วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 23:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 68 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2009, 00:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ย. 2009, 21:17
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำว่า ภาวนามยปัญญา ที่แปลว่า ปัญญาในสมาบัติ ๙
ต้องถามก่อนใครเป็นผู้ตีความหมาย คำนี้
พระพุทธเจ้าหรือพระอรรถกถาจารย์
ผมเชื่อพระพุทธพจน์ พระสูตรและพระวินัยเท่านั้น
สำหรับพระอรรถกถาจารย์ผมเชื่อน้อยกว่าพระอรหันต์องค์ปัจจุบัน หลวงตามหาบัว
เพราะพระอรรถกถาจารย์บางท่านไม่ใช่พระอรหันต์เป็นแค่ปธ.๙
นั่งสมาธิยังไม่เป็นจะมาอธิบายสมาบัติได้ชัดเจนถูกต้องได้อย่างไร

ดั่งที่หลวงตามหาบัวท่านเทศน์ในปี ๒๕๔๐ ต่อหน้าฟ้าหญิงเล็ก
ถ้ามีคนเอายาเสพติดมาให้พระอรหันต์ท่านเสพโดยที่ท่านไม่รู้ว่าเป็นยาเสพติด
ถึงจะเป็นพระอรหันต์ก็ติดงอมแงม
ในพระไตรปิฏกบางตอน บอกว่า พระโสดาบันถึงเอาเหล้ากรอกปากก็ไม่เมา
นี่แหละ เป็นของพระอรรถกถาจารย์

ขอถามกลับไปว่า ปกติคำว่า สมาบัติ จะมี สมาบัติ ๘ หรือ สมาบัติ ๙ เข้าใจอย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2009, 01:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


คำว่า สมาบัติ ได้แก่อนุปุพพวิหารสมาบัติ ๙ คือ ปฐมฌานสมาบัติ ทุติยฌานสมาบัติ ตติยฌานสมาบัติ จตุตถฌานสมาบัติ อากาสานัญจายตนสมาบัติ วิญญาณัญจายตนสมาบัติ อากิญจัญญายตนสมาบัติ เนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติ สัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ

เว้น สัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ ที่เหลือเป็นสมาบัติ ๘

ในปฏิสัมภิทามรรค แปลภาวนายมปัญญาว่า ปัญญาสำเร็จมาแต่การทำสมาธิ
ในพระอภิธรรมกล่าวว่า เป็นปัญญาทั้งหมดในสมาบัติ

แล้วท่านว่า ภาวนามยปัญญาตามความหมายของท่านเป็นอย่างไรละครับ?

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2009, 10:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ย. 2009, 21:17
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เว้น สัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ ที่เหลือเป็นสมาบัติ ๘

สัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ มีแต่พระอรหันต์เท่านั้นที่เข้าสมาบัตินี้ได้
เพราะเป็นฌานโลกุตตระ นอกนั้นในสมาบัติ ๘เป็นฌานโลกีย์


อ้างคำพูด:
คำว่า ภาวนามยปัญญา ที่แปลว่า ปัญญาในสมาบัติ ๙

ผมถึงได้บอกคุณยังไงว่า ภาวนามยปัญญา
มีเฉพาะพระอริยะไม่มีในปุถุชน
สำหรับปุถุชนจะมีเฉพาะสุตตปัญญาและจินตปัญญาเท่านั้น
ภาวนามยปัญญาจะเริ่มเกิดขึ้นเมื่อมรรคสมังคีครบองค์ประชุม


อ้างคำพูด:
แล้วท่านว่า ภาวนามยปัญญาตามความหมายของท่านเป็นอย่างไรละครับ?

ภาวนามยปัญญา เป็นมหาสติ และมหาปัญญา
ที่เป็นขั้นสติและปัญญาอัตโนมัติ
เป็นปัญญาประเภทเดียวที่ฆ่ากิเลสได้ทุกชนิดรู้เท่าทันกลมายาของกิเลส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2009, 12:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ภาวนามยปัญญา เป็นมหาสติ และมหาปัญญา

ไม่ยักกะมีแสดงในพระไตรปิฎก อย่างไรพอจะมีอะไรมาอ้างอิงได้รบกวนช่วยบอกด้วยนะครับ

อ้างคำพูด:
ที่เป็นขั้นสติและปัญญาอัตโนมัติ
เป็นปัญญาประเภทเดียวที่ฆ่ากิเลสได้ทุกชนิดรู้เท่าทันกลมายาของกิเลส

ดูเหมือนความหมายของ สัมมาทิฏฐิที่เป็นอนาสวะ ที่ตั้งอยู่ในผลสมาบัติ ไม่รู้อันเดียวกันหรือเปล่านะครับ

ไปค้นดูเรื่องปัญญาของพระอริยะ เลยได้มาตามนี้

โลกุตตรปัญญา, อริยปัญญา หรือ อธิปัญญาปัญญา (ปัญญาในมรรค ๔ ผล ๔)
๑.อนาสวปัญญา
๒.อาสววิปปยุตตอนาสวปัญญา
๓.อสัญโญชนิยปัญญา
๔.สัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิยปัญญา
๕.อคันถนิยปัญญา
๖.คันถวิปปยุตตอคันถนิยปัญญา
๗.อโนฆนิยปัญญา
๘.โอฆวิปปยุตตอโนฆนิยปัญญา
๙.อโยคนิยปัญญ
๑๐.โยควิปปยุตตอโยคนิยปัญญ
๑๑.อนีวรณิยปัญญา
๑๒.นีวรณวิปปยุตตอนีวรณิยปัญญา
๑๓.อปรามัฏฐปัญญา
๑๔.ปรามาสวิปปยุตตอปรามัฏฐปัญญา
๑๕.อนุปาทินนปัญญา
๑๖.อนุปาทานิยปัญญา
๑๗.อนุปาทินนานุปาทานิยปัญญา
๑๘.อุปาทานวิปปยุตตอนุปาทานิยปัญญา
๑๙.อสังกิเลสิกปัญญา
๒๐.กิเลสวิปปยุตตอสังกิเลสิกปัญญา
๒๑.อปริยาปันนปัญญา
๒๒.อนิยยานิกปัญญา
๒๓.อนิยตปัญญา
๒๔.อนุตตรปัญญา
๒๕.อปจยคามินีปัญญา
๒๖.อัปปมาณปัญญา


.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แก้ไขล่าสุดโดย Supareak Mulpong เมื่อ 25 ต.ค. 2009, 13:28, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2009, 14:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ย. 2009, 21:17
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ภาวนามยปัญญา เป็นมหาสติ และมหาปัญญา
ไม่ยักกะมีแสดงในพระไตรปิฎก อย่างไรพอจะมีอะไรมาอ้างอิงได้รบกวนช่วยบอกด้วยนะครับ


ผมเคยบอกไปแล้ว ให้ไปฟังเทศน์ของหลวงตามหาบัว ที่เทศน์อบรมพระ
แต่คุณจะเอาแต่ในพระไตรปิฎก ที่เป็นพระอรรถาจารย์
ต่างคนต่างเชื่อดีกว่า เพราะไม่มีทางมาลงกันได้
เพราะคุณเน้นตำรา แต่ผมเน้นการปฏิบัติ
ผมเชื่อพระอรหันต์องค์ปัจจุบัน ที่สมบูรณ์ในศีล สมาธิ ปัญญา
คุณก็ไปเชื่อฆราวาสที่สอนคุณดีกว่า ที่มีแต่ทรงความรู้ในตำราอย่างเดียว
สำหรับผมไม่เคยอยากเป็นผู้ทรงความรู้ทางธรรมในตำราแต่กิเลสเต็มหัวใจ
เหมือนคำพูดที่ว่า อาตมารู้ทุกอย่าง แต่ละไม่ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2009, 15:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ย. 2009, 21:17
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วิธีปฏิบัติของผู้เล่าเรียนมาก ของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ


ผู้ ได้ศึกษาเล่าเรียนคัมภีร์วินัยมาก มีอุบายมากเป็น ปริยายกว้างขวาง ครั้งมาปฏิบัติทางจิต จิตไม่ค่อยจะรวม ง่าย ฉะนั้นต้องให้เข้าใจว่าความรู้ที่ได้ศึกษามาแล้วต้อง เก็บใส่ตู้ใส่หีบไว้เสียก่อน ต้องมาหัดผู้รู้คือจิตนี้ หัดสติให้เป็นมหาสติ หัดปัญญาให้เป็นมหาปัญญา กำหนดรู้เท่ามหาสมบัติ-มหานิยม อันเอาออกไปตั้งไว้ว่าอันนั้นเป็นอันนั้น เป็นวันคืนเดือนปี เป็นดินฟ้า อากาศกลางหาว ดาวนักขัตฤกษ์สารพัดสิ่งทั้งปวง อันเจ้าสังขารคืออาการจิต หากออกไปตั้งไว้บัญญัติไว้ว่าเขาเป็นนั้นเป็นนี้ จนรู้เท่าแล้ว เรียกว่า กำหนดทุกข์ สมุทัย

เมื่อทำให้มาก-เจริญให้มาก รู้เท่าเอาทันแล้ว จิตก็จะ รวมลงได้ เมื่อกำหนดอยู่ก็ชื่อว่าเจริญมรรค หากมรรคพอแล้ว นิโรธ ก็ไม่ต้องกล่าวถึง หากจะปรากฏชัดแก่ผู้ปฏิบัติเอง เพราะศีลก็มีอยู่ สมาธิก็มีอยู่ ปัญญาก็มีอยู่ในกาย วาจา จิต นี้ที่เรียกว่าอกาลิโก ของมีอยู่ทุกเมื่อโอปนยิโก เมื่อผู้ ปฏิบัติมาพิจารณาของที่มีอยู่ ปจฺจตฺตํ จึงจะรู้เฉพาะตัว คือ มาพิจารณากายอันนี้ให้เป็นของอสุภะเปื่อยเน่า แตกพังลง ไป ตามสภาพความเจริญของภูตธาตุ ปุเพสุ ภูเตสุ ธมฺเมสุ ในธรรมอันมีมาแต่เก่าก่อนสว่างโร่อยู่ทั้งกลางวันและ กลางคืน

ผู้มาปฏิบัติพิจารณาพึงรู้อุปมารูปเปรียบดังนี้ อันบุคคลผู้ทำนาก็ต้องทำลงไปในแผ่นดิน ลุยตมลุย โคลนตากแดดกรำฝน จึงจะเห็นข้าวเปลือก ข้าวสาร ข้าว สุกมาได้และได้บริโภคอิ่มสบาย ก็ล้วนทำมาจากของมีอยู่ ทั้งสิ้นฉันใด ผู้ปฏิบัติก็ฉันนั้น เพราะศีล สมาธิ ปัญญา ก็อยู่ใน กาย วาจา จิต ของ ทุกคนฯ

(ธรรมเทศนาในปัจฉิมสมัยของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระซึ่ง พระภิกษุทองคำ ญาโณภาโส และ พระภิกษุวัน อุตตโม จดบันทึกไว้)

อ้างคำพูด:
http://www.onab.go.th/images/stories/0401.jpg


อ้างคำพูด:
http://board.palungjit.com/f63/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%A3%E0%B8%B0-210374.html#post2537159


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2009, 15:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
แต่คุณจะเอาแต่ในพระไตรปิฎก ที่เป็นพระอรรถาจารย์

:b10: :b14: :b5: :b10: :b14: :b5:
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."

อ้างคำพูด:
เพราะคุณเน้นตำรา แต่ผมเน้นการปฏิบัติ

Hmm... สรุปเอาเองอีก

อ้างคำพูด:
คุณก็ไปเชื่อฆราวาสที่สอนคุณดีกว่า ที่มีแต่ทรงความรู้ในตำราอย่างเดียว

ท่านพูดถึงบุคคลคนที่ท่านยังไม่เคยรู้จักไม่เคยพูดคุยด้วยไม่เคยพบเคยเห็น แบบนี้เป็นปกติหรือเปล่าครับ

ถามต่ออีกหน่อย ภาวนามยปัญญา ของท่านได้มาด้วยวิธีการอย่างไรครับ?

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แก้ไขล่าสุดโดย Supareak Mulpong เมื่อ 25 ต.ค. 2009, 23:11, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2009, 19:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


:b5: ดูท่าจะเครียดหนัก :b23:

ที่ท่านพูดถึงมหาสติ มหาปัญญา ที่เป็นของพระอริยะ ซึ่งจริงแล้วเป็นความหมายของ สัมมาสติ สมมาทิฏฐิ ของพระอริยะ ที่ท่านนำคำว่า ภาวยามยปัญญา มาใช้นั้น อาจจะสร้างความสับสนระหว่างปัญญาที่เกิดจากการวิปัสสนา กับ ปัญญาที่เกิดจากสมาธิ ผมก็เป็นห่วงอยู่แค่นี้ แต่หากมหาปัญญาของท่านมาจากการสร้างปัญญาดับทุกข์จริงๆ (เจริญอโมหะ) เรื่องของศัพท์ก็ไม่มีความหมาย ถึงจะใช้ผิดพลาดไปบ้าง (แต่ที่ท่านนำปฏิปทามาแสดงนั้นเป็นกายคสติ เป็นมรรคเบื้องสูงสำหรับพระอริยะ เป็นสมถะนำวิปัสสนา ต้องย้อนกลับไปอีกทีว่าพระเถระท่านแสดงให้ผู้ใดฟัง)

ภาวนายมปัญญา ถ้าจะแปลตามศัพท์
ภาวนา = ฝึก อบรม ทำให้มาก เจริญให้มาก
มย = สำเร็จด้วย
ปัญญา = รู้

ก็แปลได้เพียงสั้นๆ ว่า ปัญญาที่ได้จากการอบรม แต่ส่วนมากเข้าใจโดยทั่วกันว่า เป็นปัญญาที่ได้จากการเจริญสมถะภาวนา ซึ่งก็คือ อภิญญาทั้งหลาย เป็นปัญญาที่ทำให้เห็น แต่ไม่ได้ทำให้รู้ ไม่เช่นนั้น อาฬดาบสกับอุทกดาบสก็ได้มรรคผลนิพพานไปแล้ว

พระอรหันต์ที่สำเร็จเป็นปัญญาวิมุติก็ไม่สามารถเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติได้ แม้นพระโสดาบันที่สำเร็จเป็นกายสักขีก็ยังเข้าไม่ได้ สมาธิของพระโสดาบันที่เป็นศรัทราวิมุติ หรือ ทิฐิปัตตะ ก็อยู่ในระดับปฐมฌาน ซึ่งเกิดหลังจากได้ผลสมาบัติแล้ว เพราะฉะนั้น จึงสรุปได้ว่า ปัญญาที่เกิดจากฌานสมาบัติ ไม่ใช่ปัญจัยในการสำเร็จมรรคผล

ปล: พระไตรปิฎกที่ผมศึกษาเป็นภาษาไทย ๔๕ เล่มไม่มีอรรถกถา

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แก้ไขล่าสุดโดย Supareak Mulpong เมื่อ 26 ต.ค. 2009, 19:26, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 68 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร