วันเวลาปัจจุบัน 09 มิ.ย. 2025, 23:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 89 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 11:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b31:

รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 11:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b31:

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 11:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b31:

รูปภาพ
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 11:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b31:

รูปภาพ
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 11:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b31:

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 11:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b31:

รูปภาพ
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 11:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b31:

ป้องกันความจำเสื่อม

ชีวิตที่ชุลมุนวุ่นวายและวัยที่เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นและกำลังจะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งปีนี้ บางทีอาจจะทำให้เราเริ่มหลง ๆ ลืม ๆ เลอะ ๆ เลือน ๆ และป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ได้โดยง่ายหรือบางทีเราก็อาจมียาติผู้ใหญ่ในบ้านที่ทำท่าว่าจะเลอะจะหลงได้ หน้าลืมหลังทำนองนี้เล่นเอาเราปวดหัว เพราะจะคุยอะไรแต่ละทีต้องคอยลื้อฟื้นความทรงจำกันใหม่ถึงจะต่อเรื่องติดบาง ทีตั้งท่าจะคุยกันดี ๆ เลยกลายเป็นมีน้ำโหเสียก่อนก็บ่อยไป

ต่อไปนี้มีคำแนะนำและแบบ ฝึกหัดเล็ก ๆ แก้หรือกันโรคหลงลืมให้ใครก็ได้ที่มีแววว่าจะเลอะ

1. อ่านหนังสือทุกวัน ไม่ว่างานจะยุ่งอีรุงตุงนังแค่ไหน หรือจะอ้างว่าไม่มีเวลาอย่างไร ในแต่ละวันขอให้หาอะไรมาอ่านสักหน้า สองหน้า สามหน้า ก็ยังดี เพราะการอ่านฝึกให้เจ้าตัวมีสมาธิและจิตนาการตามเรื่องที่อ่านทำให้คนเราจำ ง่ายกว่าการได้ยินอ่านอะไรก็ได้หนังสือพิมพ์ นิตยสารหรือนวนิยาย อ่านเข้าไปเถอะ

2. เขียนหนังสือทุกวัน เขียนโน้ตสั้น ๆ เขียนจดหมายถึงคนโน้นคนนี้ จดบันทึกรายการที่ต้องทำต้องซื้อ ฯลฯ การนึกว่าจะเขียนอะไร ทำอะไร ทำให้คนเราจัดระบบความคิดได้ดีที่สุด และเรียกความทรงจำให้ทำงาน ไม่หยุดนิ่งเฉื่อยชา

3. เล่นเกมภาษา เช่น อักษรไขว้หรือต่อคำศัพท์หรือการใบ้คำก็ยังได้ การเล่นเกมภาษาช่วยให้บริหารระบบความจำในสมองได้เป็นอย่างดี

4. หางานอดิเรกที่ท้าทายทำ เช่น สะสมแสตมป์ เพ้นท์ผ้า ติดตาต้นไม้ ถ่ายภาพ ทำอาหาร ฯลฯ ฟังดูเป็นงานอดิเรกธรรมดา ๆ นี่แหละ แต่วิธีนี้จะช่วยเรื่องสมาธิและการที่เจ้าตัวมีอะไรที่ใจจดจ่อ จะฝึกให้ไม่หลงลืมและรู้จักใส่ใจในเรื่องที่ทำความจำก็จะได้ไม่เสื่อม

5. ติดต่อสมาคมกับคนอื่นเข้าไว้ ไม่ว่าจะ เป็นการหาสู่ใครต่อใคร หรือเข้าสมาคมพบปะสังสรรค์ไปเทียว ไปทัวร์ ไปวัด เขียนจดหมายหรือโทรศัพท์ก็ได้ วิธีนี้ทำให้คนเฒ่า คนแก่และเรา ๆ รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนปกติไม่ได้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ยังมีเรื่องใหม่ให้ทบทวนหรือใส่ใจ มีนัดมีกิจกรรมโดยเฉพาะกิจกรรมที่สนุกสนานกระฉับกระเฉง ผลก็คือ ได้บริหารทั้งปากทั้งการเคลื่อนไหวและทักษะทางสังคม จะได้ไม่เหี่ยวเฉา

เรื่องของเรื่องก็คือ ถึงวันจะเก่า หรือวัยจะเก่า หรือวัยจะแก่ ก็อย่าทำตัวให้แก่ ให้เก่าไปกับปี พ . ศ . ที่กำลังจะผ่านไปเคยทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ที่สำคัญต้องจดจ่อใส่ใจกับเรื่องที่ทำความจำจะได้ไม่เสื่อม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 11:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b31:

เลี้ยงลูกอย่างไรให้เป็นผู้นำ

ผู้นำคือบุคคลที่สามารถนำผู้อื่นให้กระทำสิ่งต่าง ๆ ได้ เป็นผู้มีอิทธิพลต่อความเห็นกลุ่มและสามารถโน้มน้าวให้มีแนวคิดไปในทางเดียว กัน

การเลี้ยงลูกให้เป็นผู้นำบางอย่างฝึกฝนได้ในสถานการณ์ที่อำนวยและบางอย่าง สามารถพัฒนาตัวเองได้ พ่อแม่สามารถปูพื้นฐานที่สำคัญให้แก่เด็กได้ มีดังนี้

1. ความมีจิตใจมั่นคง จากการให้ความรัก ความอบอุ่นตั้งแต่เด็ก

2. การให้ความสำคัญของผู้อื่นจากการเลี้ยงดูที่ไม่ให้ตามใจตนเองจนเกินไป และสอนให้รู้จักการให้และการรับ

3. การรู้จักใช้เหตุผลจากการให้โอกาสแสดงความคิดเห็น กระตุ้นให้แสดงความคิดเห็นรับฟังความคิดเห็นอย่างจริงจัง เป็นตัวอย่างการใช้เหตุผล

4. การรู้จักยอมรับความจริง จากการรู้จักยอมรับฟังและยอมทำตามเหตุผลของเด็กบ้างการทำโทษที่ไร้เหตุผล มากกว่าอารมณ์

5. การรู้จักแก้ปัญหาด้วยตัวเอง จากการให้โอกาสในการเผชิญความลำบากที่พอจะทนได้และให้ช่วยตนเองโดยอยู่ในสาย ตาของผู้ใหญ่ และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น

6. การรู้จักรับผิดชอบจากการให้รู้จักรับผิดชอบตัวเอง มอบหมายให้รับผิดชอบงานบางอย่างของส่วนรวม

7. การรู้จักวางแผนอนาคต ของตนเองและครอบครัวโดยการเปิดโอกาสให้ตัดสินใจเลือกทางปฏิบัติเกี่ยวกับ เรื่องของตนในเรื่องที่พอจะทำได้และในระดับที่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถ ของตน

ถึงแม้การเป็นผู้นำจะเป็นสิ่งที่ฝึกฝนหรือเสริมสร้างให้เกิดขึ้นได้ก็ตามแต่ ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องเป็นผู้นำในทุก ๆ เรื่อง สิ่งที่สำคัญที่สุดในการอยู่ร่วมกันคือการรู้สึกถึงความสามารถของตนเองการ รู้จักบทบาทและหน้าที่ของตนเอง การรู้จักจังหวะเวลาสถานการณ์ว่าเมื่อใดควรเป็นผู้นำ เมือใดควรเป็นผู้ตาม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 11:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:

ทำอย่างไรจึงจะไม่อ้วนและมี สุขภาพสมบูรณ์

การลดน้ำหนักที่สะสมมาหลายปี อันเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีแคลลอรี่มากเกินความต้องการของร่างกายนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย และจะทำได้ในระยะเวลาอันสั้น จริงอยู่อาหารที่ลดความอ้วนที่มีขายอยู่เกลื่อนนั้น ทำให้หลายคนลดน้ำหนักไปได้ แต่ที่ไม่ทราบกันคือ การลดจำนวนแคลลอรี่เสียจนไม่พอกับความต้องการของร่างกาย เป็นผลให้ร่างกายต้องหาทางสู้กับการขาดแคลลอรี่ด้วยการให้พลังงานแก่คนเรา น้อยลงเหมือนคนที่ขาดอาหาร แม้จะไม่ถึงตายเพราะคนเราสามารถปรับตัวให้เข้ากับจำนวนอาหารที่ร่างกายได้ รับแต่ก็อ่อนเพลียไม่ผ่องใสสมบูรณ์อาหารลดความอ้วนก็เช่นกันจะทำให้ร่างกาย ปรับตัวรับสภาพดังว่าร่างกายเริ่มอดยากขาดอาหารซึ่งผลที่ได้คือน้ำหนักลดลง จนทำให้ดีใจแล้วหันมารับประทานกันใหม่ ในยามนี้เองที่ปัญหาที่สองเริ่มเพราะตัว ในยามนี้พลังงานของร่างกายที่ได้ปรับสภาพให้เข้ากับอาหารที่ลดความอ้วนนั้น ยังคงอยู่ในสภาพปวกเปียกอยู่ อาหารที่รับประทานตามปกติ ก็ไม่สามารถกระตุ้นให้ร่างกาย สร้างพลังงานได้เท่าปริมาณแคลลอรี่ที่รับประทานเข้าไป ผลที่จะเกิดขึ้นคือความอ้วนที่จะกลับคืนมายาก ยากจะขจัดได้เท่าครั้งแรก

การลดน้ำหนักที่ถูกต้องจึงไม่ใช่อยู่ที่การรับประทานอาหารน้อยเกินความจำ เป็นของร่างกาย หรือเลือกรับประทานอาหารแต่อาหารลดความอ้วน แต่อยู่ที่การเปลี่ยนวิถีชีวิตบาประการดังนี้

1. ทำความเข้าใจกับคุณค่าอาหาร เพื่อการเลือกรับประทานอาหารมีจำนวนแคลลอรี่พอควรต่อความต้องการของร่างกาย

2. ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อ การเผาพลาญแคลลอรี่ที่เกินจำเป็น และเพื่อความเต่งตึงของกล้ามเนื้อ

3. ฝึกจิตใจให้ผ่องใสไม่ขุ่นมัว เพื่อ เสนอสนองความต้องการในชีวิตให้สมบูรณ์พูนสุข


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 11:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b17:

ห่วงบ้านต้องล้อมรั้วครอบครัว ต้องล้อมรัก



ครอบครัวเป็นสถาบันหนึ่งทางสังคม ที่มีความสำคัญในการสร้างคนให้มีคุณภาพและสร้างสรรค์ประโยชน์แก่ประเทศไทย แต่เดิมครอบครัวไทยมีการพึ่งพิงและความผูกพันสูง เนื่องจากสมาชิกอยู่ร่วมกันหลายรุ่นตั้งแต่ ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ พี่ ป้า น้า อา จนถึงลูกหลาน จึงมีการแบ่งเบาภารหน้าที่กันดูแลงานบ้าน เลี้ยงดู อบรมสั่งสอน ให้ความรัก ความอบอุ่นแก่ลูกหลาน ตลอดจนถ่ายทอดระบบความคิด ค่านิยมและคุณธรรมดีงาม แต่ในปัจจุบันสภาพครอบครัวเปลี่ยนแปลงไปหนุ่มสาวเริ่มแต่งงานแล้ว มักแยกย้ายไปตั้งครอบครัวตากหาก สภาพครอบครัวในปัจจุบันซึ่งมีครอบครัวเดี่ยวเพิ่มมากขึ้น ครอบครัวขยายลดน้อยลง โดยเฉพาะในเขตเมืองซึ่งรวมทั้งประเทศเฉลี่ยแล้วแต่ละครอบครัวมีจำนวน 4 – 5 คน และมีแนวโน้มจะลดลง


เมื่อจำนวนสมาชิกครอบครัวลดน้อยลง ครอบครัวก็อาจจะทำหน้าที่ของตนได้ไม่สมบูรณ์โดยเฉพาะความผูกพันในครอบครัว ในสังคมปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความสัมพันธ์ของคนในสังคมมักจะมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้คิดแต่เรื่องของตนเอง ที่ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เกิดสภาพตัวใครตัวมัน แม้กระทั่ง พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูกหลาน ในก็ครอบครัวก็ไม่ได้สนใจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตในครอบครัวมากขึ้น หากปัญหามีความรุนแรงเป็นระยะเวลานาน ๆ ก็ อาจทำให้เกิดโรคจิต โรคประสาทได้ เพราะฉะนั้นคำขวัญที่ว่า “ ห่วงบ้านต้องล้อมรั้ว ห่วง ครอบครัวต้องล้อมรัก ” จึงถูกกำหนดขึ้นเพื่อกระตุ้นเตือนให้สมาชิกครอบครัวทุกคนให้ความสำคัญกับ ครอบครัว และมอบความรักให้แก่กันเหมือนกับการล้อมรั้ว เพื่อให้บ้านเมืองปลอดภัย


เพราะฉะนั้นคำขวัญที่ว่า “ ห่วง บ้านต้องล้อมรั้ว ห่วงครอบครัวต้องล้อมรัก ” จึงถูกกำหนดขึ้นเพื่อกระตุ้นเตือนให้สมาชิกครอบครัวทุกคนให้ความสำคัญกับ ครอบครัว และมอบความรักให้แก่กันเหมือนกับการล้อมรั้ว เพื่อให้บ้านเมืองปลอดภัย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 11:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b16:

มาเสริมสร้างบุคลิกภาพเพื่อให้ เป็นที่ประทับใจกันดีไหม

ใคร ๆ ก็อยากให้ทุกคนให้ความรัก และความสำคัญกับตัวเอลร่วมด้วยช่วยกันฉบับนี้จึงอยากจะแนะนำให้คุณผู้อ่านมา เสริมบุคลิกภาพเพื่อให้เป็นที่ประทับใจของคนรอบข้างเรากันดีไหมคะ เพราะบุคลิกภาพที่น่าประทับใจเริ่มตั้งแต่ยังไม่เห็นตัวกันเลยแหละ เพราะอีกฝ่ายมักคาดหวังเอาจากประวัติความเป็นมาของเรา ( หรือภาพพจน์ที่เคยได้ยินได้ฟังมา ) เมื่อเจอหน้ากันก็เป็นเรื่องของบุคลิกภาพภายนอกที่จะสร้างความประทับใจตั่ง แต่แรกเห็นไม่ว่าจะสุขภาพร่างกาย หน้าตา ทรงผม เสื้อผ้า เครื่องประดับ ลีลาท่าทางต่างๆ เช่น การยืน เดิน นั่ง การพูดจา แอนดรูว์ คาร์เนกี ที่ทุกคนยอมรับในสามารถด้านธุรกิจ และเป็นเสมือนครูของนักพูดหรือวิทยากรอบรมทั้งหลาย ชี้แนะ 20 แนวทางเบื้องต้นที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในทุก ๆ เรื่อง


1. เข้าถึงหัวจิตหัวใจของคน เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า “ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ” นั่นแหละค่ะ เราอยากให้เขาปฏิบัติอย่างไรกับเรา เราก็ปฏิบัติต่อเขาก่อนไงล่ะค่ะ เช่นเราอยากให้เขายิ้มให้เราเราต้องยิ้มให้เขาก่อน ไม่เชื่อลองดูซิคะ

2. มีจุดมุ่งหมายชัดเจน ทำ อะไรก็ทำจริงเช่นการทำ HA หากเราตั้งใจทำจริง ๆ ความสำเร็จก็คงไม่ไปไหน เราจะสังเกตได้ว่า บุคลากรไทยขยันทำงานและทำอะไรทำจริง ย่อมได้รับความเชื่อถือจากคนรอบข้าง จริงไหมคะ

3. แต่งตัวเหมาะสมกับกาลเทศะ แลดูสะอาด เรียบร้อย คนที่แต่งกายดี มักได้ชื่อว่าเป็นผู้มีบุคลิกภาพที่มองจากภายนอกว่าดี น่าเชื่อถือ และยิ่งแต่งกายสมกับกาลเทศะและสะอาดเรียบร้อย ใคร ๆ ก็อยากอยู่ใกล้ ๆ

4. กิริยาท่าทางคล่องแคล่ว มีความมั่นใจ กระฉับกระเฉง ดูมีชีวิตชีวามากกว่าคนเนิบ ๆ เฉื่อย ๆ ชา ๆ แน่นอน ……

5. น้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟัง ไม่พูดกระโชกโฮกฮาก หรือขวานผ่าซาก “ น้ำขุ่นอยู่ในน้ำใสอยู่นอก ” น้ำเสียงที่นุ่มนวลชวนฟังแล้วอาจจะอยากฟังอีกแถมยังเก็บเอาไปฝันหวานอีกต่าง หาก

6. รู้จักพูด รู้จักเลือกใช้ถ่อยคำที่เหมาะสมกับคนฟังและกาลเทศะเรื่องนี้สำคัญนะคะ ดูสถานการณ์ด้วย ชาวบ้านกำลังเศร้าโศก อย่าได้หาเรื่องตลกมาเล่าตอนนี้เชียว

7. ซื่อสัตย์ต่อคำพูด พูดแล้วต้องทำได้นะค่ะ อย่าพูดแบบลม ๆ แล้ง ๆ ไม่มีใครชอบแน่

8. คงเส้นคงวาทั้งต่อหน้าและหลับหลัง คงจะเยได้ยินนะค่ะ “ ต่อหน้ามะพลับ ลับหลังตะโก ” หรือ “ ปากหวานก้นเปรี้ยว ” แบบนี่ขออยู่ห่าง ๆ จะดีกว่า

9. มีอารมณ์ขัน รู้จักมองโลกในแง่ดี คนมีอารมณ์ขัน และมองโลกในแง่ดีใคร ๆ ก็อยากอยู่ใกล้ อยากคุยด้วยเพราะอยู่ใกล้แล้วสบายจาย ……….

10. ไม่เป็นแก่ตัว คนที่เสียสละ เห็นแก่ส่วนรม เห็นแก่องค์กรยินดีช่วยเหลือผู้อื่น ย่อมได้รับความชื่นชมในน้ำใจ

11. ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตรกับคนทั่วไป ยิ้มเท่านั้นที่จะครองโลกรอยยิ้มช่วยบรรเทาความทุกข์ร้อน ( ใจ ) ยิ่งกว่ายาชนิดใด ๆ ในโลภ เพราะเป็นยาวิเศษ

12. คิดในแง่บวก คิดในด้านดี (Positive Thinking) แม้จะเกิดเหตุการณ์อันร้ายแรงสักแค่ไหน หากเราเข้าใจจิตใจตนเองและมองโลกในแง่ดีคิดในแง่บวกให้มาก ๆ ความเลวร้ายที่เกิดขึ้นจะบรรเทาเบาบางลงอย่างถนัดใจคนที่มองโลกในแง่ลบ มักจะทำร้ายตนเองและผู้อื่น มาฝึกคิดในแง่บวกกันดีกว่าเพื่อสุขภาพจิตที่ดีนะคะ

13. กระฉับกระเฉง กระตือรือร้น ตื่นตัวอยู่เสมอ คนที่เป็น Mr Active หรือ Mrs,Miss Active อยู่ใกล้ ๆ คงจะมีความสุขนะค่ะ เพราะไม่น่าเบื่อ แต่ไม่ใช้ลุกลี้ลุกลนนะคะ

14. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ คนที่ใส่ใจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ย่อมจะเป็นบุคคลที่มีพลังในการทำงาน ผิวพรรณ ผ่องใส สดชื่น ไม่เชื่อลองดูสิค่ะ

15. มีปฏิภาณไหวพริบ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี การมีคนมีสติ ติดตามเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในสาขาที่ตนเองเกี่ยวข้อง ย่อมก่อให้เกิดปฏิภาณไหวพริบ และมองปัญหาได้รอบข้างและแก้ไขปัญหาได้ดี

16. มีมนุษยสัมพันธ์ รู้จักคบหาสมาคมกับคนอื่น ๆ มีคำกล่าวไว้ว่า อยากรู้ว่าคนหนึ่งคน อีก 3 ปีข้างหน้าเขาจะเป็นอย่างไรให้ดูที่คนที่เขาคบหาสมาคมด้วย การรู้จักคนมากหน้าหลายตา หลายค่ายหลายสาขาย่อมเป็นกำไรชีวิต ตกที่นั่งลำบาก ยังพอได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ คนที่อยู่โดดเดียวคนเดียวอาจจะรู้สึกโล่งอิสระ แต่คงจะเหงาน่าดู

17. หมั่นติดตามข่าวสาร มีความ รอบรู้ทั้งเรื่องงานที่รับผิดชอบและเรื่องทั่ว ๆ ไป “Life long learning” เป็นคำยอดฮิต ในยุคปัจจุบัน ว่ากันว่า หากหยุดอ่านสักวันหนึ่งจะมีคนที่อ่านมีความรู้แซงหน้าเราไปหลายปีเลยนะคะ จะบอกให้ เพราะฉะนั้น เมื่อไรที่เราหยุดศึกษาหาความรู้ ก็เท่ากับความรู้เราถอยหลังเข้าคลองไปเลยล่ะคะ

18. เป็นนักฟังที่ดี สนใจในสิ่งที่ฟัง ผู้ฟังที่ดีต้องมีสายตาที่สนใจผู้พูด เงียบ และตั้งใจฟัง ผู้ให้คำปรึกษาส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ฟังที่ดี ทั้ง ๆ ที่ชื่อเป็นผู้ให้คำปรึกษา

19. พูดด้วยความจริงใจ และมีศิลปะในการพูดให้คนอื่นเห็นคล้อยตามได้

20. รู้จักสร้างเสน่ห์ดึงดูดความสนใจของผู้พบ เห็น

สองข้อสุดท้ายนี้ ต้องสร้างและหมั่นฝึกฝนมีเคล็ดไม่ลับมากมายจะฝึกฝนเรื่องศิลปะในการพูดให้คน อื่นคล้อยตาม และ การสร้างเสน่ห์ให้กับตนเอง

20 ข้อไม่ยากเลยใช่ไหมค่ะ มาร่วมด้วยช่วยกันเสริมสร้างบุคลิกของตนเองและคนรอบข้างกันดีไหมคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 11:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b31:

เวิคกิ้ง วูแมน

ปัจจุบันผู้หญิงไทยได้พลิกผันบทบาทตัวเอง จากอดีตที่เคยอยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือนเพื่อทำหน้าที่ของความเป็นภรรยาและแม่ ในการดูแลสามีและลูกไม้ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แต่ในปัจจุบันทำหน้าที่แม่บ้านอย่างเดียว อาจทำให้ความเป็นอยู่ของสมาชิกในครอบครัวไม่สมบูรณ์นั่นคือ อาจส่งผลต่อความเป็นอยู่และความสะดวกสบายที่พึ่งจะได้รับตามสภาพของสังคม ทั่วไป โดยเฉพาะการใช้ชีวิตในสังคมเมืองด้วยเหตุผลดังกล่าวผู้หญิงไทยในปัจจุบัน จึงต้องผันตัวเองไปทำงานเพื่อหาเงินช่วยครอบครัวอีกแรงในขณะเดียวกันเมื่อ ผู้หญิงมีบทบาทหน้าที่ ไม่ใช่เพียงดูแลความเป็นอยู่ของสมาชิกภายในครอบครัวเท่านั้น แต่ยังจะต้องทำอีกบทบาทเพื่อเพื่อหารายได้เข้าครอบครัวจึงส่งผลให้การทำ หน้าที่ของภรรยาและแม่ลดลงซึ่งบางครั้งอาจไม่เป็นไปตามความคาดหวังของผู้ได้ ชื่อสามีและสมาชิกภายในครอบครัวเข้าใจและการมีการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระภายใน บ้านซึ่งกันและกันก็จะไม่มีปัญหาและในทางตรงกันข้ามหากขาดความเข้าใจและมี ความคาดหวังโดยไม่คำนึงถึงบทบาทหน้าที่แท้จริงของภรรยาแล้วอาจเกิดปัญหาขึ้น ได้

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าผู้หญิงจะสามารถทำได้ทั้งบทบาทการเป็นภรรยาหรือการ เป็นมารดาแล้วแต่ทัศนคติค่านิยมที่หญิงไทยรับรู้เกี่ยวกับตนเองมักมองว่า เป็นบ่วงวัฒนธรรม (Culture trap) ทำให้ชีวิตการทำงานนอกบ้านของผู้หญิงที่ต้องเผชิญกับความยุ่งยากนานัปการ อาทิ การเรียกร้องเพื่อความก้าวหน้าการแสวงหาอำนาจ การพึ่งพา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นค่านิยมที่ไม่อาจลบล้างไปจากความคิดได้ดังจะเห็นได้จาก งานวิจัยที่พบว่าผู้หญิงทำงาน (Working Woman) ได้ประเมินตัวเองในทางลบถึงบทบาทการเป็นแม่ที่ดีที่มีความรู้สึกผิดที่ไม่ สามารถทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ และจากงานวิจัยในกลุ่มผู้บริหารหญิงไทยพบว่า ปัญหาที่พวกเธอให้ความสำคัญไม่ใช่ปัญหาทางเศรษฐกิจแต่เป็นเรื่องลูกและทัศน ที่แสดงออก บ่งบอกถึงค่านิยมดั้งเดิมของสตรีไทยที่ยังคงต้องการทำหน้าที่มารดาที่ดี ได้ดูแลลูก ให้ความสนใจแก่ลูกและเป็นแม่บ้านที่ดีและมีประเด็นที่น่าสนใจคือหากครอบครัว มีส่วนช่วยส่งเสริมเรื่องงานโดยเฉพาะสามีมีส่วนช่วยเหลือแบ่งเบาภาระงานบ้าน และให้กำลังใจแก่ภรรยาจะทำให้หญิงมีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงาน


ผลงานวิจัยดังกล่าวจึงน่าจะนำมาเป็นข้อคิดใน การอยู่ร่วมกันระหว่างสามี ภรรยา การช่วยเหลือแบ่งเบาการทำงานไม่เกี่ยวหญิง – ชาย ให้ความสนใจ ห่วงใย เอื้ออาทร ซึ่งกันและกัน มีความเข้าใจ ให้การดูแลลูกอย่างใกล้ชิดและอบอุ่น สิ่งเหล่านี้คงจะพอเป็นฐานที่แข็งแกร่งที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพหญิงไทย ให้ทำงานได้อย่างมีความสุข


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 11:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b4:

ไปให้ถึงฝัน


ขึ้นชื่อว่าชีวิต … ย่อมมีทั้งทุกข์ สุข ผิดหวัง สมหวัง พ่ายแพ้ ชนะ คละเคล้ากันไปถ้าหากเรามีความฝัน มีความเชื่อมั่น คิดเสมอว่า เราทำได้เราก็จะทำได้ คิดว่าชนะเราก็จะมีความพยายาม

แต่ถ้าเราคิดทุกครั้งว่า เราทำไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เราแพ้ตั้งแต่ยังไม่ลงมือกระทำนโปเลียนเคยกล่าวไว้ว่า “ คำ ว่าเป็นไปไม่ได้ มีอยู่ในพจนานุกรม ของคนโง่เท่านั้น ”

มนุษย์ถ้ามีความใฝ่ฝัน มีจินตนาการ สร้างกำลังใจให้ตนเอง เพื่อให้เป็นแรงขับของชีวิตเราก็จะมีกำลังใจต่อสู้ ดังคำแนะนำของนายแพทย์วิทยา นาควัชระ

- จงมองให้เห็นความดีของตนเองให้เด่นชัดในบางเรื่อง แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตามให้คิดซ้ำ ๆ ว่าตัวเองเป็นคนดี เป็นคนเก่งเสมอ

- จงฝันเห็นภาพความสำเร็จเสมอ เพราะภาพนั้นจะทำให้จิตใจเบิกบาน

- จงมีความรักที่จะกระทำกิจกรรมต่าง ๆ เสมอ เพราะจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดพลังในการทำงานที่ดี

- จงลงมือทำในกิจกรรมและจดจำสิ่งที่ทำได้ดีอยู่เสมอ

- จงชื่นชมตัวเองทุกครั้งที่ลงมือกระทำสิ่งใดลงไปและได้รับผลสำเร็จแม้จะเป็น เพียงเล็กน้อยถ้าทุกคนฝันเห็นแต่สิ่งดี ๆ ก็จะมีพลังกาย พลังใจ ที่จะทำความฝันของตนเอง ให้เป็นจริงขึ้นมาในที่สุด ขอจงฝันในสิ่งที่ดีและมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันตนเองให้ประสบผลสำเร็จอยู่ เสมอ แล้วคุณล่ะ มีความฝันเป็นของตัวเองรึยัง...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 11:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b18:

ฤดูที่แตกต่าง


ในช่วงชีวิตของคนเราทุกคน ย่อมต้องเคยพบกับความผันผวนของชีวิตชนิดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้คนมักจะพบ ความอึดอัด ไม่สบายใจ ตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงทุกข์ใจ สิ่งที่พูดถึงนี้ก็คือ “ ความเปลี่ยนแปลง ”

โดยธรรมชาติของชีวิตนั้น เราพบกับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ที่เห็นได้ชัดก็คือ ฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี ไม่ว่าจะหนาวหรือร้อน เราไม่สามารถจะปฏิเสธได้ แต่ร่างกายก็จะปรับไปเองโดยอัตโนมัติ เราก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ ความเปลี่ยนแปลงที่พานพบอาจเป็นเพียงเล็กน้อย เรียบง่าย ไปจนถึงมากมายยุ่งยาก วัดเป็นปริมาณไม่ได้ ขึ้นอยู่กับความอดทนของแต่ละคน

คนส่วนใหญ่ไม่เต็มใจยอมรับ ความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเมื่อต้องมีความเปลี่ยนแปลงทันทีทันใดเพื่อให้ถูกใจใครบางคนที่มี อำนาจสั่งการให้เปลี่ยน บุคคลก็เกิดอคติ ขัดแย้ง ต่อต้านขึ้นในใจ เพราะเราชินกับสิ่งเดิม ๆ ที่เป็นอยู่ จะมาปรับเปลี่ยนทำไม ไร้สาระ ก็ด่ากันไปต่าง ๆ นา ๆ บางคนก็คิดว่า “ ไม่เปลี่ยนจะเป็นอะไร ทำเท่าที่จะทำได้ ใครจะทำไม ” เชื่อเลยว่าความรู้สึกเหล่านี้ต้องเคยเกิดขึ้นกับคุณอย่างแน่นอน

เราลองมายอมรับว่า ความเปลี่ยนแปลง คือสิ่งที่ต้องเกิดแลไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คุณจะเห็นว่ามันน่าตื่นเต้น เป็นพัฒนาการของชีวิต การเดินทางของชีวิตที่จะไม่ถูกขัดจังหวะเลยมีแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ขอให้ใช้ช่วงเวลาชีวิตที่ถูกขัดจังหวะนี้ เสมือนหยุดทบทวนบรรจุพลังใหม่ให้กับตัวเอง หากเรามองในแง่ดีไว้ ยอมรับความเปลี่ยนแปลงว่า เหมือนหนึ่งโอกาสให้เราได้เรียนรู้ ศึกษาว่ามันให้อะไรแก่เรา แล้วเราจะมีการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องไม่มีวันหยุด ทุก ๆ วิกฤตที่เกิดขึ้น จะมีทางเลือกเกิดขึ้นเสมอ เพื่อให้เราตรวจทานตัวเองอีกครั้งในฐานะปัจเจกชน เพื่อให้เราได้มีโอกาสเลือกรูปแบบของการเปลี่ยนแปลงที่จะมาช่วยให้เราเติบ โตงอกงามและเติมเต็มตัวเราอย่างสมบูรณ์ ( นีน่า โอนีล )

ชีวิตก็เปรียบเหมือนกับฤดูที่แตกต่าง ถ้าคิดได้ว่าความเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ ทำใจกับสภาพความเป็นจริงใหม่ที่เราจะได้เจอะเจอ เราก็สามารถที่จะมีความสุขกับมันได้ จริงไหมคะคุณ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 11:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b24:

แค่มี

ในฉบับนี้ ขอเขียนถึงความทะเยอทะยาน (Ambition) หรือจะเรียกง่าย ๆ ว่า “ ความอยาก ”

นั่นเอง เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนที่ยังมีลมหายใจ ถึงแม่จะแผ่วไปบ้างในช่วงนี้ ย่อมมีไอ้เจ้า “ ความอยาก ” นี้อย่างแน่นอน แต่ “ ความ อยาก ” ของแต่ละคนมีไม่เท่ากัน บางคนอยากพอประมาณ แต่บางคนอยากมากจนน่ากลัว

การมี “ความอยาก” ไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่ “ความอยาก” ที่ว่านี้ ถ้ามีพอประมาณ ก็จะเป็นแรงผลักดันให้เราต่อสู้ มีความฝัน ความหวัง และกำลังใจในการที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า แต่ทุกวันนี้คนเรามี “ความอยาก” ที่มากไป โดยเฉพาะในกลุ่มชนชั้นที่ทำงานแล้ว มีสิ่งมาล่อ “ต่อมอยาก” ก็คือ ความดีความชอบในแต่ละปี ยิ่งใกล้ช่วงพิจารณาเท่าใด “ต่อมอยาก” ก็จะ “ผลิตฮอร์โมน อยากมาก ๆ” ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ (คงเป็นต่อมใต้สมอง) จิตใจก็จะเร่าร้อน ริษยาเมื่อเห็นใครได้ดีกว่า ความอยากที่มากไป ประกอบกับความสามารถที่ไม่เหมาะสมกับความอยากก็ย่อมก็ให้เกิดปัญหาตามมา อย่างแน่นอน

วิธีคิดง่าย ๆ เราลองประเมินระดับตัวเองก่อนว่าเราอยู่ตรงไหน แค่ไหน ความสามารถเท่าใด อย่าหลอกและหลงตัวเอง แม้เราไม่เท่ากับใครบางคน แต่เราก็ยังดีกว่าคนอีกมากมาย แม้เราไม่เท่าเขาในวันนี้ไม่เป็นไรวันหน้าเราอาจได้ดีกว่าเขาเท่าทวีคูณ ถ้าเรามีความสม่ำเสมอในการทำดี มนุษย์เราถ้ารู้จักทำอะไรที่พอตัว พัฒนาไปตามครรลองของ “ความอยาก” หรือ “ความทะเยอทะยาน” ที่พอเหมาะพอควร โชคชะตาก็จะสร้างทางชีวิตที่สวยงาม ให้เราได้เดินเรื่อย ๆ มีความสุขเต็ม ๆ กับชีวิต ทำส่วนของเราให้ดีที่สุด จงคิดว่าได้เท่าที่ได้ ชีวิตจะได้ความดี ตอบแทนเมื่อถึงเวลา แล้วเราจะสุขแบบท่วมท้นใจ ดังบทเพลงนี้….

อาจจะมีพร้อม แต่ชีวิตก็ยังวุ่นวาย ยังไม่พอดี ยังไม่พอใจ ถึงได้หนาวกาย และหนาวใจอยู่ดี

อาจจะน้อย แต่ไม่ขอให้มีมากมาย มีแค่พอดี มีแค่พอใจ ถึงต้องหนาวกาย แต่หัวใจอุ่นใจอุ่นดี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 89 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร