หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
ใครจะบริกรรมภาวนากรรมฐานบทไหนอย่างไร เมื่อสภาวะจิตสงบสู่ความเป็นสมาธิ
ย่อมมีลักษณะเดียวกันหมด เพราะฉะนั้นเราอย่าเอาตำรามาคัดค้านกัน
ให้เอาสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติ... มาเปรียบเทียบกัน
เราจึงจะลงเอยกันได้
![](pic/b51.gif)
สมาธิอันใดที่ไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องชีวิตประจำวัน หนีไปอยู่ที่หนึ่งต่างหากของโลกแล้ว
สมาธิอันนี้ ทำให้โลกเสื่อม และไม่เป็นไปเพื่อทางตรัสรู้มรรคผลนิพพานด้วย
![](pic/b51.gif)
ความจริงโลกนะ เป็นอารมณ์ของจิต ในเมื่อจิตตัวนี้รู้ความจริงของโลกแล้ว
มันจะปลีกตัวไปลอยเด่นอยู่เหนือโลก แล้วมันอาศัยโลกนั่นแหละเป็นบันไดเหยียบไปสู่จุดที่อยู่เหนือโลก
![](pic/b51.gif)
ถ้านักปฏิบัติท่านใดปฏิบัติแล้วมัวแต่ไปนับขั้นสมาธิ ขั้นญาณ
ขั้นฌาน สิ่งรู้สิ่งเห็นทั้งหลาย ก็ไปติดอยู่ที่ตรงนั้น
เพราะฉะนั้น จะเป็นความรู้ที่เรียกว่า ปัญญาในสมาธิ ก็ตามเป็น
นิมิต ที่เกิดขึ้นก็ตาม ท่านให้กำหนดหมายเพียงแค่เป็นอารมณ์จิตเท่านั้น
จะไปยึดเอาสิ่งนั้นเป็นของดีของวิเศษไม่ได้
![](pic/b51.gif)
การบำเพ็ญสมาธิจิตเพื่อให้เกิดสมาธิ สติ ปัญญา มีหลักที่ควรยึดถือว่า
ทำจิตให้มีอารมณ์สิ่งรู้ สติให้มีสิ่งระลึก จิตนึกรู้สิ่งใดให้มีสติสำทับเข้าไปที่ตรงนั้น
![](pic/b51.gif)
ขอให้ถือคติว่า สมาธิหรือการปฏิบัติธรรมอันใด ถ้าหากมันเป็นไปเพื่อความอยากใหญ่
เป็นไปเพื่อพอกพูนกิเลส เป็นไปเพื่ออิทธิฤทธิ์...
พึงเข้าใจว่ามันเป็นมิจฉาสมาธิ ซึ่งออกนอกหลักพระพุทธศาสนา
![](pic/b51.gif)
พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่า ใครทำกรรมใดไว้จะได้รับผลขอกรรมนั้นแน่นอน
หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไปทำพิธีตัดกรรมก็เป็นการลบล้างคำสอนของพระพุทธเจ้า
![](pic/b51.gif)
การปฏิบัติตามแนวของพระพุทธเจ้าที่ถูกต้อง อยู่ที่การสร้างจิตของตัวเองให้มีพลังเข้มแข็ง
มีสติสัมปชัญญะรู้รอบอยู่ที่ตัวเองสามารถยืนหยัดอยู่ในความเป็นอิสระได้ตลอดกาล
ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยอะไร
![](pic/b51.gif)
สอนสมาธิ ต้องสอนสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุด ความรู้เห็นอะไรที่เขาอวด
ๆ กันนี่ อย่าไปสนใจเลย ให้มันรู้เห็นจิตของเรานี่ รู้กายของเรา
![](pic/b51.gif)
ภาวนาให้จิตสงบได้รู้ธรรมเห็นธรรมได้ภายในบ้าน จะมีคุณค่าดียิ่งกว่านิมนต์พระไปสวดมนต์ตั้งหมื่น
ๆ องค์
![](pic/b51.gif)
สิ่งใดที่เรารู้เท่าทัน สิ่งนั้นไม่สามารถที่จะดึงใจของเราไปทรมานให้เกิดทุกข์ขึ้นได้
![](pic/b51.gif)
อดีตเป็นสิ่งที่ล่วงไปแล้ว อนาคตก็เป็นสิ่งที่ยังไม่มาถึง ดังนั้นเรามาสนใจอยู่ในสิ่งที่เป็นปัจจุบันดีไหม
![](pic/b41.gif)
พระอาจารย์บุญกู้ อนุวฑฺฒโน
ขณะเรากำลังมีชีวิตอยู่นี้ ร่างกายกับจิตใจยังอยู่รวมกัน แต่สักวันหนึ่งมันจะพลัดพรากจากกันไป
ร่างกายเป็นรูปคือ วัตถุธาตุ ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ จึงต้องหาเลี้ยงเขาด้วยเงินทองอันเป็นโลกียทรัพย์มีปัจจัย
๔ เป็นต้น
จิตใจเป็นนาม คือ วิญญาณธาตุ กอปรด้วย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
จึงต้องเลี้ยงเขาด้วยบุญกุศลอันเป็นอริยทรัพย์ มีทาน ศีล ภาวนา
เป็นต้น
ผู้ใดมุ่งเลี้ยงเฉพาะแต่ร่างกาย หรือบำรุงแต่จิตใจเพียงอย่างเดียวความเจริญของชีวิตย่อมขาดตกบกพร่องไป
หากผู้ใดเข้าใจเลี้ยงทั้งร่างกายและบำรุงจิตใจไปพร้อมกันความเจริญของชีวิตย่อมเพิ่มพูนยิ่งขึ้น
ยังมีชีวิตอยู่ก็สบาย ตายไปก็ต้องเป็นสุข
![](pic/b51.gif)
หลัก ๕ พอ ...ข้อปฏิบัติประจำวันของตน ๆ
๑. ให้มีศีลธรรมพอดี
๒. ให้มีวิชาพออาศัย
๓. ให้มีปัจจัยพอใช้
๔. ให้มีอนามัยพออยู่
๕. ให้มีบุญกุศลพอเพียง
![](pic/b51.gif)
การทำลายน้ำใจคนเป็นบาปเหลือหลาย
การให้กำลังใจคนเป็นบุญมหาศาล
![](pic/b51.gif)
ไม่มีใครช่วยให้เราพ้นเกิดตายได้
จะต้องใช้วิชาพระ ละเกิดตายด้วยตนเอง
![](pic/b51.gif)
มีพระเครื่องแขวนที่คอก็ดี
แต่ควรมีพระรัตนตรัยแขวนที่ใจไว้ด้วย
![](pic/b51.gif)
อยู่ที่ไหน ไปที่ใด นั้นไม่แน่
ขอเพียงแค่ ทำแต่ดี มีจิตใส
อยู่ก็ดี ไปก็ดี ไม่มีภัย
จงตั้งใจ ไว้อย่างนี้ มีแต่คุณ
![](pic/b51.gif)
การสังวรเป็นอาภรณ์ของสมณะ
สัมมาคารวะเป็นอาภรณ์ของคฤหัสถ์
![](pic/b51.gif)
ปฏิสนธิ จุติ มิกำหนด
อย่ากำสรด ถึงคราว ก้าวออกหนอ
ดีไว้พอ ก่อให้ ไปสุคโต
อย่าไปโง่ ยึดมั่น การผันแปร
![](pic/b51.gif)
แก่แต่หวาน ด้วยการ ไม่ประมาท
เจ็บป่วยอาจ บำราศง่าย เมื่อใจแข็ง
ตายเป็นตาย ไม่หวั่น มั่นบุญแรง
พรากจากแหล่ง แห่งใด ย่อมไปดี
![](pic/b51.gif)
อันสังขาร ร่างกาย นั่นไม่เที่ยง
สุดบ่ายเบี่ยง บั้นปลาย ต้องตายหนอ
จงทำดี แต่วันนี้ อย่ารีรอ
รู้จักพอ ก่อสุข ทุกสถานเอย
|