วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 01:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2013, 20:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2013, 21:46
โพสต์: 11

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ด้วยความเคารพนะครับ ผมฝึกวิปัสสนามาได้ 3 เดือน เคยไปเข้าคอรส์ 3 วัน 1 ครั้งที่เหลือฝึกเองที่บ้าน เวลาวิปัสสนาจิตอยู่ที่รู้(ถ้าผมเข้าใจถูก) แล้วใจอยู่ที่ไหนครับ(ไม่ได้หมายถึงหัวใจนะครับ) ถ้าทางวิทยาศาสตร์ใจควรอยู่ที่สมองเพราะเป็นตัวคิด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 08:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


somchaisuwan เขียน:
ด้วยความเคารพนะครับ ผมฝึกวิปัสสนามาได้ 3 เดือน เคยไปเข้าคอรส์ 3 วัน 1 ครั้งที่เหลือฝึกเองที่บ้าน เวลาวิปัสสนาจิตอยู่ที่รู้ (ถ้าผมเข้าใจถูก) แล้วใจอยู่ที่ไหนครับ (ไม่ได้หมายถึงหัวใจนะครับ) :b19: ถ้าทางวิทยาศาสตร์ใจควรอยู่ที่สมองเพราะเป็นตัวคิด


ลองค่อยๆสนทนากันดูก่อนนะครับ :b1:

ไปเข้าคอร์สที่ไหนมาครับ

การฝึกวิปัสสนาดังว่านั้น จุดหมายเค้าคืออะไรครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 21:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2013, 21:46
โพสต์: 11

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณครับ
สถานที่ฝึก สำนักส่วนบุคคลเล็กๆรับได้ 15 +/- ท่าน พระอาจารย์เป็นพระผู้ใหญ่ระดับเจ้าคณะจังหวัดส่ง ลูกศิษย์เป็นพระมหาเปรียญมาสอนครับ ไม่มีค่าใช้จ่าย

กิจกรรม - ศีล 8
- สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น ฟังเทศ สอนปาบ บุญ คุณ โทษ เดิมจงกรม ซ้ายย่างหนอ ,,,
- นั่งกรรมฐาน พุธโท/ยุบพอง แล้วแต่ถนัด (นั่งไม่นานครับมีแต่ครั้งแรกเป็นส่วนใหญ่)

เป้าหมายของการฝึกของผมคือ
- ทำหน้าที่ของความเป็นมนุษย์ให้ดีที่สุด
- ละกิเลส

ปัจจุบันผมอายุ 61 ปี ความประพฤติถ้าส่งไปอยู่วัดก็เป็นพระที่ดีได้ครับ(ผมหมายถึงว่าไม่สมาทานศีลก็ปฏิบัติอยู่ในศีลธรรมอันดีอยู่แล้ว) เมื่อ3เดือนที่แล้วผมไปรับมรดกและโอนที่ดินให้หลาน ฉุกคิดขึ้นได้ว่าพ่อผมเสียเมื่ออายุ 76 ปี แม่ผมเสียเมื่ออายุ 73 ปี ผมเอาอายุพ่อแม่รวมกันหารสองแล้วลบด้วยอายุผมได้คำตอบว่าผมมีเวลาเป็นคนอยู่อีกประมาณ 14 ปีถ้ารักษาสุขภาพได้ในระดับพ่อแม่ แต่เพื่อความไม่ประมาทอะไรทำได้ผมก็รีบทำเสีย ไม่ได้กลัวตายนะครับ กลัวก็ตายอยู่ดีไม่ต้องแถมกลัวเข้าไปด้วย ตอนเด็กบ้านอยู่ติดรั้ววัดเห็นงานศพเป็นประจำ เมื่อลุงเสียป้าเอาเตียงไม้ที่ผมนอนไปตั้งศพอยู่ 1 ปี เมื่อเผาแล้วผมเอากลับมานอนต่อ หลายปีต่อมาตาผมเสีย เอาเตียงไปตั้งศพซึ่งเก็บไว้ในบ้านอีก 3 ปี ผมอยู่บ้านกับยาย 2 คน เมื่อเผาศพตาผมเอากลับมานอนต่อ สมัยปี พศ 12-13 ที่วัดจันทร์ในซอยประดู่1 วัดย้ายศพจากโกดังเข้าไปเก็บในซองปูนใกล้ๆโกดัง หน้าโกดังมีแคร่ไม้ซึ่งเป็นที่นอนอย่างดีของผมในวันที่ไม่ต้องไปโรงเรียนครับ

ผมเคยปรึกษากับพระอาจารย์ว่าจะจัดการการงานในบ้านให้เรียบร้อยแล้วไปฝึกวิปัสนาตามสำนักต่างๆ ซึ่งท่านได้กรุณาให้คำแนะนำว่าถ้าทำเองได้ที่บ้านก็ทำที่บ้านดีกว่าครับ

ผมอยู่ห่างจากพระอาจารย์ประมาณ 200 กม ครับผมอยากไปกราบเรียนถามท่านแต่ไม่สะดวกใดการเดินทาง ตอนนี้ผมย้ายมาอยู่ต่างจังหวัด มองหากัลยาณมิตรแนวทางนี้ใกล้ๆก็ยังไม่พบครับ

ความก้าวหน้าในการฝึกมา 3 เดือนก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจครับ วัดได้จากมารประจำบ้าน(ปรกติเป็นเทพสารพัดประโยชน์)ยังไม่เข้าประทับทรงเลย น่าจะเป็นเพราะผมมีสติคอยเตือนตัวเองให้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีอยู่เสมอ และมีสติรู้ไม่ปรุงแต่งอารมณ์ตามเขาไปครับ

ส่วนในทางวิปัสนา ผมนั่งวันละ 2 ครั้งก่อนนอนกับตอนเช้าหลังตื่นนอน ครั้งละประมาณ 30 นาที แถมด้วเดินจงกรมตอนเย็นอีก 30 นาทีครับ ถ้าเปรียบจิตรผมเป็นลิงคณะละครลิงประกิต ก็น่าจะเป็นตัวที่อยู่ไม่สุขมากที่สุดแค่(ตัวหัดใหม่เขาเอามาผูกไว้) ไม่เคยเห็นนิมิตร ไม่เคยเห็นแสงอะไร และก็ไม่มีความอยากเห็นด้วยครับ

หลังจากเริ่มวิปัสสนามาสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปที่ผมสังเกตุเห็นได้ชัดมี 2 อย่างคือ
1 มารประจำบ้าน(ปรกติเป็นเทพสารพัดประโยชน์)ยังไม่เข้าประทับทรงเลย
2 สภาพแวดล้อมยังเหมือนเดิมปัญหาต่างก็ยังคงมีเหมือนเดิมแต่ใจไม่ค่อยเป็นทุกข์ เมื่อก่อนไป นั่งดูลครอิจฉาริษยาทางทีวีที่มารประจำบ้านโปรดไม่ได้เลยมีอารมณ์โกรธที่ระบบเอาแต่มอมเมาคนดู เด๊๋ยวนี้พอดูได้ครับ(ผมชอบไปดูเพื่อทดสอบตัวเอง)ไม่ค่อยมีอารมณ์เท่าไรแค่มัวๆเล็กน้อย(หมดได้ก็ดี) แต่มีสิ่งที่รู้สึกแปลกอีกอย่างคือความสุขที่เคยมีแบบเดิมมันก็หายไปด้วยครับ ทานอาหารก็น้อยลงไอ้ที่เคยอร่อยเคยนึกอยากไม่รู้มันหายไปไหนหมดครับ(หรือมันจะเพี้ยนไปแล้วก็ไม่รู้)

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและถ้าให้คำแนะนำได้ผมขอขอบคุณด้วยความเคารพนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 22:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ความก้าวหน้าในการฝึกมา 3 เดือนก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจครับ วัดได้จากมารประจำบ้าน (ปรกติเป็นเทพสารพัดประโยชน์) ยังไม่เข้าประทับทรงเลย น่าจะเป็นเพราะผมมีสติคอยเตือนตัวเองให้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีอยู่เสมอ และมีสติรู้ไม่ปรุงแต่งอารมณ์ตามเขาไปครับ


ขอบคุณครับ

จุดหมายใช้ได้ครับ แต่ขอถามอีกสักประเด็น คือ

เมื่อก่อนเคยประทับทรงได้หรอครับ :b10:

เพิ่งเคยได้ยินชื่อเทพสารพัดประโยชน์ มารประจำบ้าน (ให้คุณทางไหนครับ)

เคยได้เห็นยินแต่ทรงเจ้าแม่นั่นแม่นี่ ทรงกุมารทอง ประเภทนี้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2013, 14:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2013, 21:46
โพสต์: 11

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอโทษนะครับผมพูดเปรียบเทียบหมายถึงภรรยาผมน่ะครับ

ปรกติจะเป็นคนดี ขยัน ใจดี ดูแลสารพัดเรื่องในบ้าน(ปรกติเป็นเทพสารพัดประโยชน์)
แต่ พอชักอายุมากเข้า (ตอนนี้56) เริ่มบ่นโน่นนี่นั่น ไปเรื่อยๆซักประมาณ สองสัปดาห์ก็วีนแตกร้องไห้โน่นนี่นั่นไปทั่ว(มารประจำบ้านเข้าประทับทรง) ต้องคอยปลอบโยนหาทางแก้ไข เป็นวงจรประมาณนี้แหละครับประมาณสองสัปดาห์ก็วีนแตกครั้งครับ

ก่อนจะฝึกวิปัสนาผมเคยเบื่อเพราะพูดกันไม่รู้เรื่องจนคิดจะแยกทางกัน ฝึกวิปัสนาแล้วผมกลับคิดได้ว่าเมื่อเอาความดีของเขาที่อยู่ด้วยกันมาเปรียบเทียบกับข้อเสียที่ผมต้องพบแล้วมันเล็กนิดเดียว ผมจึงใช้สติคอยเตือนตัวเองให้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีอยู่เสมอและเลือกปฏิบัติในสิ่งที่เขาชอบ(ถ้าไม่หนักหนาเกินไป) และมีสติรู้ไม่ปรุงแต่งอารมณ์ตามเขาไปครับ เมื่อผมเปลี่ยนแปลงตัวเองภรรยาผมเขาก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีด้วย(น่าสงสัยว่าผมทำผิดเองมาแต่ต้น)

เทพ-มาร-ประทับทรง ผมพูดเชิงเปรียบเทียบครับ ผมไม่มีศรัทธาทางนี้หรอกครับ ขออภัยครับที่ทำให้เข้าใจผิด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2013, 14:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 10:42
โพสต์: 249

แนวปฏิบัติ: ไม่เอา ไม่เป็น ไม่ยึด
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มของท่านพุทธทาส
อายุ: 32
ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: คุณ somchaisuwan

จะทำเสร็จช้าหรือเร็ว ขึ้นกับเหตุปัจจัยครับ

เคยได้ยินมาว่า คนที่ปฏิบัติถูกอาจทำเสร็จอย่างเร็วภายใน 7 วัน อย่างกลาง 7 เดือน อย่างนาน 7 ปี ครับ

อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องระวังระหว่างทางของผู้ที่ปฏิบัติถูกคือ สิ่งที่ถูกเรียกว่า วิปัสสนูปกิเลส ครับ

แต่ถ้าจะต้องตายจริงๆ (ไม่ได้แช่งนะครับ ความตายมีพร้อมอยู่แล้วในความเป็น) ก็ขอให้มีสติครับ

:b8:

.....................................................
วงว่างยงอยู่ยั้ง อนันตกาล
ในถิ่นที่ทุกสถาน แหล่งหล้า
ยึดมั่นไป่พบพาน ประจักษ์
ยามปล่อยหยุดไขว่คว้า ถึงได้โดยพลัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2013, 16:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


somchaisuwan เขียน:
ด้วยความเคารพนะครับ ผมฝึกวิปัสสนามาได้ 3 เดือน เคยไปเข้าคอรส์ 3 วัน 1 ครั้งที่เหลือฝึกเองที่บ้าน เวลาวิปัสสนาจิตอยู่ที่รู้ (ถ้าผมเข้าใจถูก) แล้วใจอยู่ที่ไหนครับ (ไม่ได้หมายถึงหัวใจนะครับ) ถ้าทางวิทยาศาสตร์ใจควรอยู่ที่สมองเพราะเป็นตัวคิด



ถ้าจะปฏิบัติกรรมฐาน ไม่ว่าจะเป็นสมถกรรมฐานก็ดี วิปัสสนากรรมฐานก็ตาม เราต้องมีหลักสำหรับฝึกสำหรับยึดก่อนครับ

สมถกรรมฐาน ส่วนมากใช้วัตถุภายนอก

ส่วนวิปัสสนากรรมฐาน ใช้ได้ทุกอย่าง อะไรก็ตามที่พิจารณาแล้วปัญญาเกิดก็ใช้ได้ แต่สรุปก็อยู่ กาย เวทนา จิต ธรรม คือดูจากของจริงที่เกิดขึ้นในขณะนั้นๆ เป็นยังไง รู้สึกอย่างไร พึงกำหนดรู้ตามที่มันเป็น ตามที่รู้สึก ฯลฯ



ถ้าปฏิบัติแล้วนำถ้อยคำมาถาม บางทีคำเหล่านั้นเป็นไวพจน์กันใช้แทนกันได้ เช่นคำว่า "จิต" ว่า "ใจ" ความหมายเดียวกัน ถ้าภาคปฏิบัติ โยคีไม่ควรคิดสงสัยว่า จิตมันอยู่ตรงไหน ใจมันอยู่ตรงไหน

คำพูดที่ใช้ "ฝึกวิปัสสนา" ควรเข้าใจ คำว่า วิปัสสนา เป็นนามธรรม เป็นชื่อของปัญญา ไม่ใช่เป็นวิธีสำหรับฝึก แบบที่ท่านใช้จึงเป็น "วิปัสสนากรรมฐาน"



ทีนี้มาถึงคำถามอีกนะครับ จขกท. ใช้ลมเข้าออกเป็นกรรมฐาน หรือใช้อาการท้องพองท้องยุบเป็นกรรมฐาน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2013, 18:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2013, 21:46
โพสต์: 11

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณครับ

ทีนี้มาถึงคำถามอีกนะครับ จขกท. ใช้ลมเข้าออกเป็นกรรมฐาน หรือใช้อาการท้องพองท้องยุบเป็นกรรมฐาน

ส่วนใหญ่ใช้ลมครับแต่บางครั้งผมมีปัญหาเหมือนกับมีน้ำลายในช่องปากอยากกลืนน้ำลาย ลองปรับไปเป็นท้องพองท้องยุบก็ไม่สะดวกเหมือนลมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2013, 20:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


somchaisuwan เขียน:
ขอบคุณครับ


ส่วนใหญ่ใช้ลมครับ แต่บางครั้งผมมีปัญหาเหมือนกับมีน้ำลายในช่องปากอยากกลืนน้ำลายลองปรับไปเป็นท้องพองท้องยุบ ก็ไม่สะดวกเหมือนลมครับ


นั่นไงคุณกำลังหนีความจริง :b1: นักปฏิบัติกรรมฐานจะเป็นอย่างนี้เกือบทั้งนั้น คือเลี่ยงหนีสภาวธรรม หรือสัจธรรม เราหนีน้ำลายเป็นต้นไม่พ้นหรอกครับ น้ำลายไหลเราก็กลืน แต่กำหนดรู้การกลืนนั้นด้วย เท่านี้เอง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2013, 21:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2013, 21:46
โพสต์: 11

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณครับที่ให้คำแนะนำ

นั่นไงคุณกำลังหนีความจริง :b1: นักปฏิบัติกรรมฐานจะเป็นอย่างนี้เกือบทั้งนั้น คือเลี่ยงหนีสภาวธรรม หรือสัจธรรม เราหนีน้ำลายเป็นต้นไม่พ้นหรอกครับ น้ำลายไหลเราก็กลืน แต่กำหนดรู้การกลืนนั้นด้วย เท่านี้เอง[/quote]

ผมไม่คิดหนีความจริงครับ เนื่องจากเป็นมือใหม่ และอาจารย์สอนว่าใช้ตามลมหายใจ หรือพองยุบก็ได้แล้วแต่จะถนัด ผมลองดูแล้ว ตามลมหายใจดูเหมือนจะสะดวกกว่าครับ ว่าแต่ท่านอื่นๆมีปํญหาเรื่องน้ำลายกันไหมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2013, 22:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


somchaisuwan เขียน:
ขอบคุณครับที่ให้คำแนะนำ

ผมไม่คิดหนีความจริงครับ เนื่องจากเป็นมือใหม่ และอาจารย์สอนว่าใช้ตามลมหายใจ หรือพองยุบก็ได้แล้วแต่จะถนัด ผมลองดูแล้ว ตามลมหายใจดูเหมือนจะสะดวกกว่าครับ ว่าแต่ท่านอื่นๆมีปํญหาเรื่องน้ำลายกันไหมครับ


ปัญหามีทั้งเรื่องน้ำลาย ทั้งอะไรต่ออะไรอื่นอีกมาก ได้รวบรวมปัญหาซึ่งเกิดจากการปฏิบัติกรรมฐานจากบอร์ดต่างๆไว้ที่บอร์ดนี้ http://group.wunjun.com/whatisnippana

ซึ่งกรัชกายดูแลอยู่

เข้าไปเยี่ยมชมและตั้งกระทู้ภาคปฏิบัติคุยกันยาวๆนานๆได้นะครับ แต่บอร์ดฟรีนั่นทางเจ้าของปรับปรุงรุ่นใหม่ เราจะเข้าดูด้วย IE รุ่น 8-9 ไม่ได้

ต้องใช้ Firefox รุ่น (ภาษาไทย) นี้เข้าบอร์ดครับ

ดาวน์โหลดได้ที่

http://www.mozilla.org/th/download/?pro ... in&lang=th

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2013, 14:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2011, 13:22
โพสต์: 79


 ข้อมูลส่วนตัว


Re: เวลาวิปัสสนา ใจอยู่ที่ไหนครับ
ผมเคยสงสัยเหมือนคุณนั้นแหละครับ ก็มีปัญหาเรื่องนำ้ลาย เรื่องความคิด เริ่มต้นเหมือนกันหมด แต่ก่อนอื่นท่านต้องทำความเข้าใจเรื่อง สมถะกับวิปัสสนาเสียก่อนนะครับอ่านที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเขียนไว้เข้าใจง่าย อาหารใจหรือจิตคือความคิด อาหารความคิดคือ อารมณ์ พอมีนำ้ลายเกิดก็เกิดอารมณ์ ให้เอาสติมารู้เท่าทันกายและอารมณ์ นำ้ลาย ปวดหัว ปวดฉี่ มันเป็นธรรมดาของกายเพราะเรามีกาย ปวดขาเพราะเรามีขา คิดเพราะเรามีสมอง จิตจะอยู่ที่ไหนละครับก็ดับความคิดสัก5 นาทีต่อวันท่านจะรู้เองพระท่านสอนเอาไว้ คิดโกรธ คิดเกลียด คิดรัก อะไรๆก็หยุดคิด ท่านจะเข้าวิปัสสนาคือคิดอย่างมีเหตุมีผลได้คือหาเหตุต่างๆที่ทำให้เราคิด พอรู้เหตุแล้วอย่าเอาอารมณ์ตามมันไปมันจะทุกข์ พระท่านว่าอย่างนั้นลองทำดูนะครับ อนุโมทนาล่วงหน้าด้วยนะครับ อย่าพยายามตามหาว่าจิตอยู่หนใดเพราะจะเป็นทุกข์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2013, 21:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


โค้ด:
เวลาวิปัสสนา ใจอยู่ที่ไหนครับ


ใจก็ต้องอยู่กับเรื่องที่เรายกขึ้นมาพิจารณาสิครับ

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2013, 00:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านความตั้งใจปฏิบัติก็อนุโมทนาด้วยครับ หากเอาประสบการณ์ตัวเองมาพูด ก็อยากบอกว่า นักปฏิบัติต้องหมั่นตั้งคำถามให้เยอะๆ ที่เกี่ยวกับภายในตนเองเยอะๆ เพราะธรรมที่ปรากฏขึ้น ล้วนอยู่ภายใต้กฏพระไตรลักษณ์ ส่วนตัวจะไม่มุ่งเน้นที่อารมณ์ก่อน แต่มุ่งเน้นที่ความมีสติอยู่ที่ตัวก่อน กำหนดรู้ไปเรื่อยๆแล้วจำแนกธรรม เช่น ประสบการณ์ผมเองนำมาซึ่งความเห็นว่า หากเรารักษาสติ จิตเราตั้งมั่น สังขารขันธ์คือความคิดปรุงแต่งจะระงับลงไป แล้วใช้โอกาสนี้พิจารณาธรรมที่เกิดขึ้นว่า ธรรมที่เกิดขึ้นเมื่อความคิดปรุงแต่งระงับลงเป็นอย่างไร กำหนดรู้ยากหรือง่ายกว่า ไม่รวมเวทนาขันธ์นะครับ เพราะความเจ็บปวดจากการนั่งนานๆยังคงอยู่ อันนี้ก็เป็นการพิจารณาอีกธรรมหนึ่งเช่นกัน คือความเจ็บปวดก็เป็นธรรมหนึ่ง ความระงบลงของจิตปรุงแต่งก็ธรรมหนึ่ง ความรู้พร้อมทั่วก็อีกธรรมหนึ่ง นั่นคือจิตเราแล่นไปทั่ว แล้วแต่ว่าจะแล่นไปที่ไหนแต่เราต้องเข้าใจในธรรมชาติของธรรมด้วยครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2013, 01:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


somchaisuwan เขียน:
ด้วยความเคารพนะครับ ผมฝึกวิปัสสนามาได้ 3 เดือน เคยไปเข้าคอรส์ 3 วัน 1 ครั้งที่เหลือฝึกเองที่บ้าน เวลาวิปัสสนาจิตอยู่ที่รู้(ถ้าผมเข้าใจถูก) แล้วใจอยู่ที่ไหนครับ(ไม่ได้หมายถึงหัวใจนะครับ) ถ้าทางวิทยาศาสตร์ใจควรอยู่ที่สมองเพราะเป็นตัวคิด

ใจมีครับ อยู่ตรงหัวใจ ถ้าหัวใจก็เป็น หทัยรูป แล้วใจเป็นนาม ปรากฏให้รู้ได้ทั้งสภาวะปกติ หรือ สมาธิครับ

ส่วนที่สมองไม่ได้เรียกใจครับ เรียกมโน เช่น ผัสสะที่เกิดจากมโนวิญญาณ หรือ ความคิดจินตนาการณ์ต่างๆ หากมโนวิญญาณเกิดก็คือ สติไม่เข้มแข็งครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 38 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร