Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เปลี่ยนได้ด้วยไมตรี (พระไพศาล วิสาโล) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 22 มี.ค.2006, 2:41 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

เปลี่ยนได้ด้วยไมตรี
โดย พระไพศาล วิสาโล


ครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ คนผิวดำในสหรัฐอเมริกาไม่สามารถกินอาหาร
ใช้ห้องน้ำหรือเรียนร่วมกับคนผิวขาวได้
แต่ต่อมาการแบ่งผิวได้กลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
แม้กระนั้นความรังเกียจเหยียดผิวก็ยังคงดำรงอยู่
คอเร็ตตา เป็นนักศึกษาผิวดำคนแรกและคนเดียว
ของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งทางภาคใต้ของสหรัฐ
เธอถูกกำหนดให้นั่งหน้าห้อง
จึงกลายเป็นเป้านิ่งสำหรับคนขาวที่รังเกียจเธอ
ผลไม้เช่นมะเขือเทศขว้างมาถูกเธอเป็นประจำจนโดนเต็มหน้าก็มี
ที่ร้ายกว่านั้นบางครั้งผลไม้ที่โยนมายังมีเหล็กยัดไว้ข้างใน
ทำให้เธอเจ็บปวดมาก เวลานักเรียนทั้งชั้นหัวเราะ
ขณะที่เธอเช็คคราบผลไม้ตามใบหน้า
เธออยากจะคลานออกจากห้องแล้วไม่กลับมาอีก แต่เธอก็กลับมา

เธอตั้งใจมั่นที่จะไม่ยอมแพ้แม้จะถูกกระทำเพียงใดก็ตาม
ขณะเดียวกันก็พยายามควบคุมอารมณ์ไว้ตามที่ได้รับการฝึกฝนมา
แต่เธอก็เกรงว่าการอยู่นิ่งๆ จะทำให้วัยรุ่นคนขาวคิดว่า
เธอไม่มีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนพวกเขา
หรือคิดไปว่าเธอกลัวคนเหล่านั้น

แล้ววันหนึ่งเธอก็โดนผลไม้ขว้างใส่อีก
คราวนี้เธอไม่ยอมนิ่งเฉยแล้ว เธอก้มลงเก็บผลไม้ที่ตกอยู่บนพื้น
เดินเข้าไปหาคนที่ขว้างเธอแล้ววางมันต่อหน้าเขา
ด้วยท่าทีที่มั่นคงหนักแน่น
เธอยิ้มให้เขาแล้วพูดว่า “นี่ของคุณใช่ไหม ?”
จากนั้นเธอก็กลับไปนั่งที่เดิม
คราวนี้ทั้งชั้นมีเสียงโห่ฮาขึ้นมาทันที
แต่มิใช่โห่เธอ หากโห่คนที่ขว้างเธอ
ซึ่งรู้สึกเสียหน้าอย่างแรง
นับแต่วันนั้นก็ไม่มีใครขว้างอะไรใส่เธออีกต่อไป

คนทั่วไปเมื่อถูกรังแกอย่างในเรื่องข้างต้น
มักจะนึกถึงทางออกเพียงสองทาง
คือยอมจำนน หรือไม่ก็ใช้ความรุนแรงตอบโต้
ถ้าไม่ด่ากลับไปก็หาของที่หนักกว่าเช่นก้อนหินขว้างกลับไป
แต่ที่จริงยังมีทางเลือกที่สาม นั่นคือสันติวิธี
คอเร็ตตาเลือกใช้วิธีนี้และสามารถสยบผู้ที่รังแกเธอได้ในที่สุด

สันติวิธีนั้นมีพลัง แต่ไม่ใช่พลังที่เกิดจากอาวุธหรือพลกำลังที่เหนือกว่า
หากเป็นพลังทางใจ ความกล้าหาญและใจที่ให้อภัยนั้น
มีพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงจิตใจของอีกฝ่ายหนึ่งได้
ทำให้ผู้ที่คิดประทุษร้ายเกิดความละอายใจหรืออับอายในการกระทำของตน
หรืออย่างน้อยก็ขาดความชอบธรรมที่จะใช้ความรุนแรงต่อไป
คนเรามักมีข้ออ้างในการใช้ความรุนแรงกับผู้อื่น
เช่น เห็นว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นคนเลว เป็นมนุษย์ชั้นต่ำ
หรือมีความเป็นมนุษย์น้อยกว่าตัว
แต่เมื่ออีกฝ่ายแสดงออกซึ่งคุณธรรมที่เหนือกว่า
สถานการณ์ก็พลิกกลับ
นอกจากข้ออ้างหรือความชอบธรรมในการทำร้ายเขาจะหมดไปแล้ว
การไปทำร้ายเขายังเท่ากับเป็นประจานตัวเองว่าเป็นคนเลวและต่ำทราม

สันติวิธีนั้นมีพลังที่สามารถชนะใจคู่กรณีได้
โดยเฉพาะเมื่อมีความปรารถนาดีและน้ำใจไมตรีเป็นพี้นฐาน
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะคุณธรรมดังกล่าว
สามารถดึงเอาความดีในจิตใจของคู่กรณีออกมาจากส่วนลึก
ความดีดังกล่าวหากถูกดึงออกมาได้มากพอ
ย่อมสามารถสยบความโกรธ หรือความชั่วร้ายในใจเขา
จนไม่มีพลังพอที่จะแสดงความรุนแรงออกมาได้
กล่าวอีกนัยหนึ่งสันติวิธีช่วยให้ความดีในจิตใจของคู่กรณี
สามารถเอาชนะความชั่วในใจเขาได้
ยิ่งเราทำดีกับใครมากเท่าไร
เราก็ช่วยเสริมสร้างพลังความดีในจิตใจของเขา
ให้เข้มแข็งมากขึ้น จนปิดโอกาสไม่ให้ความเลวร้ายครอบงำใจเขาได้
จากจุดนี้เองที่ความก้าวร้าวและความเป็นปฏิปักษ์
จะเปลี่ยนมาเป็นความเอื้อเฟื้อและความเป็นมิตร
ด้วยเหตุนี้การใช้สันติวิธีจึงไม่เพียงสามารถทำให้อีกฝ่ายยุติความรุนแรงได้เท่านั้น
หากยังทำให้เขากลับมาเป็นมิตรกับผู้ใช้สันติวิธีได้ด้วย

ความก้าวร้าวรุนแรงนั้นแม้จะเป็นการใช้พลกำลังที่เหนือกว่า
แต่มักออกมาจากจิตใจที่อ่อนแอ
อ่อนแอทั้งในแง่ที่ไม่สามารถต้านทานอารมณ์ดำมืด
หรือความเลวร้ายภายในจิตใจได้
เช่น ความโกรธเกลียด เคียดแค้น หรือความโลภ
อีกด้านหนึ่งก็อ่อนแอเพราะถูกความทุกข์ทับถมกดดัน
หรืออ้างว้างเปล่าเปลี่ยว ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ตาม
ก็ล้วนเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจและควรให้ความช่วยเหลือ

บนรถไฟขบวนหนึ่งชานกรุงโตเกียว
เมื่อประตูรถเปิดรับผู้โดยสาร ก็มีชายร่างใหญ่เดินโซซัดโซเซเข้ามา
พร้อมกับส่งเสียงดังลั่น หญิงแม่ลูกอ่อนเห็นท่าไม่ดีก็เตรียมจะหลบ
แต่กลับถูกผลักกระเด็นไปปะทะผัวเมียวัยชราที่กำลังนั่งอยู่
พอผู้เฒ่าทั้งสองลุกขึ้นด้วยความตระหนก
ชายผู้นั้นก็ยกเท้าเตะหลังหญิงแก่ แต่เธอเอี้ยวหลบ
เมื่อเขาเดินตรงเข้าไปในกลุ่มผู้โดยสาร ผู้คนก็แตกฮือ
ในระหว่างนั้นเองก็มีชายแก่วัยเจ็ดสิบ
กวักมือเรียกเขาพร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตร
ชายร่างใหญ่เดินไปหาชายแก่พร้อมกับตวาดใส่
แต่ชายแก่ไม่สนใจกลับถามว่า “ไปดื่มอะไรมาเหรอ”
“ฉันไปกินสาเกมา” ชายขี้เมาตอบ
แล้วกระแทกเสียงกลับไปว่า “แล้วมันเรื่องอะไรของแกล่ะ”

ชายแก่ชวนคุยต่อว่า “ฉันก็ชอบสาเกเหมือนกัน”
แล้วก็เล่าว่าทุกๆ เย็นเขากับภรรยาจะไปนั่งดื่มสาเกในสวน
ชื่นชมธรรมชาติ ระหว่างที่พูดชายขี้เมาก็มีท่าท่าอ่อนลง
กำปั้นเริ่มคลายออก ถึงตรงนี้ชายแก่ก็ถามถึงภรรยาของเขา

“เมียฉันตายไปแล้ว” ชายขี้เมาตอบ แล้วก็เริ่มสะอึกสะอื้น
“ฉันไม่มีเมีย ไม่มีบ้าน ไม่มีอาชีพอะไรเลย รู้สึกอับอายเหลือเกิน”
ชายแก่ชวนเขานั่งลง เขาก็ทำตามอย่างคนว่าง่าย
ชายแก่พูดปลอบใจเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
สักพักเขาก็เอาหัวซุกกับตักของชายชรา
ไม่มีพิษสงใดๆ เหลืออยู่อีกเลย
จากอันธพาลเกเรกลับกลายเป็นลูกแมวที่แสนเชื่อง

สาเหตุที่คนเราสร้างความทุกข์ให้แก่กันและกัน
ส่วนใหญ่ก็เพราะแต่ละคนมีความทุกข์ท่วมท้นใจ
จึงอดไม่ได้ที่จะระบายใส่คนอื่น
เมื่อใดก็ตามที่เราตระหนักถึงความจริงข้อนี้
ความเห็นใจก็จะเกิดขึ้นตามมา เราจะมองเขาอย่างเป็นมนุษย์มากขึ้น
พร้อมกับปฏิบัติกับเขาอย่างมนุษย์ด้วย
คือ มีน้ำใจไมตรี มีความปรารถนาดี
และเชื่อว่าเขามีคุณงามความดีอยู่ในจิตใจ
การที่เขามีพฤติกรรมที่เลวร้าย นั่น
ก็เพราะคุณงามความดีดังกล่าวอ่อนแรง ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนชั่ว
โดยเราสามารถช่วยเขาได้ด้วยการเสริมสร้างความดีในใจเขา
ให้มีพลังจนสามารถเอาชนะความชั่วได้

สันติวิธีไม่เพียงแต่ช่วยให้ความดีเอาชนะความชั่วได้ในใจเขาเท่านั้น
หากยังช่วยให้ความดีในจิตใจของเรางอกงามด้วย
ในทางตรงกันข้ามยิ่งเราใช้ความรุนแรงมากเท่าไร
ความดีและความเป็นมนุษย์ของเราก็จะเสื่อมถอยลง
จนความชั่วร้ายและภาวะอมนุษย์ครอบงำในที่สุด

กล่าวอย่างถึงที่สุดแล้วเราจะเป็นมนุษย์แค่ไหน
ขึ้นอยู่ว่าเราเลือกวิธีอะไรในการแก้ปัญหา


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้

คัดลอกมาจาก :
เปลี่ยนได้ด้วยไมตรี โดย พระไพศาล วิสาโล
หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน วันที่ 25-01-49

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 22 มี.ค.2006, 6:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ

สาธุด้วยครับคุณลูกโป่ง
 

_________________
"อย่าลืมตัว อย่าลืมปัจจุบัน อย่าลืมปฏิบัติ"
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
I am
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 23 มี.ค.2006, 8:01 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

โมทนาด้วยครับ คุณลูกโป่ง สาธุ...
 
บัวใต้
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 23 มี.ค.2006, 10:23 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ...ค่ะ

120 ฆ่าได้แล้วเป็นสุข

ปัญหา (พราหมณ์ภารทวาชโคตรทูลถาม) บุคคลฆ่าอะไรได้ย่อมนอนเป็นสุข ฆ่าอะไรได้ย่อมไม่เศร้าโศก ข้าแต่พระโคดม พระองค์ย่อมชอบใจการฆ่า ธรรมอะไร เป็นธรรมอันเอก ?

พุทธดำรัสตอบ “ บุคคลฆ่าความโกรธได้ ย่อมนอนเป็นสุข ฆ่าความโกรธได้ย่อไม่เศร้าโศก ดูก่อนพราหมณ์ พระอริยเจ้าทั้งหลายย่อมสรรเสริญการฆ่าความโกรธอันมีมูลเป็นพิษ มีปลายหวาน เพราะว่าบุคคลฆ่าความโกรธนั้นได้แล้ว ย่อมไม่เศร้าโศก”

ธนัญชานีสูตรที่ ๑ ส. สํ. (๖๒๙)
ตบ. ๑๕ : ๒๓๖ ตท. ๑๕ : ๒๒๓
ตอ. K.S. I : ๒๐๐


http://www.84000.org/true/120.html

ธรรมะสวัสดีค่ะ
คุณลูกโป่ง คุณ I am คุณสายลม
แลบลิ้น แลบลิ้น แลบลิ้น แลบลิ้น
 
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 24 มี.ค.2006, 9:35 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนุโมทนาสาธุเช่นกันค่ะ...คุณบัวใต้ คุณสายลม คุณ I am
ขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง สำหรับธรรมะดีดีที่กัลยาณมิตรทุกท่านนำมาฝากกันเสมอ
ศีลรู้ได้...เมื่ออยู่ร่วม
บ้านแสนดีหลังนี้ เต็มไปด้วยความเอื้ออาทรต่อกันเสมอ
อบอุ่นเมื่อมาเยือน เหมือนอยู่กับคนที่คุ้นเคย

ยิ้มแก้มปริ ยิ้มแก้มปริ ยิ้มแก้มปริ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง