วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 22:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2009, 17:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




0015.jpg
0015.jpg [ 39.07 KiB | เปิดดู 1850 ครั้ง ]
ปัญญาในการพิจารณาเห็นธรรมที่เข้ามาประชุมในขณะนั้น


ปัจจเวกขณญาณ หมายถึง ญาณหยั่งรู้ด้วยการพิจารณาทบทวน คือ สำรวจรู้มรรค ผล กิเลสที่ละแล้ว กิเลสที่เหลืออยู่ และนิพพาน เว้นแต่ว่าพระอรหันต์ไม่มีการพิจารณากิเลสที่ยังเหลืออยู่



ปัญญาในการพิจารณาเห็นธรรมที่เข้ามาประชุมในขณะนั้นเป็นปัจจเวกขณญาณอย่างไร ฯ


ในขณะแห่งโสดาปัตติมรรค ญาณ.....
..... ชื่อว่าสัมมาทิฐิ เพราะอรรถว่าเห็น
..... ชื่อว่าสัมมาสังกัปปะ เพราะอรรถว่าดำริออก
..... ชื่อว่าสัมมาวาจา เพราะอรรถว่ากำหนดเอา
..... ชื่อว่าสัมมากัมมันตะ เพราะอรรถว่าเป็นสมุฏฐาน
..... ชื่อว่าสัมมาอาชีวะ เพราะอรรถว่าขาวผ่อง
..... ชื่อว่าสัมมาวายามะ เพราะอรรถว่าประคองไว้
..... ชื่อว่าสัมมาสติ เพราะอรรถว่าตั้งมั่น
..... ชื่อว่าสัมมาสมาธิ เพราะอรรถว่าไม่ฟุ้งซ่าน
..... ชื่อว่าสติสัมโพชฌงค์ เพราะอรรถว่าตั้งมั่น
..... ชื่อว่าธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ เพราะอรรถว่าเลือกเฟ้น
..... ชื่อว่าวิริยสัมโพชฌงค์ เพราะอรรถว่าประคองไว้
..... ชื่อว่าปีติสัมโพชฌงค์ เพราะอรรถว่าแผ่ซ่านไป
..... ชื่อว่าปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ เพราะอรรถว่าสงบระงับ
..... ชื่อว่าสมาธิสัมโพชฌงค์ เพราะอรรถว่าไม่ฟุ้งซ่าน
..... ชื่อว่าอุเบกขาสัมโพชฌงค์ เพราะอรรถว่าพิจารณาหาทาง
..... ชื่อว่าสัทธาพละ เพราะอรรถว่าไม่หวั่นไหวเพราะความไม่มีศรัทธา
..... ชื่อว่าวิริยพละ เพราะอรรถว่าไม่หวั่นไหวเพราะความเกียจคร้าน
..... ชื่อว่าสติพละ เพราะอรรถว่าไม่หวั่นไหวเพราะความประมาท
..... ชื่อว่าสมาธิพละ เพราะอรรถว่าไม่หวั่นไหวเพราะความฟุ้งซ่าน
..... ชื่อว่าปัญญาพละ เพราะอรรถว่าไม่หวั่นไหวเพราะอวิชชา
..... ชื่อว่าสัทธินทรีย์ เพราะอรรถว่าน้อมใจเชื่อ
..... ชื่อว่าวิริยินทรีย์ เพราะอรรถว่าประคองไว้
..... ชื่อว่าสตินทรีย์ เพราะอรรถว่าตั้งมั่น
..... ชื่อว่าสมาธินทรีย์ เพราะอรรถว่าไม่ฟุ้งซ่าน
..... ชื่อว่าปัญญินทรีย์ เพราะอรรถว่าเห็น
..... ชื่อว่าอินทรีย์ เพราะอรรถว่าเป็นใหญ่
..... ชื่อว่าพละ เพราะอรรถว่าไม่หวั่นไหว
..... ชื่อว่าสัมโพชฌงค์ เพราะอรรถว่านำออก
..... ชื่อว่ามรรค เพราะอรรถว่าเป็นเหตุ
..... ชื่อว่าสติปัฏฐาน เพราะอรรถว่าตั้งมั่น
..... ชื่อว่าสัมมัปปธาน เพราะอรรถว่าตั้งไว้
..... ชื่อว่าอิทธิบาท เพราะอรรถว่าสำเร็จ
..... ชื่อว่าสัจจะ เพราะอรรถว่าจริงแท้
..... ชื่อว่าสมถะ เพราะอรรถว่าไม่ฟุ้งซ่าน
..... ชื่อว่าวิปัสสนา เพราะอรรถว่าพิจารณาเห็น
..... ชื่อว่าสมถวิปัสสนา เพราะอรรถว่ามีกิจอย่างเดียวกัน
..... ชื่อว่าเป็นคู่ เพราะอรรถว่ไม่ล่วงเกินกัน
..... ชื่อว่าสีลวิสุทธิ เพราะอรรถว่าสำรวม
..... ชื่อว่าจิตตวิสุทธิ เพราะอรรถว่าไม่ฟุ้งซ่าน
..... ชื่อว่าทิฐิวิสุทธิ เพราะอรรถว่าเห็น
..... ชื่อว่าวิโมกข์ เพราะอรรถว่าหลุดพ้น
..... ชื่อว่าวิชชา เพราะอรรถว่าแทงตลอด
..... ชื่อว่าวิมุติ เพราะอรรถว่าปล่อย
..... ชื่อว่าขยญาณ เพราะอรรถว่าตัดขาด
..... ชื่อว่าฉันทะ เพราะอรรถว่าเป็นมูล
..... ชื่อว่ามนสิการ เพราะอรรถว่าเป็นสมุฏฐาน
..... ชื่อว่าผัสสะ เพราะอรรถว่าเป็นที่รวม
..... ชื่อว่าเวทนา เพราะอรรถว่าเป็นที่ประชุม
..... ชื่อว่าสมาธิ เพราะอรรถว่าเป็นประธาน
..... ชื่อว่าสติ เพราะอรรถว่าเป็นใหญ่
..... ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่ายิ่งกว่าธรรมนั้นๆ
..... ชื่อว่าวิมุติ เพราะอรรถว่าเป็นแก่นสาร
..... ชื่อว่านิพพานอันหยั่งลงในอมตะ เพราะอรรถว่าเป็นที่สุด

พระโยคาวจรออกจากสมาบัติแล้ว ย่อมพิจารณาเห็นว่าธรรมเหล่านี้เข้ามาประชุมกันในขณะนั้น ฯ






เจริญในธรรมครับ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2009, 13:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในขณะแห่งโสดาปัตติผล ญาณ....

.....ชื่อว่าสัมมาทิฐิ เพราะอรรถว่าเห็น
.....ชื่อว่าสัมมาสังกัปปะ เพราะอรรถว่าดำริออก ..ฯลฯ..
.....ชื่อว่าอนุปปาทญาณ (ญาณในความไม่เกิดขึ้น) เพราะอรรถว่าระงับ
.....ชื่อว่าฉันทะ เพราะอรรถว่าเป็นมูล
.....ชื่อว่ามนสิการ เพราะอรรถว่าเป็นสมุฏฐาน
.....ชื่อว่าวิมุติ เพราะอรรถว่าเป็นแก่นสาร
.....ชื่อว่านิพพานอันหยั่งลงในอมตะ เพราะอรรถว่าเป็นที่สุด (ธรรมเหล่านี้)เข้ามาประชุมกันในขณะนั้น

พระโยคาวจรออกจากสมาบัติแล้ว ย่อมพิจารณาเห็นว่า ธรรมเหล่านี้เข้ามาประชุมกันในขณะนั้น ฯ





เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ต.ค. 2009, 11:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในขณะแห่งสกทาคามิมรรค ฯลฯ ในขณะแห่งสกทาคามิผล
ในขณะแห่งอนาคามิมรรค ฯลฯ ในขณะแห่งอนาคามิผล ฯลฯ
ในขณะแห่งอรหัตมรรค ญาณ.....

.....ชื่อว่าสัมมาทิฐิ เพราะอรรถว่าเห็น ...ฯลฯ ...
.....ชื่อว่าขยญาณ เพราะอรรถว่าตัดขาด
.....ชื่อว่าฉันทะ เพราะอรรถว่าเป็นมูล ...ฯลฯ...
.....ชื่อว่านิพพานอันหยั่งลงในอมตะ เพราะอรรถว่าเป็นที่สุด (ธรรมเหล่านี้) เข้ามาประชุมกัน

ในขณะนั้น พระโยคาวจรออกจากสมาบัติแล้ว ย่อมพิจารณาเห็นว่า ธรรมเหล่านี้
เข้ามาประชุมกันในขณะนั้น ฯ



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2009, 09:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในขณะแห่งอรหัตผล ญาณ.....

.....ชื่อว่าสัมมาทิฐิ เพราะอรรถว่าเห็น...ฯลฯ...
.....ชื่อว่าอนุปปาทญาณ เพราะอรรถว่าระงับ
.....ชื่อว่าฉันทะ เพราะอรรถว่าเป็นมูล ...ฯลฯ...
.....ชื่อว่านิพพานอันหยั่งลงในอมตะ เพราะอรรถว่าเป็นที่สุด (ธรรมเหล่า
นี้) เข้ามาประชุมกันในขณะนั้น

พระโยคาวจรออกจากสมาบัติแล้ว ย่อมพิจารณาเห็นว่า ธรรมเหล่านี้เข้ามาประชุมกันในขณะนั้น ฯ


ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่ารู้ชัดเพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในการพิจารณาเห็นธรรมที่มาประชุมกันใน
ขณะนั้น เป็นปัจจเวกขณญาณ ฯ


เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชื่อว่าโลกุตระ เพราะอรรถว่า .....

.....ข้ามพ้นโลก ข้ามพ้นแต่โลก ข้ามไปจากโลก ล่วงพ้นโลก ล่วงพ้นโลกอยู่ เป็นอดิเรกในโลก สลัดออกแต่โลก สลัดออกจากโลก สลัดไปจากโลก สลัดออกไปจากโลก สละออกแต่โลก สละออกจากโลก สละออกไปจากโลก ไม่ตั้งอยู่ในโลก ไม่ดำรงอยู่ในโลก ไม่ติดอยู่ในโลก ไม่เปื้อนในโลก ไม่ไล้ในโลก ไม่ไล้ด้วยโลก ไม่ฉาบในโลก ไม่ฉาบด้วยโลก หลุดไปในโลก หลุดไปจากโลก พ้นไปจากโลก หลุดพ้นไปแต่โลก ไม่เกี่ยวข้องในโลก ไม่เกี่ยวข้องด้วยโลก พรากออกแต่โลก พรากออกจากโลก พรากออกไปแต่โลก หมดจดแต่โลก หมดจดกว่าโลก หมดจดจากโลก สะอาดแต่โลก สะอาดกว่าโลก สะอาดจากโลก ออกแต่โลก ออกจากโลก ออกไปจากโลก เว้นแต่โลก เว้นจากโลก เว้นไปจากโลก ไม่ข้องในโลก ไม่ยึดในโลก ไม่พัวพันในโลก ตัดโลกขาดอยู่ ตัดโลกขาดแล้ว ให้โลกระงับอยู่ ให้โลกระงับแล้ว ไม่กลับมาสู่โลก ไม่เป็นคติของโลก ไม่เป็นวิสัยของโลก ไม่เป็นสาธารณะแก่โลก สำรอกโลก ไม่เวียนมาสู่โลก ละโลก ไม่ยังโลกให้เกิด ไม่ลดโลก นำโลก กำจัดโลก ไม่อบโลกให้งาม
ล่วงโลก ครอบงำโลกตั้งอยู่ ฉะนี้แล ฯ


เจริญในธรรมครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร