Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
อานิสงส์จะเกิดผลต่อเมื่อได้ลงมือปฏิบัติเท่านั้น
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ต้นข้าว*
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 07 เม.ย.2006, 12:11 pm
อานิสงส์จะเกิดผลต่อเมื่อได้ลงมือปฏิบัติเท่านั้น
จงตั้งใจสลัดอารมณ์ ความวุ่นวายใด ๆ ทั้งหลายที่เป็น ขยะหยากเยื่อหยากไย่ ของความคิด สติ และดวงจิต สลัดให้หลุด หยุดมันให้ได้ แล้วก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ดูดเอากลิ่นอายแห่งความเบิกบาน พลังแห่งชีวิต และเสรีภาพอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นเสรีภาพที่เราปลดปล่อย ขยะ หยากเยื่อหยากไย่ ฝุ่นละอองแห่งดวงจิต รวมทั้งความคิดทั้งหลายได้ เราจะเล่นเกม และเล่นสนุกกับกิริยาท่าทาง และกระบวนการแห่งความคิด อันเยอะแยะมากมาย ลองมาหาความเพลิดเพลินเบิกบานสำราญใจด้วยการวางภาระทั้งหลายให้จบสิ้น และหมดลงไปในบัดดล กลายเป็นบุคคลผู้เปล่า ผู้ปราศจาก เปล่าและว่าง ปราศจากความคิดอ่านทั้งปวงผนึกกายและใจให้แนบแน่นกันเป็นหนึ่งเดียว โดยไม่ให้ความคิดมาแยกออกจากกาย ผูกกายกับใจให้รวมเป็นหนึ่ง ฝึกได้ขนาดนี้ อย่างนี้และถึงขั้นนี้ จนถึงวันสุดท้ายแห่งชีวิต เราจะได้มีสติดำรงมั่นในจิตวิญญาณที่ใสสะอาด มีทางแห่งสุขคติภพเป็นที่ไปในวาระสุดท้ายของชีวิต
เมื่อจิตเราไม่เศร้าหมอง ไม่ขุ่นมั่ว ไม่ฝักใฝ่ ไม่ดิ้นรน ไม่ขัดข้อง ไม่กระเสือกกระสน และไม่แสวงหา ถือว่าเป็นหนทางปิดกั้น อบายภูมิ เพราะพระศาสดาทุกพระองค์ทรงกล่าวว่า ผู้ไม่ดิ้นรนจนเกินพอดี ไม่กระเสือกกระสนแสวงหา คือผู้สันโดษยินดีในสิ่งที่พึงมีพึงได้ ย่อมพบทางสบาย ผ่อนคลายอิสระ สัตว์ทั้งหลายที่เที่ยวเดือดร้อนดิ้นรน กระเสือกกระสนและแสวงหานั้น เป็นกิริยาของอสูรกาย เดรัจฉาน เปรต และสัตว์นรก รวมทั้งกริยาอาการของผู้ทุกข์ไม่รู้จบสิ้น..
สมณะ นักบวช พระ หรือผู้สงบ ผู้หยุด ผู้ไม่วิ่ง ผู้สันโดษ ผู้ไม่แสวงหา เป็นสภาวะของ เนกขัม ถือการออกบวชแห่งจิตวิญญาณเป็นหนทางอันบริสุทธิ์ใสสะอาด เป็นความสงบ และสันติ เป็นความรู้สึกสุข เสรีภาพ และเป็นเสรีภาพที่ได้รับการปลดปล่อยจากจิตวิญญาณที่หิ้วอยู่ หุ้มอยู่ จมอยู่ ในกองขยะหยากเยื่อหยากไย่ทั้งหลายในและนอกกายเรา...
โปรดกรุณาปลดปล่อยตนเองออกจาก คุกแห่งอารมณ์ ไม่มีผู้ใดในโลกมาขังเราได้ ถ้าเราไม่ขังตัวเราเอง พวกเราทุกคนกำลังตกเป็นทาส เป็นนักโทษที่มี คุก เป็นเครื่องจองจำ นั่นก็คือ อำนาจแห่งกรรม และ การกระทำที่ไร้ความไตร่ตรองและพิจารณา
ในขณะเดียวกัน เราก็ ติดคุก อยู่ลึก ๆ ซึ่งมันซ่อนอยู่ในดวงใจเล็ก ๆ เป็น คุก ที่มีอำนาจผูกให้เราตกอยู่ในความหลง ความโกรธ ความโลภ และความสับสนวุ่นวาย คุกชนิดนี้มันยิ่งใหญ่กว่า คุก ที่ชาวโลกสร้างมันขึ้นมา เพื่อขังมหาโจรเสียด้วยซ้ำ เพราะว่าสัตว์ตนใด ติดคุกแห่งอารมณ์ เขาจะไม่มีวันได้ออก ไม่มีใครบอกได้ว่า เขาจะ ออกจากคุก เมื่อไหร่ อย่างไร จนกว่าเขาจะสามารถหาทางออกได้ ด้วยตัวของเขาเอง เพราะสรรพสัตว์ที่ ติดในคุกอารมณ์ จึงต้องอุบัติ พระพุทธเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ มาทำหน้าที่เป็นนายทวารไปไขกุญแจ ปลดปล่อยสรรพสัตว์พ้นจากโทษทัณฑ์ และบ่วงกรรม ความเป็นทาสของความหลงโง่งมงาย
เราชาวศากยะ และตระกูลวงศ์แห่งพระศาสดา มีหน้าที่ปลดปล่อยตนเอง แล้วก็ปลดปล่อยสรรพสัตว์ที่ไม่ใคร่ระวัง สติรู้ตัวทั่วพร้อมให้พ้นบ่วงแห่งกรรม และทุกข์โทษภัยทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นจากอารมณ์ใจที่ไม่ได้มีการพัฒนาและฝึกฝน และไม่ได้ระแวดระวังด้วยความรู้สึกที่ได้จากตาเห็น หูฟัง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส กายถูกต้องสัมผัส ไม่มีสติรู้ทั่วพร้อม เราปล่อยให้ตัวเองติด คุก และส่งเสริมให้วิญญาณ ติดคุก อีกต่างหาก โดยการหลงใหลลื่นถลาไปกับ ตาเห็นรูปสวย หูฟังเสียงเพราะ จมูกได้กลิ่นหอม ลิ้นรับรสอร่อย กายถูกต้องสัมผัสที่ชอบ ลองมาใช้เวลาอันน้อยนิดสมมติว่าจะปลดปล่อยตัวเองออกจาก คุก แห่งความวุ่นวาย สับสน และหงุดหงิด โดยการมีสติควบคุม สิ่งที่เกิดจากตาเห็น หูฟัง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส กายสัมผัส อย่าปล่อยให้มันมามีอำนาจเหนือจิตใจของตนเอง
วิธีการปลดปล่อยตนเองก็คือ หยุดคิด หยุดพูด หยุดทำ หยุดพฤติกรรมต่าง ๆ และอย่าปล่อยให้ความรู้สึกใด ๆ ปรากฎขึ้นในขณะนี้ยกเว้นมีความรู้สึกว่า กายรวมใจเป็นผนึกแนบแน่น มีสติสัมปชัญญะคือความรู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่ภายในกาย จงอย่าปล่อยให้อารมณ์ใด ๆ เกิดขึ้นภายในกายนี้ ในเวลานี้เป็นอันขาด เมื่อเราทำได้ถือว่าเป็นผู้ที่ฝึกตนเองที่พร้อมจะปลดปล่อยวิญญาณให้เป็นอิสระ..ได้ในลำดับตน
จากหนังสือทำวัตร-สวดมนต์แปล
หลวงปู่พุทธอิสระ
วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม
----------------------
ขอบคุณที่มาค่ะ
http://www.kanlayanatam.com/sara/sara67.htm
I am
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 07 เม.ย.2006, 12:30 pm
ดีครับ โมทนาครับ คุณต้นข้าว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th