Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ความตายกับชีวิตที่เหลืออยู่ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 31 ส.ค. 2005, 10:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

โดย...ปรีดา เรืองวิชาธร



ข้อคิดและประสบการณ์จากการอบรม“เผชิญความตายอย่างสงบ”

จัดโดยเครือข่ายชาวพุทธฯและเสมสิกขาลัย



คนที่มีประสบการณ์ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายคงตระหนักได้ดีว่า

ช่วงเวลาแห่งการดูแลเป็นช่วงที่เราไม่คุ้นเคยอย่างยิ่ง

หลายคนเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าเสียใจ

และหวาดกลัวต่อการพลัดพรากที่กำลังจะมาถึง

หลายคนอาจรู้สึกสับสนหรือเคว้งคว้างว่า

ทางข้างหน้าของชีวิตจะเป็นอย่างไร

หลังจากไม่มีเธอหรือเขาผู้นั้นอีกแล้ว

ขณะเดียวกันต้องเหน็ดเหนื่อยไม่น้อยในการเฝ้าดูแล

และบางครั้งยังต้องเผชิญกับอารมณ์ของตน

ที่ยากจะยับยั้งเมื่อต้องปะทะกับอารมณ์ อันปรวนแปรของผู้ป่วย

ช่วงเวลาเช่นนี้จึงยากที่จะรักษาใจให้สงบมั่นคงได้



แต่ก็มีไม่น้อยเลยที่หลายคนสามารถเปลี่ยนแปลงภายใน

จากการสัมผัสความจริงของชีวิตอย่างลึกซึ้ง

เขาเหล่านั้นต่างประจักษ์ว่า ไม่ใช่เราผู้ดูแลเท่านั้นที่เป็นฝ่ายให้

แต่ผู้ป่วยก็เป็นฝ่ายให้โอกาสเราได้เรียนรู้เพื่อเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณ

ช่วงเวลาเช่นนี้เป็นโอกาสให้เราได้สัมผัสรับรู้ความดีงามภายใน

ที่เหมือนถูกเก็บซ่อนไว้ในส่วนลึก

และสามารถผลิบานงอกงามได้อย่างน่าอัศจรรย์

เพราะช่วงเวลาดังกล่าวหากเราดูแลผู้ป่วยด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง

เราย่อมสัมผัสรับรู้ถึงความทุกข์ของเขา

ทั้งความเจ็บปวดทรมานทางกาย ความหวาดกลัว

ความสับสนและห่วงกังวลในเรื่องคนใกล้ชิดที่ยังต้องอยู่ต่อไป

ความรู้สึกผิดบาปที่คั่งค้างในใจ

ที่สำคัญก็คือรับรู้ถึงความรู้สึกโหยหาความรักและความเข้าใจจากคนที่เขารัก

ซึ่งเมื่อเวลานั้นมาถึงเราบ้าง เราคงรู้สึกไม่แตกต่างไปจากนี้มากนัก

ดังนั้น ในระหว่างการดูแลหากเราตระหนักรู้ในข้อนี้มากขึ้นเท่าใด

ความดีงามภายในอย่างเช่น ความเห็นอกเห็นใจ ความรู้สึกที่ให้อภัย

ใจที่สามารถยอมรับอย่างที่เขาเป็น

โดยเฉพาะยอมรับอย่างใจกว้างต่อความผิดพลาดของมนุษย์ เป็นต้น

ก็จะผลิบานออกมาจากใจ ซึ่งเราอาจคาดไม่ถึงเลยทีเดียว



เป็นธรรมดาอย่างยิ่งที่เมื่อจิตใจของเราเริ่มรู้สึกอยากเห็นเขาเป็นสุข

หรือพ้นจากความทุกข์ทรมาน (แม้เขาจะดีหรือร้ายเพียงใด)

ผู้ป่วยย่อมสามารถสัมผัสรับรู้ถึงความรัก

และพร้อมที่จะอ้าแขนรับการปฏิบัติดูแลด้วยดี

ทั้งยังทำให้เขาไว้วางใจเพื่อระบายความในใจออกมา

ให้เราได้รับรู้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นกุญแจดอกสำคัญ

ที่จะไขไปสู่ความชัดเจนในการปฏิบัติดูแล

หรือช่วยจัดการได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

ดังนั้น การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง

จึงเต็มไปด้วยคุณภาพ ซึ่งรวมเอาความรักและมิตรภาพอันลึกซึ้ง

ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นไว้ด้วย



นอกจากสัมผัสรับรู้ถึงความดีงามที่เกิดขึ้นภายในแล้ว

ผู้มีประสบการณ์ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายหลายคนได้ถ่ายทอด

เสียงสะท้อนจากภายในอันเป็นข้อคิดคำนึงดีๆ สำหรับชีวิตและสังคม

ที่อยากจะแบ่งปันให้เราทั้งหลายที่ยังต้องอยู่ต่อไปดังนี้



เสียงแรก ฉันโชคดีมากที่มีโอกาสได้ดูแลลูกที่เพิ่งจากไปไม่นาน

แม้ช่วงเวลานั้นจะขมขื่นที่สุดเท่าที่ฉันเคยประสบมา

การได้อยู่กับเขาในช่วงเวลานั้น

มันเหมือนกับเรียกความรู้สึกผูกพันอันลึกซึ้งคืนกลับมาอีกครั้ง

ซึ่งได้ห่างหายไปนาน

นับตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นเด็กเล็กๆ

แต่ต่างกันมากอย่างหนึ่งก็คือ

การดูแลช่วงที่เขาป่วยหนักจนถึงวันที่เขาจากไป

มันทำให้ฉันเข้าใจความจริงของชีวิตและยอมรับได้มากขึ้น

การเกิดและจากไปของชีวิตซึ่งกินช่วงเวลาไม่นานนัก

ทำให้ฉันได้ใคร่ครวญภายในมากขึ้นว่า

วันเวลาที่เหลืออยู่ฉันจะตั้งหน้าตั้งตาแสวงหา

เงินทองทรัพย์สินไปมากมายล้นพ้นทำไมกัน

ถึงจะมีอยู่มากเพียงใดก็ยังไม่สามารถแบ่งเบาความขมขื่น

จากการพลัดพรากได้แม้สักนิด

ชีวิตที่เหลืออยู่นี้ฉันอยากจะให้ชีวิตได้สัมผัสความสุขเย็นภายในมากขึ้น

อยากจะหยุดแสวงหาวัตถุทั้งหลายลงบ้าง

ทุกวันนี้การทำจิตใจให้สงบด้วยสมาธิช่วยให้ชีวิตสงบนิ่ง

มีความมั่นคงภายในมากขึ้น

ช่างแปลกดีนะที่จิตใจอันสงบมั่นคงนี้

ทำให้เรามองเห็นรอยยิ้มและความสุขของคนอื่นได้ชัดเจนขึ้น

และมันทำให้ฉันพลอยรู้สึกปลื้มไปด้วย

เพราะที่ผ่านมาฉันแทบไม่เคยใส่ใจรับรู้

คงเป็นเพราะชีวิตวุ่นวายสับสนเกินไป

อีกอย่างหนึ่งที่ฉันรู้สึกดีกับตัวเองมากคือ

การได้รับฟังเสียงความทุกข์ภายในจากคนรู้จักหลายคน

ที่หาใครปรับทุกข์ไม่ได้

เขาก็เลือกฉันนี่แหละ คงคิดว่าฉันปลงตกกับชีวิตได้

แต่ฉันว่าเป็นเพราะใจมันเปิดกว้าง

พร้อมที่จะรับฟังเรื่องราวได้มากขึ้นต่างหาก

ฉันไม่ได้ให้ข้อคิดกับเขามากมายหรอก

เพียงแค่รับฟังและให้กำลังใจเล็กน้อยเท่านั้น

รอยยิ้มน้อยๆ ของเขาที่บ่งบอกถึงความรู้สึกดีเป็นสิ่งตอบแทน

ที่ทำให้ฉันมีความสุขในอีกด้านหนึ่ง

ซึ่งแม้ว่าฉันจะไม่มีความสามารถอื่นใดมากมาย

เพียงเป็นส่วนหนึ่งของความสุขผู้อื่นฉันก็พอใจแล้ว



เสียงที่สอง ฉันกับเพื่อนที่อยู่ห้องดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย

ได้เห็นมาตลอดว่า ความทุกข์ทรมานจากความตายนั้นมีมากมายเหลือเกิน

แต่ทุกวันนี้ทำไมทั้งในบ้านเราและที่อื่นกลับเต็มไปด้วยการใช้ความรุนแรง

เข่นฆ่ากันมากขนาดนี้

ทำเหมือนกับความตายของคนไม่มีความหมายอะไร

เหตุการณ์การใช้ความรุนแรงต่างๆ ในขณะนี้

มันช่วยกระตุ้นเตือนให้พวกเราที่ทำงานใกล้ชิดกับความตาย

ได้ตระหนักมากขึ้นว่า จะพยายามหลีกเลี่ยงการเป็นส่วนหนึ่งของความรุนแรง

หากเป็นไปได้อยากจะร่วมมือเพื่อหยุดยั้งการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ

อาจเริ่มที่การใคร่ครวญสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างมีวิจารณญาณ

จะได้ไม่ตกไปสู่หลุมพรางของความรุนแรง

และอยากให้ช่วยกันสะกิดเตือนกันให้ใจกว้างต่อความแตกต่างหลากหลาย

ที่แม้เขาจะคิดและเป็นไม่เหมือนคนส่วนใหญ่

และช่วยกันสนับสนุนทางเลือกออกจากปัญหาต่างๆด้วยสันติวิธี



เสียงสุดท้าย การร่วมเผชิญความตายของคนที่เรารักหรือผูกพันใกล้ชิดนั้น

เป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยให้เราฉุกคิดและทบทวนย่างก้าวของชีวิตที่เหลืออยู่ว่า

ชีวิตที่มีคุณค่าความหมายที่ดีงามควรเป็นอย่างไร

และเราจะใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทได้อย่างไร

เราจำต้องเตือนสติตัวเองอยู่เสมอว่าชีวิตนั้น

อีกไม่นานก็ต้องกลับคืนสู่ธรรมชาติ

ดังนั้นหากมีกิจสิ่งใดที่จะนำไปสู่ความสุขกายสบายใจ

เราจะไม่ผัดผ่อนแต่จะขวนขวายทำไปอย่างต่อเนื่อง

แม้จะทำได้ทีละเล็กทีละน้อยก็ตาม

โดยเฉพาะการฝึกฝนเพื่อเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณ

ด้วยการหมั่นทำจิตใจให้สงบตั้งมั่น จะเป็นการทำสมาธิแบบไหนก็ได้

ที่เหมาะสมกับเรา รวมถึงฝึกฝนจิตใจให้คลายจากความรู้สึกว่ามีตัวเรา

มีของของเรา ซึ่งใจที่รู้สึกยึดมั่นถือมั่นนี้มีอยู่ในทุกเรื่อง

ทั้งในเรื่องทรัพย์สินเงินทอง อาชีพการงาน ครอบครัว

คุณงามความดี หรือแม้แต่ยึดตัวเองไว้



ดังนั้นชีวิตที่เหลืออยู่หากได้ฝึกคลายความยึดมั่นไปทีละเล็กละน้อย

ก็เท่ากับเราเริ่มเตรียมตัวที่จะเผชิญความตาย

ด้วยใจที่สงบแล้ว เพราะเมื่อเวลานั้นมาถึง

เราย่อมพร้อมมากขึ้นในการเผชิญความจริงชีวิตที่เราเคยหวาดกลัวกันมาตลอด


http://budnet.info/alive/alive_exper/ex01.htm

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 02 ก.ย. 2005, 2:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ๆ ๆ



เป็นบทความที่ดีมากครับ



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง