วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 04:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 189 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 13  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2011, 00:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำความเข้าใจกับบริกรรมภาวนาและบริกรรมนิมิตให้ดีก่อนแล้วทำควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่องเลือกให้ดีอย่าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
เพลงดังขึ้นมาในจิตเป็นสัญญาเก่าฟุ้งซ่านเป็นนิวรณ์.....มันจะอกแตกตายก็ไม่ต้องไปแคร์หรอกครับไม่ตายหรอกฝึกบ่อยๆเดี๋ยวก้เบา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2011, 07:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


sunflower เขียน:
ตอนนี้เวลานั่งสมาธิไม่หลับแล้ว :b4: (เพราะหลับมาก่อนตื่นแล้วค่อยสมาธิเลยไม่หลับ s002 )
แต่ก็มีปัญหาอีกอย่างคือ จิตมันฟุ้งซ่านคะ cry บางครั้งนั่งสมาธิอ่ะคะ พยายามทำให้หายง่วงได้แล้วแต่พอหายง่วงไม่ทันไรจิตมันก็คิดนู้นนี่บางครั้งพอดับความคิดฟุ้งซ่านได้มันก็เริ่มง่วงนอนพอพยายามทำให้ไม่ง่วงจิตมันก็ฟุ้งซ่าน สุดท้ายกำหนดพองหนอ ยุบหนอได้แค่นิดเดียวเอง :b2:


อนุโมทนาครับที่พบกับความฟุ้งซ่าน :b12:
ไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกเรื่องน่ากลัวหรือเรื่องน่ารำคาญใจเลยที่มีความฟุ้งซ่านเกิดขึ้น เพราะเป็นปกติวิสัย
ของผู้ที่ปฏิบัติจิตภาวนา ผู้ที่ปฏิบัติย่อมมักเจอแทบทุกคนเลยก็ว่าได้

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สภาวะทุกอย่างที่เรารู้อยู่ ล้วนตกอยู่ไต้สามัญญลักษณะ ในสามัญญลักษณะ
ข้อหนึ่งคือ ความเป็นอนัตตา โดยความหมายคือ ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ จะกำหนดให้เกิดหรือหาย
ไปไม่ได้ ความฟุ้งซ่านก็เช่นเดียวกัน มีเกิดขึ้นมีดับไปตามเหตุตามปัจจัยของความฟุ้งซ่านนั้นเอง ไม่
อยากให้เกิด ไม่อยากให้หายไป ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะจะเกิดจะดับหายไป เนื่องด้วยเหตุปัจจัยของ
สภาวะนั้นเอง อย่ากังวลเลยครับ

ข้อสำคัญต่อไปที่ควรนำไปปฏิบัติคือ จะปฏิบัติต่อสภาวะคือความฟุ้งซ่านนั้นอย่างไร
การปฏิบัติแบบอุบายกำหนดรู้ยุบหนอพองหนอ ท่านให้มีหน้าที่กำหนดรู้สภาวะธรรมที่เกิดขึ้น ในความ
หมายอย่างที่พูดกันง่ายๆคือ มีหน้าที่รู้เท่านั้น

ฉะนั้น เมื่อฟุ้งซ่านเกิดขึ้น ควรวางจิตเป็นกลางต่อความฟุ้งซ่าน สติกำหนดที่ความฟุ้งซ่าน จิตรู้ที่ความ
ฟุ้งซ่านนั้น อย่าละไป กำหนดรู้ตามความฟุ้งซ่าน นับแต่เวลาที่รู้ไปจนความฟุ้งซ่านดับหายไป ข้อสำคัญ
ที่ต้องระวังคือ ต้องกำหนดรู้แบบนำอภิชฌาและโทมนัสออก คือ ละความพอใจและไม่พอใจในฟุ้งซ่าน
นั้น กำหนดรู้ธรรมดา ไม่ต้องกด ไม่ต้องข่ม ไม่ต้องสนใจว่าฟุ้งเรื่องอะไรฟุ้งซ่านแบบไหน นานหรือเล็ก
น้อย ไม่ต้องอยากให้หายไป ฯลฯ เป็นต้น

เมื่อสติสมาธิแก่กล้าพอแล้ว ฟุ้งซ่านจะดับหายไปเอง เพราะเหตุปัจจัยที่ทำให้ฟุ้งซ่านเกิดขึ้นจะดับหาย
ไปด้วยองค์บริกรรม(ฟุ้งซ่านหนอๆ - ส่วนสมถะ) และการรู้ความฟุ้งซ่านด้วยการละความพอใจไม่พอใจ
ออกไปโดยทันปัจจุบันขณะที่ความฟุ้งซ่านเกิดขึ้น(รู้ตามจริง - ส่วนวิปัสสนา)


sunflower เขียน:
แต่ที่แย่ที่สุดคือ จิตมันไปคิดถึงเพลงต่างๆอ่ะคะ cry (เป็นโรคประสาทรึเปล่าก็ไม่รู้ cry ) พอพยายามกำหนดคิดหนอๆไปเรื่อยๆมันก็หายนะคะ แต่หายไป2วิเพลงมันก็ขึ้นเข้ามาในจิตอีกแล้ว เลยกำหนดคิดหนอใหม่แล้วมันก็หยุด พอหยุดก็จะไปกำหนดพองหนอ ยุบหนอต่อ เพลงมันก็แวบเข้ามาในสมองเลย cry เลยเริ่มรู้สึกรำคาญ และเริ่มรู้สึกหงุดหงิด ทำยังไงถึงจะดับนิวรณ์ต่างๆได้อ่ะคะ Kiss


สติ เป็นเหตุให้สมาธิเกิดและกล้า
สมาธิ ข่มนิวรณ์ได้
การปฏิบัติวิปัสสนา ความสำคัญอีกข้อที่ต้องนำมาใช้คือ การปรับอินทรีย์
ฟุ้งซ่าน อาการเผลอคิด บอกได้ว่า สมาธินทรีย์น้อย (สมาธิน้อย สามธิมีกำลังไม่พอ) ถ้าจะแก้ ต้องแก้
ที่สมาธิที่ไม่กล้าแกร่งพอ และสร้างเหตุให้สมาธิเกิด

การปรับให้สติสมาธิสมดุลกันนั้น แก้ได้ด้วยการจงกรมและการกำหนดอิริยาบทย่อย

ก่อนคุณนั่งทำบัลลังก์(นั่งสมาธิ) ได้ได้จงกรมหรือไม่ เพราะการเดินจงกรมช่วยเรื่องสติสมาธิดีมาก
การบริกรรมโดยให้จิตแนบไปกับอิริยาบทช่วยฝึกสติให้แก่กล้า และบริกรรมที่ต้องบริกรรมคู่กันไปช่วย
เรื่องสมาธิให้กล้า ถ้ายังไม่มีการเดินจงกรมก่อนนั่ง พึงเดินจงกรมตามแบบวิธีปฏิบัติของสายยุบหนอ
พองหนอก่อน และเมื่อจะเปลี่ยนเป็นนั่ง พึงกำหนอรู้ตามอิริยาบทที่ค่อยๆจะนั่งลงไป อย่าละเดินแล้ว
มานั่งโดยไม่กำหนดรู้ตาม สติสมาธิจะหายไปได้ง่ายในระหว่างนั้น

ข้อแนะนำ

๑.ถ้าเดินจงกรมก่อนนั่งอยู่แล้ว ควรเพิ่มระยะขึ้นอีก ๑ ระยะ กำหนดจิตให้แนบไปอิริยาบทให้มากที่สุด
๒.เพิ่มเวลาเดินจงกรมให้มากกว่านั่ง
๓.กำหนดอิริยาบทย่อยช่วยในชีวิตประจำวัน เช่น เวลาจะดื่มน้ำ กำหนดรู้ตามได้เลย ยกหนอ มาหนอ
ถูกหนอ กลืนหนอ รสหนอ รู้หนอ ฯลฯ แม้ไม่ได้ทุกขณะหรือทุกกิจกรรม แต่แค่บางโอกาส ก็จะช่วย
ได้มาก
๔.เพิ่มการกำหนดรู้ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย คู่กันไปด้วย เห็นหนอ ยินหนอ กลิ่นหนอ รสหนอ ถูกหนอ
ตามสภาวะที่ปรากฏชัดเจน

อย่าชอบหรือไม่ชอบกับฟุ้งซ่านที่เกิดขึ้นครับ เอาปัญหาตรงนั้นมาเป็นโอกาส เมื่อเกิดขึ้น เราก็มีหน้าที่
รู้ไปตามนั้น ละความยินดียินร้ายไปเสีย อะไรๆจะเกิดก็ปล่อย เรากำหนดรู้ก็พอ นอกนั้นเป็นไปตามเหตุ
ตามปัจจัยของเขา

ขอให้เจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติครับ :b8: สาธุ

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2011, 10:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ้างคำพูด:
ฉะนั้น เมื่อฟุ้งซ่านเกิดขึ้น ควรวางจิตเป็นกลางต่อความฟุ้งซ่าน
สติกำหนดที่ความฟุ้งซ่าน จิตรู้ที่ความฟุ้งซ่านนั้น อย่าละไป
กำหนดรู้ตามความฟุ้งซ่าน นับแต่เวลาที่รู้ไปจนความฟุ้งซ่านดับหายไป


ขณะที่กำหนดคิดหนอๆ นิมิตมักจะแทรกเข้ามา บางครั้ง
กำหนดได้แค่สองคิดเท่านั้น นิมิตจะตามมาติดๆ พอหันไปกำหนดเห็นหนอๆ
ได้สักสองหนอ นิมิตจะเปลี่ยนรูปไปเรื่อยๆและเร็วขึ้นเรื่อยๆ จะเปลี่ยนจากเห็นหนอ
เป็นรู้หนอ คือรู้ว่าเขาเปลี่ยนแปลง รู้หนอได้ไม่กี่ครั้ง ก็จะโงกตามมา
รู้สึกเหมือนง่วงมากๆ รู้สึกวูบหลับ ทั้งๆที่่เห็นหนอก็ยังอยู่ พอวูบ หรือโงก
หรืองึก(แล้วแต่อาการจะมากน้อย)ก็จะกลับมากำหนดง่วงหนอได้สองสามครั้ง
ก็จะฟุ้งอีก และนิมิตก็จะแทรก ตามด้วยงุบอีก ทุกอย่างวนเวียนอยุ่แบบนี้ เร็วขึ้นๆ
เป็นบ่อยมากๆ ทุกอาการที่เล่ามา พองยุบก็ยังอยู่ ปกติบ้าง แผ่วๆบ้าง หรือบางครั้ง
จะเบามากจนเกือบหายไป แต่ก็รู้ว่ายังอยู่...

ระยะไหนที่นิมิตแทรกมากๆ...แม้นอกบัลลังค์ก็ยังตาม บางครั้งแค่ล้มตัวลงนอน
พอหลับตาปุ๊ป แทรกเข้ามาทันที ส่วนมากจะเป็นอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายมนุษย์
หัว หน้า แขนข้างเดียวบ้าง สองข้างบ้าง หน้าเด็ก ผู้หญิง ผู้ชาย ฯลฯ
ทุกอย่างจะเริ่มต้นอย่างช้าๆ พอเริ่มกำหนดว่าเห็นหนอๆ ก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลง
จากช้า เป็นเร็วขึ้นๆเรื่อยๆ บางครั้งก็นานกว่าจะหายไป บางครั้งก็แว่บเดียวก็หาย
ยังไม่ได้หลับยังคงรู้ตัวอยุ่ตลอดเวลา.....บางคืนนอนหลับสนิทอยู่ดี ก็มีเสียงลั่น
ในหัว เหมือนฟ้าผ่าบ้าง เหมือนคนทุบโต๊ะดังๆบ้าง บางครั้งก็อธิบายไม่ถูกว่า
เสียงคล้ายอะไร รู้แต่ว่าดังมากๆ จนทำให้สะดุ้งตื่นได้ขณะกำลังหลับสนิท
จะกำหนดทันแทบทุกครั้ง ว่าเสียงหนอๆ แล้วก็หลับต่อ....อาการเมายาก็ยังคงมี
อย่างสม่ำเสมอในตอนกลางวัน แทบทุกวัน

อนุโมทนาค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2011, 13:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


เดี๋ยวย้ายไปตั้งกระทู้ใหม่นะทักทาย
จะทำกระทู้เขาเลอะ

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2011, 15:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ก.พ. 2007, 20:39
โพสต์: 190


 ข้อมูลส่วนตัว


sunflower เขียน:
คือเวลานั่งสมาธิหรือทำสติปัฏสี่ตอนนั่งสมาธิแล้วจะหลับอ่ะคะ :b2: พยายามกำหนดง่วงหนอๆแล้วก็ยังหลับขนาดบอกกับตัวเองว่าอย่าหลับหนอ!!ไปไม่กี่รอบก็หลับสัปหงกไปเลย cry บางครั้งตอนไปฝึกกรรมฐานที่วัดขณะเดินจงกรมก็รู้สึกจะหลับเหมือนกัน :b2: ใครก็ได้ช่วยตอบทีว่าทำไงถึงจะไม่หลับขณะทำสมาธิ


สังเกตดูว่า การทำสมาธิของเรา มีความรู้สึกไปตรงกับภาวะจิตตอนก่อนจะนอนหรือไม่ ถ้าใช่ก็แสดงว่าไม่เป็นไปเพื่อความตั้งมั่นของจิตแล้ว ลองสังดูว่าตอนก่อนที่เรานอนหลับ เราวางจิตในลักษณะใดแล้วถึงหลับไป ดังนั้นเวลาตอนทำสมาธิ ก็อย่าไปทำจิตแบบนั้น แบบตอนก่อนหลับนอน

แล้วทำไมบางคนหรือเราเองบางเวลาก็นอนอไม่หลับเพราะเหตุใด เพราะว่ามีกระแสความคิดไหลผ่านมามาก หรือเช่นคิดว่าพรุ่งนี้จะไปเที่ยว ก็จะนอนอไม่หลับเอาทั้งคืนเลยก็มี

ดังนั้นการทำสมาธิถ้าจะให้ตั้งและมั่นคงก็ต้องวางจิตให้พอดี คือ ไม่ทำจิตเคลิ้มไปกับภาวะก่อนหลับ และไม่ปล่อยจิตให้ตื่นเต้นฟุ้งซ่านไปกับความคิดต่างๆ แล้วก็จะเกิดสมาธิที่เป็นธรรมชาติที่พอดีเอง ลองพิจารณาดู.

.....................................................
เมื่อเจ้าจักเห็น จงเห็นฉับพลัน พอตั้งต้นคิด หนทางปิดตัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2011, 18:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


กามโภคี เขียน:
เดี๋ยวย้ายไปตั้งกระทู้ใหม่นะทักทาย
จะทำกระทู้เขาเลอะ

ตอนนี้อยู๋ในอารมณ์..อยากเร่ร่อน ไม่อยากมีบ้าน
แค่อยากเล่า....ไม่ต้องตอบก็ได้ค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2011, 20:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2011, 15:23
โพสต์: 53

แนวปฏิบัติ: สติปัฏฐาน4
อายุ: 17
ที่อยู่: ก.ท.ม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกๆคนนะคะที่มาชี้แนะให้นะคะ :b8:
แต่ยังมีปัญหาอีกอย่างคือการเดินจงกรมแล้วกำหนดยืนหนออ่ะคะ cry (ปัญหาเยอะจังเราT^T) ไม่เข้าใจตรงการวาดมโนภาพอ่ะคะงงมาก????? :b7: ปกติไม่ชอบกำหนดยืนหนอเลย เพราะไม่เข้าใจว่าจะวาดมโนภาพยังไง ให้จินตนการว่ามีเส้นตรงไหลผ่านตรงกลางทางร่างกายลงจากล่างขึ้นบนหรอคะ เพราะเห็นตอนที่พระท่านสอนท่าเอานิ้วชี้ไปตรงกลางศีรษะแล้วลากลงมาอ่ะคะ งงมาก s002 แต่พอลองนึกว่ามีเส้นตรงไหลลงมามันกลับลากยาวลงมาเร็วมาก บางครั้งตอนแรกจิตอยู่ที่หัวแปปๆมันวาบไปอยู่ตรงเท้าแล้ว :b5: บางครั้งเลยลองจินตนาการเหมือนมีเครื่องสแกนไปตั้งแต่หัวจรดเท้าแต่จิตมันก็ยังหลุดๆ เลยงงว่าวาดมโนภาพนี่เค้าวาดกันยังไง s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2011, 20:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ทักทาย เขียน:
กามโภคี เขียน:
เดี๋ยวย้ายไปตั้งกระทู้ใหม่นะทักทาย
จะทำกระทู้เขาเลอะ

ตอนนี้อยู๋ในอารมณ์..อยากเร่ร่อน ไม่อยากมีบ้าน
แค่อยากเล่า....ไม่ต้องตอบก็ได้ค่ะ :b8:

:b13: :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2011, 20:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


sunflower เขียน:
ขอบคุณทุกๆคนนะคะที่มาชี้แนะให้นะคะ :b8:
แต่ยังมีปัญหาอีกอย่างคือการเดินจงกรมแล้วกำหนดยืนหนออ่ะคะ cry (ปัญหาเยอะจังเราT^T) :b7: s002


ทำเยอะ....ปัญหาก็เยอะตาม..นั้นแหละ

อย่างกระผม..ไม่มีปัญหา..เพราะไม่ค่อยได้ทำ :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2011, 21:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


กบนอกกะลา เขียน:
:b13: :b13: :b13:


:b28: :b28: :b28:

:b21: :b21: :b21:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2011, 21:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss Kiss Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2011, 23:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


sunflower เขียน:
ขอบคุณทุกๆคนนะคะที่มาชี้แนะให้นะคะ :b8:
แต่ยังมีปัญหาอีกอย่างคือการเดินจงกรมแล้วกำหนดยืนหนออ่ะคะ cry (ปัญหาเยอะจังเราT^T) ไม่เข้าใจตรงการวาดมโนภาพอ่ะคะงงมาก????? :b7: ปกติไม่ชอบกำหนดยืนหนอเลย เพราะไม่เข้าใจว่าจะวาดมโนภาพยังไง ให้จินตนการว่ามีเส้นตรงไหลผ่านตรงกลางทางร่างกายลงจากล่างขึ้นบนหรอคะ เพราะเห็นตอนที่พระท่านสอนท่าเอานิ้วชี้ไปตรงกลางศีรษะแล้วลากลงมาอ่ะคะ งงมาก s002 แต่พอลองนึกว่ามีเส้นตรงไหลลงมามันกลับลากยาวลงมาเร็วมาก บางครั้งตอนแรกจิตอยู่ที่หัวแปปๆมันวาบไปอยู่ตรงเท้าแล้ว :b5: บางครั้งเลยลองจินตนาการเหมือนมีเครื่องสแกนไปตั้งแต่หัวจรดเท้าแต่จิตมันก็ยังหลุดๆ เลยงงว่าวาดมโนภาพนี่เค้าวาดกันยังไง s002


ต้องทำความเข้าใจก่อนแล้ว

การกำหนดรู้ทุกอย่างตามแนวปฏิบัติพองยุบ ไม่มีการใช้จินตนาการช่วยนะครับ ดั้งเดิมเลยก็ไม่มี ภาย
หลังเริ่มมีเพราะผู้ปฏิบัติไม่เข้าใจคำว่าอาการหรือสภาวะที่เคลื่อนไหวหรือตั้งอยู่ ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร ถ้าผุ้บอก
ผุ้สอนรู้วิธีการแก้อาการติดจินตนาการ ซึ่งแก้ยากพอสมควรเลย

เวลายืน บริกรรมว่า ยืนหนอ กำหนดรู้ที่อาการของกายทั้งหมดตั้งอยุ่ ไม่ต้องจินตนาการหรือมโนภาพ
ปกติการที่กายเราทรงอยู่ได้ ย่อมมาจากธาตุทั้ง ๔ เกื้อหนุนกัน เมื่อเกื้อหนุนกันจนกายทรงอยู่ได้ ก็ต้อง
มีสภาวะของการผ่อนการเกร็ง กำหนดตรงนั้นก็ได้ครับ รู้อาการที่ผ่อนที่ตึงของส่วนต่างๆของร่างกาย
ตั้งแต่หัวจรดเท้า โดยไม่ต้องจินตนาการเลย เมื่อสติสมาธิดีแล้ว จะรู้สภาวะที่ทรงอยู่ของกายแม้ยืน
แม้นั่งอย่างง่ายดายเลย

กำหนดรู้ครับ อย่าไปจินตนาการ จินตนาการคือการพัวพันกับบัญญัติมากไปครับ

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2011, 10:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2011, 15:23
โพสต์: 53

แนวปฏิบัติ: สติปัฏฐาน4
อายุ: 17
ที่อยู่: ก.ท.ม.

 ข้อมูลส่วนตัว


งงคะ s006 คือลองพยายามส่งความรู้สึกตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว ต้องรู้สึกด้านไหนอ่ะคะ s006 บางครั้งมันรู้สึกแค่ด้านข้างลำตัว บางครั้งรู้สึกแค่ด้านหน้า บางครั้งรู้สึกแค่ด้านหลัง s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2011, 10:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญหาของ จขกท. กรัชกายตอบไว้ที่นี่

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=1388.0

ตอนนั้นยังติดโทษแบนอยู่ ไปดูนะครับ เพื่อจะเห็นทางออก

หรือจะดูที่นี่ก็ได้

viewtopic.php?f=2&t=24320&start=15

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2011, 11:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


sunflower เขียน:
งงคะ s006 คือลองพยายามส่งความรู้สึกตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว ต้องรู้สึกด้านไหนอ่ะคะ s006 บางครั้งมันรู้สึกแค่ด้านข้างลำตัว บางครั้งรู้สึกแค่ด้านหน้า บางครั้งรู้สึกแค่ด้านหลัง s002


ถูกแล้วครับ อย่าไปบังคับให้ต้องรู้ รู้ตรงไหน แบบไหน ก็รู้ตรงนั้นแบบนั้น รู้สักแต่รู้ ไม่ต้องสงสัย กังวลว่า
ถูกผิดหรือไม่ อย่าไปพยายามส่งความรู้สึกครับ แค่เรารู้ได้เท่าที่รู้ ง่ายๆธรรมดาๆ ได้แค่ไหน รุ้แค่นั้น

คนที่ปฏิบัติจริงๆ จะเจอปัญหานี้ครับ ถ้าไม่ปฏิบัติ สักแต่อ่าน หรือปฏิบัติแต่น้อย จะไม่ค่อยเจอปัญหานี้
หรอกครับ เพราะจริงแล้ว การจะรู้สภาวะที่ทรงตัวอยู่แบบ ยืนหนอๆ นั่งหนอๆ จะจำเพาะลงไปว่าแบบ
ไหน อย่างไร ที่ใด จะจำเพาะลงไปยากจริงๆครับ

อนุโมทนาครับ

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 189 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 13  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร