วันเวลาปัจจุบัน 29 เม.ย. 2024, 04:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 189 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2011, 08:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นำตัวอย่างขั้นที่สอง (= ปฏิบัติ หรือขั้นทำบันได) ธรรมดาๆให้ดู

ทุกครั้งที่ผมนั่งสมาธิพอจิตเริ่มสงบ จะต้องมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทุกครั้งคือเหมือนมีตัวหนอน หรือ มด มาเดินตามลำตัว และใบหน้า ตอนแรกก็คิดว่า มีมดอยู่บนที่นอน ก็ลืมตาดู ไม่เห็นมีก็ยังไม่คิดอะไร
หลัง ๆ เป็นอยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะนั่งสมาธิที่บ้านแฟน หรือ สถานปฏิบ้ติธรรมก็เกิดอาการเดียวกัน

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?t ... 08#msg6608

มีตัวอย่างเยอะแยะที่บอร์ดนั่น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2011, 11:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2011, 15:23
โพสต์: 53

แนวปฏิบัติ: สติปัฏฐาน4
อายุ: 17
ที่อยู่: ก.ท.ม.

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วมิจฉาสติคืออะไรคะ- - ตกลงมันคือนิวรณ์อ่ะเปล่า งง s006

ในความคิดเห็นของ จขกท คือ คิดว่านิวรณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่มิจฉาสติอ่ะคะ ขอแค่เรากำหนดรู้ว่านิวรณ์ได้เกิดขึ้นแล้วก็คงไม่ใช่มิจฉาสติ น่าจะเป็นสัมมาสติเมื่อกำหนดรู้ว่านิวรณ์เกิดขึ้นแล้วเป็นแบบไหน อย่างไร จิตเราเป็นอย่างไรเมื่อนิวรณ์เกิดขึ้น อะไรประมาณนี้อ่ะคะ เพราะถึงยังไงเราก็ห้ามความคิดฟุ้งซ่าน ความง่วงนอนนั้นไม่ได้
ได้แ่ต่กำหนดรู้เท่านั้น ก็เหมือนเวทนาที่เกิดขึ้น เราไม่สามารถระงับเวทนาที่เกิดได้ ก็ได้แต่กำหนดรู้เวทนาเท่านั้น เพราะเดี๋ยวมันก็หายไปเอง

สรุป
จากบทความที่คุณเฟรมลงนั้น จขกท ตีความได้ว่านิวรณ์นั้นเกิดได้เพียงแต่เราต้องกำหนดรู้ลึกรู้จริงว่ามันเกิดแล้ว มันแผลงฤทธิ์ มันหมดฤทธิ์แล้ว อะไรประมาณนี้อ่ะคะ- - (คิดแบบนี้อ่ะคะ)



และอีกอย่างหนึ่ง ธรรมมะนั้น จขกท.เชื่อว่าเมื่อลงมือทำปฏิบัติจริงๆแล้วย่อมเป็นผลดีแก่ผู้กระทำ เพราะการปฏิบัติถือว่าเป็นการพิสูจน์ว่าคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นเป็นจริง มีจริง ใช้ได้จริงอ่ะคะ คงไม่มีใครปฏิบัติสติปัฏฐาน4อย่างตั้งใจไปนานๆแล้วไม่เกิดผลหรอก(มั้งคะ) เว้นแต่คนๆนั้นจะทำกรรมมาหนักจริงๆ



ป.ล. จขกท.ก็เคยนั่งสมาธิอยู่ดีๆเหมือนมีอะไรมากัดที่ขา(เจ็บมากๆ) แต่ก็กำหนดทนไป (ตอนแรกๆแอบคิดว่าอะไรมากัด)สักพักก็หาย สุดท้ายพอลืมตามองมาที่ขากลับไม่มีอะไรกัดแล้วยังไม่มีแผลอะไรเหมือนว่าโดนกัดอีก- -(หรือแมลงตัวนั้นมันกัดแล้วไม่ทิ้งร่องรอยก็ไม่รู้)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2011, 12:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
แล้วมิจฉาสติคืออะไรคะ- - ตกลงมันคือนิวรณ์อ่ะเปล่า งง

ในความคิดเห็นของ จขกท คือ คิดว่านิวรณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่มิจฉาสติอ่ะคะ ขอแค่เรากำหนดรู้ว่านิวรณ์ได้เกิดขึ้นแล้วก็คงไม่ใช่มิจฉาสติ น่าจะเป็นสัมมาสติเมื่อกำหนดรู้ว่านิวรณ์เกิดขึ้นแล้วเป็นแบบไหน อย่างไร จิตเราเป็นอย่างไรเมื่อนิวรณ์เกิดขึ้น อะไรประมาณนี้อ่ะคะ เพราะถึงยังไงเราก็ห้ามความคิดฟุ้งซ่าน ความง่วงนอนนั้นไม่ได้
ได้แต่กำหนดรู้เท่านั้น ก็เหมือนเวทนาที่เกิดขึ้น เราไม่สามารถระงับเวทนาที่เกิดได้ ก็ได้แต่กำหนดรู้เวทนาเท่านั้น เพราะเดี๋ยวมันก็หายไปเอง



อันที่จริงก็เข้าใจถูกแล้วนิ
นิวรณ์ไม่ใช่มิจฉาสติ แต่มันเป็นกิเลส ซึ่งต้องกำจัด

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=345.0

-ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ก็พิจารณาหรือตามดูรู้ทันนิวรณ์นี่เอง ภาคปฏิบัตินิวรณ์เกิดปุ๊บกำหนดรู้ปั๊บเดี๋ยวนั้นขณะนั้นทันที

สัมมาสติคือระลึกในสติปัฏฐาน 4 สติปัฏฐาน 4 เท่ากับสัมมาสติ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2011, 12:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตัวอย่างที่ยกมาบนสุด นำมาให้ดูว่า ภาคปฏิบัติเนี่ย มีอุปสรรคมากมาย

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร รู้สึกยังไง ทั้งทางกายทางใจ พึงกำหนดรู้ตามเป็นจริงหรือตามที่มันเป็นให้ทันทุกๆขณะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2011, 13:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


มิจฉาสติ คือความระลึกผิด
ไม่ใช่อย่างเดียวกับนิวรณ์ แต่มิจฉาสติเป็นเหตุให้นิวรณ์เจริญ

นิวรณ์ธรรม ตัดได้ด้วยปัญญา เมื่อตัดนิวรณ์ได้แล้ว ปัญญาก็ย่อมเจริญยิ่งขึ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2011, 13:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2011, 15:23
โพสต์: 53

แนวปฏิบัติ: สติปัฏฐาน4
อายุ: 17
ที่อยู่: ก.ท.ม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณมากๆคะ ตอนนี้เข้าใจเพิ่มขึ้นและคะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2011, 14:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


เข้าใจก็ดีแล้วครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2011, 14:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


sunflower เขียน:
งั้นจขกท.ก็ปราภรผิดสินะคะแงๆ cry ก็ไหนคุณกามโภคีกับคุณกรัชกายบอกว่าแทบจะทุกคนมีนิวรณ์ในเรื่องฟุ้งซ่าน กับหลับ งั้นแสดงว่าแทบจะทุกคนที่มีนิวรณ์ก็ปราภรผิดหรอคะ cry cry


ใช้สิทธิ์พาดพิง :b12:

ถีนะมิทธะ จะไม่มีในบุคคลที่ระดับพระอรหันต์เท่านั้น

การกำหนดรู้สภาวะขอถีนะมิทธะ ไม่ใช้มิจฉาสติ เพราะการกำหนดรู้ถีนะมิทธะ จัดเป็นการกำหนดรู้สภาวะ
ธรรมที่เกิดกับจิดอีกอย่างหนึ่ง ตามมหาสติปัฏฐานสูตร นิวรณบรรพ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่อย่างไรเล่า ?
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือ นิวรณ์ ๕ ภิกษุพิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือ นิวรณ์ ๕ อย่างไรเล่า ?
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อกามฉันทะมีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า กามฉันทะมีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา
หรือเมื่อกามฉันทะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า กามฉันทะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา
อนึ่ง กามฉันทะที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
กามฉันทะที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
กามฉันทะที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
อีกอย่างหนึ่งเมื่อพยาบาทมีอยู่ ฯลฯ

อีกอย่างหนึ่ง เมื่อถีนมิทธะมีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า ถีนมิทธะมีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา
หรือเมื่อถีนมิทธะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า ถีนมิทธิไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา
อนึ่ง ถีนมิทธะที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย ถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
ถีนมิทธะที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย

อีกอย่างหนึ่ง เมื่ออุทธัจจกุกกุจจะมีอยู่ ณ ภายในจิต ฯลฯ

ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมภายในบ้าง พิจารณาเห็นธรรมในธรรมภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือ ความเกิดขึ้นในธรรมบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือความเสื่อมในธรรมบ้าง พิจารณาเห็นธรรม คือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในธรรมบ้าง ย่อมอยู่
อนึ่ง สติของเธอตั้งมั่นอยู่ว่า ธรรมมีอยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรในโลก
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่า พิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือ นิวรณ์ ๕ อยู่ ฯ

ขอให้เข้าใจตามนี้อครับ

อีกอย่างหนึ่ง การกำหนดรู้ด้วยสติสมาธิ ที่ละออกจาก อภิชฌาและโทมนัส จัดว่าไม่เป็นอกุศล จึงกล่าว
ไม่ได้ว่าการกำหนดรู้นิวรณ์เป็นมิจฉาสติ

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2011, 14:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


sunflower เขียน:
แล้วมิจฉาสติคืออะไรคะ- - ตกลงมันคือนิวรณ์อ่ะเปล่า งง s006


ทางปริยัติโวหารกล่าวมิจฉาสติคือ

ระลึกถึงสิ่งที่ไม่ใช่กุศล เช่นบุญบาปไม่มี

ในทางปฏิบัติ มิจฉาสติคือ ฯลฯ บลาๆๆๆๆๆ

รอท่านอื่นมาตอบ (จริงๆสั้นๆ ง่ายๆ)

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2011, 16:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นำพุทธพจน์สั้นๆให้ดู สังเกตสาระสัมมาสติ กับสติปัฏฐาน

สัมมาสติ ความระลึกชอบ


สัมมาสติ มีคำจำกัดความแบบพระสูตร ดังนี้

“ภิกษุทั้งหลาย สัมมาสติเป็นไฉน? นี้เรียกว่า สัมมาสติ คือภิกษุในธรรมวินัยนี้

1) พิจารณาเห็นกายในกาย มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌา และโทมนัสในโลก
เสียได้

2) พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลาย มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌา และโทมนัสในโลกเสียได้

3) พิจารณาเห็นจิตในจิต มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌา และโทมนัสในโลกเสียได้

4) พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลาย มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌา และโทมนัสในโลกเสียได้


สัมมาสติ ตามคำจำกัดความแบบพระสูตร ก็คือหลักธรรมที่เรียกว่า สติปัฏฐาน 4 นั่นเอง

หัวข้อทั้ง 4 ของหลักธรรมหมวดนี้ มีชื่อเรียกสั้นๆ คือ

1) กายานุปัสสนา การพิจารณากาย, การตามดูรู้ทันกาย

2) เวทนานุปัสสนา การพิจารณาเวทนา, การตามดูรู้ทันเวทนา

3) จิตตานุปัสสนา การพิจารณาจิต, การตามดูรู้ทันจิต

4) ธัมมานุปัสสนา การพิจารณาธรรมต่างๆ, การตามดูรู้ทันธรรม

(สังเกตข้อ 4 ธัมมานุปัสสนา พิจารณาธรรมไว้ก่อน)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2011, 16:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แผนที่พอเห็นแนวทาง สังเกตข้อ 4 ธรรมานุปัสสนา ธรรมในที่นี้มีอะไรบ้าง


สติปัฏฐาน มีใจความโดยสังเขป คือ

1. กายานุปัสสนา การพิจารณากาย หรือตามดูรู้ทันกาย

1. 1 อานาปานสติ คือ ไปในที่สงัด นั่งขัดสมาธิ ตั้งสติกำหนดลมหายใจเข้าออก โดยอาการต่างๆ

1.2 กำหนดอิริยาบถ คือ เมื่อ ยืน เดิน นั่ง นอน หรือร่างกายอยู่ในอาการอย่างไร ๆ ก็รู้ชัดในอาการ ที่เป็นอยู่นั้นๆ

1.3 สัมปชัญญะ คือ สร้างสัมปชัญญะในการกระทำทุกอย่าง และความเคลื่อนไหวทุกอย่าง เช่น
การก้าวเดิน การเหลียวมอง การเหยียดมือ นุ่งห่มผ้า กิน ดื่ม เคี้ยว ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ การตื่น การหลับ การพูด การนิ่ง เป็นต้น

1.4 ปฏิกูลมนสิการ คือ พิจารณาร่างกายของตนตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า ซึ่งมีส่วนประกอบที่ไม่สะอาดต่างๆ มากมายมารวมๆ อยู่ด้วยกัน

1.5 ธาตุมนสิการ คือ พิจารณากายของตน โดยให้เห็นแยกประเภทเป็นธาตุ 4 แต่ละอย่างๆ

1.6 นวสีวถิกา คือ มองเห็นศพที่อยู่ในสภาพต่างๆ กัน โดยระยะเวลา 9 ระยะ ตั้งแต่ตาย ใหม่ๆ

ไปจนถึงกระดูกผุ แล้วในแต่ละกรณีนั้น ให้ย้อนมานึกถึงร่างกายของตนว่า ก็จะต้องเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน


2. เวทนานุปัสสนา การตามดูรู้ทันเวทนา คือ เมื่อเกิดรู้สึกสุขก็ดี ทุกข์ก็ดี เฉยๆ ก็ดี ทั้งที่เป็นชนิดสามิส และนิรามิส ก็รู้ชัดตามที่มันเป็นอยู่ในขณะนั้นๆ


3. จิตตานุปัสสนา การตามดูรู้ทันจิต คือ จิตของตนในขณะนั้นๆ เป็นอย่างไร เช่น มีราคะ ไม่มีราคะ มีโทสะ ไม่มีโทสะ มีโมหะ ไม่มีโมหะ ฟุ้งซ่าน เป็นสมาธิ หลุดพ้น ยังไม่หลุดพ้น ฯลฯ ก็รู้ชัดตามที่มันเป็นอยู่ ในขณะนั้นๆ


4. ธัมมานุปัสสนา การตามดูรู้ทันธรรม คือ

4.1 นิวรณ์ คือ รู้ชัดในขณะนั้นๆ ว่า นิวรณ์ 5 แต่ละอย่างๆ มีอยู่ในใจตนหรือไม่ ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้นได้
อย่างไร ที่เกิดขึ้นแล้ว ละเสียได้อย่างไร ที่ละได้แล้ว ไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปอย่างไร รู้ชัดตามที่มันเป็นอยู่
ในขณะนั้นๆ

4.2 ขันธ์ คือ กำหนดรู้ว่าขันธ์ 5 แต่ละอย่าง คือ อะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร ดับไปได้อย่างไร

4.3 อายตนะ คือ รู้ชัดในอายตนะภายใน ภายนอกแต่ละอย่างๆ รู้ชัดในสัญโญชน์ที่เกิดขึ้น เพราะอาศัย
อายตนะนั้นๆ รู้ชัดว่าสัญโญชน์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่เกิดขึ้นแล้วละเสียได้อย่างไร
ที่ละได้แล้ว ไม่เกิดขึ้นได้อีกต่อไปอย่างไร

4.4 โพชฌงค์ คือ รู้ชัดในขณะนั้นๆ ว่า โพชฌงค์ 7 แต่ละอย่างๆ มีอยู่ในใจตนหรือไม่ ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่เกิดขึ้นแล้วเจริญเต็มบริบูรณ์ได้อย่างไร

4.5 อริยสัจ คือ รู้ชัดอริยสัจ 4 แต่ละอย่างๆ ตามความเป็นจริง ว่าคืออะไร เป็นอย่างไร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2011, 17:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กิเลสนิวรณ์ 5 ตัวลงแล้ว ต่อไปดูความหมายสักเล็กน้อย

สิ่งที่ไม่ใช่สมาธิ แต่เป็นปฏิปักษ์ เป็นศัตรูของสมาธิ เป็นสิ่งที่ต้องกำจัดเสียจึงจะเกิดสมาธิ หรือจะพูดว่า เป็นสิ่งที่ต้องกำจัดเสียด้วยสมาธิก็ได้ สิ่งเหล่านี้มีชื่อเฉพาะเรียกว่านิวรณ์

นิวรณ์ แปลว่า เครื่องกีดกั้น เครื่องขัดขวาง แปลเอาความตามหลักวิชาว่า สิ่งที่กีดกั้นการทำงานของจิต สิ่งที่ขัดขวางความดีงามของจิต สิ่งที่ทอนกำลังปัญญา หรือแสดงความหมายให้เป็นวิชาการยิ่งขึ้นว่า สิ่งที่กั้นจิต ไม่ให้ก้าวหน้าในกุศลธรรม ธรรมฝ่ายชั่วที่กั้นจิตไม่ให้บรรลุคุณความดี หรือ อกุศลธรรม ที่ทำจิตให้เศร้าหมอง และ ทำปัญญาให้อ่อนกำลัง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2011, 17:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำอธิบายลักษณะของนิวรณ์ที่เป็นพุทธพจน์มีว่า

“ภิกษุทั้งหลาย ธรรม 5 ประการเหล่านี้ เป็นเครื่องปิดกั้นกุศลธรรม เป็นเครื่องห้าม (ความเจริญงอกงาม) ขึ้นกดทับจิตไว้ ทำปัญญาให้อ่อนกำลัง”

“เป็นอุปกิเลสแห่งจิต (สนิมใจ หรือ สิ่งที่ทำให้ใจเศร้าหมอง) ทำปัญญาให้อ่อนกำลัง”

และว่า “ธรรม 5 ประการเหล่านี้ เป็นนิวรณ์ ทำให้มีดบอด ทำให้ไร้จักษุ ทำให้ไม่มีญาณ (สร้างความไม่รู้) ทำให้ปัญญาดับ ส่งเสริมความคับแค้น ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน”

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2011, 21:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


กามโภคี เขียน:
ในทางปฏิบัติ มิจฉาสติคือ ฯลฯ บลาๆๆๆๆๆ


รีบไปเก็บของหนีน้ำเหรอค่ะ? :b13:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2011, 05:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ทักทาย เขียน:
รีบไปเก็บของหนีน้ำเหรอค่ะ? :b13:


คาดว่าไม่น่าจะท่วมแล้ว น้ำแวะเที่ยวข้างทางมากไป

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 189 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 25 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร