วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 03:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2009, 03:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




nt132.gif
nt132.gif [ 30.33 KiB | เปิดดู 8840 ครั้ง ]
ปลาขอฝน

ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่ที่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี แคว้นโกศล ทรงปรารภการบันดาลให้ฝนตกทั่วเมือง เรื่องมีอยู่ว่า ...

ในสมัยนั้น ทั่วทั้งแคว้นโกศลเกิดภัยแล้งฝนไม่ตกหลายเดือน ข้าวกล้าเหี่ยวแห้ง สระน้ำแห้งขอดเหลือแต่โคลนตม ปลาตายเกลื่อนกลาด ฝูงนก ฝูงกาบินว่อน ชาวเมืองสาวัตถีและฝูงสัตว์เกิดเดือดร้อนกันไปทั่ว แม้น้ำในสระวัดเชตวันก็เหือดแห้งเช่นกัน ปลากระเสือกระสนหนีตายเข้าไปในเปลือกตม

รุ่งเช้า พระพุทธองค์ ได้ทรงตรวจดูสรรพสัตว์ ทรงเห็นความเดือดร้อนนั้นแล้ว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อสรรพสัตว์ หลังจากเสด็จกลับมาจากบิณฑบาตแล้ว ได้ประทับยืนอยู่ที่บันไดสระในวัดเชตวัน ตรัสเรียกพระอานนท์ให้นำผ้าอาบน้ำมาถวายพระองค์ ด้วยมีพระประสงค์จะสรงน้ำในสระ แม้พระอานนท์จะทูลว่าน้ำในสระมีแต่ตม ไม่มีน้ำมิใช้หรือ ก็ทรงตรัสว่า " อานนท์ ธรรมดากำลังของพระพุทธเจ้าใหญ่หลวงนัก เธอจงนำเอาผ้าอาบน้ำมาเถิด " พระเถระได้นำผ้ามาถวายแล้ว พระพุทธองค์ทรงนุ่งผ้าด้วยชายข้างหนึ่ง ทรงคลุมพระสรีระด้วยชายข้างหนึ่ง ประทับยืนที่บันไดตั้งพระทัยว่า เราจักสรงน้ำในสระ

ทันใดนั้นเอง แท่นศิลาอาสน์ของท้าวสักกะก็แสดงอาการร้อน ท้าวเธอทราบเรื่องนั้นแล้วจึงบัญชาให้วลาหกเทวราชเจ้าแห่งฝน บันดาลฝนให้ตกทั่วแคว้นโกศลโดยไม่ขาดสายครู่เดียวเท่านั้น น้ำก็เต็มสระ ท้วมถึงบันไดสระ พระพุทธองค์ทรงลงสรงน้ำในสระแล้ว ทรงครองผ้าสองชั้นสีแดง คาดรัดประคต ทรงครองสุคตจีวร เฉวียงพระอังสะ เสด็จประทับในพระคันธกุฎี

ในเวลาเย็น พวกภิกษุประชุมกันในธรรมสภายกเรื่องพระพุทธองค์ทรงบันดาลให้ฝนตก ด้วยพระกรุณาในชาวเมืองและสรรพสัตว์ขึ้นมาสนทนากัน พระพุทธองค์จึงได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกดังนี้ว่า...

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่ห้วยแห่งหนึ่ง มีเถาวัลย์รกรุงรัง พระโพธิสัตว์เกิดเป็นปลาช่อนตัวหนึ่ง อาศัยอยู่ในห้วยนั้น สมัยนั้น เกิดภัยแล้งฝนไม่ตกเช่นเดียวกัน ฝูงปลาต่างดิ้นรนเอาชีวิตรอดด้วยเปลือกตม ฝูงนกการุมจิกกินหมู่ปลา ปลาช่อนนั้นเห็นความพินาศของหมู่ญาติ จึงทำสัจกิริยาให้ฝนตกด้วยการแหวกออกจากเปลือกตม มองดูอากาศแล้วบันลือเสียงแก่เทวราชปัชชุนนะว่า
" หมู่ปลาเดือดร้อนมาก ข้าพเจ้ารักษาศีลไม่เคยกินปลาด้วยกันตลอดชีวิต ด้วยความสัตย์นี้ขอท่านจงให้ฝนตกลงมาเถิด "

แล้วกล่าวคาถาว่า
" ปัชชุนนเทพ ท่านจงคำรณคำรามให้ฝนตกมา
ทำลายขุมทรัพย์ของฝูงกา ทำฝูงกาให้ได้รับความเศร้าโศก
และช่วยปลดเปลื้องข้าพเจ้าและหมู่ญาติ ให้พ้นจากความเศร้าโศกเถิด "

ฝนห่าใหญ่จึงตกลงมาช่วยชีวิตสัตว์ให้รอดพ้นจากความตายได้




นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :
คุณของศีลสามารถช่วยเหลือชีวิตของผู้อื่นให้รอดพ้นจากความตายได้

ที่มา:
http://iceicy.freeforums.org/topic-t1853.html

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2009, 18:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.พ. 2009, 02:06
โพสต์: 811

อายุ: 0
ที่อยู่: มหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาด้วยครับ

:b1: cool :b1:

.....................................................
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มันถูกต้องอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด (หลวงพ่อชา สุภัทโท)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2009, 18:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

อนุโมทนาสาธุด้วยครับ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 02:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




inbox-10670-4.jpg
inbox-10670-4.jpg [ 43.75 KiB | เปิดดู 8234 ครั้ง ]
ความรักของนางแมว

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 02:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




inbox-10670-5.jpg
inbox-10670-5.jpg [ 167.71 KiB | เปิดดู 8231 ครั้ง ]
ความรักของนางแมว

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 02:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




inbox-10670-6.jpg
inbox-10670-6.jpg [ 49.93 KiB | เปิดดู 8226 ครั้ง ]
ความรักของนางแมว

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 02:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




inbox-10670-7.jpg
inbox-10670-7.jpg [ 36.14 KiB | เปิดดู 8220 ครั้ง ]
ความรักของนางแมว

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 04:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณน้ำ การ์ตูน ความรักของนางแมว
น่าจะตั้งเป็นกระทู้ใหม่ได้นะครับ เป็นนิทานภาพ
อนุโมทนาด้วยครับ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 13:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ยังทำไม่ค่อยเป็นค่ะ ..

แบบว่ามือใหม่ :b32:

เห็นสมควรยังไงปรับเปลี่ยนได้เลยค่ะ :b8:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 13:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


สาธุ สาธุ สาธุค่ะ

ธรรมะสวัสดีค่ะ

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2009, 16:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2009, 17:12
โพสต์: 246

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ สาธุค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2009, 20:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




mother_58.jpg
mother_58.jpg [ 6.37 KiB | เปิดดู 7911 ครั้ง ]
เรื่อง ลูกนกแขกเต้า

เขาเล่าว่า นักฟ้อนรำผู้หนึ่ง จับลูกแขกเต้าได้ตัวหนึ่ง
ฝึกสอนมันพูดภาษาคน
(ตัวเองเที่ยวไปแสดงการฟ้อนรำในที่อื่นๆ)
นักฟ้อนรำ ผู้นั้นอาศัยสำนักของนางภิกษุณีอยู่
เวลาไปในที่อื่นๆ
ลืมลูกนกแขกเต้าเสียสนิทแล้วไป.
เหล่าสามเณรีก็จับมันมาเลี้ยง ตั้งชื่อมันว่า "พุทธรักขิต."
วันหนึ่ง พระมหาเถรี เห็นมันจับอยู่ตรงหน้า
จึงเรียกมันว่า "พุทธรักขิต"
ลูกนกแขกเต้าจึงขานถามว่า "อะไรจ๊ะ" แม่เจ้า
พระมหาเถรีจึงถามว่า
"การใส่ใจภาวนาอะไรๆ ของเจ้ามีบ้างไหม
มันตอบว่า "ไม่มีจ๊ะแม่เจ้า"
พระมหาเถรีจึงสอนว่า
"ขึ้นชื่อว่าอยู่ในสำนักของพวกนักบวช
จะปล่อยตัวอยู่ไม่สมควร
ควรปรารถนาการใส่ใจบางอย่าง
แต่เจ้าไม่ต้องสำเหนียกอย่างอื่นดอก"
จงท่องว่า " อัฏฐิ อัฎฐิ ก็พอ"
ลูกแขกเต้านั้น ก็อยู่ในโอวาทของพระเถรี
ท่องว่า "อัฏฐิ อัฎฐิ" อย่างเดียวแล้วเที่ยวไป
วันหนึ่ง ตอนเข้ามันจับอยู่ที่ยอดประตู ผึ่งแดดอ่อนอยู่
แม่เหยี่ยวตัวหนึ่งก็เฉี่ยวมันไปด้วยกรงเล็บ.
มันส่งเสียง "กิริๆ"
เหล่าสามเณรี ก็ร้องว่า
"แม่เจ้าพุทธรักขิต ถูกเหยี่ยวเฉี่ยวไป
" เราะจะช่วยมัน ต่างคว้าก้อนดินเป็นต้น
ไล่ตามจนเหยี่ยวปล่อย.
เหล่าสามเณรีนำมันวางไว้ตรงหน้าพระมหาเถรีๆ
ถามว่า "พุทธรักขิตขณะเจ้าถูกเหยี่ยวจับไป
เจ้าคิดอย่างไร? ลูกนกแขกเต้าตอบว่า
"แม่เจ้า ไม่คิดอะไรๆ ดอก
คิดแต่เรื่องกองกระดูกเท่านั้นจ๊ะแม่เจ้า
ว่ากองกระดูกพากองกระดูกไป
จักเรี่ยราดอยู่ที่ไหนหนอ.
พระมหาเถรีจึงให้สาธุการว่า
"สาธุ สาธุ พุทธรักขิตนั้นจักเป็นปัจจัย"
แห่งความสิ้นภพของเจ้า ในกาลภายภาคหน้าแล.
"** แม้สัตว์ดิรัจฉานในแคว้นกุรุนั้น
ก็ประกอบเนืองๆ ซึ่งสติปัฏฐาน ด้วยประการฉะนี้
เพราะฉะนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบถึงความเจริญแพร่หลาย
แห่งสติปัฎฐานของชาวกุรุเหล่านั้น
จึงได้ตรัสพระสูตรนี้
"ชีวิตของเจ้าเป็นชีวิตสมกับที่เจ้าเกิดมาเป็นมนุษย์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติมาเพื่อ
ประโยชน์แก่เจ้าแท้ๆ.
ในข้อนี้
มิใช่ชาวกุรุที่เกิดมาเป็นมนุษย์ประกอบด้วยการใส่ใจสติปัฏฐานแต่พวกเดียวเท่านั้น



แม้แต่สัตว์ดิรัจฉาน ที่อาศัยชาวกุรุอยู่ก็ใส่ใจ
เจริญสติปัฏฐานด้วยเหมือนกัน"

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 21:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




คำอธิบาย: ครั้งหนึ่งที่ในป่าได้มีสุนัขจิ้งจอกที่มีนิสัยขี้เล่นมากอยู่ตัวหนึ่ง มันมักจะชอบคอยสร้างเรื่องต่าง ๆ มาก่อกวน กลั่นแกล้งล้อเลียนสัตว์ป่าต่าง ๆ ที่ตัวเล็ก ๆ กว่าให้ตกใจเล่นอย่างสนุกสนานอยู่ได้ทุกวี่ทุกวันไม่รู้จักเบื่อรู้จัก หน่ายเลยทีเดียว และวันนี้ก็เช่นกัน....มันได้เข้าไปนั่งแอบเงียบอยู่ที่ในพุ่มไม้ แล้ว..." ฮึ ฮึ ๆๆ..เอาต้นหญ้า พวกนี้สุมลงไปบนหัวเข้าอย่างนี้ แฮ๊ะ ๆๆ เดี๋ยว ไอ้ตัวเล็ก ๆ ตัวไหนหลงเดินผ่านมาทางนี้ละก็..ก้าววว์ เหวอ.. ผีหลอก บ่าววว์ ฮ่า ๆๆๆ " ทั้งกระต่ายและกระรอกโดยเฉพาะพวกหนูและพวกนกอย่างนี้ วิ่งและบินหนีกัน ด้วยความตกใจกันจนป่าราบให้โกละหนไปหมดเลยทีเดียวเชียว...
takaibudo01.jpg
takaibudo01.jpg [ 27.54 KiB | เปิดดู 8906 ครั้ง ]
คำอธิบาย: " โอ้ย..ขำ ขำ สนุกที่สุดเลย โอ้ยข้าล่ะขำจนปวดท้องไปหมด ฮ่ะ ๆๆๆ " มันหัวเราะจนนอนกลิ้งไปกลิ้งมา จนเหนื่อยเลยทีเดียว...และเมื่อมันรู้สึกเหนื่อย ทีนี้ท้องก็เริ่มร้องขึ้นมาด้วยความหิว " แถว ๆ นี้พอจะมี อะไรที่กินได้อยู่บ้างไหมน้า.." มันพูดแล้วก็ส่ายสอดส่องสายตาเพื่อมองหาของที่พอจะกินได้ไปรอบ ๆ แล้วพลันสายตาของมันก็มองไปเห็นพวงองุ่นผลงามๆ บนต้นเข้า " แหม..องุ่นพวกนั้นดูน่ากินดีแฮะ" มันว่า " ข้าอยากกินมันเสียแล้วหละ แต่มันอยู่สูงเกินไป..ดูสิ ต้องพยายามกระโดดขึ้นไปเก็บกินให้จงได้
takaibudo02.jpg
takaibudo02.jpg [ 23.69 KiB | เปิดดู 8894 ครั้ง ]
คำอธิบาย: มันจึงกระโดดแล้วกระโดดอีก หลายต่อหลายครั้ง กระโดดจนหืดเกือบจะขึ้นคออยู่รอมร่อ แต่มันก็ไม่สามารถ ที่จะกระโดดงับถึงผลองุ่นได้ มันจึงด้วยความโมโหที่อยากกินแล้วไม่ได้กินสมใจจึงคิดผละจากผลองุ่นออกมา แล้วหมายจะเดินหนี แต่พวกสัตว์ป่าต่าง ๆที่ต่างได้เคยโดนมันเกล้งเอาไว้นั้นได้ออกมารวมกลุ่มกัน จ้องมอง เจ้าสุนัขจิ้งจองที่กำลังใช้ความพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะงับกินผลองุ่นบนต้นนั้นให้ได้อย่างสนุกสนาน เลยทีเดียว " เป็นยังไงอ้ายตัวก่อกวน ฮ่า ๆๆๆ คิดแกล้งแต่คนอื่นได้แฮ๊ะ... แต่คิดหาหนทางกินผลองุ่นอร่อย ๆ บนต้นไม่ได้น่ะสิ ช่างน่าอายเสียจริง ๆ เน๊อะ...พวกเราว่าไหม ? ฮ่า ๆๆๆ "
takaibudo03.jpg
takaibudo03.jpg [ 24.45 KiB | เปิดดู 8673 ครั้ง ]
คำอธิบาย: เมื่อได้ยินดังนั้นมันจึงพูดแก้ตัวแบบพลาน ๆ ตามแบบฉบับของมันออกมาว่า " ก็ข้าเพิ่งจะเห็นเดี๋ยวนี้เองว่า ผล องุ่นพวกนั้น
มันมีที่ยังเขียว ๆ อยู่รวมอยู่ด้วย มันยังดิบอยู่..ว๊อย และคงไม่หวานแน่ แล้วที่สำคัญข้าก็ไม่ชอบองุ่น ดิบๆ เสียด้วยเพราะมันเปรี้ยวมากรู้ไหมฟะ.. เออ..ข้าไม่อยากจะกินมันเองเฉย ๆ เองแหละไม่ใช่กินไม่ได้..พวก เอ็งจะทำไม ?" มันพูดพลานตอบไปเรื่อยเปื่อย...แต่มันนั้นรู้ดีแก่ใจว่า แท้จริงแล้วผลองุ่นนั้นสุกอร่อยมาก ที่มันออกปากว่า ผลองุ่นนั้นเปรี้ยวและยังดิบอยู่นั้น ก็เพราะว่ามันกระโดดกินไม่ได้และไม่ถึงต่างหาก

takaibudo04.jpg
takaibudo04.jpg [ 17.14 KiB | เปิดดู 7820 ครั้ง ]
นิทานอีสป เรื่อง สุนัขจิ้งจอกกับผลองุ่น



นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ช่างน่าเขลาที่ออกปากว่าไม่อยากได้อะไรสักอย่างอย่างนั้น ที่แท้เพราะว่าไม่อาจที่ จะได้มันหรือได้สิ่งนั้นเสียมากกว่าต่างหาก...

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 21:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

อนุโมทนาสาธุกับคุณน้ำด้วยครับ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2009, 14:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...คุณน้ำ

ธรรมะสวัสดีวันพระค่ะ

รูปภาพ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 39 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร