|
|
|
 |
ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
Sittirat
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2005, 10:17 am |
  |
*ผู้ที่อ่านบทความนี้จนจบ จะรู้สึกเลยว่า เวลาที่ผ่านไปแต่ละนาที มันมีค่า และความหมายมากเพียงใด และเราก็ไม่สามารถย้อนเวลาที่เราปล่อยผ่านไปปล่าวๆ ให้กลับคืนได้อีกเลยตลอดกาล*
สมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระชนชีพ อายุของมนุษย์ในยุคนั้นคือ 100 ปี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า หลังจากพระพุทธองค์ปรินิพพานไปแล้ว อายุขัยของมนุษย์เมื่อล่วงเลยไปทุกๆ 100 ปี อายุมนุษย์จะลดลง 1 ปี เมื่อพระพุทธเจ้าท่านปรินิพพานไปเมื่อ 2,500 ปีที่แล้ว เพราะฉนั้นอายุขัยของมนุษย์ในปัจจุบันได้ลดลงไปแล้ว 25 ปี
อายุโดยเฉลี่ยของมนุษย์ในปี พ.ศ. 2548 คือ 75 ปี ตั้งแต่เกิดจนตาย ถ้านับเวลาเป็นวันคือ 27,375 วัน ถ้านับเป็นเดือนคือ 900 เดือน ถ้านับเป็นสัปดาห์คือ 3,600 สัปดาห์ ถ้านับเป็นชั่วโมงคือ 657,000 ชั่วโมง วันหนึ่งๆมี 24 ชั่วโมง มนุษย์เราจะเสียเวลานอนเฉลี่ย 8-12 ชั่วโมง / วัน
เพราะฉนั้นเราจะมีเวลาใช้ชีวิตกันจริงๆเพียงครึ่งหนึ่งของเวลาจริงเท่านั้น
เมื่อไม่นับเวลาที่เรานอน ตั้งแต่เกิดถึงตายเราจะมีเวลาเพียงแค่ 13,687 วัน หรือ 450 เดือน หรือ 1,800 สัปดาห์ หรือ 328,500 ชั่วโมงเท่านั้นเอง ยิ่งเวลาที่เราเจ็บไข้ได้ป่วยต้องล้มหมอนนอนเสื่อ ก็จะทำให้เราเสียเวลาไปอีกมากเลย
มนุษย์ในโลกนี้ไม่จำเป็นต้องแก่ตาย ไม่จำเป็นต้องอยู่ครบอายุ จะตายก่อนเมื่อใดก็ได้ทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับกรรมในอดีตชาติ บางคนตายตั้งแต่อยู่ในท้องมารดา บางคนตายเมื่ออายุ 7 ชั่วโมง บางคนตายเมื่ออายุ 7 วัน บางคนตายเมื่ออายุ 7 สัปดาห์ บางคนตายเมื่ออายุ 7 เดือน บางคนตายเมื่ออายุ 7 ปี
แล้วผู้อ่านทั้งหลายใช้เวลามาเท่าไรแล้ว จะเหลืออีกกี่วัน ถ้าคิดว่าตนเองจะอยู่ครบอายุ 75 ปี นั่นถือว่าประมาทอย่างยิ่ง (เป็นความคิดที่โง่เขลาเหลือเกิน) ชีวิตมนุษย์มีน้อยนัก อย่ามัวประมาทอยู่เลย รีบทำบุญทำกุศลเพื่อเป็นเสบียงไปภพหน้ากันเถอะ
โอกาสที่จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกนั้นยากเต็มที อุปมาเหมือนมีเต่าตาบอดตัวหนึ่งอยู่ในมหาสมุทร ในมหาสมุทรมีห่วงยางอยู่ 1 ห่วง ในเวลา 100 ปี เต่าตาบอดตัวนี้ จะขึ้นมาหายใจ 1 ครั้ง แล้วให้คอเต่าตัวนี้ ลอดห่วงพอดี ซึ่งยากมากหรือแทบเป็นไปไม่ได้ (โอกาสเป็นไปได้ไม่ถึง 0.00000001 %)
การเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากกว่าการอุปมานี้เสียอีก เพราะต้องอาศัยผลบุญในอดีตชาติ เช่น การให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ที่สั่งสมมาจำนวนมากๆ เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ได้แล้ว ก็จะพบกับความยากอีก 4 อย่างตามมาอีก ซึ่งความยากที่สุด 4 อย่างตามที่พระพุทธเจ้าท่านแสดงไว้คือ
1)การได้เกิดเป็นมนุษย์ (ที่มีอาการครบ 32)
2)การเกิดในประเทศที่มีพระพุทธศาสนา
3)การได้ศึกษาพระพุทธศาสนา
4)การเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าในกัปป์นั้นๆ
พวกเราในปัจจุบันนั้นได้มาครบทั้ง 4 อย่างแล้ว จะปล่อยให้โอกาสดีๆแบบนี้ผ่านไปเฉยๆเหรอ (ยังมีมนุษย์ตามืดบอดอีกจำนวนมากที่มองเป็นเรื่องปกติธรรมดา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งน่าเสียดายเหลือเกิน) ส่วนมนุษย์ที่มีปัญญาอย่างเราๆ ควรรีบทำบุญทำกุศลให้มากที่สุด และการได้มาซึ่งบุญตามพระไตรปิฏกมี 10 ประการดังนี้ (เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ 10)
1)ทานมัย บุญที่สำเร็จด้วยการบริจากทาน
2)สีลมัย บุญที่สำเร็จด้วยการรักษาศีล
3)ภาวนามัย บุญที่สำเร็จด้วยการเจริญภาวนา
4)อปจายนมัย บุญที่สำเร็จด้วยการแสดงตนเป็นคนอ่อนน้อม
5)ไวยยาวัจจมัย บุญที่สำเร็จด้วยการขวานขวายช่วยในกิจการที่ชอบ
6)ปัตติทานมัย บุญที่สำเร็จด้วยการให้ส่วนบุญ
7)ปัตตานุโมทนามัย บุญที่สำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ
8)ธัมมสวนมัย บุญที่สำเร็จด้วยการฟังพระสัทธรรม
9)ธัมมเทสนามัย บุญที่สำเร็จด้วยการแสดงพระธรรมเทศนา
10)ทิฏฐุชุกรรม การกระทำความรู้ความเห็นแห่งตนให้ตรง (เชื่อว่า บาป-บุญมี ,นรก-สวรรค์มี ,ชาตินี้-ชาติหน้ามี)
อย่าปล่อยให้เวลาแต่ละวันสูญเปล่าไปกับเรื่องไร้สาระแบบคนตามืดบอดเลย ถ้าตายแบบคนตามืดบอดไม่เคยสั่งสมบุญ ต้องไปเกิดในอบายภูมิ (นรก-อสุรกาย-เปรต-เดรัจฉาน) ถ้าตายแบบคนมีปัญญา จักไปเกิดในสุคติภูมิ (มนุษย์-เทวโลก-พรหมโลก) ผู้มีปัญญาทั้งหลายพึงรู้ไว้ ว่ายังมีบุญอีกตั้ง
10 ประเภทให้ผู้มีปัญญาเลือกทำกันตามจริตและอัธยาศัย
โลกมนุษย์ใบนี้ไม่ใช่ที่ที่มนุษย์จะมาตั้งรกรากอยู่กันแบบถาวร แต่เป็นเพียงสนามสอบเท่านั้น เรามาอยู่กันชั่วครั้งชั่วคราว สอบเสร็จก็ต้องจากไป โดยใช้ผลบุญ-ผลบาป เป็นตัววัดว่าสอบได้หรือสอบตก ...ถ้าคุณต้องการแสวงหาความสุขที่แท้จริงและค่อนข้างยั่งยืน คุณต้องไปเทวโลกซึ่งเป็นโลกแห่งความสุขแท้ และมีอายุขัยยาวนานเกินคณานับ ...ถ้าคุณต้องการความสงบ คุณต้องไปพรหมโลก ...อย่ามายึดติดในโลกมนุษย์ซึ่งมีแต่ความทุกข์ และอายุน้อยนิดใบนี้เลย
ทรัพย์สมบัติในโลกใบนี้ที่เราหลงผิดไปแสวงหามาแทบตาย แต่อนิจจัง อายุมนุษย์ช่างน้อยเหลือเกิน ไม่ทันได้ใช้ทรัพย์เหล่านั้นก็ต้องมาตายเสียก่อน
และทรัพย์เหล่านั้นไม่สามารถติดตัวเราไปได้อีกต่างหาก แต่เราเอาไปได้อย่างเดียวคือ บุญ-บาป เท่านั้น
ท่านผู้มีปัญญาเห็นธรรมทั้งหลายโปรดพิจารณาว่า ที่เราขวนขวายแสวงหาทรัพย์สมบัติต่างๆนาๆ ทั้งๆที่รู้ว่าไม่สามารถนำติดต่อไปได้นั้น เราเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์หรือไม่ คนรวยก็ตาย คนจนก็ตาย ทำไมเราไม่เอาเวลาไปทำบุญทำกุศลให้มากที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นอริยทรัพย์ สามารถนำติดตัวไปได้ทุกภพทุกชาติ
โปรดใช้เวลาในโลกใบนี้ในแต่ละนาทีอย่างคุ้มค่าเถอะครับ เพราะเราเหลือเวลาอีกน้อยแล้ว ให้สมกับความยากที่ได้เกิดบนโลกใบนี้ ถ้าเราไม่รีบทำบุญทำกุศลให้มากที่สุด ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไร กี่อสงค์ขัย กี่มหากัปป์ เราจะได้กลับมาเกิดบนโลกใบนี้อีก หรืออาจจะไม่ได้มาอีกเลยก็เป็นได้ ถ้าคุณประมาทปล่อยให้เวลาแต่ละวันผ่านไปเฉยๆ ครั้งนี้คุณอาจจะได้เป็นมนุษย์เป็นครั้งสุดท้าย !!!
บทความเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "อย่ามัวแต่นอน"
(แมวเหมียวจะนอนโดยเฉลี่ยวันละ 15 ชั่วโมง) |
|
|
|
|
 |
ผ่านมา
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2005, 1:17 pm |
  |
ขอบพระคุณมากครับสำหรับข้อความดีดีเช่นนี้ มีอะไรดีดีก็โพสมาอีกนะ |
|
|
|
|
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
11 ก.ย. 2005, 1:17 am |
  |
อนุโมทนาบุญด้วยค่ะกับบทความดีดีที่มีมาฝาก
เราทุกคนเร่งสร้างบุญกุศลกันเถอะค่ะ
อย่าประมาท...กับชีวิตนักเลย
เวลาและวารี
มิได้มีจะคอยใคร
เรือเมล์และรถไฟ
มันก็ไปตามเวลา
โอ้เอ้และอืดอาด
ก็จะพลาดปรารถนา
ชวดแล้วจะโศกา...อนิจจาเราช้าไป
 |
|
|
|
   |
 |
|
|
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่ คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลงคะแนน คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้ คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
|
| | |