Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 กฏแห่งกรรม :: ตายอย่างวังเวง อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
๛ ลูกโป่ง ๛
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 31 พ.ค.2006, 5:17 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตายอย่างวังเวง

คุณต้อยติวิด เป็นสาวสวยคนหนึ่ง
ที่ดิฉันตั้งชื่อสมมติขึ้นมา
ต้นตระกูลของคุณต้อยติวิดในอดีตนั้น
ร่ำรวยมหาศาล เพราะคุณปู่หรืออดีตเจ้าสัวใหญ่นั้
นเป็นเจ้าของบริษัทก่อสร้างชื่อดัง
แห่งแรกของเมืองไทย และเป็นเจ้าของ
ห้างขายของเบ็ดเตล็ดจำพวกแบรนด์เนม
แห่งแรกในเมืองไทยเช่นกัน
เป็นคนจีนเก่าอพยพมาจากเมืองจีน
เข้ามาค้าขายในเมืองไทยโดยมีบ้านหลังใหญ่
ทำเป็นสำนักงานร้านค้า
บริษัทชื่อดังอยู่แถวๆ บ้านหม้อ

ธุรกิจเป็นไปได้ด้วยดี ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
สร้างความร่ำรวยความเป็นปึกแผ่น
ให้กับเจ้าสัวเป็นอย่างมาก
เจ้าสัวมีภรรยา 4 คน มีลูก 8 คน
มีหลานประมาณ10 คน และมีคนงาน
พนักงาน เสมียนฝ่ายต่างๆ เกือบ 200 คน
ชีวิตของเจ้าสัวมีความสุขในทางโลกอย่างเปี่ยมล้น
ใช้ชีวิตผิดทั้งศีล ผิดทั้งธรรม
มีความโลภความต้องการโดยไม่สิ้นสุด
ชีวิตวันๆ อยู่กับความประมาท
อยู่กับความสุขสมบนความทุกข์ของคนอื่น
ไม่ได้สร้างความดี ไม่ได้คิดทำบุญสุนทาน
สร้างสมบารมีเพิ่มเติม

ในทางตรงกันข้ามกลับสร้างแต่ความทุกข์ทรมาน
เอารัดเอาเปรียบข่มเหงรังแก
และเห็นแก่ได้บนความเดือดร้อนของคนอื่น
ขูดรีดราคาสินค้า คนยากคนจนที่มาซื้อสินค้า
ด้วยเงินเชื่อนั้นต้องถูกเรียกเก็บดอกเบี้ย
ในจำนวนที่เรียกว่ามหาโหด
รวมทั้งสินค้าที่ได้ไปก็ไม่ตรงตามน้ำหนักที่ซื้อ

กฎแห่งกรรมนั้นมีจริง เป็นกรรมติดจรวด
ยุคนี้ เป็นยุคดิจิตอล เห็นผลทันตา
และสนองตอบผู้ที่กระทำในระยะเวลา
อันรวดเร็วในชาตินี้ โดยไม่เปิดโอกาส
ให้มีการผัดวันประกันพรุ่ง

ดังนั้น เมื่อเวลาที่ต้องชดใช้กรรมมาถึง
การเสวยสุขของเจ้าสัวก็จบสิ้นลง
ด้วยอาการล้มป่วย
ที่แม้จะใช้เงินเป็นจำนวนมากรักษา
แต่อาการของเจ้าสัวก็ไม่ดีขึ้น
สุดท้ายแพทย์ก็ตรวจพบว่าเป็นวัณโรค
ซึ่งในสมัยก่อนวิทยาการทางแพทย์
ยังไม่ก้าวหน้าเหมือนสมัยนี้
และไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้
เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่ทุกคนต่างพากันรังเกียจ

และเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นโรคร้าย
เจ้าสัวจึงจัดการ จัดสรรปันส่วน
แบ่งสมบัติให้ภรรยา ลูกหลานทุกๆ คน
ญาติที่เลี้ยงดูมา แม้กระทั่งลูกน้อง
ที่เป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยง เพื่อให้ทุกคน
อยู่กันได้อย่างสบายตลอดชีวิต
และเพื่อเป็นการฝากผีฝากไข้
ให้ดูแลในบั้นปลายชีวิตของตนด้วย

แต่เอาเข้าจริงไม่มีใครเลย
ที่จะมาเหลียวแลเอาใจใส่เจ้าสัว
ไม่ว่าเมีย ลูกหลาน หรือแม้แต่ข้าเก่าเต่าเลี้ยง
ที่เคยประจบประแจงขอแบ่งเงินทอง
เพราะต่างก็กลัวติดโรคร้าย
มีแค่ให้อาหารกับยาตามเวลาเท่านั้น
ซ้ำร้ายอาหารกับยานั้นก็ไม่มีคุณค่าคุณภาพพอ
ที่จะช่วยทำให้เจ้าสัวดีขึ้น
เจ้าสัวได้แต่นอนซมอยู่บนที่นอนเก่าๆ
ในห้องแคบๆ ไอโขลกๆ
หมดเรี่ยวหมดแรงอยู่เป็นปี
อาการของเจ้าสัวค่อยๆ ทรุดลงตามลำดับ
จนกระทั่งวันที่เจ้าสัวไออย่างหนัก
จนเป็นเลือดสดๆ ออกมา
หายใจหอบ และขาดใจตายลง
ในสภาพร่างกายที่ซูบผอม
เหลือแต่โครงกระดูก

หลังเจ้าสัวตายไม่กี่ปี
ซ้อใหญ่คู่ทุกข์คู่ยากที่หอบหิ้วกันมา
จากเมืองจีน ก็ป่วยเป็นมะเร็งมดลูก
สมัยก่อนนั้นยังไม่ได้เรียกชื่อโรคนี้ว่าเป็นมะเร็ง
ซ้อใหญ่นอนป่วยอยู่ในห้องแคบๆ หลังตึก
ซึ่งก็ไม่มีลูกหลาน หรือคนดูแลเอาใจใส่
มีเพียงแต่เมื่อถึงเวลาให้ยาตามหมอสั่ง
ก็เอายาไปให้ ถึงเวลารับประทานอาหาร
ก็เอาข้าวไปวางไว้ ซ้อใหญ่ได้รับความเจ็บป่วย
ทุกขเวทนาทั้งทางกายและทางใจ
สุดท้ายต้องนอนตายคนเดียว เหมือนเจ้าสัว
โดยไม่มีใครได้เห็นใจ

ต่อมาซ้อๆ ทั้งหลายของเจ้าสัวก็ทยอยป่วย
ต้องนอนทุกข์ทรมานเจ็บปวด อ้างว้างอยู่คนเดียว
และในที่สุดก็ตายไปทีละคนๆ
ในสภาพที่ไม่มีใครได้เห็นใจเหมือนกัน
ไม่เพียงแต่เท่านั้นพวกลูกๆ
และคนที่เคยรับใช้ใกล้ชิดก็ตาย
ในลักษณะเดียวกันทั้งสิ้น !!

ส่วนบรรดาหลานๆ ที่เจ้าสัว
เคยเอามาส่งเสียเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด
ส่งไปเรียนต่างประเทศ
(สมัยนั้นคือ ปีนัง, ซัวเถา ฯลฯ)
เพื่อให้มาช่วยงานด้านธุรกิจการค้า
หลานๆ เหล่านี้ล้วนแต่กินดีอยู่ดี มีฐานะดีขึ้น
แต่เมื่อถึงเวลาก็ป่วยเป็นอัมพฤกษ์
หรืออัมพาต หมดเงินรักษาไปมากมาย
แต่ก็ไม่หาย

หลานบางคนที่ส่งให้ไปเรียนด้านสรีรวิทยา
และกายภาพบำบัด เพื่อมารักษาผู้ร่วมสกุล
หรือพนักงานในบริษัทที่ป่วยด้วยโรคนี้
ก็กลายเป็นว่าหมอมาป่วย และตายด้วยโรคนี้เสียเอง
และทั้งๆ ที่มีพยาบาลมีหมอ
เฝ้าอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
แต่เมื่อถึงเวลาตายก็มีเหตุ
ให้ต้องถูกทิ้งให้ตายคนเดียว
โดยไม่มีคนเห็น ใจหรือแม้แต่คนช่วยปิดตา

บิดาของคุณต้อยติวิดเองก็เช่นกัน
ครั้งที่เดินทางไปต่างประเทศ
เพื่อขยายตลาดการค้า
เมื่อประชุมร่วมกับตัวแทนการค้าใหญ่ๆ เสร็จสิ้น
โดยตกลงเซ็นสัญญาแลกเปลี่ยนการค้ากัน
ในวันรุ่งขึ้นนั้น ก็กลับมาพักผ่อนที่โรงแรม
ขณะอาบน้ำเกิดเป็นลมหน้ามืด
ล้มฟาดลงกับอ่างน้ำ จนหมดสติ
และนอนตายอยู่บนพื้นห้องน้ำนั่นเอง
กว่าที่จะมีคนรู้ก็เมื่อพนักงานทำความสะอาด
ไปเห็นศพเข้า เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องแปลก
เหลือเชื่อ แม้แต่วิทยาศาสตร์
ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้

การที่ผู้ร่วมสกุลและลูกหลาน
ตลอดจนพนักงาน ลูกจ้าง
คนใกล้ชิดของเจ้าสัว
มาตายในลักษณะเดียวกันนี้
ถือว่าได้ร่วมบุพกรรมต่อกันในชาตินี้
เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์
ที่เจ้าสัวเอามาเลี้ยงดูปรนเปรอให้ครอบครัว
ให้ผู้ร่วมสกุลลูกหลาน ให้พนักงาน
ลูกน้องมีความสุขนั้น เป็นเงินที่ได้มา
จากการกดขี่ขูดรีด เอารัดเอาเปรียบ
ทำความลำบากเดือดร้อน
และเจ็บปวดให้แก่ผู้อื่น
ทรัพย์สมบัตินั้นๆ จึงเป็นทรัพย์สมบัติ
เงินทองที่ไม่บริสุทธิ์ เพราะได้รับการสาปแช่ง
ด้วยความเกลียดชัง

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าสัวกินและใช้บุญเก่า
ที่สะสมติดตามมาจากอดีตชาติจนหมด
โดยไม่สร้างเพิ่มเติม
บุญก็ส่วนบุญบาปก็ส่วนบาป
จะหักล้างกันหาได้ไม่

ความที่เจ้าสัวประมาทในการใช้ชีวิต
ผิดทั้งศีลและทั้งธรรม
เจ้ากรรมนายเวรจึงไม่ให้อโหสิกรรม
ต้องตามไปชดใช้หนี้กรรม
หลายภพหลายชาติจนกว่าจะหมด
ส่วนคนอื่นๆ นั้นเป็นผู้ร่วมบุพกรรม
และไม่ได้ สร้างกรรมต่อเนื่อง
หลานๆ หลายคนได้สร้างกรรมดีไว้ก่อนตาย
โดยบางคนก็เป็นหมอช่วยชีวิตคน
บางคนก็ดำเนินธุรกิจด้านก่อสร้าง
ด้วยการสร้างทางเดิน สร้างถนน
สร้างที่อยู่อาศัย สร้างสาธารณประโยชน์ต่างๆ
ด้วยความซื่อสัตย์ เป็นการช่วยลดทุกข์
ของชาวบ้าน และสร้างบุญสร้างกุศลอื่นๆ ด้วย
เจ้ากรรมนาย เวรจึงอโหสิกรรมให้บ้าง

อย่าลืมว่า ความผิดแม้จะมีเพียงน้อยนิด
ก็ต้องชดใช้ตามกฎแห่งกรรมที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้

โดย...ผู้จัดการออนไลน์
 
ผู้เยี่ยมชม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 01 มิ.ย.2006, 1:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สะสมแต่ทรัพย์ภายใน แต่ไม่สะสมทรัพย์ภายใน เศร้า
อนุโมทนาค่ะที่มาเล่าให้ฟัง ได้ข้อคิดสะกิดใจว่าอย่าประมาทในการใช้ชีวิต สาธุ
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง