของกุศลธรรมคือ ศีลที่บริสุทธิ์ดีและความเห็นตรง เมื่อใดศีลของเธอบริสุทธิ์ดีแล้ว และความเห็นของเธอก็ตรงดีแล้ว เมื่อนั้นเธออาศัยศีล ตั้งอยู่ในศีลแล้ว พึงเจริญสติปัฏฐาน 4 มีกาย เวทนา จิตและธรรม ต่อไป

ภิกษุ ! เมื่อใด เธออาศัยศีลและตั้งอยู่ในศีลแล้ว จะเจริญสติปัฏฐาน 4 เหล่านี้โดยส่วน 3 อย่างนี้
เมื่อนั้น เธอพึงหวังความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลายอย่างเดียวตลอดคืนหรือวันอันจะมาถึง ไม่มีความเสื่อมเลย ภิกษุนั้นยินชื่นชม รับไปปฏิบัติอยู่ไม่นาน ก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในโลก”

ภิกขุสูตร 19/185

คำว่า “พุทธะ” ท่านแปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น และผู้เบิกบาน โดยเฉพาะคำว่า “ผู้รู้” นั้นดูเหมือนว่าจะสมพระนามยิ่งนัก เพราะทรงรอบรู้ทั้งเบื้องต่ำ เบื้องสูง ทั้งภายนอกและภายใน ชาติก่อน ชาตินี้ และชาติหน้า อย่างเจนจบ ลึกซึ้งจริงๆ ด้วยเหตุนี้ คำสอนของพระองค์จึงมีมากมาย ยังไม่เคยมีศาสดาองค์ไหนในโลก จะมีคำสอนมากมายเท่าพระองค์ท่านเลย แต่ถึงแม้คำสอนจะมีมาก ลำดับของการปฏิบัติก็มีขั้นตอนที่ศาสนิกจะเลือกศึกษา และนำไปปฏิบัติให้เหมาะกับจริตนิสัย และบารมีได้ทุกคน ตั้งแต่ระดับต่ำสุด จนถึงขั้นสูงสุด

อย่างในพระสูตรนี้ ผู้ที่จะเจริญวิปัสสนา อันเป็นข้อปฏิบัติเพื่อกำจัดกิเลสตัณหาให้หมดสิ้น สำหรับผู้ที่ยังมีบารมีอ่อน ท่านก็จะสอนให้สำรวมระวังศีล ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์หมดจดก่อน แล้วจึงค่อยก้าวขึ้นไปเจริญวิปัสสนาต่อไป แต่ท่านผู้อ่านก็ต้องไม่ลืมว่า คำสอนแนวนี้ ท่านจะสอนแก่พระเป็นส่วนมาก ถ้าสอนชาวบ้านท่านจะตั้งต้นที่ทาน คือ การเสียสละบริจาคด้านวัตถุก่อน แล้วจึงจะเลื่อนขึ้นมาศีล สมาธิ และวิปัสสนาต่อไป

พระสูตรนี้น่าจะเป็นบทเรียนที่ดี ของผู้ที่มักจะเห็นว่าศีลเป็นของต่ำ เป็นของไม่จำเป็น ไม่น่าสนใจ สู้เจริญสมาธิหรือวิปัสสนาไม่ได้ หรือไม่ก็คิดว่า เมื่อเราเจริญสมาธิและวิปัสสนาอยู่ ศีลมันก็มีอยู่พร้อมแล้ว เพราะไม่อาจจะล่วงศีลได้ แต่อย่าลืมว่าการปฏิบัติธรรมนั้น ในระดับปุถุชนแล้ว ไม่มีใครจะทำอยู่ตลอดวันตลอดคืนได้ ศีลจึงควรจะมีอยู่ตลอดเวลา


ที่มา :: คุณกานต์ เวปคนเมืองบัว
 
I am
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 17 ก.ค.2006, 8:25 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

โมทนาครับ
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง