Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 กฎแห่งกรรม : อัศวินเหินฟ้า อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2005, 10:30 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 26 สิงหาคม 2548 16:33 น.





เรื่องนี้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาดิฉัน เป็นเรื่องที่สยดสยอง

จนยากที่จะลืมได้ แม้เหตุการณ์นั้นๆ ได้ผ่านล่วงเลยมานาน

เกือบถึง 30 ปีแล้วก็ตาม แต่ทว่าก็เหมือนกับเพิ่งจะเกิดขึ้น

เมื่อไม่นานมานี้เอง



ก่อนอื่นดิฉันต้องกราบขออภัยญาติๆ และทายาทของ

ผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้ที่นำเอาชื่อจริงของท่าน

และเหตุการณ์จริงมาเล่า ณ ที่นี้ แต่ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการเทิดทูน

วีรกรรมของทุกท่าน และกระตุ้นเตือนความทรงจำของคนไทย

รุ่นหลังๆ หรือแม้แต่รุ่นเดียวกันให้ระลึกถึงคุณงามความดีของท่าน

เพราะหากไม่ มีพวกท่านแล้ว พวกเราก็คงไม่มีผืนดินที่จะอยู่อย่างสงบ

ตราบจนถึงทุกวันนี้อย่างแน่นอน



เรื่องเกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 2523 ขณะนั้นประเทศไทยกำลังมี

นโยบายในการปราบปรามผู้ก่อ การร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.)

ที่กำลังคุกคามประเทศไทยอย่างหนัก โดย พลเอกเปรม ติณสูลานนท์

นายกรัฐมนตรี ขณะนั้น มีนโยบายปราบปราม ผกค. ที่เรียกว่า

นโยบาย66/23 ด้วยการให้เจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ ทหาร

ซึ่งมีหน้าที่ปราบปราม ผกค. เปลี่ยนวิธีการปราบปราม เสียใหม่

ด้วยการนำวิธีการปรับทุกข์ ผูกมิตร แบบที่ ผกค.เอามาใช้ใน

การเข้าถึงประชาชน ดึงเอาประชาชน ไปเป็นพวกได้อย่างสำเร็จ

งดงามโดยไม่ต้องลงทุนมากมายอะไร



งานนี้กองอำนวยการปราบปรามป้องกันผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์

(กอ.รมน.) ให้เกียรติดิฉันทำหน้าที่เป็น ผู้ประสานงานระหว่าง

สื่อมวลชนกับทางราชการ และประชาชน เพื่อนำเสนอข่าวสารที่เปิดเผยได้

ให้ถูกต้อง และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้เกิดทัศนคติร่วมกัน

ในการประสานความเข้าใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และ อยู่ร่วมกันด้วย

สันติสุข ด้วยความเป็นมิตร มีความรัก ความผูกพัน เลิกเข่นฆ่า

ประหัตประหารกันและกัน



ดิฉันเองถูกพ่อสอนให้เป็นคนรักชาติสูง และเสีย สละชีวิต

เพื่อประเทศชาติได้ จึงยอมรับงานนี้ แม้ว่าจะเป็นการเสี่ยงภัยเกินตัวที่

ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างดิฉันในเวลานั้นจะเข้ามาทำหน้าที่นี้



พื้นที่ซึ่งดิฉันรับผิดชอบก็คือ พื้นที่ในเขตกองทัพภาคที่ 2 หรือพื้นที่

ภาคอีสานทั้งหมด กองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า มีกองบัญชาการอยู่ที่จังหวัด

สกลนคร สำหรับบุคคลที่เป็นแกนนำคนสำคัญในการทำหน้าที่ระดับมันสมอง

ของการปฏิบัติงานครั้งนี้ (จนได้รับพระราชทานเหรียญให้เป็นอัศวิน)

ในส่วนทหารคือพล.ต.ลักษณ์ สาลิคุปต์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ,

พ.อ. ( พิเศษ)จรวย นิ่มดิษฐ์, พ.อ. (พิเศษ) เสงี่ยม รัตนสิมากร

และ พ.ท. ชัยพร แตงฉ่ำ



ดังได้กล่าวข้างต้นแล้วว่า นโยบายที่ 66/23

ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์

ก็คือการให้ผกค.นำอาวุธ ประจำกายออกมามอบตัวต่อทางราชการ

และกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี ซึ่งทางราช การก็จะมอบเงินค่าอาวุธ

ที่นำออกมามอบตัวเป็นรางวัล เป็นทุนในการดำเนินชีวิตต่อไป

ในวันข้างหน้า พร้อมทั้งมอบที่ดินให้ ทำมาหากิน ให้ความช่วยเหลือ

ต่างๆจนสามารถอยู่ร่วมกับทุกคนในสังคม ในหมู่บ้านได้อย่างสันติสุข

เช่นเดียว กับคนทั่วๆไป เพราะตามปกติแล้ว พวก ผกค. มีอุดมการณ์

รักชาติเช่นเดียวกับพวกเรา แต่ทว่าด้วยอวิชชา ความรู้ไม่จริง

จึงเห็นผิดเป็นชอบ



เมื่อภารกิจนี้สำเร็จลงด้วยดี ทางการจึงได้จัดงาน วันเสียงปืนดับ

ที่อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร (อำเภอดงหลวง จังหวัดนครพนม

ในขณะนั้น)เป็นที่ฮือฮากันมาก เพราะเป็นการจัดครั้งที่ 2 ซึ่งมีระยะห่าง

จากการจัดครั้งแรกไม่ถึงเดือน ชาติพันธมิตรจากนานาประเทศ และข้า

ราชการระดับสูงฝ่ายต่างๆของประเทศต่างก็หลั่งไหลเดินทาง

มาร่วมงานนี้เป็นจำนวนมาก



ทางกองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า ได้ระดมทุกฝ่ายที่ เกี่ยวข้องเตรียมงาน

กันล่วงหน้าอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะ ด้านการประชาสัมพันธ์ มีการซักซ้อม

เป็นอย่างดี โดยก่อนงานเริ่ม 2 วัน คณะบุคคลซึ่งเป็นกลไกสำคัญของงาน

ได้เดินทางมายังกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา

เรียกประชุมคณะทำงานฝ่ายต่างๆที่รับผิดชอบ เพื่อซักซ้อมความเข้าใจ

และป้องกันการผิดพลาด และกำหนดออกเดินทางไปเตรียมงานที่ ดงหลวง

ในเวลา 08.00 น.ของวันรุ่งขึ้น โดยคณะเตรียมงานระดับสำคัญที่จะต้อง

เดินทางไป ประกอบด้วยบุคคลสำคัญทั้งสิ้น ได้แก่ พล.ต. ลักษณ์

ซึ่งเป็นหัวหน้า พ.อ.(พิเศษ)จรวย, พ.อ.(พิเศษ)เสงี่ยม, พ.ท.ชัยพร

และฝ่ายต่างๆรวม 7 นายและดิฉันด้วย



เช้าวันนั้น เมื่อดิฉันไปถึงบริเวณหัวทะเล เพื่อไป ขึ้นเครื่องตามเวลา

ที่นัดหมาย ก็ปรากฏว่าเฮลิคอปเตอร์ลำที่ดิฉันต้องโดยสารไปนั้นได้เหินบิน

ขึ้นสู่ท้องฟ้าไปแล้ว ขณะที่ดิฉันกำลังงงว่าจะทำอย่างไรต่อไปนั้นทันใด

ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน!! เฮลิคอปเตอร์ลำ นั้นเกิดระเบิดขึ้นบนท้องฟ้าดังสนั่น

ดิฉันตกตะลึง พรึงเพริด ยืนตัวแข็ง ช็อกอยู่กับภาพที่เห็นอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว

มาก่อนนั่นเอง



สิ้นเสียงระเบิด ดิฉันได้เห็นภาพนายทหารคือ พ.ท.ชัยพร แตงฉ่ำ

หัวหน้าฝ่ายประชา สัมพันธ์กองทัพภาคที่ 2 ตกออกมาแหวกว่ายอากาศข้างนอก

โดยไม่มีร่ม และ พ.อ.เสงี่ยม ก็เช่นกัน แหวกว่ายอากาศ ตก ลงมาสู่พื้นดิน

ทั้งสองมีสภาพศพที่ครบถ้วน ดูดี เพียงแค่คอ และส่วนต่างๆแตกหักเท่านั้น

ตรงกันข้ามกับอีก 5 ศพที่ระเบิดกลางอากาศ ร่างกายแหลกละเอียดจนไม่

ทราบว่าชิ้นส่วนใดเป็นของใครบ้าง ปะปนกันไหม้เกรียม ดูไม่ออก แยกแยะไม่ได้



เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินเล่าให้ดิฉันและคนอื่นๆฟังว่า เพราะมีการเปลี่ยนเวลา

การเดินทางใหม่ให้เร็วขึ้น แต่ดิฉันไม่ได้รับแจ้งให้ทราบล่วงหน้าจึงมาช้า

ทำให้ พ.อ.(พิเศษ)เสงี่ยม รอด้วยความกระสับกระส่ายข้างเฮลิคอปเตอร์ที่ติดเครื่อง

รอไว้แล้ว จนต้องเรียก พ.ท.ชัยพร ซึ่งต้องขึ้นอีกลำหนึ่งมานั่งเก้าอี้ว่างแทนดิฉัน

จนเกิด เหตุการณ์สยดสยองดังกล่าวขึ้น



สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ดิฉันเชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจากกฎแห่ง กรรม เพราะพวกทหารที่สกลนครเล่าให้ฟังว่า บรรดานายทหารรุ่นพี่ๆเหล่านี้ต่างชอบดื่มสุรากันมาก

เนื่องจากการห่างครอบครัวเป็นเวลานานๆทำให้คิดถึงลูกเมียทางบ้าน

จึงต้องระงับด้วยการดื่ม โดยเฉพาะ พ.อ.เสงี่ยมชอบดื่มมาก เพราะเหล้าอุ

ของนครพนมขึ้นชื่อว่าเป็นเหล้าพื้นเมืองที่มีรสชาติอร่อยกลมกล่อมมากที่สุด

และเมาได้นานถึง 3 วัน ในช่วงเวลานั้น อาหารที่จะมาทำเป็นกับแกล้มก็หายาก

ลูกพี่จึงสั่งให้ลูกน้อง หากับแกล้มให้ด้วยการทำไก่อบฟางโดยเอาไก่เป็นๆ

ยัดใส่ลงในปี๊ป ตามด้วยฟาง ก่อนจะเอาฟางมาสุมไฟรอบๆปี๊ปอีกทีหนึ่ง เผาไป

จนกว่าไก่จะสุก นอกจากนั้น ยังสั่งให้ลูกน้องไปยิงสัตว์ป่า และเอาไฟฟ้าไประเบิด

ปลาในหนองหาร มาทำเป็นกับแกล้มอยู่บ่อยๆ



ด้วยเหตุนี้กระมัง ทั้ง 7 คนจึงต้องมาร่วมบุพกรรมตายหมู่ด้วยกันทั้งหมด

และเหตุที่ดิฉันรอดพ้นความตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ก็เพราะไม่เคยร่วม บุพกรรม

ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตกับ 7 นายนั้นมาก่อนเลย


http://www.manager.co.th/dhamma/viewnews.aspx?NewsID=9480000115926



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
สายลม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 06 ก.ย. 2005, 9:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน





สาธุด้วยครับ

ขอให้ขยันโพสอย่างนี้ไปเรื่อยๆ นะครับ



 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง