พอดีจะบวช ช่วงวันที่ 17-20 ธ.ค. 52 นี้อ่ะครับ แต่ยังไม่ได้ฤกษ์สึกครับ กะจะบวช สัก 15 วัน ไม่ทราบ พอจะมีใครแนะนำฤกษ์สึกว่าหาได้จากที่ไหนไหมครับ

จากประสบการณ์.. พี่เขยเป็นฝรั่ง แกเป็นพุทธ"ด้วยใจ" แกบวชที่วัดหลวงพ่อปัญญา ไม่เห็นแกดูฤกษ์อะไร บวชได้ประมาณ๑เดือนก็สึก ตอนสึกแกก็ไม่ขอให้ใครดูฤกษ์ เพียงปรารภให้เจ้าอาวาสวัดทราบว่าจะสึกด้วยเหตุที่ต้องหาเลี้ยงครอบครัว (เพราะแกตั้งใจว่าหากแต่งงานแล้วแกต้องรับผิดชอบลูกเมียอย่างดีที่สุด แต่ได้ตั้งอธิษฐานว่า ชาติต่อๆไปขอให้ได้บวชตั้งแต่เด็ก ไม่ขอเกี่ยวข้องด้วยเรือนเพื่อความพ้นทุกข์โดยเร็ว..ที่มาบวชระยะหนึ่งก็เพื่อเหตุแห่งอุปนิสสยปัจจัยในภพต่อๆไป)..ทั้งๆที่แฟนแกนั้นก็อนุญาตเต็มที่ว่าให้แกบวชได้ตลอดชีวิต เจ้าอาวาสท่านก็ทำการสึกให้..

บัดนี้แกก็อยู่ดีมีความสุขความเจริญดีื เป็นผู้ประพฤติศีลอย่างมั่นคงกว่าคนไทยอย่างผมมาก .. แกเคร่งครัดเอาจริงและศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้ามาก ทุกวันนี้ก็ทำงานเป็นวิศวกรติดตั้งเครื่องจักร เดินทางไปทั่วโลก เหล้าบุหรี่ ไม่ข้อง แม้แต่ไปสถานที่บันเทิงเริงรมย์หรือท่องเที่ยวดูอะไรๆ ก็ไม่มี ช่างน่าประหลาดใจแท้ๆ แกก็มีความสุขเป็นปกติ เพื่อนที่ทำงานด้วยก็ประหลาดใจ ถามแกว่าชีวิตไม่แห้งแล้งหรือ แกก็ว่า แกสบายกว่าสมัยที่แกยัง"ดิบ"ตอนหนุ่มมากเลย..

อ้าวเล่าเลยเถิดมาซะยาวเลย ขออภัย.. ลองพิจารณาดูเผื่อจะได้สาระอะไรบ้าง

ขออนุโมทนาล่วงหน้าในความมีบุญที่จะได้บวชครั้งนี้ ขอให้ได้เป็นสงฆ์"สาวกของพระพุทธเจ้า ที่เป็นเนื้อนาบุญของโลกอย่างแท้จริงด้วยเพื่อประโยชน์สุขแก่ชนทั้งหลาย ทั้งยังเป็นการทำเหตุเพื่อผลอันไพบูลย์แก่ตนมีการได้พ้นทุกข์เป็นสมุทเฉทต่อไป..

สิ่งใดที่เป็นกิจของชาวบ้านไม่เหมาะควรแก่สมณวิสัย ขอให้ละเว้นในขณะนุ่งห่มเครื่องแบบที่พระพุทธเจ้าทรงมีพระมหากรุณาธิคุณประทานไว้..พึงประพฤติตามหลักพระวินัยให้เคร่งครัด จะได้ไม่ชื่อว่าบวชมาเพื่อบริโภคแล้วติดหนี้ชาวบ้าน..การบวชโดยไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่แท้จริง จะเป็นโทษภัยร้ายแรงแก่ตนได้ ขอให้ระมัดระวังครับ

ฤ ก ษ์ ง า ม ย า ม ดี :โดยศาสตราจารย์พิเศษเสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต



viewtopic.php?f=7&t=20226&p=93578

-ขอขอบพระคุณ คุณ -dd- และคุณ กุหลาบสีชา มากครับที่ชี้แนะทางว่างให้ พอดีที่มาถามฤกษ์ เพราะเท่าที่รู้มาเวลาบวชเค้าจะดูฤกษ์สึกกันและไปอ่านเจอว่า
ฤกษ์ลาสิกขา มีความสำคัญเช่น เพราะผู้เป็นพระจะตายจากความพระและเกิดใหม่ในเพศฆราวาสเป็นคนธรรมดาทั่วไป หากกำหนดฤกษ์สึกได้อย่างถูกต้อง ก็แทบไม่ต่างอะไรกับ มีดวงเกิดอันใหม่ ที่เลือกให้มีแต่ดาวดีๆ มีแต่สิ่งดีๆ ให้ผลอยู่ในเวลานั้น เลยเกิดความกังวลขึ้นมา
-ผมเลยลองคนหาทาง google และได้ผลว่า หลักความเชื่อในพระพุทธศาสนา แล้ว พระพุทธศาสนาสอนให้คนเชื่อโดยใช้เหตุผล ใช้ปัญญา
-ผมเลยขอรวบรวมสิ่งที่ผมค้นพบเผื่อมีใครที่จะหาฤกษ์สึกเหมือนผม ดังนี้ครับ
-หลักความเชื่อในพระพุทธศาสนา
โดย พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ)

พระพุทธศาสนาสอนให้คนเชื่อโดยใช้เหตุผล ใช้ปัญญา เราศึกษา ธรรมะหมวดใดก็ตาม ถ้ามีศรัทธาขึ้นต้น ต้องมีปัญญาประกบท้าย ศรัทธา-ศีล-สมาธิ-ปัญญา ต้องอยู่ด้วยกัน เพราะมีศรัทธาขาดปัญญา จึงงมงาย เชื่อ ง่ายใครเขาก็จะจูงจมูกไปได้ตามปรารถนา เสียผู้เสียคน ถูกหลอก ถูกต้มยุบ ยับไปหมด ใครเขาพูดอะไรก็เชื่อทั้งนั้นพอถามว่า "ใครว่า?" ก็ตอบว่า "เขาว่า" พอถามว่า "เขาไหน?" เขาหลวง" "หลวงไหน"-หลวงพรหม" "พรหมไหน?-พรหมศร" "ศรไหน?-ศรยิง" "ยิงไหน?-ยิงนก" "นกไหน?-นกเขา" "เขาไหน-เขาหลวง" นั่นมันก็ไม่ได้เรื่องแล้ว
เขาบอกว่า "มีวัว ๕ เขา" เชื่อ เขาบอกว่า "มีต้นกล้วยที่ออกปลีมา กลางต้น" ก็เชื่อ แล้วไม่ใช่เชื่อเฉยๆ ไปไหว้ด้วย ไปขอหวยขอเบอร์ เอาทองไปปิด ถ้าต้นไม้มันพูดได้ มันคงพูดว่า "พวกแกมาไหว้ข้าทำไมกัน ข้ามันเป็นต้นกล้วย ข้าไม่เก่งเท่ามนุษย์ทั้งหลาย แต่มนุษย์มันโง่จริง มาไหว้ ข้าได้" กล้วยมันก็ด่าให้เท่านั่นเอง แต่ว่ามันด่าไม่ได้ เราก็เลยไปไหว้มัน เที่ยวไหว้นั้น ไหว้นี่ ตามความเชื่อที่ไม่เป็นสาระ ไม่มีเหตุผล พระพุทธเจ้า ไม่สรรเสริญความเชื่อแบบนั้น
บัณฑิตไม่เชื่ออะไรง่ายๆ
ครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าแสดงธรรมให้พระสารีบุตรฟัง พระสารีบุตร นี่เป็น "มือขวา" ของพระพุทธเจ้าในการเผยแผ่ธรรมะ พระโมคคัลลานะ เป็น "มือซ้าย" พอพระพุทธเจ้าเทศน์จบลง ก็ทรงตรัสถามว่า "สารีบุตร... เธอเชื่อไหม ที่ตถาคตกล่าว" "ยังไม่เชื่อพระเจ้าข้า" พระสารีบุตรตอบ พระพุทธเจ้าจึงทรงตรัสว่า "ชอบแล้ว เป็นบัณฑิตผู้มีปัญญาต้องไม่เชื่ออะ ไรง่ายๆ" เพียงรับรู้ไว้ก่อนแล้วเอาไปพิจารณาค้นคว้าให้เห็นเหตุเห็น ผลด้วยตนเอง จึงจะเชื่อ ได้ยินได้ฟังอะไรต้องพิจารณา โดยรอบคอบ จน ประจักษ์ชัดแก่ใจแล้วจึงปลงใจเชื่อลงไป นี่คือ หลักความเชื่อในพระพุทธ ศาสนา
ฤกษ์หิว-ฤกษ์ตาย
"มงคลตื่นข่าว" ได้แก่ ความเชื่อว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้จะทำให้เราดีขึ้น ถ้านั่งทิศนั้นจะได้ดีขึ้น นอนหันหัวไปทางทิศนั้นจะดี ทิศนี้ไม่ดี เวลาจะไปไหนต้องดูฤกษ์บนฤกษ์ล่างเสียก่อนถึงจะไป บางคนถึงขนาด จะลงจากเรือนต้องลองหายใจดูก่อน ลมหายใจคล่องรูไหน คล่องรูขวา ก็ก้าวเท้าขวาก่อน ถ้าคล่องรูซ้าย ก็ก้าวเท้าซ้ายก่อน ทีนี้ถ้าคล่องทั้งสองรู ก็เลยต้องกระโดดลงมา มันก็ยุ่งยาก มันไม่เข้าเรื่องนี่เรียกว่า "มงคลตื่นข่าว" วันนี้ดีวันนั้นไม่ดี พอพระจะสึกมีอยู่เรื่อย พวกเราไม่เป็น อย่างนั้นหรอก เพราะหลวงพ่อล้างสมองเรียบร้อยแล้ว
โน้น ที่เดือดร้อนนั่น โยมแม่นั่นเที่ยวไปหาพระ ไปดูหมอ หาฤกษ์ สึกดูมาแล้วมันก็แผลงๆ หลวงพ่อชอบสึกพระตอนเช้าๆ มีเวลา ไม่มีใคร มารบกวน บางคนไปดูหมอมาให้สึกเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาสามสิบห้านาที หลวงพ่อบอกว่า "เอ้อ นี่มันฤกษ์หิวนี่โยม" เพราะว่าเวลานั้นมันยังฉันข้าว ไม่เสร็จ จะสึกกันได้อย่างไร
บางคนหนักถึงขนาดเวลาจะสึกต้องรดน้ำมนต์ ยังกับว่าการมา บวชมันซวยเต็มที ต้องเอาน้ำมนต์มาล้างก่อนจึงจะออกไป มันไม่เข้าท่า เสียแล้ว เวลาจะออกจากวัดต้องหันหน้าไปทางทิตย์นั้นทิศนี้ วัดนี้หน้าวัด มันอยู่ทางทิศตะวันตก ทีนี้บางทีไปดูหมอมา หมอบอกว่าต้องหันหน้าไป ทางทิศตะวันออก ถ้าออกอย่างนั้นมันก็จะถูกรถชนตาย เพราะต้องเดิน ถอยหลังออกไป รถสิบล้อ รถมอเตอร์ไซค์ มันจะได้ชนเอา... "อ้าว เพิ่งสึก ออกมา...ตายเสียแล้ว" เพราะฤกษ์นี้มัน ฤกษ์ตาย บางที่ไปถึงบ้านแล้ว ต้อง รอฤกษ์เข้าบ้านอีก บ้านก็ของเรา ไปเดินจงกรมอยู่ได้ ใครเห็นเขาจะว่า "เอ้อ ไม่ทิดนี้มันทำอะไร" อย่างนี้ไม่เข้าเรื่อง
ประโยชน์ เป็นฤกษ์ของประโยชน์
พวก "มงคลตื่นข่าว" มันเยอะ พอตื่นเช้าได้ยินเสียงจิ้งจกทัก... นับแล้ว... เท่านั้นเป็นมงคล...ท่านี้ไม่เป็นมงคล นั่งนับเสียงจิ้งจก ตุ๊กแกร้อง... ก็นั่งนับอีก...ร้องกี่ที ไม่ได้
เรื่อง ยุ่งใหญ่ พระพุทเจ้าท่านว่าอย่างไร พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า "นกฺขตฺตํ ปฏิมาเนตฺตํ อตฺโถ พาลํ อุปจฺจคา" ปรโยชน์ย่อมล่วงเลยคนปัญญาอ่อนที่ไปนั่งดูดาว ดูเดือนอยู่ "อตฺโถ อตฺถสฺส นกฺขตฺตํ กึ กริสฺสนฺติ ตารกา" ประโยชน์มันเป็นฤกษ์อยู่ในตัวแล้ว ดวงดาว ในท้องฟ้าจะช่วยอะไรได้

ข้อมูล : พระมหาธวัชชัย คุณากโร (เกื้อเกตุ) วัดอตัมมยตาราม ตั้งอยู่ ณ เมืองวูดดิลวิลล์ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา

มีพระใหม่รูปหนึ่ง เมื่อถึงคราวจะลาสึก...โยมพ่อโยมแม่ก็ไปหาหมอดู
ดูเวลาสึก ดูอะไรต่อมิอะไรสารพัด...ตามแต่หมอดูจะบอก โดยโยมพ่อ

โยมแม่ได้สั่งพระลูกชายว่า เวลาออกจากวัดต้องเดินออกทางทิศ
ตะวันออก เพื่อให้หน้ารับตะวัน...ราศีจะได้ดี บริสุทธิ์ผุดผ่อง

ก่อนจะลาหลวงพ่อกลับบ้าน ก็กราบเรียนถามหลวงพ่อให้มั่นใจว่า
..."หลวงพ่อครับ!! เวลากระผมจะออกจากวัด ออกทางทิศตะวันออก

ดวงจะดี ฤกษ์จะดี...ราศีจะจับใช่ไหมครับ".....
หลวงพ่อปัญญาตอบว่า....

"ถ้าออกไปทางทิศตะวันออกแล้วดวงจะซวยมากกว่า เพราะว่าด้าน
ตะวันออกวัดน่ะ กำแพงมันสูง และถ้าข้ามไปได้...ก็อาจจะซวยหนัก

เข้าไปอีก เพราะชาวบ้านเขาอาจคิดว่า...ไอ้ทิดมันเป็นโจร..เดี๋ยวลูกปืน
จะถามหา"....ท่านก็เลยบอกว่า "ถ้าให้ฤกษ์ดีจริงๆ ก็บอกให้ใครเอารถ

มารับที่วัด หรือนั่งรถเมล์กลับบ้านตามทางที่คนเขาเดินกันนั่นแหละ!
ฤกษ์ดีแท้!".....

เรื่องขำๆ กับธรรมะ ....องอาจ ราชพฤกษ์

แล้วกรณีของวัดชลประทานนั้นไม่ทราบว่าหลวงพ่อปัญญาท่านนิยมฤกษ์สะดวกเนี่ยใช้กับการลาสึกของพระด้วยหรือไม่รบกวนท่านที่เคยบวชที่วัดชลฯ แนะนำด้วยครับ และจริงหรือไม่ถ้าสึกไม่ดูฤกษ์จะทำให้ติงต๊องไปเลย สงสัยจัง แต่ส่วนตัวผมแล้วนั้นผมก็ยึดหลักของหลวงพ่อปัญญานะ

ก่อนผมจะบวชจะกลัวไปหมด กลัวบวชตอนฤกษ์ไม่ดีเดี๋ยวชีวิตจะไม่ดีทำนองนั้น
ทางบ้านเลยเพ้นหาฤกษ์ที่ดีที่สุดมาให้....
ผล ที่ได้เกือบตายช่วงที่บวช ๒ เดือนแรก
............................................
ตอนสึกเอาใหม่ ไม่เอาฤกษ์ไม่เอายามแล้ว เอาฤกษ์สะดวกเข้าว่า
(เพราะพระพุทธองค์ปฎิเสษว่า ฤกษ์ ไม่สามารถมากำหนดชีวิตเราได้)
แต่ก็มีปัญหาเพราะทางบ้านไม่ยอม
เลยกลายเป็นว่าฤกษ์ดีของเราคือเวลาไหนก็ได้ แต่ดันไม่ใช้ฤกษ์ที่ดีของทางบ้านเสียแล้ว
ถ้าดื้อดึงจะสึกเวลาสะดวกเราจริงๆ ฤกษ์นั้นก็กลายเป็นฤกษ์ไม่ดีไปแล้ว เพราะเป็นฤกษ์ที่ทำให้พ่อแม่ไม่สบายใจ แล้วเราคงพรอยไม่สบายใจไปด้วย
เลยแก้ด้วยวิธีจะเอาฤกษ์ไหนก็ให้ทางบ้านหาๆมาให้ก็แล้วกัน
ทางบ้านจะได้สบายใจ : )
...................................................................
มานั่งคิดย้อนหลัง
คนที่รอฤกษ์รอยามก่อนลงมือกระทำอะไรคงจะมีเวลาเริ่มทำอะไรน้อยกว่าคนที่ไม่ยึดติดกับฤกษ์ยาม
เพราะเขามีโอกาสจะเริ่มทำอะไรได้มากกว่าคนรอฤกษ์รอยาม
ผมว่าถ้าเราทำดี คิดดีเมื่อใด ฤกษ์นั้นเวลานั้นก็เป็นฤกษ์ดีของเราละครับ : )
ป.ล. ถ้าจะต๊องก็คงมีมีแนวโน้มที่จะต๊องมาก่อนหน้าแล้วละครับคงไม่เกี่ยวกับฤกษ์มั่ง
อย่าโยนความผิดให้ฤกษ์เลยครับ : D

เรื่องฤกษ์ยามนั้น เป็นความเชื่อของคนกลุ่มหนึ่งว่า การทำอะไรในเวลาที่เรียกว่าฤกษ์ดีนั้น จะทำให้สิ่งที่ตนกระทำนั้นประสบแต่ความราบรื่นดีงาม แต่ในสัจธรรมนั้น ฤกษ์ก็คือเวลาที่ดีนั่นเอง เพียงแต่เราซึ่งไม่ได้ร่ำเรียนวิชาโหราศาสตร์มาจึงไม่รู้ว่าเวลาไหนจะดี คนจึงเชื่อหมอดูที่มีความรู้เรื่องฤกษ์ยาม เวลาที่ดีนั้นแม้ว่าเราเองจะคิดว่าดีแล้ว แต่ในความจริงมันอาจจะไม่ดีก็ได้ ดังเช่นที่คุณ tchurit ได้ประสบมาแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดก็คือ ความรอบคอบของเราเองที่จะตรวจตราหาเวลาที่ดีจริง ๆ และถ้าหาได้ เราก็ไม่จำเป็นจะต้องไปเชื่อหมอดูหรือใครที่มาให้ฤกษ์แก่เรา แต่ถ้าเราเองก็ไม่แน่ใจว่าเวลาที่เราเห็นว่าดีนั้นมันจะดีจริงหรือไม่ ก็คงไม่เลวร้ายเกินไปนักที่จะรับฟังผู้ที่เขาหาฤกษ์มาให้เราไม่ใช่หรือ ในความเชื่อของผมแล้ว ผมไม่เชื่อว่าดวงดาวจะมามีอำนาจบงการชีวิตของเราได้ ทุกอย่างมันขึ้นอย่กับตัวเราเองที่จะกำหนดชีวิตของเรา ถ้าเรากระทำแต่ในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ชีวิตก็ย่อมจะดีแน่ แต่ถ้าเราทำเลว แม้จะได้ฤกษ์ดีสักแค่ไหน มันก็ไอ้เลวนั่นเอง จริงไหมครับ?
ที่วัดชลประทาน นั้นถือฤกษ์แบบพุทธครับ ตามสะดวก ปกติถ้าบวชในรุ่น
ก็จะมีกำหนดครบเวลาที่จะลาสิกขากันออกไปต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่จะพร้อม
กัน ท่านให้สึกตอนเช้ามืด เดินเรียงกันไปในกุฎิเจ้าอาวาสพร้อมแล้วท่านก็ให้ลา
สิกขา ก็ออกมาข้างนอกกุฎิเปลี่ยนเอาเสื้อผ้ามาใส่
จะต๊องหรือไม่คงขึ้นอยู่กับเจ้าตัวเองมากว่าครับ พระพุทธองค์ตรัสว่าทำดียาม
ไหน เวลานั้นก็คือยามฤกษ์ดี
มากว่าครับ พระพุทธองค์ตรัสว่าทำดียาม
ไหน เวลานั้นก็คือยามฤกษ์ดี
ผมบวชและสึกที่วัดชลประทาน 7 ปีมาแล้ว so far ยังไม่ต๊องครับ (ในความรู้สึกของผมเองครับ)
ข้อดีของการกำหนด ฤกษ์ ของโบราณ คือการเตรียมใจให้มั่นคง แน่นอน ว่า จะเอายังไงกันแน่ เมื่อถึงเวลา หากจะเป็นฆราวาส ก็ต้องเป็นฆราวาสที่ดี เป็นพระก็ให้เป็นพระที่ดี ถ้าทำใจดังนี้ได้ เวลาไหนก็ไม่เป็นโทษครับ
ผมบวชและสึกก็ใช้ฤกษ์สะดวกเหมือนกัน 10 ปีกว่ามาแล้ว ก็ต๊องมากขึ้นเรื่อยๆ ตามกิเลสที่ลดลง

ฤกษ์ยามเป็นเรื่องของโลก แต่เรื่องธรรมมะ เรืองของใจเป็นกุศล และการปฏิบัติธรรมนั้น ไม่มีฤกษ์
เริ่มเมื่อใดก็ดีเมื่อนั้น

คุณ deawme คงได้แนวทางและคำตอบแล้วนะครับ..หาได้เอง ค้นจนพบแล้ว ประเทืองปัญญาจริงๆ... ยินดีด้วย ขออนุโมทนาในบทความที่ลงครับ


ขออนุโมทนาบทความดีๆจากท่านกุหลาบสีชาด้วยครับ

จะบวชวัดไหนครับ เผื่อญาติโยมในนี้อยู่ใกล้เคียง จะได้ตามไปทำบุญด้วยครับ

วัดป่าเขวาสินรินทร์ ครับ คุณ -dd-

สาธุ สาธุ อนุโมทนาครับ

[b]ท่านใดอยู่ใกล้เคียง ขอเชิญร่วมทำบุญกับท่าน[/b]deawme โดยทั่วกันนะครับ อนุโมทนาด้วยครับ

อนุโมทนาค่ะ เคยจัดงานบรรพชาอุปสมบทหมู่ให้น้องๆ โดยมีข้อแม้ว่าต้องบวชพร้อมกันและต้องสึกพร้อมกัน ซึ่งก็ได้กำหนดวันบวชวันสึกขึ้นเพื่อความสะดวกของทุกฝ่าย ต่อมา คุณแม่ของน้องผู้บวชท่านหนึ่งไปดูฤกษ์มาบอกว่า ฤกษ์สึกไม่ดีขอสึกวันอื่น ซึ่งทำให้ทางทีมงานลำบากใจมาก จึงไปกราบเรียนขอคำปรึกษากับครูบาอาจารย์ ท่านบอกว่า เวลาใดๆก็ตามที่ทำความดี ถือเป็นฤกษ์ดีทั้งนั้น พ่อคุณแม่ท่านนั้นได้ฟังก็....จบข่าวค่ะ