Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
สนเท่ห์
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
อกาลิโกคืออะไร
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 19 มิ.ย.2006, 2:30 pm
ความหมายของพระธรรมที่อยู่ในบทสวดมนต์ทำวัตรที่บาลีว่า อกาลิโกนั้นแปลอย่างไรจึงตรงตัว และมีความหมายอย่างไรกันแน่
คัมภีร์
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 19 มิ.ย.2006, 3:05 pm
ธรรมนั้น มุ่งการให้ผล หามีกาลไม่ เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่าอกาโล อกาลิโก ก็ อกาโล นั่นเอง มีอธิบายว่า" ธรรมนั้นหาได้รอกาลอันต่างโดยการกำหนดมีปัญจาหะ ( ๕ วัน ) และสัปดาหะ ( ๗ วัน ) เป็นต้นให้ผลไม่แต่ย่อมให้ผลติดต่อกันไปกับความเป็นไปของธรรมนั้นทีเดียว " ( หมายเอาเฉพาะ มรรค ๔ ผล ๔ เท่านั้นเพราะเมื่อมรรคจิต ๔ เกิดขึ้นแล้ว ผลจิต ๔ จะเกิดติดต่อกันไปไม่มีระหว่างคั่น คือให้ผลทันทีเดี๋ยวนั้นเลยทีเดียวไม่ต้องมีการรอเวลาของการให้ผลเลย )
คัมภีร์ วิสุทธิมรรค
ฉบับของมหามกุฏราชวิทยาลัย
หน้า ๒๙๕
http://www.geocities.com/SouthBeach/Terrace/4587/visuthi1-2p291-300.htm
แจมๆไม่แยม
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 19 มิ.ย.2006, 3:10 pm
อกาลิโก มีความหมายถึงว่า พระธรรม ที่ได้กล่าวออกไป ไม่ข้องกับกาลเวลา
คือ ไม่ใช่เป็นทฤษฎี หรือ พอผ่านไป 10-20 ปี เนื้อความนี้ ก็เก่าไป หรือ ไม่สามารถใช้ได้สมบูรณ์
การศึกษาวิทยาศาสตร์เรื่องจิต แม้ผ่านไป 1000 คนก็ยังมีจิต มีใจ เหมือนกัน สอนได้ โดยใช้วิธีเดิมก็ได้ เพื่อห่างจากกิเลส เพื่อความพ้นทุกข์ เพื่อความสงบ เพื่อความกระจ่าง แม้ ผ่านไป
อีก 1 โกฎิ รุ่นนั้นก็ยังสามารถ ศึกษาธรรมนี้ได้เช่นกัน ไม่จำกัดด้วยกาลเวลา
ปล. ส่งมาเร็ว ก่อนใคร มือ 1 ครับ ^^
อกาลิโกคืออะไร
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 19 มิ.ย.2006, 4:33 pm
ไม่มีกาลคั่นในระหว่างขณะจิต ช่างชัดแจ๋วแจ่มแจ้ง
สุรพงษ์
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 19 มิ.ย.2006, 5:08 pm
สมัยหนึ่งเคยเชื่อกันว่าโลกแบน ปัจจุบันรู้แล้วว่าโลกกลม แสดงว่าเวลาทำให้สิ่งที่คิดว่าจริงในสมัยหนึ่ง ระยะเวลาต่อมากลับไม่จริง แต่ธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้น ไม่ว่าสองพันปีที่แล้วหรือปัจจุบัน หรืออีกกี่พันปีข้างหน้า เป็นเช่นไรก็จะเป็นเช่นนั้นอยู่เสมอไม่มีการเปลี่ยนแปลงไม่ขึ้นกับกาลเวลาแต่คนจะรู้หรือไม่แค่นั้นเอง ดังเช่นคำว่ทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
มาดูหน่อย
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 19 มิ.ย.2006, 9:05 pm
คำว่า "กาล" ในภาษาธรรมมี 4 อย่าง คือ ขณะ(จิต) อัทธา(หลายขณะจิต) สันตติ(หลายอัทธา) สมัย (การเข้าฌานในครั้งหนึ่ง)
ขณะ คือกาลที่สั้นที่สุด ถ้าสั้นกว่าขณะก็ไม่สามารถจะนับเข้าเป็น "กาล"ได้ เพราะไม่มีกาล คำว่าอกาลิโกไม่มีกาล เพราะ อริยมรรค เกิดเพียงขณะเดียว แล้วก็เกิดอริยผลไม่มี กาลแม้ขณะมากั้น
เกิดมรรคจิตแล้วเกิดผลจิต ไม่มีกาล แต่ไม่มีกาลคนก็ไม่เข้าใจ นึกว่า บรรลุธรรมนั้นบรรลุเมื่อใดก็ได้ อรหันต์สาวกที่บรรลุธรรมในโลกมนุษย์ต้องบรรลุในกาลที่มีศาสนาของพระพุทธเจ้า จะบรรลุไม่มีกาลอย่างที่คิดแบบว่าบรรลุได้ตลอดเวลานั้นไม่ได้เลย ไม่มีเวลาหรือกาลก็คือไม่มีแม้ขณะจิตเดียวนั่นเอง
ลุงสุชาติ
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 10 มิ.ย. 2004
ตอบ: 65
ตอบเมื่อ: 20 มิ.ย.2006, 1:00 am
พระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็น "ปรมัตถ์สัจจะ" เป็นความจริงที่แน่นอนไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา "อกาลิโก" แปลว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา พระพุทธเจ้าได้ตรัสเกี่ยวกับเรื่องหนึ่งเรื่องใดที่เป็นความจริงในขณะนั้นเมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว ในปัจจุบันนี้หรือในอนาคต เรื่องนั้นก้ยังเป็นความจริงตามที่ได้ทรงตรัสไว้
โพชฌงค์
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 20 มิ.ย.2006, 5:48 am
พระพุทธเจ้าตรัสอย่างใด ต้องเป็นอย่างนั้น นั้นชอบแล้ว เพราะพระองค์เป็นพระสัพพัญญู
อกาลิโก ซึ่งแปลว่าไม่ประกอบด้วยกาลนั้น ขอให้เอาคำว่าไม่ออกจะเหลือ คำว่า "ประกอบด้วยกาล" คำว่าประกอบด้วยกาลนี้ เป็นคำตรงกันข้ามกับ "อกาลิโก"
อะไรคือการประกอบด้วยกาล ผลกรรมนั่นเองประกอบด้วยกาล เพราะกรรมนั่นแม้เจตนาทำให้เกิดขึ้นนั้นก็ต้องใช้"กาล"ในชวนะจิต หรือพูดว่าต้องใช้เวลาถึง 7 ขณะจิต และผลกรรมคือวิบากจะเกิดก็ต้องใช้เวลา ให้ผลเป็นเวลาเช่นกัน
แต่อกาลิโกนี่ พอมรรคจิตเกิด ก็เกิดเพียงขณะเดียว แล้วธรรมคือไม่ว่าจะ โสดาปัตติผล สกทาคามีผล อนาคามีผล หรืออรหัตผล ที่จะเกิดนั้น ไม่มีช่องว่างของเวลาแม้เพียงขณะจิตเดียว ก็เกิดขึ้นเลย การไม่มีช่องว่างของเวลาแม้ขณะจิตเดียวมากางคั่นไว้นี่แหละ เรียกว่า ไม่มีกาล หรือไม่ประกอบด้วยกาล
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th