วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 11:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2008, 13:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ตอน วิธีเป็นเศรษฐี

ในเมืองพาราณสี ยังมีเศรษฐีคนหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะมีทรัพย์สมบัติมากมหาศาลแล้ว เขายังเป็นผู้ฉลาดรอบรู้ในเรื่องนิมิตดีร้าย และฤกษ์ล่างฤกษ์บนเป็นอย่างดีอีกด้วย

วันหนึ่ง เข้าไปเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินกับคนใช้ และขณะที่เดินมาระหว่างทาง ได้พบหนูตายตัวหนึ่งที่ข้างถนนจึงตรวจดูฤกษ์พานาที แล้วบอกกับคนใช้ว่า

“นี่พ่อหนุ่ม หนูตัวนี้ถ้าใครเอาไปขาย ก็จะได้เป็นเศรษฐีในไม่ช้า”

“จริงหรือขอรับ?” คนใช้หนุ่มย้อนถามอย่างนอบน้อม

เศรษฐีพยักหน้า พลางตอบด้วยเสียงหนักแน่นว่า

“จริงเสียยิ่งกว่าจริงอีก พ่อหนุ่มเอ๋ย! เจ้าจะลองดูก็ได้”

ด้วยความอยากรู้และอยากทดลอง ประกอบกับความอยากเป็นเศรษฐีกับเขาบ้าง จะได้ไม่ต้องมาย่ำต๊อกคอยติดตามเอาอกเอาใจเจ้านายอยู่อย่างนี้นั่นเอง ทำให้เจ้าหนุ่มคนใช้ของท่านเศรษฐีจัดแจงเอาหนูตัวนั้นไปขายให้กับคนเลี้ยวแมว ซึ่งเขารู้จักดี

“เอ็งจะขายเท่าไรวะ?” คนเลี้ยงแมวถาม “ความจริงหนูตายนี่แมวข้าไม่ค่อยชอบนักหรอก มันชอบหนูเป็นๆ แต่ไม่เป็นไร เอ็งอุตส่าห์เอามาข้าก็จะรับซื้อไว้ว่าแต่อย่าให้แพงนักก็แล้วกัน”

“สุดแต่ท่านจะให้เถอะ” เจ้าหนุ่มว่า “ฉันเองมิใช่นักขายหนูหรอก พ่อลุง แต่เห็นท่านเศรษฐีบอกว่าถ้าใครเอาหนูตัวนี้ไปขายได้ จะได้เป็นเศรษฐีในไม่ช้า ฉันก็อยากทดลอง เผื่อจะได้เป็นเศรษฐีกับเขาบ้าง”

“ฮะ ฮะ เจ้าหนุ่ม เอ็งก็เชื่อคนง่ายมิใช่เล่นเหมือนกันนะ” คนเลี้ยงแมวหัวเราะลั่นออกมาราวกับขบขันเสียเต็มประดา “เอาละ! เผื่อเอ็งจะได้เป็นเศรษฐี ข้าให้เอ็งกากณึกหนึ่งก็แล้วกัน เอา....รับไปเสีย แล้ววันหลังถ้าได้เป็นเศรษฐีอย่าลืมข้านะ เจ้าหนุ่ม”

เขายื่นมือไปรับเงิน พลางยกมือไหว้

“ขอบพระคุณท่านมาก เอาเถอะ ถ้าฉันได้เป็นเศรษฐีแล้ว จะมาตอบแทนบุญคุณท่านให้ถึงใจทีเดียวฉันลาละ”

“เออ! โชคดีวะ”

คนเลี้ยงแมวตอบ พร้อมกับหัวเราะไล่หลังไปในที่สุด

ความจริง เงินกากณึกหนึ่ง หากจะเทียบกับเงินไทยสมัยก่อนของเราก็เท่ากับไพหนึ่ง ซึ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเป็นเศรษฐีให้เสียเวลา แม้แต่จะซื้อข้าวกินให้อิ่มท้องก็ดูว่าลำบากเต็มทนแล้ว ถ้าเช่นนั้นเศรษฐีพูดทำไมว่าจะได้เป็นเศรษฐี? หมายความว่า พูดสนุกๆ เล่นกระนั้นหรือ?

ขอให้เรามาดูกันต่อไป

เมื่อได้เงินกากณึกหนึ่งมาแล้ว เจ้าหนุ่มของเราหัวดีมิใช่ย่อย เขาเอาเงินจำนวนนั้นไปซื้อน้ำอ้อยไปแจกคนเก็บดอกไม้หลวง ซึ่งจะกลับมาจากสวนดอกไม้ในตอนเย็น

และเข้าใจว่า คนพวกนี้คงชอบกินน้ำอ้อยมิใช่เล่นเหมือนกัน จึงเมื่อได้รับแจกน้ำอ่อยดังนั้น ก็ชอบอกชอบใจ เอาดอกไม้มาตอบแทนเขาคนละดอกสองดอกและเขาก็เอาดอกไม้นั้นไปขาย พอได้เงินก็ซื้อน้ำอ้อยมาแจกคนพวกนั้นต่อไป แล้วก็ได้รับดอกไม้ตอบแทนอีกครั้งแล้วครั้งเล่า จนเขาได้ดอกไม้มาก และขายได้เงินเป็นกอบเป็นกำมากขึ้นโดยลำดับ

ต่อมาวันหนึ่ง ลมพายุใหญ่พัดต้นไม้ในสวนหลวงโค่นลงเป็นอันมาก เจ้าหนุ่มของเราได้เข้าไปขออนุญาตคนเฝ้าสวนขนมาทำฟืน ซึ่งคนเฝ้าสวนตามปกติก็ขี้เกียจอยู่แล้ว เมื่อมีคนมาช่วยเก็บช่วยขนให้ ก็รีบอนุญาตทันที เจ้าหนุ่มจัดแจงซื้อน้ำอ้อยแจกเด็กเลี้ยงวัดหลายร้อยคนขอแรงให้มาช่วยขนฟืน ออกจากสวนหลวงไปกองไว้ข้างนอก แล้วบอกขายให้กับช่างทำหม้อ ซึ่งปรากฏว่าช่างทำหม้อรับซื้อจนหมดสิ้น และในการขายฟืนครั้งนี้ เขาได้เงินจำนวนไม่น้อยทีเดียว

ต่อมาอีก เขาได้ทราบข่าวว่า พ่อค้าม้าจะเอาม้ามาขายที่เมืองนั้น จึงไปเที่ยวกว้านซื้อหญ้าไว้ขายให้กับพ่อค้าม้า

ถูกละ! ครั้งนี้เขาก็ได้เงินไม่น้อยเหมือนกัน จากต้นทุนขายหนูเพียงกากณึกหนึ่งเดียวบัดนี้ เขามีเงินหลายพันแล้ว

และเมื่อเขามีเงินอยู่ในประเป๋าจำนวนมากขึ้นเช่นนั้น เจ้าหนุ่มของเราก็มิได้นิ่งนอนใจ คราวนี้ไปเหมาสินค้าในเรือสำเภาร้อยลำ โดยวางเงินมัดจำเพียงพันเดียวแล้วขายส่งให้พ่อค้าคนอื่นต่อไปอีก ได้กำไรถึงสองแสน

“โอ้โฮ! เราได้เงินแยะขนาดนี้เชียวเรอะ? เขาร้องถามตัวเองอย่างไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ “นี่เพราะหนูตัวเดียวแท้ๆ”

เพื่อเป็นการตอบแทน พระคุณที่ได้ชี้บอกทางให้เจ้าหนุ่มของเราได้เอาเงินจำนวนแสนหนึ่งไปมอบให้เศรษฐีผู้เป็นนาย พร้อมทั้งเล่าเรื่องหมดให้ฟัง

“แหม! เจ้าเก่งมาก พ่อหนุ่ม” เศรษฐีเอ่ยปากชม ด้วยความชอบอกชอบใจ “เอาละ เพื่อตอบแทนความเก่งของเจ้า เราจะยกลูกสาวของเราให้แต่งงานกับเจ้า”

“เป็นพระคุณแก่คนยากอย่างผมขอรับ นายท่าน” เจ้าหนุ่มก้มลงกราบแทบเท้าเศรษฐีอย่างซาบซึ้ง แต่ผมคิดว่า “เอ้อ”

“ไม่ต้องคิดอะไรให้มากหรอก” เศรษฐีตัดบท “ข้าชอบใจเจ้ามาก ที่เจ้ามองเห็นคุณค่าแห่งเงิน และรู้จักหาเงินให้เพิ่มมากขึ้นตามลำดับอย่างนี้ เจ้าสมควรอย่างยิ่งแล้วที่จะเป็นเศรษฐีปกครองสมบัติแทนข้า”

ครั้นแล้ว ในวันรุ่งขึ้น เศรษฐีก็จัดพิธีวิวาห์ระหว่างคนใช้หนุ่มกับลูกสาวของท่านอย่างสมเกียรติ

เป็นอันว่า เจ้าหนุ่มของเราได้มีความสุขนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และเมื่อเศรษฐีตายไป เขาก็ได้รับตำแหน่งเศรษฐีปกครองทรัพย์สมบัติแทนต่อไป สมดังคำทำนายของพ่อตาทุกประการ

คติที่ควรจะได้จากเรื่องนี้ มิใช่ให้ท่านเอาหนูตายไปขายหรอก แต่ให้ท่านเห็นว่า คนมีปัญญานั้น ย่อมสามารถตั้งตัวได้แม้ด้วยเงินเพียงไพเดียว และด้วยความฉลาดหลักแหลมของเขาแท้ๆ แล้วท่านละ ขณะนี้มีเงินอยู่กับตัวเท่าไร? ลองคิดดูซิว่า ท่านจะทำอย่างไร เงินที่มีอยู่นี้จึงจะงอกเงยขึ้นมาเป็นหมื่นเป็นแสนบ้าง?

และถึงยังไงคงมิใช่นำไปแทง “หวย” นะท่าน?


ที่มา : พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ โดย จอม บุญตาเพศ ป.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2009, 21:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 21:25
โพสต์: 191


 ข้อมูลส่วนตัว


tongue tongue tongue

สาธุและอนุโมทนานะคร้า

.....................................................
ศัตรูของคนเราที่แท้จริงแล้ว คือ โลภ โกรธ หลง
ต้องแก้ด้วยมี ศีล สมาธิ ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 26 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร