วันเวลาปัจจุบัน 07 ส.ค. 2025, 22:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 103, 104, 105, 106, 107, 108, 109 ... 151  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ครั้งนั้น ยักษ์ตนหนึ่งชื่อว่าคุมพิยะลาดใบไม้วางก้อนน้ำอ้อย ผสม
ยาพิษอย่างแรงไว้ในหนทาง ในที่ท่ามกลางดง. ส่วนตนเองเที่ยวเคาะ
ต้นไม้ในที่ใกล้ทางทำที่หาน้ำผึ้งอยู่. พวกคนที่ไม่รู้คิดว่า เขาคงจะ
วางไว้เพื่อต้องการบุญ จึงกินเข้าไปแล้วก็ถึงแก่ความสิ้นชีวิต. พวก
อมนุษย์จึงพากันมากินคนเหล่านั้น แม้มนุษย์ชาวเกวียนของพระ-

โพธิสัตว์เห็นสิ่งของเหล่านั้น บางพวกมีสันดานละโมบ ไม่อาจอดกลั้น
ได้ก็กินเข้าไป พวกที่มีชาติกำเนิดเป็นคนฉลาดคิดว่า จักถามก่อน
แล้วจึงจะกิน จึงได้ถือเอาไปแล้วยืนอยู่. พระโพธิสัตว์เห็นชนเหล่า
นั้นแล้วจึงให้ทิ้งสิ่งของที่อยู่ในมือเสีย. คนเหล่าใดกินเข้าไปก่อนแล้ว

คนเหล่านั้นก็ตายไป คนเหล่าใดกินเข้าไปครึ่งหนึ่ง พระโพธิสัตว์จึงให้
ยาสำรอกแก่คนเหล่านั้นแล้วได้ให้รสหวานสี่อย่าง ในเวลาที่สำรอก
ออกแล้ว. ดังนั้น ชนเหล่านั้นจึงได้รอดชีวิตด้วยอานุภาพของพระ-
โพธิสัตว์นั้น พระโพธิสัตว์ไปถึงที่ที่ปรารถนาโดยปลอดภัย แล้ว
จำหน่ายสินค้า ได้กลับมายังเรือนของตนตามเดิม.

พระศาสดาเมื่อจะตรัสเนื้อความนั้น จึงได้ตรัสอภิสัมพุทธคาถา
คือคาถาที่ตรัสในเวลาที่ได้ตรัสรู้แล้วเหล่านี้ว่า:-


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 21:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ยักษ์ชื่อคุมพิยะเที่ยวหาเหยื่อของตนอยู่
ได้วางยาพิษอันมีสี กลิ่นและรสเหมือนน้ำผึ้ง
ไว้ในป่า.
สัตว์เหล่าใด มาสำคัญว่าน้ำผึ้ง กิน
ยาพิษนั้นเข้าไป ยาพิษนั้นเป็นของร้ายแรง
แก่สัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่านั้น ต้องพากัน
เข้าถึงความตาย เพราะยาพิษนั้น.

ส่วนสัตว์เหล่าใด พิจารณาดูรู้ว่าเป็นยา
พิษแล้วละเว้นเสีย สัตว์เหล่านั้น เมื่อสัตว์
ที่บริโภคยาพิษเข้าไปกระสับกระส่ายอยู่ ถูก
ยาพิษแผดเผาอยู่ ตัวเองก็เป็นผู้มีความสุข
ดับความทุกข์ได้เสีย.

วัตถุกามทั้งหลายฝังอยู่ในมนุษย์ บัณฑิต
พึงทราบว่าเป็นยาพิษ เหมือนยาพิษอันยักษ์
วางไว้ที่หนทางฉะนั้น กามคุณนี้นับว่าเป็น
เหยื่อของสัตว์โลก และนับว่าเป็นเครื่องผูก
มัดสัตวโลกไว้ มฤตยูมีถ้ำคือร่างกายเป็นที่
อยู่อาศัย.

บัณฑิตเหล่าใดผู้มีความร้อนใจ ย่อมละ
เว้นกามคุณเหล่านี้อันเป็นเครื่องบำรุงปรุง-
กิเลสเสียได้ในกาลทุกเมื่อ บัณฑิตเหล่านั้น
นับว่า ได้ก้าวล่วงกิเลสเครื่องข้องในโลก
แล้ว เหมือนกับผู้ละเว้นยาพิษที่ยักษ์วางไว้
ในหนทางใหญ่ฉะนั้น.


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 21:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า คุมฺพิโย ได้แก่ ยักษ์ผู้ได้ชื่ออย่าง
นั้น เพราะเที่ยวไปในพุ่มไม้ในป่านั้น. บทว่า ฆาสเมสาโน ได้แก่
ผู้แสวงหาเหยื่อของตนอยู่อย่างนี้ว่า เราจักกินคนที่กินยาพิษนั้นตาย.
บทว่า โอทหี ความว่า วางยาพิษนั้นอันมีสี กลิ่น และรส เสมอด้วย
น้ำผึ้ง. บทว่า กฏุกํ อาสิ ความว่า ได้เป็นยาพิษร้ายแรง. บทว่า

มรณํ เตนุปาคมุํ ความว่า สัตว์เหล่านั้นเข้าถึงความตายเพราะยา
พิษนั้น. บทว่า อาตุเรสุ ได้แก่ ผู้จวนจะตายเพราะกำลังยาพิษ. บทว่า
ทยฺหมาเนสุ ได้แก่ ผู้อันเดชของยาพิษนั้นแหละแผดเผาอยู่. บทว่า
วิสกามา สโมหิตา ความว่า แม้ในจำพวกมนุษย์ วัตตุกาม ๕ มีรูป
เป็นต้นนี้นั้นแหละฝัง คือ วางอยู่ในที่นั้น ๆ วัตถุกาม ๕ นั้นพึง

ทราบว่าเป็นยาพิษ เหมือนยาพิษที่ยักษ์ฝัง คือวางไว้ในหนทางใหญ่
ในดงวัตตทีนั้น ฉะนั้น. บทว่า อามิสํ พนฺธนญฺเจตํ ความว่า ธรรมดา
ว่ากามคุณห้านี้ ชื่อว่าเป็นเหยื่ออันนายพรานเบ็ดคือมารใส่ล่อชาวโลก
ผู้เป็นสัตว์ที่มีอันจะต้องตายเป็นสภาวะนี้ และชื่อว่าเป็นเครื่องจองจำมี

ประการต่าง ๆ มีชื่อเป็นต้นเป็นประเภท เพราะไม่ยอมให้ออกไปจาก
ภพน้อยภพใหญ่ ด้วยประการอย่างนี้. บทว่า มจฺจุวโส คุหาสโย
ความว่า ความตายชื่อว่า มัจจุวสะ เพราะมีถ้ำคือร่างกายเป็นที่อยู่.
บทว่า เอวเมว อิเม กาเม ได้แก่ กามเหล่านี้ที่ฝังอยู่ในร่างกาย

นั้น ๆ เหมือนยาพิษที่ยักษ์วางไว้ในหนทางใหญ่ในดงชื่อว่าวัตตนี.
ฉะนั้น. บทว่า อาตุรา ความว่า มนุษย์ผู้เป็นบัณฑิตใกล้จะตาย


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 21:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ชื่อว่าผู้ร้อนใจกระสับกระส่าย เพราะมีความตายโดยแท้. บทว่า
ปริจาริเก ได้แก่ บำเรอกิเลส คือผูกมัดกิเลสไว้ บทว่า เย สทา
ปริวชฺชนฺติ ความว่า มนุษย์ผู้เป็นบัณฑิตเหล่าใดผู้มีประการดัง
กล่าวแล้ว งดเว้นกามทั้งหลายเห็นปานนี้ ได้เป็นนิจ. บทว่า สงฺคํ

โลเก ได้แก่ กิเลสชาตชนิดราคะเป็นต้น ซึ่งได้นามว่าเครื่องข้อง
เพราะอรรถว่าเป็นเครื่องข้องอยู่ในโลก. บทว่า อุปจฺจคา ความว่า
บัณฑิตเหล่านั้นพึงทราบว่า ชื่อว่าผู้ล่วงไปได้แล้ว อีกอย่างหนึ่ง
อธิบายว่า ย่อมก้าวล่วงไป.

พระศาสดา ครั้นทรงประกาศสัจจะแล้ว จึงทรงประชุมชาดก.
ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุผู้กระสันจะสึกดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล. พ่อค้า
เกวียนในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาคุมพิยชาดกที่ ๖

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 21:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
อรรถกถาสาลิยชาดกที่ ๗

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
คำว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย พระเทวทัตไม่อาจเพื่อแม้จะกระทำความ
สะดุ้งแก่พระพุทธองค์ได้ จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
ยฺวายํ สาลิยจฺฉาโป ดังนี้.

จริงอยู่ ในครั้งนั้น พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
มิใช่บัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน พระเทวทัตนี้ก็ไม่อาจเป็นผู้แม้จะ
กระทำความสะดุ้งแก่เราได้ แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อ
ไปนี้:-

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนคร-
พาราณสี พระโพธิสัตว์ได้บังเกิดในตระกูลกฎุมพีในหมู่บ้าน ใน
คราวมีอายุยังน้อย เล่นอยู่ที่โคนต้นไทรใกล้ประตูบ้านกับพวกเด็กที่
เล่นฝุ่นกัน. ครั้งนั้นมีหมอทุรพลคนหนึ่ง ไม่ได้การงานอะไรในบ้าน
จึงออกไปถึงที่นั้น เห็นงูตัวหนึ่งนอนหลับโผล่หัวออกมาจากระหว่างค่า

คบไม้ จึงคิดว่า เราไม่ได้อะไรในบ้าน เราจักลวงเด็กพวกนี้ให้งูกัด
แล้วเยียวยารักษา คงจะได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งทีเดียว จึงได้กล่าวกะพระ-
โพธิสัตว์ว่า ถ้าเธอจะพบลูกนกสาลิกา เธอจะจับเอาไหม พระโพธิสัตว์-

กล่าวว่า จ้ะ ฉันจะจับเอา. หมอกล่าวว่า จงดู นั่นลูกนกสาลิกา
มันนอนอยู่ระหว่างค่าคบไม้. พระโพธิสัตว์นั้นไม่รู้ว่านั้นเป็นงู จึงขึ้น
ไปยังต้นไม้ จับที่คอมัน พอรู้ว่าเป็นงูจึงไม่ให้มันหดเข้าไป จับไว้
มั่นแล้วรีบเหวี่ยงไป. งูนั้นปลิวไปตกลงที่คอหมอ รัดคออยู่กัดเสียง


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 21:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ดังกรุ๊บ ๆ ทำให้หมอนั้นล้มลงตรงที่นั้นแล้วเลื้อยหนีไป. คนทั้งหลาย
พากันห้อมล้อม. พระมหาสัตว์เมื่อจะแสดงธรรมแก่บริษัทผู้ประชุม
พร้อมกันอยู่ จึงได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า:-

ผู้ใดลวงให้เราจับงูเห่าว่า นี่ลูกนก
สาลิกา ผู้นั้นตามพร่ำสอนสิ่งที่ลามก ถูกงู
นั้นกัดตายแล้ว.
คนใดปรารถนาจะฆ่าบุคคลผู้ไม่ฆ่าเอง
และผู้ไม่ใช้ให้คนอื่นฆ่าตน คนนั้นถูกฆ่าแล้ว
นอนตายอยู่ เหมือนกับบุรุษผู้ถูกงูกัดตาย
แล้วฉะนั้น.

คนใดปรารถนาจะฆ่าบุคคลผู้ไม่เบียด-
เบียนตน และไม่ฆ่าตน คนนั้นถูกฆ่าแล้ว
นอนตายอยู่. เหมือนกับบุรุษผู้ถูกงูกัดตาย
แล้วฉะนั้น.
บุรุษผู้กำฝุ่นไว้ในมือ พึงซัดฝุ่นไปใน
ที่ทวนลม ละอองฝุ่นนั้นย่อมหวนกลับมา
กระทบบุรุษนั้นเอง เหมือนบุรุษผู้ถูกงูกัดตาย
แล้วฉะนั้น.

ผู้ใดประทุษร้ายคนผู้ไม่ประทุษร้ายเป็น
คนบริสุทธิ์ ไม่มีความผิดเลย บาปย่อมกลับ
มาถึงคนพาลนั้นเอง เหมือนกับละอองละ-
เอียดที่บุคคลซัดไปทวนลมฉะนั้น.


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 21:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยฺวายํ ตัดเป็น โย อยํ. อีก
อย่างหนึ่ง บาลีก็อย่างนี้เหมือนกัน. บทว่า สปฺเปนยํ ความว่า ผู้
นี้ใด ถูกงูนั้นกัดแล้ว. บทว่า ปาปานุสาสโก แปลว่า ผู้พร่ำสอน
สิ่งที่ลามก. บทว่า อหนฺตรํ แปลว่า ผู้ไม่ฆ่าเอง. บทว่า อหนฺตารํ

แปลว่า ผู้ไม่ให้คนอื่นฆ่า. บทว่า เสติ ได้แก่ ย่อมนอนตาย. บทว่า
อฆาเตนฺตํ แปลว่า ไม่ใช้ให้คนอื่นฆ่า. บทว่า สุทฺธสฺส ได้แก่
ผู้ไม่มีความผิด. บทว่า โปสสฺส ได้แก่ สัตว์. แม้คำนี้ว่า อนงฺค-
ณสฺส ท่านกล่าวหมายเอาความเป็นผู้ไม่มีความผิดเหมือนกัน. บทว่า
ปจฺเจติ ความว่า ย่อมกลับถึงเป็นสิ่งที่เห็นสมกับกรรม.

พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้วจึงทรง
ประชุมชาดกว่า หมอทุรพลในครั้งนั้น ได้เป็นพระเทวทัต ส่วนเด็ก
ที่เป็นบัณฑิต คือเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาสาลิยชาดกที่ ๗

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 21:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
อรรถกถาตจสารชาดกที่ ๘

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ปัญญาบารมี จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า อมิตฺตหตฺ-
ถตฺถคตา ดังนี้.

จริงอยู่ ในกาลนั้น พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
มิใช่บัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อนตถาคตก็เป็นผู้มีปัญญา ฉลาดใน
อุบายเหมือนกัน อันภิกษุเหล่านั้นทูลอาราธนาแล้ว จึงทรงนำเอา
เรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้:-

เรื่องอดีตทั้งปวงซึ่งมีคำเริ่มว่า ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้า
พรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดใน
ตระกูลกฎุพีในหมู่บ้าน ดังนี้ไปพึงกล่าวตามทำนองชาดกแรกนั่น
แหละ. ก็ในชาดกนี้เมื่อหมอตายแล้ว ชาวบ้านกล่าวว่า. เด็กเหล่านั้น

เป็นผู้ฆ่ามนุษย์ จึงจองจำเด็กเหล่านั้นด้วยไม้ตะโหงกแล้วนำไปยัง
นครพาราณสีด้วยหวังใจว่า จักถวายพระราชาทอดพระเนตร. ใน
ระหว่างทางนั่นแล พระโพธิสัตว์ได้ให้โอวาทแก่พวกเด็กที่เหลือว่า
ท่านทั้งหลายอย่ากลัว ท่านทั้งหลายเฝ้าพระราชาแล้วก็อย่ากลัว พึง

เป็นผู้มีอินทรีย์ร่าเริง พระราชาจักตรัสกับพวกเราก่อน จำเดิมแต่นั้น.
เราจักรู้. เด็กเหล่านั้นรับคำว่าได้ แล้วจึงกระทำเหมือนอย่างนั้น.
พระราชาทรงเห็นเด็กเหล่านั้นไม่กลัว มีอินทรีย์ร่าเริง ทรงดำริว่า
เด็กเหล่านี้ถูกหาว่าเป็นผู้ฆ่าคนถูกจำด้วยไม้ตะโหงกนำมา แม้จะถึง

ความทุกข์เห็นปานนี้ก็ไม่กลัว มีอินทรีย์ร่าเริงยินดีทีเดียว อะไรหนอ
เป็นเหตุไม่เศร้าโศกของเด็กพวกนี้ เราจักถามพวกเขาดู เมื่อจะ
ตรัสถาม จึงตรัสคาถาที่ ๑ ว่า:-


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 21:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
พวกเจ้าตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู ถูก
เขาจองจำด้วยท่อนไม้ไผ่ ยังเป็นผู้มีสีหน้า
ผ่องใส เพราะเหตุไรพวกเจ้าจึงไม่เศร้าโศก
เล่า.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อมิตฺตหตฺถตฺถคตา ความว่า
อยู่ในเงื้อมมือของพวกอมิตรผู้เอาไม้ตะโหงกจำที่คอแล้วนำมา. บทว่า
ตจสารสมปฺปิตา ความว่า พระราชาตรัสอย่างนี้ เพราะเด็กเหล่านั้น
ถูกจองจำด้วยท้อนไม้ไผ่. บทว่า กสฺมา ความว่า พระราชาตรัส
ถามว่า พวกเจ้าแม้ได้รับความพินาศเห็นปานนี้ เพราะเหตุไรจึงไม่
เศร้าโศก.

พระโพธิสัตว์ได้ฟังดังนั้น จึงได้กล่าวคาถาที่เหลือว่า
บุคคลไม่พึงได้ความเจริญแม้แต่เล็ก
น้อย ด้วยความเศร้าโศกและความร่ำไห้
พวกศัตรูรู้ว่าบุคคลนั้นเศร้าโศก ได้รับความ
ทุกข์ ย่อมจะดีใจ.

ส่วนบัณฑิตผู้ฉลาดในการวินิจฉัยความ
ย่อมไม่สะทกสะท้านเพราะอันตรายที่จะเกิด
ขึ้นไม่ว่าเมื่อไร พวกศัตรูได้เห็นหน้าบัณฑิต
นั้น อันไม่เปลี่ยนแปลงเป็นเหมือนแต่ก่อน
ย่อมเกิดความทุกข์.
บุคคลพึงได้ประโยชน์ในที่ใด ด้วย
ประการใด เช่น การร่ายมนต์ การปรึกษา
ท่านผู้รู้ การกล่าววาจาอ่อนหวาน การให้
สินบน หรือการสืบวงศ์ตระกูล บัณฑิต
พึงพากเพียรทำประโยชน์ในที่นั้น ด้วย
ประการนั้น ๆ เถิด.


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 26 ธ.ค. 2018, 05:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ก็ในกาลใด บัณฑิตพึงรู้ว่าประโยชน์
นี้เราหรือคนอื่นไม่พึงได้รับ ในกาลนั้น ก็
ไม่ควรเศร้าโศก ควรอดกลั้นไว้ด้วยคิดเสีย
ว่ากรรมเป็นของมั่นคง บัดนี้เราจะกระทำ
อย่างไรดี.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อตฺโถ ได้แก่ ความเจริญ.
ด้วยบทว่า ปจฺจตฺถิกา อตฺตมนา นี้ ท่านแสดงว่า พวกปัจจามิตร
รู้ว่าบุรุษนั้นเศร้าโศก มีทุกข์ ย่อมจะดีใจ บัณฑิตไม่ควรทำชื่อซึ่ง
เหตุแห่งความยินดีของพวกปัจจามิตรนั้น. บทว่า ยโต แปลว่า

ในกาลใด. บทว่า น เวธติ ความว่า ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะความ
กลัวอันเกิดจากความสะดุ้งแห่งจิต. บทว่า อตฺถวินิจฺฉยญฺญู ได้แก่
ผู้ฉลาดวินิจฉัยอรรถคดีนั้น ๆ. บทว่า ชปฺเปน แปลว่า ด้วยการ
ร่ายมนต์. บทว่า มนฺเตน ได้แก่ ด้วยการถือเอาความคิดกับบัณฑิต

ทั้งหลาย. บทว่า สุภาสิเตน ได้แก่ ด้วยคำพูดอันน่ารัก. บทว่า
อนุปฺปทาเนน ได้แก่ ด้วยการให้สินบน. บทว่า ปเวณิยา ได้แก่
ด้วยตระกูลวงศ์. ท่านกล่าวคำอธิบายนี้ไว้ว่า ข้าแต่มหาราช ธรรมดา
บัณฑิต เมื่ออันตรายเกิดขึ้น ไม่ควรเศร้าโศก ไม่ควรลำบากใจ

ก็บุคคลพึงชนะพวกปัจจามิตรได้ด้วยอำนาจเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง ใน
บรรดาเหตุ ๕ ประการนี้ ก็ถ้าอาจทำได้ไซร้ พึงร่ายมนต์ผูกปากไว้
ไม่ให้พูด ก็จะพึงชนะพวกปัจจามิตรนั้นได้ บัณฑิตเมื่อไม่อาจทำ
อย่างนั้น พึงให้สินบนแก่พวกอำมาตย์ผู้ตัดสินความ ก็จะพึงชนะได้
เมื่อไม่อาจทำอย่างนั้น พึงพูดถึงวงศ์ตระกูล แม้จะลำดับญาติที่มีอยู่


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 26 ธ.ค. 2018, 05:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
อย่างนี้ว่า พวกข้าพเจ้ามาจากเชื้อสายชื่อโน้น และบรรพบุรุษของ
ท่านก็เป็นอันเดียวกัน ก็พึงชนะได้เหมือนกัน. บทว่า ยถา ยถา
ความว่า บุคคลพึงได้ความเจริญแห่งตนในที่ใด ๆ ด้วยเหตุอย่างใด
อย่างหนึ่ง ในบรรดาเหตุ ๕ ประการนี้. บทว่า ตถา ตถา ความว่า
พึงพากเพียรในที่นั้น ๆ ด้วยเหตุนั้น ๆ. อธิบายว่า พึงทำความบาก

บั่นจนชนะพวกข้าศึก. บทว่า ยโต จ ชาเนยฺย ความว่า ก็ใน
กาลใด บัณฑิตพึงรู้ว่า ประโยชน์นี้อันเราหรือคนอื่นก็ตามไม่ควรได้
แม้จะพยายามโดยประการต่าง ๆ ก็ไม่อาจได้แม้ในกาลนั้น บุรุษผู้เป็น

บัณฑิตก็ไม่เสียใจ ไม่ลำบากใจ พึงอดกลั้นไว้ด้วยคิดเสียว่า กรรม
ที่เราทำไว้ในปางก่อน เหนียวแน่น มั่นคง ไม่อาจจะห้ามได้ เดี๋ยวนี้
เราจะสามารถทำอะไรได้.

พระราชาได้สดับธรรมกถาของพระโพธิสัตว์ แล้วทรงสะสาง
การกระทำด้วยพระองค์เอง ทรงทราบว่าพวกเด็กไม่มีโทษผิด จึงรับ
สั่งให้นำไม้ตะโหงกออก แล้วพระราชทานยศยิ่งใหญ่แก่พระมหาสัตว์
แล้วได้ทรงกระทำให้เป็นอำมาตย์แก้วอนุศาสก์อรรถธรรมแก่พระองค์.

พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประ-
ชุมชาดกว่า. พระเจ้าพาราณสีในครั้นนั้น ได้เป็นพระอานนท์ พวก
เด็ก ๆ ในครั้งนั้น ได้เป็นพระเถรานุเถระ ส่วนเด็กผู้เป็นบัณฑิต
ในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล
จบ อรรถกถาตจสารชาดกที่ ๘

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 26 ธ.ค. 2018, 05:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ภิกษุว่ายากรูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า กฺยาหํ
เทวานมกรํ ดังนี้

เรื่องปัจจุบันจักมีแจ้งในมหามิตตวินทุกชาดก. ก็นายมิตตวิน-
ทุกะนี้ถูกเขาโยนทิ้งในทะเล แล้วได้ไปพบนางเวมานิกเปรตแห่งหนึ่ง
๔ นาง แห่งหนึ่ง ๘ นาง แห่งหนึ่ง ๑๖ นาง แห่งหนึ่ง ๓๒ นาง
ก็ยังเป็นผู้ปรารถนายิ่งขึ้นไม่รู้จักพอ จึงเดินต่อไปข้างหน้า ได้พบ

อุสสุทนรกอันเป็นสถานที่เสวยวิบากของพวกสัตว์นรก จึงได้เข้าไป
ด้วยสำคัญว่า เป็นเมือง ๆ หนึ่ง เห็นจักรกรดพัดอยู่บนหัวสัตว์นรก
สำคัญว่าเป็นเครื่องประดับ จึงยินดีชอบใจจักรกรด อ้อนวอนขอได้มา.
คราวนั้น พระโพธิสัตว์เป็นเทวบุตรเที่ยวจาริกไปในอุสสุทนรก. นาย
มิตตวินทุกะนั้นเห็นพระโพธิสัตว์นั้นแล้ว เมื่อจะถาม จึงกล่าวคาถา
ที่ ๑ ว่า :-

ข้าพเจ้าได้กระทำอะไรไว้แก่เหล่าเทวดา
บาปอะไรที่ข้าพเจ้าได้กระทำไว้ จักรกรดจึง
ได้มากระทบศีรษะของข้าพเจ้าแล้วพัดอยู่บน
กระหม่อม.


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 26 ธ.ค. 2018, 05:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กฺยาหํ เทวานมกรํ ความว่า
ข้าแต่เทพบุตรผู้เป็นนาย ข้าพเจ้าได้กระทำกรรมชื่ออะไรไว้แก่เหล่า
เทพยดา เหล่าเทพยดาเบียดเบียนข้าพเจ้าทำไม. บทว่า กึ ปาปํ
ปกตํ มยา ความว่า นายมิตตวินทุกะได้รับทุกขเวทนา กำหนด

บาปที่ตนทำไว้ไม่ได้ เพราะมีทุกข์มาก จึงได้กล่าวอย่างนั้น. บทว่า
ยํ เม ความว่า จักรกรดนี้จรดคือกระทบศีรษะข้าพเจ้า แล้วหมุน
อยู่บนกระหม่อมของข้าพเจ้า เพราะบาปใด บาปนั้นชื่ออะไร
พระโพธิสัตว์ได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า:-

ท่านล่วงเลยปราสาทแล้วผลึก ปรา-
สาทแก้วมณี ปราสาทเงิน และปราสาททอง
แล้วมาที่นี้เพราะเหตุอะไร

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า รมณกํ ได้แก่ ปราสาทแก้วผลึก.
บทว่า ทุพฺพกํ ได้แก่ ปราสาทแก้วมณี. บทว่า สทามตฺตํ ได้แก่
ปราสาทเงิน. บทว่า พฺรหฺมตรญฺจ ปาสาทํ ได้แก่ ปราสาททอง.
บทว่า เกนฏฺเ€น ความว่า ท่านละนางเทพธิดาเหล่านี้ คือ เทพธิดา

๔ นาง ๘ นาง ๑๖ นาง และ ๓๒ นาง ในปราสาทแก้วผลึกเป็น
ต้นเหล่านี้ แล้วก้าวล่วงปราสาทเหล่านั้นมาที่นี้ เพราะเหตุอะไร ?
ลำดับนั้น นายมิตตวินทุกะกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :-
เชิญท่านดูข้าพเจ้าผู้ถึงความฉิบหาย
เพราะความสำคัญนี้ว่า โภคสมบัติในที่นี้
เห็นจะมีมากกว่าโภคสมบัติในปราสาททั้งสี่
นั้น.


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 26 ธ.ค. 2018, 05:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อิโต พหุตรา ความว่า จักมี
เหลือเฟือกว่าโภคสมบัติในปราสาททั้งสี่นี้.

ลำดับนั้น พระโพธิสัตว์ได้กล่าวคาถาที่เหลือว่า:-
ท่านละทิ้งนางเวมานิกเปรต ๔ มาได้
นางเวมานิกเปรต ๘ ละทิ้งนางเวมานิกเปรต
๘ มาได้นางเวมานิกเปรต ๑๖ ละทิ้งนางเว-
มานิกเปรต ๑๖ มาได้นางเวมานิกเปรต ๓๒
ยังปรารถนายิ่งขึ้นไม่รู้จักพอ มายินดีจักร-
กรด จักรกรดจึงพัดอยู่บนกระหม่อมของ
ท่านผู้ถูกความปรารถนาครอบงำ.

อันธรรมดาตัณหาเป็นสิ่งที่กว้างขวางอยู่
ในเบื้องบน ให้เต็มได้ยาก มักเป็นไปตาม
อำนาจของความปรารถนา เพราะฉะนั้น ชน
เหล่าใดมากำหนัดยินดีตัณหานั้น ชนเหล่า
นั้นจึงต้องเป็นผู้ทูนจักรกรดไว้.

ด้วยบทว่า อุปริ วิสาลา นี้ ในคาถานั้น พระโพธิสัตว์
กล่าวว่า ดูก่อนมิตตวินทุกะ ขึ้นชื่อว่าตัณหานี้ เมื่อบุคคลซ่องเสพอยู่
ย่อมเป็นของกว้างขวางอยู่เบื้องบน คือเป็นของแผ่ไป ธรรมดาตัณหา
ให้เต็มได้โดยยาก เสมือนมหาสมุทร มีปกติไปตามอำนาจความอยาก

ได้ คือความปรารถนาซึ่งอยากได้อารมณ์นั้น ๆ ในบรรดารูปารมณ์
เป็นต้น เพราะฉะนั้น คนเหล่าใดมากำหนัดยินดีตัณหานั้นคือเห็น
ปานนั้น คือเป็นผู้อยากได้แล้ว ๆ เล่า ๆ ยึดถืออยู่. บทว่า เต โหนฺติ
จกฺกธาริโน ความว่า ชนเหล่านั้นย่อมทูนจักรกรดนั้นไว้.

ก็นายมิตตวินทุกะกำลังพูดอยู่นั่นแหละ จักรแม้นั้นก็พัดกดลง
ไป ด้วยเหตุนั้น เขาจึงไม่อาจจะกล่าวอีกต่อไป เทพบุตรจึงไปยัง
เทวสถานของตนทีเดียว.

พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรง
ประชุมชาดกว่า นายมิตตวินทุกะในครั้งนั้น ได้มาเป็นภิกษุว่ายาก
ส่วนเทพบุตรในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถามิตตวินทุกชาดกที่ ๙

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 26 ธ.ค. 2018, 13:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
อรรถกถาปลาสชาดกที่ ๑๐

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
การข่มกิเลส จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า หํโส
ปลาสมวจ ดังนี้.

เรื่องปัจจุบันจักมีแจ้งในปัญญาสชาดก. ส่วนในชาดกนี้
พระศาสดาตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ขึ้นชื่อว่ากิเลสควรจะรังเกียจแท้ กิเลสแม้จะมีประมาณน้อยก็ทำให้
ถึงความพินาศได้เหมือนหน่อต้นไทร. แม้โบราณกบัณฑิตทั้งหลาย
ก็รังเกียจสิ่งที่ควรรังเกียจมาแล้วเหมือนกัน ครั้นตรัสแล้ว ทรงนำเอา
เรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้:-

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนคร-
พาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดหงส์ทอง เจริญวัยแล้ว
อยู่ในถ้ำทอง ณ เขาจิตตกูฏ กินข้าวสาลีที่เกิดเองในสระที่เกิดเอง
ณ หิมวันตประเทศแล้วกลับมา. ในหนทางที่พระโพธิสัตว์นั้นไป ๆ

มา ๆ มีต้นทองหลางใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง. พระโพธิสัตว์นั้นแม้เมื่อไป
ก็พักที่ต้นทองหลางนั้นแล้วก็ไป แม้เมื่อกลับมา ก็พักที่ต้นทองหลาง
นั้นแล้วจึงมา. ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์นั้นได้มีความคุ้นเคยกับเทวดา
ผู้บังเกิดอยู่ที่ต้นทองหลางนั้น เวลาต่อมา นางนกตัวหนึ่งกินผลไทร
สุกที่ต้นไทรต้นหนึ่ง แล้วบินมาจับที่ต้นทองหลางนั้น ถ่ายคูถลงใน

ระหว่างค่าคบ. แต่นั้นจึงเกิดหน่อไทรขึ้น. ในเวลามีขนาดได้ ๔ นิ้ว
ต้นทองหลางงดงาม เพราะเป็นต้นทองหลางที่มีหน่อแดงและใบเขียว
พระยาหงส์เห็นดังนั้น จึงเรียกรุขเทวดามาพูดว่า ท่านปลาสเทวดา
ผู้สหาย ธรรมดาต้นไทรเกิดที่ต้นไม้ใด เมื่อโตขึ้นย่อมทำต้นไม้นั้น
ให้ฉิบหาย ท่านจงอย่าให้ต้นไม้นี้เติบโตเลย มันจักทำวิมานของท่าน


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 103, 104, 105, 106, 107, 108, 109 ... 151  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron